ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ผมหนีจากทุ่งสังหารและได้พบชีวิตใหม่

ผมหนีจากทุ่งสังหารและได้พบชีวิตใหม่

ผม​หนี​จาก​ทุ่ง​สังหาร​และ​ได้​พบ​ชีวิต​ใหม่

เล่า​โดย​สัม ทัน

พวก​เรา​หนี​ออก​จาก​บ้าน​เกิด​พร้อม​ด้วย​ชาว​กัมพูชา​ประมาณ 2,000 คน แล้ว​ผม​กับ​ครอบครัว​ก็​มา​ถึง​ฝั่ง​แม่น้ำ​ที่​กั้น​เขต​แดน​ประเทศ​ไทย. พวก​เรา​เบียด​เสียด​กัน​ลง​เรือ​ลำ​เล็ก ๆ ข้าม​ฟาก​ได้​อย่าง​ปลอด​ภัย. ทันที​ที่​เรือ​ลำ​สุด​ท้าย​หัน​หัว​เรือ​กลับ ทหาร​เขมร​แดง​ก็​ปรากฏ​ตัว​ให้​เห็น​แล้ว​ยิง​ใส่​พวก​เรา.

เรา​ทุก​คน​รู้สึก​โล่ง​อก​เมื่อ​ข้าม​มา​ถึง​ฝั่ง​ไทย​อย่าง​ปลอด​ภัย. ทุก​คน​ดีใจ ยก​เว้น​พวก​เรา เพราะ​ไม่​มี​พ่อ​และ​ลุง​มา​ด้วย ท่าน​ทั้ง​สอง​ถูก​จับ​ตัว​ไป​เมื่อ​หลาย​เดือน​ก่อน. แม่​ได้​แต่​นั่ง​ร้องไห้. ก่อน​จะ​บอก​กล่าว​เรื่อง​นี้​ต่อ ผม​ขอ​เล่า​ภูมิหลัง​บาง​อย่าง.

ชีวิต​ผม​ใน​วัย​เด็ก​นับถือ​พุทธ

ผม​เกิด​ปี 1960 ใน​กัมพูชา​มี​น้อง​ชาย​หนึ่ง​คน​และ​น้อง​สาว​หนึ่ง​คน. เมื่อ​อายุ​เก้า​ขวบ ผม​กับ​พ่อ​แม่​ตก​ลง​กัน​ไว้​ว่า​ผม​น่า​จะ​ไป​บวช​เรียน ซึ่ง​ไม่​ใช่​เรื่อง​ผิด​ปกติ​สำหรับ​เด็ก​ผู้​ชาย. ทุก​วัน ประมาณ​หก​โมง​เช้า พระ​ภิกษุ​จะ​เริ่ม​ออก​ไป​รับ​บิณฑบาต​ตาม​บ้าน​เรือน. ผม​รู้สึก​อึดอัด​ที่​จะ​ขอ​รับ​บิณฑบาต​จาก​ชาว​บ้าน​บาง​คน เพราะ​เห็น​ชัด ๆ ว่า​เขา​ยาก​จน​มาก. หลัง​จาก​นั้น สาม​เณร​อย่าง​เรา​จะ​จัด​อาหาร​และ​ยก​ประเคน​แก่​พระ​ภิกษุ​ก่อน แล้ว​พวก​เรา​จะ​ฉัน​ที​หลัง.

หก​โมง​เย็น เป็น​เวลา​ที่​ภิกษุ​สงฆ์​อาวุโส​มา​ร่วม​กัน​สวด​มนต์ มี​น้อย​คน​เข้าใจ​ภาษา​ที่​พระ​สวด​นั้น. ผ่าน​ไป​สอง​ปี ผม​ได้​รับ​สิทธิ​ประโยชน์​บาง​อย่าง​ซึ่ง​พระ​ภิกษุ​พึง​ได้. นอก​จาก​นั้น เขา​ยอม​ให้​ผม​เข้า​ร่วม​สวด​มนต์​กับ​พระ​ภิกษุ​เหล่า​นั้น. ตลอด​ระยะ​เวลา​นั้น​ผม​คิด​ว่า​พุทธ​ศาสนา​เป็น​ศาสนา​เดียว​ใน​โลก.

หนี​ออก​จาก​กัมพูชา

ผม​ไม่​พอ​ใจ​ชีวิต​ใน​วัด​และ​กลับ​ไป​อยู่​บ้าน​เมื่อ​อายุ 14 ปี. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น นาย​พล พต​ผู้​นำ​ทาง​การ​เมือง​ขึ้น​สู่​อำนาจ. ขบวนการ​เขมร​แดง​ของ​เขา​ซึ่ง​ปกครอง​ระหว่าง​ปี 1975 ถึง 1979 ได้​บังคับ​ทุก​คน​ให้​ออก​จาก​หัวเมือง​ต่าง ๆ ไป​อยู่​นอก​ตัว​เมือง ซึ่ง​เป็น​ความ​พยายาม​ส่วน​หนึ่ง​ใน​การ​ปฏิรูป​กัมพูชา​ให้​เป็น​รัฐ​ที่​ปกครอง​ด้วย​ระบอบ​คอมมิวนิสต์. ครอบครัว​ของ​เรา​ก็​เช่น​กัน​ต้อง​ย้าย​ถิ่น​ที่​อยู่. ต่อ​มา​ทหาร​ฝ่าย​พล พต​ได้​จับ​พ่อ​และ​ลุง​ของ​ผม​ไป. เรา​ไม่​เคย​เห็น​หน้า​ท่าน​ทั้ง​สอง​อีก​เลย. จริง ๆ แล้ว ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​ฝ่าย​เขมร​แดง ชาว​กัมพูชา​เกือบ 1.7 ล้าน​คน​ถูก​สังหาร​บน​หลาย​พื้น​ที่​ซึ่ง​เรียก​กัน​ว่า​ทุ่ง​สังหาร​หรือ​ไม่​ก็​ตาย​เพราะ​ตรำ​งาน​หนัก, โรค​ภัย​ไข้​เจ็บ, หรือ​อดอยาก​หิว​โหย.

สถานการณ์​เหล่า​นี้​ทำ​ให้​พวก​เรา 2,000 คน​ดัง​เกริ่น​ไว้​ตอน​ต้น​ออก​เดิน​ทาง​ฝ่า​อันตราย​เป็น​เวลา​สาม​วัน​ผ่าน​เทือก​เขา​มา​ถึง​ชายแดน​ไทย. เรา​ทุก​คน​ปลอด​ภัย รวม​ทั้ง​ทารก​เพศ​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​คลอด​ระหว่าง​ทาง. พวก​เรา​ส่วน​ใหญ่​พก​เงิน​ติด​ตัว แต่​ใน​ที่​สุด​ก็​ต้อง​โยน​ทิ้ง​เนื่อง​จาก​เงิน​ตรา​ของ​กัมพูชา​แทบ​จะ​ไม่​มี​ค่า​ใน​เมือง​ไทย​สมัย​นั้น.

ชีวิต​ใน​ประเทศ​ไทย

ครอบครัว​ผม​ย้าย​มา​อยู่​กับ​ญาติ​ใน​เมือง​ไทย และ​ผม​ได้​งาน​เป็น​ชาว​ประมง​จับ​ปลา​ขาย. บ่อย​ครั้ง​เรือ​ของ​เรา​มัก​เสี่ยง​ภัย​เข้า​ไป​หา​ปลา​ซึ่ง​มี​ชุกชุม​ใน​น่าน​น้ำ​กัมพูชา และ​เรือ​ลาด​ตระเวน​ของ​ฝ่าย​เขมร​แดง​ก็​มี​มาก​พอ ๆ กัน. ถ้า​ถูก​จับ​ได้ เรา​ก็​ต้อง​เสีย​ทั้ง​เรือ​ทั้ง​ชีวิต​ของ​เรา. ที่​จริง เรา​รอด​จาก​การ​ถูก​จับ​มา​ได้​อย่าง​หวุดหวิด​ถึง​สอง​ครั้ง. ส่วน​คน​อื่น​บาง​คน​หนี​ไม่​พ้น เพื่อน​บ้าน​ของ​ผม​คน​หนึ่ง​ถูก​เขมร​แดง​จับ​ตัว​ได้​และ​ถูก​ตัด​ศีรษะ. แม้​การ​ตาย​ของ​เขา​ทำ​ให้​ผม​เศร้า​เสียใจ กระนั้น ผม​ก็​ยัง​คง​หา​ปลา​ใน​น่าน​น้ำ​กัมพูชา​ไป​เรื่อย ๆ ถ้า​ไม่​ทำ​เช่น​นั้น ครอบครัว​ผม​คง​อด​ตาย.

ด้วย​ความ​เป็น​ห่วง​ครอบครัว​และ​ห่วง​ตัว​เอง ผม​จึง​ตัดสิน​ใจ​เข้า​ไป​อยู่​ค่าย​ลี้​ภัย​ใน​ประเทศ​ไทย เพื่อ​จะ​ขอ​อพยพ​ไป​อีก​ประเทศ​หนึ่ง แล้ว​ค่อย​ส่ง​เงิน​มา​ให้​ครอบครัว. เมื่อ​ผม​บอก​กล่าว​เรื่อง​นี้​แก่​ญาติ พวก​เขา​พา​กัน​คัดค้าน. แต่​ผม​ได้​ตัดสิน​ใจ​แล้ว.

ผู้​มา​เยี่ยม​ที่​พูด​ภาษา​อังกฤษ ซึ่ง​ผม​พบ​ใน​ค่าย​ผู้​ลี้​ภัย​ได้​บอก​ผม​ว่า​เขา​เป็น​คริสเตียน. คำ​พูด​นั้น​กระเทือน​ถึง​ความ​ศรัทธา​ของ​ผม​ที่​เชื่อ​ว่า​พุทธ​ศาสนา​เป็น​ศาสนา​เดียว​ใน​โลก. ผม​และ​เต็ง ฮัน​เพื่อน​ใหม่​เริ่ม​คบหา​สมาคม​กับ “พวก​คริสเตียน” ซึ่ง​เอา​พระ​คัมภีร์​มา​ให้​เรา​ดู​และ​แจก​ปัน​อาหาร​ให้​เรา. ผม​อยู่​ใน​ค่าย​ผู้​ลี้​ภัย​ประมาณ​หนึ่ง​ปี และ​ได้​ยื่น​เรื่อง​ขอ​อพยพ​ไป​ประเทศ​นิวซีแลนด์.

ชีวิต​ใหม่​ใน​นิวซีแลนด์

เดือน​พฤษภาคม 1979 คำ​ขอ​ของ​ผม​ก็​เป็น​ที่​ยอม​รับ ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น ผม​ก็​เข้า​ไป​อยู่​ใน​ค่าย​ผู้​ลี้​ภัย​เมือง​โอ๊คแลนด์. ชาย​ใจ​บุญ​ได้​จัด​หา​งาน​ให้​ผม​ทำ​ใน​โรง​งาน​ที่​เมือง​เวลลิงตัน. เมื่อ​อยู่​ที่​นั่น ผม​ทำ​งาน​หนัก​และ​มี​เงิน​ส่ง​ให้​ทาง​บ้าน​ตาม​ที่​สัญญา​ไว้.

ผม​พยายาม​ตั้งใจ​เรียน​คำ​สอน​ของ​คริสต์​ศาสนา เริ่ม​ไป​ฟัง​ใน​โบสถ์​นิกาย​โปรเตสแตนต์​สอง​แห่ง. แต่​ไม่​ค่อย​มี​การ​พูด​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​สัก​เท่า​ไร. เนื่อง​จาก​ผม​ปรารถนา​จะ​อธิษฐาน​อย่าง​ถูก​ต้อง เพื่อน​คน​หนึ่ง​สอน​ผม​อธิษฐาน​ที่​เรียก​กัน​ว่า​คำ​อธิษฐาน​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​หรือ​บท​สวด​ข้า​แต่​พระ​บิดา. (มัดธาย 6:9-13) แต่​ไม่​มี​ผู้​ใด​อธิบาย​ความ​หมาย​แท้ ๆ ของ​คำ​อธิษฐาน​นั้น. ฉะนั้น ผม​ได้​แต่​เปล่ง​ถ้อย​คำ​ซ้ำ​แล้ว​ซ้ำ​อีก​อย่าง​ที่​เคย​สวด​มนต์​ใน​วัด โดย​ไม่​รู้​ความ​หมาย​ว่า​ผม​พูด​อะไร.

ชีวิต​สมรส​ไม่​ราบรื่น

ผม​แต่งงาน​ใน​ปี 1981. ประมาณ​หนึ่ง​ปี​ต่อ​มา ผม​และ​ภรรยา​ได้​รับ​ศีล​บัพติสมา​เข้า​เป็น​สมาชิก​โบสถ์ โดย​มี​นัก​เทศน์​ประพรม​ศีรษะ​ของ​เรา. ตอน​นั้น ผม​ทำ​งาน​สอง​แห่ง มี​บ้าน​สวย และ​ความ​เป็น​อยู่​สะดวก​สบาย ซึ่ง​ผม​ไม่​เคย​มี​สิ่ง​เหล่า​นี้​ที่​กัมพูชา. กระนั้น ผม​ไม่​มี​ความ​สุข. ชีวิต​สมรส​ของ​เรา​เริ่ม​มี​ปัญหา และ​การ​เข้า​โบสถ์​ก็​ดู​เหมือน​ไม่​ได้​ช่วย​ให้​ดี​ขึ้น​แต่​อย่าง​ใด. ซ้ำร้าย การ​ประพฤติ​ของ​ผม​ไม่​ดี ผม​เล่น​พนัน สูบ​บุหรี่ เมา​หัวราน้ำ และ​คบ​หญิง​อื่น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​คอย​รบกวน​ผม และ​ผม​รู้สึก​แคลง​ใจ​ว่า​จะ​มี​คุณสมบัติ​ได้​ไป​สวรรค์​หรือ​ไม่ เพราะ​เท่า​ที่​ผม​ได้​เรียน​มา​คือ​คน​ดี​ทุก​คน​เมื่อ​ตาย​แล้ว​จะ​ไป​อยู่​สวรรค์.

ปี 1987 ผม​เตรียม​การ​จะ​ให้​แม่​และ​น้อง​สาว​มา​นิวซีแลนด์ และ​พวก​เขา​ก็​พัก​อยู่​กับ​เรา​ระยะ​หนึ่ง. พอ​แม่​และ​น้อง​สาว​ย้าย​ออก​ไป ผม​ก็​ไป​กับ​เขา​ด้วย เรา​สาม​คน​ย้าย​ไป​เมือง​โอ๊คแลนด์.

ใน​ที่​สุด ผม​ก็​ได้​เรียน​คัมภีร์​ไบเบิล

เมื่อ​จาก​บ้าน​เพื่อน​มา​แล้ว ผม​ได้​พบ​ชาย​สอง​คน​กำลัง​เผยแพร่​ตาม​บ้าน​เรือน. คน​ชื่อ​บิล​ถาม​ผม​ว่า “เมื่อ​คุณ​ตาย คุณ​หวัง​จะ​ไป​ที่​ไหน?” ผม​ตอบ​ว่า “ไป​สวรรค์.” ครั้น​แล้ว เขา​ให้​ผม​ดู​ข้อ​ความ​ใน​พระ​คัมภีร์​ที่​ว่า​มี​เพียง 144,000 คน​เท่า​นั้น​จะ​ไป​สวรรค์ ที่​นั่น​บุคคล​เหล่า​นี้​จะ​ปกครอง​แผ่นดิน​โลก​ฐานะ​เป็น​กษัตริย์. เขา​ยัง​บอก​ผม​อีก​ด้วย​ว่า​มนุษย์​หลาย​ล้าน​คน​ที่​ยำเกรง​พระเจ้า​จะ​ได้​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก​และ​เปลี่ยน​สภาพ​โลก​ให้​เป็น​อุทยาน. (วิวรณ์ 5:9, 10; 14:1, 4; 21:3, 4) ตอน​แรก คำ​สอน​นี้​ทำ​ให้​ผม​โมโห เพราะ​เป็น​เรื่อง​ที่​ขัด​แย้ง​กับ​สิ่ง​ที่​ผม​ถูก​สอน​มา​ก่อน. แม้​ว่า​ใน​ใจ​ลึก ๆ ผม​ประทับใจ​เมื่อ​เห็น​ว่า​ชาย​สอง​คน​นี้​มี​ความ​รู้​แตกฉาน​ทาง​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​ใจ​เย็น. จริง ๆ แล้ว ผม​เสียดาย​ที่​ไม่​ได้​ถาม​ว่า​เขา​นับถือ​ศาสนา​อะไร.

ไม่​กี่​สัปดาห์​ต่อ​มา ผม​ไป​เยี่ยม​เพื่อน​คน​หนึ่ง ลูก ๆ ของ​เขา​กำลัง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​อยู่​กับ​สอง​สามี​ภรรยา​ชื่อ​ดิก​และ​สเตฟานี. พวก​เขา​ใช้​จุลสาร​เพลิดเพลิน​กับ​ชีวิต​บน​แผ่นดิน​โลก​ตลอด​ไป! เป็น​คู่มือ​ศึกษา. ผม​เริ่ม​อ่าน​จุลสาร​เล่ม​นี้​และ​เห็น​ว่า​มี​เหตุ​ผล. นอก​จาก​นั้น ผม​ยัง​ได้​รับ​รู้​ว่า​สามี​ภรรยา​คู่​นี้​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. แล้ว​ผม​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า ผู้​ชาย​สอง​คน​ที่​ผม​พบ​ไม่​นาน​มา​นี้​คง​ต้อง​เป็น​พยาน​ฯ เหมือน​กัน เพราะ​เรื่อง​ที่​เขา​พูด​ลง​รอย​กับ​หนังสือ​เล่ม​นี้.

ด้วย​ความ​สนใจ​อยาก​เรียน​รู้​มาก​ขึ้น ผม​จึง​เชิญ​ดิก​และ​สเตฟานี​มา​ที่​บ้าน แล้ว​ผม​ก็​ซัก​ถาม​พวก​เขา​หลาย​ข้อ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล. ใน​เวลา​ต่อ​มา สเตฟานี​ถาม​ว่า​ผม​รู้​จัก​พระ​นาม​ของ​พระเจ้า​หรือ​ไม่. แล้ว​เธอ​ก็​เปิด​พระ​คัมภีร์​ที่​บทเพลง​สรรเสริญ 83:18 ซึ่ง​อ่าน​ว่า “เพื่อ​ให้​เขา​รู้​ว่า​พระองค์​ผู้​เดียว, ผู้​ทรง​พระ​นาม​ว่า​พระ​ยะโฮวา. เป็น​พระเจ้า​ใหญ่​ยิ่ง​ทรง​ครอบครอง​ทั่ว​แผ่นดิน​โลก.” ผม​ประทับใจ​คัมภีร์​ข้อ​นี้​มาก และ​ผม​จึง​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ประจำ. หล้า​หญิง​สาว​ชาว​ลาว​ซึ่ง​ผม​อยู่​กิน​ด้วย​ใน​ตอน​นั้น​ก็​เข้า​ร่วม​การ​ศึกษา​เช่น​กัน. ระหว่าง​นั้น ผม​ส่ง​เงิน​จุนเจือ​น้อง​ชาย​และ​ภรรยา​ของ​เขา. หลัง​จาก​พวก​เขา​มา​ถึง​นิวซีแลนด์ ก็​ได้​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เช่น​เดียว​กัน.

ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น ผม​และ​หล้า​ต้อง​ระงับ​การ​ศึกษา​เนื่อง​จาก​เรา​ย้าย​ไป​ทำ​งาน​ที่​ออสเตรเลีย. แม้น​ว่า​เรา​มุ่ง​หา​ราย​ได้ แต่​เรา​ก็​นึก​เสียดาย​ที่​ไม่​ได้​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล. ดัง​นั้น คืน​หนึ่ง​เรา​ตั้งใจ​จริง ๆ ทูล​ขอ​พระ​ยะโฮวา​โปรด​นำ​เรา​ไป​พบ​ประชาชน​ของ​พระองค์.

คำ​อธิษฐาน​ของ​เรา​มี​คำ​ตอบ

ต่อ​มา​อีก​ไม่​กี่​วัน หลัง​จาก​ซื้อ​ของ​เสร็จ​ผม​ก็​พบ​พยาน​ฯ สอง​คน​อยู่​ที่​ประตู​บ้าน. ผม​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​เงียบ ๆ แล้ว​ผม​กับ​หล้า​ก็​หวน​มา​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​เดิม. เรา​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม ณ หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร​อีก​ด้วย. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ไม่​นาน​นัก​ผม​ได้​ตระหนัก​ว่า​เพื่อ​จะ​เป็น​ที่​ชอบ​พระทัย​พระเจ้า ผม​จำ​ต้อง​เปลี่ยน​หลาย​อย่าง​ใน​ชีวิต. ผล​คือ ผม​เลิก​นิสัย​หลาย​อย่าง​ที่​ไม่​ดี และ​ไม่​ไว้​ผม​ยาว​รุงรัง. เพื่อน​ฝูง​ที่​คบ​กัน​มา​นาน​พูด​เย้าแหย่​ผม แต่​ผม​ควบคุม​อารมณ์​ได้. นอก​จาก​นั้น ผม​ต้อง​แก้ไข​สถานภาพ​การ​สมรส​ของ​ผม เพราะ​หล้า​กับ​ผม​ไม่​ได้​แต่งงาน​กัน ผม​และ​ภรรยา​ก็​ยัง​ไม่​ได้​หย่า​ให้​ถูก​ต้อง​ตาม​กฎหมาย. ดัง​นั้น ปี 1990 ผม​และ​หล้า​จึง​กลับ​ไป​ที่​นิวซีแลนด์.

เรา​โทรศัพท์​ถึง​ดิก​และ​สเตฟานี​ทันที. สะเตฟานี​เปล่ง​เสียง​อย่าง​ดีใจ​ว่า “สัม เรา​คิด​ว่า​จะ​ไม่​ได้​เห็น​หน้า​คุณ​อีก​แล้ว!” เรา​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​กับ​พวก​เขา และ​ทันที​หลัง​จาก​ผม​จัด​การ​หย่า​เรียบร้อย​แล้ว ผม​ก็​แต่งงาน​กับ​หล้า​ด้วย​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ที่​สะอาด​จำเพาะ​พระเจ้า. เรา​ยัง​คง​อยู่​ใน​ประเทศ​นิวซีแลนด์​ต่อ​ไป เรา​ได้​รับ​บัพติสมา​เป็น​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​ของ​เรา​แด่​พระเจ้า. ด้วย​ความ​กระตือรือร้น​จะ​แพร่​ความ​จริง​ตาม​ที่​ผม​ได้​เรียน​รู้ ผม​จึง​มี​สิทธิ​พิเศษ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ชาว​กัมพูชา​และ​คน​ไทย​ใน​เมือง​โอ๊คแลนด์​และ​ที่​อยู่​ใกล้​เคียง.

กลับ​ไป​ที่​ออสเตรเลีย

เดือน​พฤษภาคม 1996 ผม​กับ​หล้า​ได้​กลับ​ไป​ที่​ออสเตรเลีย​และ​ตั้ง​หลัก​แหล่ง​อยู่​ใน​เมือง​แคนส์ รัฐ​ควีนส์แลนด์​ตอน​เหนือ. ที่​นี่ ผม​มี​สิทธิ​พิเศษ​ใน​การ​ประสาน​งาน​เผยแพร่​ท่ามกลาง​ชาว​กัมพูชา, ลาว, และ​ชาว​ไทย​ใน​พื้น​ที่.

ผม​คง​ไม่​มี​ทาง​จะ​ขอบพระคุณ​พระ​ยะโฮวา​ได้​มาก​พอ​สำหรับ​พระ​พร​ที่​ได้​รับ​จาก​พระองค์ ซึ่ง​รวม​ถึง​ภรรยา​ที่​แสน​ดี​และ​ลูก​ชาย​สาม​คน​ของ​เรา—แดเนียล, ไมเคิล, และ​เบนจามิน. นอก​จาก​นี้ ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​อย่าง​ลึกซึ้ง​ที่​แม่​พร้อม​ด้วย​น้อง​สาว​และ​น้อง​ชาย​ของ​ผม อีก​ทั้ง​แม่ยาย​และ​เต็ง ฮัน​เพื่อน​ของ​ผม​ใน​ค่าย​ลี้​ภัย​ประเทศ​ไทย ได้​รับ​เอา​ความ​จริง​เช่น​กัน. ผม​และ​ครอบครัว​ยัง​คง​โศก​เศร้า​เสียใจ​ที่​พ่อ​และ​ลุง​ได้​ตาย​ไป แต่​ก็​ไม่​โศก​เศร้า​จน​เกิน​ไป. เรา​รู้​ว่า​ใน​คราว​ที่​จะ​มี​การ​ปลุก​คน​ตาย​ขึ้น​มา​นั้น พระเจ้า​จะ​ทรง​กำจัด​ความ​ไม่​เป็น​ธรรม​ทุก​อย่าง​ใน​อดีต​จน​สิ่ง​เหล่า​นั้น “จะ​ไม่​ระลึก​ถึง​อีก ทั้ง​จะ​ไม่​คำนึง​ถึง​ใน​หัวใจ.”—ยะซายา 65:17, ล.ม.; กิจการ 24:15

ไม่​กี่​ปี​มา​นี้ ณ การ​ประชุม​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา ผม​เห็น​คน​หนึ่ง​หน้า​คุ้น ๆ. เขา​คือ​บิล​ที่​เคย​ไป​เยี่ยม​ผม​เมื่อ​หลาย​ปี​ก่อน. ผม​ทัก​ถาม​เขา​ว่า “จำ​ผม​ได้​ไหม?”

เขา​ตอบ​ว่า “จำ​ได้! ผม​พบ​คุณ​ใน​นิวซีแลนด์​หลาย​ปี​ก่อน​และ​บอก​คุณ​ว่า​มี​ชน​เพียง​จำนวน 144,000 คน​ไป​สวรรค์.” บิล​ยัง​จำ​ผม​ได้​แม้​เวลา​ผ่าน​ไป​หลาย​ปี. เรา​กอด​กัน​แน่น​และ​รำลึก​ความ​หลัง​ด้วย​กัน​ใน​ฐานะ​พี่​น้อง​คริสเตียน.

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 21]

Background: AFP/Getty Images