บท 12
“พระเจ้าไม่ยุติธรรมหรือ?”
1. เรารู้สึกยังไงตอนที่คนอื่นเจอเรื่องที่ไม่ยุติธรรม?
แม่ม่ายสูงอายุถูกหลอกเอาเงินที่เก็บออมมาตลอดชีวิต ทารกที่ช่วยตัวเองไม่ได้ถูกแม่ใจร้ายทิ้ง ชายคนหนึ่งติดคุกเพราะความผิดที่ตัวเองไม่ได้ทำ คุณรู้สึกยังไงกับเหตุการณ์เหล่านี้? คุณคงไม่สบายใจกับเหตุการณ์เหล่านี้แน่ ๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะคนเรามีความสำนึกในเรื่องความถูกผิด เมื่อมีการทำอะไรที่ไม่ยุติธรรม เราเลยรู้สึกโกรธ เราอยากให้คนตกเป็นเหยื่อได้รับการช่วยเหลือ และให้คนที่ทำผิดได้รับโทษ ไม่อย่างนั้นเราก็อาจสงสัยว่า ‘พระเจ้าเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไหม? ทำไมพระองค์ไม่ลงมือจัดการ?’
2. ฮาบากุกรู้สึกยังไงกับเรื่องที่ไม่ยุติธรรม และทำไมพระยะโฮวาไม่ได้โกรธเขา?
2 ตลอดประวัติศาสตร์ ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาได้ถามคำถามคล้าย ๆ กันนี้ ตัวอย่างเช่น ผู้พยากรณ์ฮาบากุกได้อธิษฐานถึงพระเจ้าว่า “ทำไมพระองค์ปล่อยให้ผมเห็นคนทำชั่ว? ทำไมพระองค์ยอมให้คนข่มเหงกัน? ทำไมผมต้องเห็นความพินาศและความรุนแรง? ทำไมมีแต่คนทะเลาะและเป็นศัตรูกัน?” (ฮาบากุก 1:3) พระยะโฮวาไม่ได้โกรธที่ฮาบากุกถามอย่างนั้น เพราะอะไร? เพราะพระองค์สร้างมนุษย์ให้มีความยุติธรรม พระยะโฮวาให้เราสามารถสะท้อนความรู้สึกของพระองค์ในเรื่องที่ว่าอะไรถูกอะไรผิดได้ในระดับหนึ่ง
พระยะโฮวาเกลียดความไม่ยุติธรรม
3. ทำไมถึงบอกได้ว่าพระยะโฮวาเห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นมากกว่าเรา?
3 พระยะโฮวาเห็นความไม่ยุติธรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้น คัมภีร์ไบเบิลบอกเกี่ยวกับสมัยของโนอาห์ว่า “พระยะโฮวาเห็นว่าความชั่วของมนุษย์มีมากมายบนโลกและใจเขามักคิดแต่เรื่องชั่ว ๆ เสมอ” (ปฐมกาล 6:5) เราได้ยิน เรื่องที่ไม่ยุติธรรมบ่อย ๆ หรือเราอาจเจอเรื่องนั้นกับตัวเอง แต่พระยะโฮวาเห็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น พระองค์เห็นความไม่ยุติธรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั่วโลก นอกจากนั้น พระองค์ยังรู้ด้วยว่าคนเรามีความคิดผิด ๆ ซึ่งทำให้เขาทำสิ่งที่ไม่ยุติธรรม—เยเรมีย์ 17:10
4, 5. (ก) คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นยังไงว่าพระยะโฮวาสนใจคนที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม? (ข) พระยะโฮวาเองได้เจอกับความไม่ยุติธรรมอะไรบ้าง?
4 พระยะโฮวาไม่ใช่แค่เห็นความไม่ยุติธรรมเท่านั้น พระองค์ยังสนใจคนที่ตกเป็นเหยื่อของความไม่ยุติธรรมด้วย เมื่อศัตรูปฏิบัติอย่างโหดร้ายกับประชาชนของพระองค์ พระยะโฮวาเป็นทุกข์ “ที่พวกเขาร้องคร่ำครวญเพราะถูกกดขี่และถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย” (ผู้วินิจฉัย 2:18) คุณอาจสังเกตว่ายิ่งบางคนเห็นความไม่ยุติธรรมมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งชินกับเรื่องนั้นและไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจคนที่ได้รับความไม่ยุติธรรม พระยะโฮวาไม่ได้เป็นอย่างนั้น ถึงพระองค์จะเห็นความไม่ยุติธรรมทุกรูปแบบมานานกว่า 6,000 ปีแล้ว แต่พระองค์ก็ยังเกลียดความไม่ยุติธรรม คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า พระองค์เกลียด “ลิ้นที่โกหก” “มือที่ฆ่าคนไม่มีความผิด” และ “พยานเท็จที่พูดแต่คำโกหก”—สุภาษิต 6:16-19
5 ตอนที่พระยะโฮวาต่อว่าพวกผู้นำชาวอิสราเอลแรง ๆ เราเห็นเลยว่าพระองค์เกลียดความไม่ยุติธรรมมากขนาดไหน พระองค์ดลใจผู้พยากรณ์ให้พูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณน่าจะรู้ว่าความยุติธรรมคืออะไร” หลังจากนั้นพระองค์พูดให้พวกเขาเห็นภาพชัดเกี่ยวกับการใช้อำนาจอย่างผิด ๆ แล้วก็บอกถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาว่า “พวกคุณจะร้องขอให้พระยะโฮวาช่วย แต่พระองค์จะไม่ช่วย ตอนนั้นพระองค์จะเมินหน้าหนีพวกคุณ เพราะพวกคุณทำชั่ว” (มีคาห์ 3:1-4) พระยะโฮวาเกลียดความไม่ยุติธรรมมาก และพระองค์เองก็ได้เจอกับความไม่ยุติธรรมด้วย ซาตานเยาะเย้ยพระองค์อย่างไม่ยุติธรรมมานานหลายพันปีแล้ว (สุภาษิต 27:11) พระยะโฮวาเจอเรื่องที่ไม่ยุติธรรมมากที่สุดด้วยตอนที่ลูก ของพระองค์ที่ “ไม่เคยทำบาป” ถูกประหารชีวิตเหมือนเป็นอาชญากร (1 เปโตร 2:22; อิสยาห์ 53:9) เรามั่นใจได้เต็มที่ว่าพระยะโฮวาเห็นทุกคนที่เป็นทุกข์เพราะถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมและพระองค์ก็สนใจพวกเขามากด้วย
6. เราอาจรู้สึกยังไงเมื่อเจอกับความไม่ยุติธรรม และเพราะอะไร?
6 แต่พอเราเห็นความไม่ยุติธรรมหรือตัวเราเองต้องเจอเรื่องที่ไม่ยุติธรรม เราก็อาจรู้สึกโกรธและรับไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้เป็นเรื่องปกติเพราะเราถูกสร้างตามแบบพระเจ้า และพระยะโฮวาก็เป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม (ปฐมกาล 1:27) แล้วทำไมพระเจ้าถึงยอมให้มีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น?
คำถามที่สำคัญ
7. ในสวนเอเดนซาตานบอกยังไงเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
7 เราจะรู้ได้ว่าทำไมพระเจ้ายอมให้มีความไม่ยุติธรรมโดยเรียนรู้จากเรื่องที่เกิดขึ้นในสวนเอเดน เราได้เข้าใจแล้วว่าผู้สร้างมีสิทธิ์ที่จะปกครองโลกและมนุษย์ทุกคน (สดุดี 24:1; วิวรณ์ 4:11) แต่ไม่นานหลังจากพระยะโฮวาสร้างมนุษย์ก็มีการทำให้ชื่อของพระองค์เสื่อมเสียและพระองค์ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ปกครองที่ไม่ดี เรื่องนี้เกิดขึ้นยังไง? พระยะโฮวาสั่งอาดัมมนุษย์คนแรกไม่ให้กินผลจากต้นไม้ต้นหนึ่งในสวนเอเดน และจะเป็นยังไงถ้าเขาไม่เชื่อฟัง? พระเจ้าบอกเขาว่า “เจ้าจะต้องตาย” (ปฐมกาล 2:17) คำสั่งของพระองค์ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับอาดัมกับเอวา แต่ซาตานทำให้เอวาคิดว่าพระเจ้าเข้มงวดเกินไป และบอกด้วยว่าจะเป็นยังไงถ้าเธอกินผลจากต้นนั้น ซาตานบอกเอวาว่า “พวกคุณจะไม่ตายหรอก จริง ๆ แล้วพระเจ้าก็รู้ว่า ในวันที่พวกคุณกินผลของต้นนั้น พวกคุณจะตาสว่างและจะเป็นเหมือนพระเจ้า รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว”—ปฐมกาล 3:1-5
8. (ก) ซาตานอยากให้เอวาเชื่อว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าแบบไหน? (ข) ซาตานท้าทายชื่อและอำนาจปกครองสูงสุดของพระเจ้ายังไง?
8 ซาตานโกหกเอวาและอยากให้เธอเชื่อว่าพระยะโฮวาปิดบังบางอย่างที่เธอสมควรได้รู้ ซาตานทำให้เอวาสงสัยว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ดีจริง ๆ ไหม ซาตานทำให้พระเจ้าเสียชื่อเสียงและโจมตีอำนาจปกครองสูงสุดหรือวิธีปกครองของพระองค์ ซาตานรู้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ปกครองสูงสุด แต่มันอ้างว่าพระองค์ไม่มีสิทธิ์ที่จะปกครอง ไม่คู่ควรที่จะได้รับความนับถือ เป็นผู้ปกครองที่ไม่ดี และไม่ได้สนใจผลประโยชน์ของประชาชนของพระองค์
9. (ก) ผลเป็นยังไงเมื่ออาดัมกับเอวาไม่เชื่อฟังพระเจ้า และนี่ทำให้เกิดคำถามสำคัญอะไร? (ข) ทำไมพระยะโฮวาไม่ทำลายพวกเขาทันที?
9 ในที่สุดอาดัมกับเอวาไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาโดยกินผลของต้นที่พระองค์ห้ามไม่ให้กิน พวกเขาถูกลงโทษให้ตายเหมือนที่พระเจ้าได้บอกไว้ คำโกหกของซาตานทำให้เกิดคำถามสำคัญบางอย่าง เช่น พระยะโฮวามีสิทธิ์ปกครองมนุษย์จริง ๆ ไหม หรือมนุษย์น่าจะปกครองกันเอง? พระยะโฮวาเป็นผู้ปกครองที่ดีที่สุดไหม? พระยะโฮวาสามารถใช้พลังอำนาจสูงสุดของพระองค์ทำลายอาดัมกับเอวาและซาตานได้ทันที แต่ซาตานไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับอำนาจของพระเจ้า มันท้าทายชื่อและวิธีที่พระองค์ปกครอง ถ้าพระองค์ทำลายพวกเขาทันทีก็จะไม่มีการพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นผู้ปกครองที่ถูกต้องชอบธรรม แต่นั่นอาจทำให้ดูเหมือนว่าข้อกล่าวหาของซาตานเป็นความจริง ดังนั้น เพื่อจะรู้ว่ามนุษย์จะปกครองกันเองอย่างมีความสุขโดยไม่พึ่งพระเจ้าได้จริง ๆ ไหม พระองค์ก็ต้องให้เวลากับพวกเขา
10. ประวัติศาสตร์ทำให้เราเห็นอะไรเกี่ยวกับการปกครองของมนุษย์?
10 ตลอดหลายพันปี ผู้คนได้ทดลองการปกครองมาแล้วหลายแบบ ทั้งระบอบเผด็จการ ประชาธิปไตย สังคมนิยม และคอมมิวนิสต์ ผลของการปกครองทั้งหมดนี้ตรงกับที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ว่า “มนุษย์ปกครองมนุษย์ มีแต่สร้างความเสียหายให้พวกเขา” (ปัญญาจารย์ 8:9) นอกจากนั้น ผู้พยากรณ์เยเรมีย์ยังบอกด้วยว่า “พระยะโฮวา ผมรู้ว่ามนุษย์กำหนดแนวทางชีวิตของตัวเองไม่ได้ แต่ละย่างก้าวของชีวิต เขาก็ยังกำหนดไม่ได้ด้วยซ้ำ”—เยเรมีย์ 10:23
11. ทำไมพระยะโฮวายอมให้มนุษย์เจอกับความทุกข์?
11 พระยะโฮวารู้ตั้งแต่แรกว่าถ้ามนุษย์ปกครองกันเองโดยไม่พึ่งพระองค์ พวกเขาก็จะเจอกับปัญหามากมาย ถ้าอย่างนั้น ยุติธรรมไหมที่พระเจ้ายอมให้พวกเขาเจอกับปัญหามากมาย? เพื่อเป็นตัวอย่าง สมมุติว่าลูกคุณป่วยหนักและต้องได้รับการผ่าตัด คุณรู้ว่าการผ่าตัดจะทำให้ลูกเจ็บปวดอยู่บ้าง และเรื่องนี้ทำให้คุณรู้สึกทุกข์ใจ แต่คุณก็รู้ด้วยว่าการผ่าตัดจะทำให้ลูกมีสุขภาพดีขึ้น คล้ายกัน พระเจ้ารู้และบอกล่วงหน้าไว้ว่า การที่พระองค์ยอมให้มนุษย์ปกครองกันเองจะทำให้เขาเจ็บปวดและมีความทุกข์ (ปฐมกาล 3:16-19) และพระองค์ก็รู้ด้วยว่าเพื่อความเจ็บปวดและความทุกข์จะหมดไป พระองค์ต้องยอมให้พวกเขาเห็นผลเสียที่เกิดขึ้นจากการที่พวกเขาปกครองกันเองโดยไม่พึ่งพระองค์ โดยวิธีนี้คำถามเรื่องสิทธิการปกครองของพระองค์จะได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องตลอดไป
คำถามเรื่องความซื่อสัตย์ของมนุษย์
12. ตัวอย่างของโยบแสดงให้เห็นว่าซาตานกล่าวหามนุษย์ในเรื่องอะไร?
12 ตอนที่ซาตานท้าทายสิทธิและวิธีปกครองของพระเจ้า มันไม่ได้แค่พูดโกหกว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ไม่ดีและเป็นผู้ปกครองที่ไม่ดีเท่านั้น มันยังพูดโกหกเกี่ยวกับผู้รับใช้ของพระเจ้าและเหตุผลที่พวกเขารับใช้พระองค์ด้วย เช่น ซาตานพูดกับพระยะโฮวาเกี่ยวกับโยบผู้ซื่อสัตย์ว่า “พระองค์ปก ป้องตัวเขา ครอบครัวของเขา และทุกสิ่งที่เขามีไม่ใช่หรือ? เขาทำอะไรพระองค์ก็อวยพร และฝูงสัตว์ของเขาก็เพิ่มขึ้นจนเต็มแผ่นดิน แต่ลองทำให้เขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างดูสิ เขาจะแช่งด่าพระองค์แน่ ๆ!“—โยบ 1:10, 11
13. ซาตานอ้างว่าอะไรคือเหตุผลที่โยบรับใช้พระเจ้า และเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมนุษย์ทุกคนยังไง?
13 ซาตานอ้างว่าพระยะโฮวาใช้อำนาจของพระองค์ปกป้องโยบเพื่อทำให้เขารักและรับใช้พระองค์ ซาตานกำลังบอกว่าที่โยบรับใช้พระเจ้าก็เพราะเขาได้รับสิ่งดี ๆ จากพระองค์ และถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ดีมาก แต่ถ้าเขาสูญเสียสิ่งต่าง ๆ ที่มีเขาก็จะเลิกรับใช้พระเจ้า ซาตานรู้ว่าโยบ “ทั้งดีทั้งซื่อสัตย์ เป็นคนเกรงกลัวพระเจ้าและไม่ทำชั่ว” a ลองคิดดูสิ ถ้าซาตานทำให้โยบที่ซื่อสัตย์เลิกรับใช้พระยะโฮวาได้ แล้วมนุษย์คนอื่น ๆ ล่ะจะเป็นยังไง? ที่จริง ซาตานบอกว่ามนุษย์ทุกคนรับใช้พระเจ้าเพราะเห็นแก่ตัว เราเห็นเรื่องนี้ได้ชัดจากสิ่งที่ซาตานพูดกับพระยะโฮวาว่า “มนุษย์ยอมสละได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด”—โยบ 1:8; 2:4
14. ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นอะไรเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของซาตานต่อมนุษย์?
14 ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า เหมือนกับโยบหลายคนยังซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาแม้เจอการทดสอบ ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อกล่าวหาของซาตาน พวกเขาได้ทำให้พระยะโฮวาดีใจและนี่ทำให้พระองค์มีคำตอบสำหรับการเยาะเย้ยของซาตานที่บอกว่ามนุษย์จะเลิกรับใช้พระเจ้าถ้าเขาเจอความยากลำบาก (ฮีบรู 11:4-38) คนที่รักพระเจ้าไม่ได้เลิกรับใช้พระองค์ แม้ต้องเจอกับเรื่องหนัก ๆ ในชีวิตเขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าพระองค์จะให้กำลังเพื่อเขาจะอดทนได้—2 โครินธ์ 4:7-10
15. อาจเกิดคำถามอะไรขึ้นเกี่ยวกับการพิพากษาของพระเจ้าทั้งในอดีตและอนาคต?
15 แต่การแสดงความยุติธรรมของพระยะโฮวาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องอำนาจการปกครองสูงสุดของพระองค์และความซื่อสัตย์ของมนุษย์เท่านั้น คัมภีร์ไบเบิลบอกให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาเคยพิพากษาผู้คนและชาติต่าง ๆ ในอดีตยังไง และยังบอกล่วงหน้าเรื่องการพิพากษาที่พระองค์จะทำในอนาคต ทำไมเราถึงมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาพิพากษาอย่างยุติธรรมและพระองค์จะทำอย่างนั้นในอนาคตด้วย?
พระยะโฮวายุติธรรมเสมอ
16, 17. มีตัวอย่างอะไรที่แสดงว่ามนุษย์ไม่สามารถตัดสินได้อย่างถูกต้องเสมอ?
16 คัมภีร์ไบเบิลบอกเกี่ยวกับพระยะโฮวาอย่างถูกต้องว่า “แนวทางทั้งหมดของพระองค์ยุติธรรม” (เฉลยธรรมบัญญัติ 32:4) เราคงพูดถึงตัวเองแบบนั้นไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ข้อมูลทั้งหมด และเราก็ตัดสินผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ ตัวอย่างเช่น อับราฮัมขอร้องพระยะโฮวาไม่ให้ทำลายเมืองโสโดม ถึงแม้ว่าผู้คนในเมืองนั้นจะชั่วมาก เขาถามพระยะโฮวาว่า “พระองค์จะกวาดล้างคนดีไปพร้อมกับคนชั่วจริง ๆ หรือครับ?” (ปฐมกาล 18:23-33) พระยะโฮวาไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน แต่เมื่อโลทผู้ซื่อสัตย์กับลูกสาวสองคนมาถึงเมืองโศอาร์อย่างปลอดภัยแล้ว พระยะโฮวาก็ “ให้มีกำมะถันกับไฟตกลงมา . . . ใส่เมืองโสโดม” (ปฐมกาล 19:22-24) ตรงกันข้าม โยนาห์ไม่ได้รู้สึกสงสารผู้คนในเมืองนีนะเวห์ ตอนนั้นเขาได้ประกาศไปแล้วว่าชาวเมืองนีนะเวห์จะถูกทำลายเพราะพวกเขาชั่วมาก แต่เมื่อพวกเขากลับใจพระยะโฮวาก็แสดงความเมตตากับพวกเขา โยนาห์ก็เลย “โมโหมาก” เพราะพวกเขาไม่ถูกทำลาย—โยนาห์ 3:10-4:1
17 พระยะโฮวารับรองกับอับราฮัมว่าพระองค์ทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เมื่อพระองค์ทำลายคนชั่ว พระองค์ก็จะปกป้องคนที่ซื่อสัตย์ แต่โยนาห์ต้องเรียนรู้ว่าพระยะโฮวาเมตตามนุษย์มาก ถ้าคนชั่วเลิกทำผิดพระองค์ก็ “พร้อมจะให้อภัย” (สดุดี 86:5) บางคนทำกับคนอื่นอย่างโหดร้ายเพียงแค่อยากจะแสดงให้เห็นว่าเขามีอำนาจ หรือเพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าเขาเป็นคนอ่อนแอถ้าแสดงความเมตตา แต่พระยะโฮวาไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย พระองค์แสดงความเมตตาเสมอเมื่อมีเหตุผลที่จะทำอย่างนั้นได้—อิสยาห์ 55:7; เอเสเคียล 18:23
18. คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นยังไงว่าความเมตตาของพระยะโฮวาไม่ได้ทำให้พระองค์มองข้ามการทำผิด?
18 ความเมตตาของพระยะโฮวาไม่ได้ทำให้พระองค์มองข้ามการทำผิด เมื่อชาวอิสราเอลยังนมัสการรูปเคารพ พระองค์บอกอย่างชัดเจนว่า “เราจะพิพากษาพวกเจ้าตามการกระทำของพวกเจ้าและให้พวกเจ้ารับผิดชอบการกระทำที่น่ารังเกียจทุกอย่างของตัวเอง เราจะไม่เมตตาและจะไม่สงสาร เราจะให้พวกเจ้ารับผลจากการกระทำของตัวเอง” (เอเสเคียล 7:3, 4) ดังนั้น ถ้าคนที่ทำผิดไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองพระยะโฮวาก็จะลงโทษเขา แต่พระองค์จะตัดสินลงโทษเมื่อมีเหตุผลเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อพระยะโฮวาได้ยินเสียงร้องบ่นเกี่ยวกับเมืองโสโดมและโกโมราห์ พระองค์บอกว่า “เราจะลงไปดูให้รู้ว่า พวกเขาทำชั่วอย่างที่เราได้ยินเสียงร้องบ่นว่านั้นหรือเปล่า” (ปฐมกาล 18:20, 21) เราขอบคุณจริง ๆ ที่พระยะโฮวาไม่ได้เป็นเหมือนกับมนุษย์ที่ชอบตัดสินก่อนจะได้ยินความจริงทั้งหมด พระยะโฮวาเป็นเหมือนที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้จริง ๆ ว่า “พระองค์เป็นพระเจ้าที่ซื่อสัตย์และยุติธรรมเสมอ”—เฉลยธรรมบัญญัติ 32:4
มั่นใจว่าพระยะโฮวายุติธรรมเสมอ
19. เราจะทำยังไงถ้าเราไม่เข้าใจเหตุผลที่พระยะโฮวาตัดสินลงโทษ?
19 คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกเหตุผลที่พระยะโฮวาตัดสินลงโทษในแต่ละครั้ง และไม่ได้ให้รายละเอียดทุกอย่างว่าพระองค์จะตัดสินมนุษย์ทุกคนยังไงในอนาคต ถ้ามีเหตุการณ์หรือคำพยากรณ์บางเรื่องในคัมภีร์ไบเบิลที่เราไม่เข้าใจเพราะไม่มีรายละเอียดชัดเจน ก็ขอให้เรามีความคิดเหมือนผู้ พยากรณ์มีคาห์ที่บอกว่า “ผมจะอดทนรอจนพระเจ้าของผมมาช่วยให้รอด”—มีคาห์ 7:7
20, 21. ทำไมเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ?
20 ถึงเราจะเห็นว่ามีความไม่ยุติธรรมหลายเรื่องที่มนุษย์ไม่อยากแก้ไข แต่เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะทำสิ่งที่ถูกต้องในทุกสถานการณ์ พระองค์สัญญาว่า “การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเรา เราจะตอบแทนเอง” (โรม 12:19) ถ้าเรารอคอยพระยะโฮวาอย่างอดทน เราก็แสดงให้เห็นว่าเรามั่นใจเหมือนกับอัครสาวกเปาโลที่บอกว่า “พระเจ้าไม่ยุติธรรมหรือ? ไม่ใช่แน่นอน”—โรม 9:14
21 ตอนนี้เรามีชีวิตอยู่ใน “ช่วงเวลาวิกฤติที่มีแต่ความยุ่งยากลำบาก” (2 ทิโมธี 3:1) หลายคนต้องทนทุกข์เพราะเจอกับความไม่ยุติธรรมและ “การข่มเหง” (ปัญญาจารย์ 4:1) แต่พระยะโฮวาไม่เปลี่ยนแปลง พระองค์เกลียดความไม่ยุติธรรมและสนใจคนที่เจอความไม่ยุติธรรม ถ้าเราภักดีต่อพระยะโฮวาและสนับสนุนการปกครองของพระองค์เสมอ พระองค์จะช่วยเราให้อดทนได้จนถึงเวลาที่พระองค์ทำให้ความไม่ยุติธรรมทุกอย่างหมดไปโดยทางรัฐบาลของพระองค์—1 เปโตร 5:6, 7