ชาวสวนติดปีกในป่าดิบชื้น
ชาวสวนทุกคนรู้ดีว่าการเพาะปลูกที่จะให้ผลผลิตดีนั้นขึ้นอยู่กับการหว่านเมล็ดให้ถูกที่ถูกเวลา แต่ในป่าดิบชื้นการหว่านเมล็ดที่เกิดผลดีส่วนใหญ่ทำในตอนกลางคืนและหว่านจากอากาศ เพราะชาวสวนติดปีกที่หว่านก็คือค้างคาวแม่ไก่ป่าฝน หรือเป็นที่รู้จักกันว่าค้างคาวผลไม้ *
การหว่านเมล็ดพืช
ค้างคาวผลไม้ส่วนใหญ่ออกบินในตอนกลางคืน เที่ยวไปในป่าเพื่อหาผลไม้ที่รสชาติดีน่ากิน หรือไม่ก็ดอกไม้ที่มีน้ำหวาน พวกมันจะย่อยอาหารขณะที่บินและถ่ายมูลส่วนที่ย่อยยากรวมถึงเมล็ดออกไป และตอนที่ดูดน้ำหวานของเกสรดอกไม้อย่างมีความสุขมันก็ผสมเกสรให้ด้วย โดยวิธีนี้งานเพาะปลูกก็เสร็จสมบูรณ์
เนื่องจากตอนกลางคืนค้างคาวผลไม้อาจบินครอบคลุมพื้นที่ในบริเวณกว้าง พวกมันก็เลยหว่านเมล็ดพืชไปทั่ว ในขณะที่บินไปเรื่อย ๆ พวกมันก็ให้ “ปุ๋ย” ไปด้วยเพราะมันถ่ายมูลตลอดทางตอนที่บินหาอาหาร นี่ช่วยให้เมล็ดพืชเจริญงอกงาม ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่พืชพันธุ์ต่าง ๆ ในป่าดิบชื้นต้องอาศัยค้างคาวผลไม้เพื่อหว่านเมล็ดและผสมเกสรดอกไม้ให้
ที่ค้างคาวผลไม้บินครอบคลุมพื้นที่ในบริเวณกว้างได้แสดงว่ามันต้องมีเครื่องนำทางที่มีประสิทธิภาพและสายตาที่ดีเยี่ยม พวกมันสามารถมองเห็นได้ดีกว่ามนุษย์แม้ในที่ที่แทบจะไม่มีแสงสว่าง และยังสามารถแยกสีบางสีได้แถมยังบินตอนกลางวันได้ดีเหมือนตอนกลางคืนอีกด้วย
ชีวิตครอบครัว
ค้างคาวซาโมน (Pteropus samoensis) มีคู่เพียงตัวเดียวตลอดชีวิต จากการสำรวจค้างคาวบางชนิดพบว่าตัวเมียดูแลลูกของมันอย่างดี เอาลูกไปด้วยตลอด 2-3 อาทิตย์ และให้นมจนเกือบโตเต็มวัย มีค้างคาวผลไม้ 2 ชนิดที่ตัวเมียตัวอื่นจะทำหน้าที่เป็น “หมอตำแย” เพื่อช่วยตัวเมียที่กำลังออกลูก
น่าเศร้าที่ค้างคาวผลไม้หลายแห่งใกล้จะสูญพันธุ์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการทำลายถิ่นที่อยู่ของพวกมัน เช่นในหมู่เกาะแถบแปซิฟิกใต้ ถ้าไม่มีค้างคาวผลไม้ก็จะก่อผลเสียอย่างมากเพราะต้นไม้บางชนิดบนเกาะดูเหมือนไม่สามารถผสมเกสรเองได้ เห็นได้ชัดว่างานของชาวสวนติดปีกเหล่านี้สำคัญจริง ๆ
^ วรรค 2 ค้างคาวผลไม้มีอยู่ในแอฟริกา เอเชีย ออสเตรเลีย และบางพื้นที่ของหมู่เกาะแปซิฟิก