คนนี้เหมาะกับฉันไหม?
บท 3
คนนี้เหมาะกับฉันไหม?
ลองใช้เวลาสักนิดตอบคำถามข้างล่าง.
คุณคิดว่าคนที่จะเป็นคู่ครองของคุณควรเป็นคนอย่างไร? ให้เลือกสักสี่ข้อที่คุณคิดว่าสำคัญโดยขีด ✔.
□ หน้าตาดี □ มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า
□ เข้ากับคนง่าย □ ไว้ใจได้
□ เป็นคนป๊อบปูล่า □ ทำตามมาตรฐานของพระเจ้า
□ ขี้เล่น □ จริงจังกับเป้าหมาย
ตอนอายุน้อยกว่านี้ คุณเคยตกหลุมรักใครไหม? ตอนนั้นคุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุด ให้ขีด ×.
รายการที่ให้ไว้ข้างบนไม่มี ข้อไหนผิด. แต่ละข้อล้วนดีทั้งนั้น. เมื่อคุณตกหลุมรักใครสักคนตอนอายุยังน้อย คุณมักมองคนนั้นแค่ผิวเผิน คุณจึงเลือกคำตอบด้านซ้ายจริงไหม?
แต่เมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณเริ่มรู้จักคิดและสังเกตอะไรลึกซึ้งขึ้น คุณจึงเลือกคำตอบด้านขวา เช่น คุณเริ่มเห็นว่าสาวสวยข้างบ้านไว้ใจไม่ค่อยได้ หรือหนุ่มที่ป๊อบปูล่าที่สุดในชั้นไม่ได้ทำตามมาตรฐานของพระเจ้า. เมื่อคุณผ่านวัยรุ่นไปแล้วและอยากรู้ว่า “คนนี้เหมาะกับฉันไหม?” คุณก็จะไม่มองแค่ผิวเผิน.
รู้จักตัวเองก่อน
ก่อนจะดูว่าใครเหมาะกับคุณ คุณต้องรู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน. เพื่อจะรู้จักตัวเองดีขึ้น ให้ตอบคำถามต่อไปนี้.
ฉันมีข้อดีอะไรบ้าง? ․․․․․
ฉันมีข้อเสียอะไรบ้าง? ․․․․․
ฉันอยากให้คู่ของฉันปฏิบัติต่อฉันอย่างไรและอยากมีสายสัมพันธ์แบบไหนกับพระเจ้า? ․․․․․
การรู้จักตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คำถามทำนองนี้จะช่วยคุณได้. เมื่อคุณรู้จักตัวเองดีขึ้น คุณจะรู้ว่าต้องเลือกคนแบบไหนถึงจะช่วยเสริมข้อดีของคุณแทนที่จะทำให้เห็นข้อเสียของคุณชัดขึ้น. * ถ้าคุณคิดว่าพบคนที่ใช่ล่ะจะทำอย่างไร?
คนไหนก็ได้ ไหม?
“เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันไหม?” เมื่อได้ยินประโยคนี้ คุณอาจกลัวจนหัวหดหรือดีใจจนเนื้อเต้นขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนถาม. ถ้าคุณตอบตกลง เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคนนี้แหละเหมาะกับคุณ?
สมมุติว่าคุณอยากซื้อรองเท้าใหม่. คุณไปที่ร้านและปิ๊งอยู่คู่หนึ่ง. คุณหยิบมาลองแต่ต้องผิดหวังเพราะมันคับเกินไป. คุณจะทำอย่างไร? ยังไงก็จะซื้อไหมหรือหา
คู่ใหม่? ไม่ต้องสงสัย คุณคงวางคู่นั้นลงแล้วหาคู่ใหม่. คุณคงไม่ดันทุรังจะใส่คู่นั้นให้ได้ใช่ไหม?การเลือกคู่ก็เช่นกัน. คงมีเพื่อนต่างเพศหลายคนที่ถูกใจคุณ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับคุณ. คุณคงอยากเจอคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจเพราะเข้ากับคุณได้ดีทั้งด้านนิสัยและเป้าหมายในชีวิต. (เยเนซิศ 2:18; มัดธาย 19:4-6) คุณเจอคนแบบนี้หรือยัง? คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเหมาะกับคุณ?
อย่ามองแค่ภายนอก
เพื่อจะรู้ว่าเขาเหมาะกับคุณไหม คุณต้องมองคนนั้นตามความเป็นจริง. อย่าลืมว่า เรามักมองเห็นแต่สิ่งที่เราชอบ. ดังนั้น ให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ใช้เวลาสังเกตว่าจริง ๆ แล้วคนที่คุณชอบเป็นคนอย่างไร. สมมุติว่าคุณอยากซื้อรถสักคัน. คุณคงหาข้อมูลเกี่ยวกับรถที่จะซื้อใช่ไหม? คุณคงไม่ดูแต่สภาพภายนอกของรถคันนั้น แต่จะดูลึกลงไป เช่น ดูว่าเครื่องยนต์มีสภาพอย่างไรจริงไหม?
การเลือกคู่สำคัญกว่าการเลือกรถ. แต่หลายคนที่มีแฟนมักมองแค่ภายนอก. พวกเขามักชี้ว่าเขาทั้งคู่มีอะไรเหมือนกันบ้าง เช่น ‘เราชอบ1 เปโตร 3:4; เอเฟโซส์ 3:16
ดนตรีเหมือนกัน.’ ‘เราชอบทำอะไรคล้าย ๆ กัน.’ ‘เราไม่เคย ขัดแย้งกันเลย.’ ถ้าคุณผ่านช่วงวัยรุ่นไปแล้ว คุณจะไม่มองแค่สิ่งที่เห็นภายนอก. คุณจะมองลึกลงไปถึง “ตัวตนที่อยู่ในใจ.”—อย่าสนใจแค่ว่าคุณทั้งสองชอบอะไรเหมือนกัน ให้สังเกตด้วยว่าถ้าความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ละคนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เช่น เขายังดึงดันจะทำตามวิธีของเขาและถึงกับ “บันดาลโทสะ” หรือ “พูดเสียดสี” ไหม? (กาลาเทีย 5:19, 20; โกโลซาย 3:8, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1971) หรือเขาเป็นคนมีเหตุผล ยอมผ่อนปรนในเรื่องที่ไม่ขัดกับหลักการของพระเจ้า?—ยาโกโบ 3:17
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องสังเกตคือ คนนั้นพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมให้คุณทำตามใจเขาไหม? เขาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหรือขี้อิจฉาไหม? เขาต้องรู้หมดไม่ว่าคุณจะกระดุกกระดิกไปไหนไหม? นิโคลบอกว่า “ฉันเคยได้ยินบางคู่ทะเลาะกันเพราะฝ่ายหนึ่งรับไม่ได้ที่อีกฝ่ายไม่โทรมารายงานว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่. ฉันว่าอีกหน่อยต้องมีปัญหาแน่.”—1 โครินท์ 13:4
ที่พูดไปเป็นเรื่องของนิสัยและความประพฤติ. อีกเรื่องที่สำคัญคือชื่อเสียงของคนที่คุณชอบ. คนอื่นมองแฟนคุณอย่างไร? คุณน่าจะลองคุยกับบางคนในประชาคมที่รู้จักเขามานานพอสมควร. แล้วคุณจะรู้ว่าเขาถูก ‘กล่าวถึงในทางที่ดี’ หรือไม่.—กิจการ 16:1, 2
ถ้าอยากรู้ว่าคนที่คุณชอบเป็นคนอย่างไร เหมาะกับคุณจริง ๆ ไหม ให้สังเกตว่าเขาเป็นอย่างไรในเรื่องต่อไปนี้.
นิสัย ․․․․․
ความประพฤติ ․․․․․
ชื่อเสียง ․․․․․
เชิญอ่านกรอบ “ เขาจะเป็นสามีที่ดีไหม?” ในหน้า 39 หรือ “ เธอจะเป็นภรรยาที่ดีไหม?” ในหน้า 40. คำถามเหล่านั้นจะช่วยให้รู้ว่าเขาเหมาะจะเป็นคู่ครองของคุณไหม.
ถ้าพิจารณาแล้วและเห็นว่าเขาไม่เหมาะ กับคุณล่ะจะทำอย่างไร? คุณคงต้องคิดหนักว่า . . .
เราควรเลิกกันไหม?
บางครั้งการเลิกกันน่าจะดีกว่า. ลองมาฟังเรื่องของจิลล์. เธอเล่าว่า “ตอนแรกฉันดีใจที่แฟนคอยเป็นห่วงเป็นใยว่าฉันอยู่ที่ไหน ทำอะไร หรืออยู่กับใคร. แต่ต่อมาเขาเป็นมากถึงกับไม่ยอมให้ฉันอยู่กับใครเลยนอกจาก เขาคนเดียว. เขาอิจฉาแม้กระทั่งฉันจะอยู่กับครอบครัวโดยเฉพาะกับพ่อ. เมื่อเลิกกับเขา ฉันรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก.”
ซาราก็เจอเรื่องคล้าย ๆ กัน. เธอเริ่มสังเกตว่าจอห์นหนุ่มที่เธอคบอยู่บทเพลงสรรเสริญ 130:3) เมื่อซาราเห็นว่านี่ไม่ใช่ครั้งเดียวที่จอห์นแสดงอาการหยาบคายไม่มีมารยาทแต่เป็นนิสัยของเขา เธอจึงตัดสินใจเลิกกับจอห์น.
เป็นคนชอบประชดประชัน เอาแต่ใจตัวเอง และไม่มีมารยาท. เธอเล่าว่า “ครั้งหนึ่งเขามาสายไปสามชั่วโมง. พอแม่เปิดประตู เขาไม่ทักแม่สักคำ หันมาดุฉันว่า ‘ไปเร็ว เราสายแล้ว.’ เขาไม่ได้บอกว่า ‘ผมสาย’ แต่บอกว่า ‘เราสาย.’ เขาควรขอโทษหรืออธิบายเหตุผลที่เขามาสาย. ที่สำคัญเขาควรนับถือแม่ของฉัน.” จริงอยู่ การทำผิดเพียงครั้งเดียวไม่ใช่สาเหตุที่จะเลิกกัน. (ถ้าคุณรู้สึกเหมือนจิลล์กับซาราว่าคนที่คบด้วยไม่เหมาะจะเป็นคู่ครองจะทำอย่างไร? อย่ามองข้ามความรู้สึกนั้น. แม้จะทำใจลำบาก แต่เลิกกันน่าจะดีกว่า. สุภาษิต 22:3 บอกว่า “คนฉลาดมองเห็นภัยแล้วหนีไปซ่อนตัว.” ดังนั้น ถ้าคนที่คุณคบมีนิสัยแย่ ๆ ตามที่บอกไว้ในหน้า 39 และ 40 คุณน่าจะเลิกกับเขาหรืออย่างน้อยให้หยุดความสัมพันธ์ไว้ชั่วคราวจนกว่าเขาจะปรับปรุงตัวได้. จริงอยู่ การเลิกกันไม่ใช่เรื่องง่าย. แต่การแต่งงานเป็นการผูกพันถาวร. ยอมทนเจ็บเสียตอนนี้ก็ดีกว่าจะต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต.
วิธีบอกเลิก
คุณจะบอกเลิกเขาอย่างไร? อย่างแรก เลือกว่าจะคุยกันที่ไหน. ลองคิดว่าถ้าเป็นคุณ คุณ อยากให้อีกฝ่ายทำอย่างไร. (มัดธาย 7:12) คุณคงไม่อยากให้เขาประกาศต่อหน้าคนอื่นใช่ไหม? การบอกเลิกโดยฝากข้อความผ่านทางเครื่องรับโทรศัพท์ เอสเอ็มเอส หรืออีเมลก็ไม่เหมาะ นอกจากอีกฝ่ายจะเป็นคนรุนแรงหรือพูดคุยยากจริง ๆ. คุณควรเลือกเวลาและสถานที่ที่จะคุยเรื่องนี้ได้สะดวก.
คุณควรพูดอะไรบ้าง? อัครสาวกเปาโลเตือนคริสเตียนให้ “พูดความจริง” ต่อกัน. (เอเฟโซส์ 4:25) การพูดอย่างหนักแน่นแต่ไม่ทำให้เจ็บใจน่าจะดีที่สุด. บอกให้ชัดเจนว่าทำไมคุณรู้สึกว่าเป็นแฟนกันต่อไปไม่ได้. ไม่ควรตำหนิหรือพูดถึงข้อบกพร่องของเขายืดยาวเป็นหางว่าว. อย่าพูดว่า “คุณ ไม่เคย” ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ให้พูดถึงความรู้สึกของคุณ เช่น “ฉัน อยากอยู่กับคนที่ . . . ” หรือ “ฉัน คิดว่าเราควรเลิกกันเพราะ . . . ”
อย่ามัวแต่ลังเลหรือยอมทำตามที่เขาขอร้อง. จำไว้ว่า คุณมีเหตุผลหนักแน่นที่จะเลิกกับเขา. ถ้าแฟนคุณพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อชักจูงคุณให้เปลี่ยนใจ ก็อย่ายอม. ลอรีเล่าว่า “เมื่อเราเลิกกัน แฟนเก่าฉันทำท่ายาโกโบ 5:12
หมดอาลัยตายอยาก. ฉันคิดว่าเขาทำเพื่อให้ฉันสงสาร. แม้ตอนนั้นฉันจะสงสารเขาจริง ๆ แต่ฉันก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ.” เช่นเดียวกับลอรี คุณควรรู้ใจตัวเองและทำตามที่ตัดสินใจไว้. ให้คำว่าไม่ ของคุณ หมายความว่าไม่ จริง ๆ.—หลังจากเลิกกัน
หลังจากเลิกกัน คุณอาจไม่สบายใจอยู่ระยะหนึ่ง นั่นเป็นเรื่องธรรมดา. คุณอาจรู้สึกเหมือนผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญที่บอกว่า “ข้าพเจ้าปวดจนต้องก้มตัวลง; ข้าพเจ้าคร่ำครวญไปวันยังค่ำ.” (บทเพลงสรรเสริญ 38:5, 6) เพื่อนที่หวังดีอาจพยายามช่วยโดยบอกว่าน่าจะลองให้โอกาสแฟนคุณอีกครั้ง. จำไว้ว่า ผู้ที่ต้องรับผลจากการตัดสินใจครั้งนี้คือตัวคุณ ไม่ใช่เพื่อนผู้หวังดี. ดังนั้น แม้คุณจะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ให้มั่นคงไว้.
ในที่สุด ความรู้สึกเจ็บปวดจะหายไป. แต่ในช่วงนี้ให้ลองทำอย่างนี้เผื่อคุณจะรู้สึกดีขึ้น.
ให้ระบายความรู้สึกกับคนที่คุณไว้ใจ. * (สุภาษิต 15:22) บอกเรื่องนี้กับพระยะโฮวาโดยการอธิษฐาน. (บทเพลงสรรเสริญ 55:22) อย่าปล่อยให้ตัวเองว่าง. (1 โครินท์ 15:58) อย่าแยกตัวจากเพื่อน ๆ. (สุภาษิต 18:1) ให้เข้ากลุ่มกับเพื่อน ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างคุณและพยายามคิดแต่สิ่งดี ๆ.—ฟิลิปปอย 4:8
อีกหน่อยคุณคงได้เจอคนใหม่. คราวนี้คุณคงรู้ว่าจะคบกันอย่างไรถึงจะมีความสุขเพราะคุณมีประสบการณ์แล้ว. ถึงตอนนั้น คุณอาจมั่นใจว่าคนนี้แหละใช่เลย.
เชิญอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ในเล่ม 1 บท 31
ระหว่างที่เป็นแฟนกัน คุณทั้งสองจะแสดงความรักได้ถึงขนาดไหน?
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 17 การพิจารณาคำถามในหัวข้อ “คุณพร้อมจะแต่งงานไหม?” ในบท 1 จะช่วยคุณให้รู้จักตัวเองดีขึ้น.
^ วรรค 45 พ่อแม่หรือผู้ใหญ่คนอื่น เช่น ผู้ปกครองคริสเตียน จะช่วยคุณได้. บางคนอาจเล่าให้คุณฟังว่าสมัยเขายังหนุ่มยังสาว เขาเคยเจอเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดคล้าย ๆ กับคุณ.
ข้อคัมภีร์หลัก
“แม้จะเป็นเด็ก แต่ความประพฤติของเขาก็ทำให้มองออกว่าการกระทำของเขาสะอาดและซื่อตรงหรือไม่.”—สุภาษิต 20:11, ล.ม.
ข้อแนะ
ให้ทำกิจกรรมที่ช่วยให้เห็นนิสัยของกันและกัน เช่น
● ศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกัน
● สังเกตว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นอย่างไรในเรื่องการประชุมและการประกาศ
● ทำความสะอาดหอประชุมและช่วยโครงการก่อสร้างหอประชุมด้วยกัน
คุณรู้ไหม . . . ?
จากการสำรวจพบว่า คู่สมรสที่นับถือศาสนาต่างกันมักมีโอกาสหย่าร้างกันมากกว่าคู่สมรสที่นับถือศาสนาเดียวกัน.
แผนปฏิบัติการ
ถ้าฉันชอบคนที่ไม่ได้เป็นพยานฯ ฉันจะ ․․․․․
เพื่อจะรู้ว่าคนที่ฉันชอบมีชื่อเสียงอย่างไร ฉันจะ ․․․․․
สิ่งที่ฉันอยากถามพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ․․․․․
คุณคิดอย่างไร?
● คุณมีข้อดีอะไรบ้างที่จะช่วยให้ชีวิตสมรสมีความสุข?
● คุณคิดว่าคู่สมรสของคุณต้องเป็นคนอย่างไร?
● ถ้าคุณแต่งงานกับคนที่ไม่ได้เป็นพยานฯ คุณจะเจอปัญหายุ่งยากอะไรบ้าง?
● คุณจะรู้จักนิสัย ความประพฤติ และชื่อเสียงของคนที่คุณชอบได้อย่างไร?
[คำโปรยหน้า 37]
“แฟนคุณปฏิบัติกับคนในครอบครัวอย่างไร อีกหน่อยเขาก็จะปฏิบัติกับคุณอย่างนั้น.”—โทนี
[กรอบหน้า 34]
“อย่าเข้าเทียมแอก”
คัมภีร์ไบเบิลที่ 2 โครินท์ 6:14 บอกว่า “อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ.” คุณคงยอมรับว่าหลักการนี้ดี. แต่คุณก็ยังชอบคนที่ไม่เชื่อ. ทำไมล่ะ? อาจเพราะเขาสวยหรือหล่อ. มาร์กเล่าว่า “ตอนเรียนพละ ผมเจอสาวคนนี้ประจำ. เธอจะเดินมาหาผมและชวนผมคุยทุกครั้ง. เราเลยสนิทกัน.”
ถ้าคุณรู้จักตัวเองดี มั่นใจในมาตรฐานของพระเจ้า และมีเหตุผลพอที่จะไม่ทำอะไรตามอารมณ์ คุณคงรู้ว่าควรทำอย่างไร. ถึงแม้คนที่คุณชอบจะหน้าตาดี มีเสน่ห์ หรือนิสัยดีแค่ไหน เขาก็ช่วยให้คุณมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าไม่ได้.—ยาโกโบ 4:4
แน่นอน ถ้าคุณยอมสนิทกับเขาจนเป็นแฟนกัน แล้วคิดจะเลิกคงไม่ง่าย. ซินดีเจอเรื่องแบบนี้ เธอเล่าว่า “ฉันร้องไห้ทุกวัน. ฉันคิดถึงแต่หนุ่มคนนั้นแม้แต่ตอนประชุม. ฉันรักเขามากจนคิดว่าถ้าขาดเขาฉันขอตายดีกว่า.” แต่หลังจากนั้นไม่นาน ซินดีเริ่มเข้าใจว่าดีแล้วที่แม่แนะนำเธอไม่ให้คบกับคนที่ไม่มีความเชื่อ. เธอเล่าต่อว่า “ดีที่ฉันเลิกกับเขา. ฉันมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ฉัน.”
คุณตกอยู่ในสภาพเดียวกับซินดีไหม? ถ้าใช่ ก็อย่ารับมือเพียงลำพัง. คุณน่าจะคุยกับพ่อแม่. จิมทำอย่างนั้นเมื่อเขาหลงใหลสาวคนหนึ่งที่โรงเรียน. จิมบอกว่า “ผมขอให้พ่อแม่ช่วย นี่ทำให้ผมเอาชนะความรู้สึกนั้นได้.” ผู้ปกครองในประชาคมก็ช่วยคุณได้. ลองไปหาผู้ปกครองและเล่าเรื่องคุณให้เขาฟังสิ.—ยะซายา 32:1, 2
[กรอบ/ภาพหน้า 39]
แบบสอบถาม
เขาจะเป็นสามีที่ดีไหม?
เขาเป็นคนแบบไหน?
□ เขาใช้อำนาจอย่างไร?—มัดธาย 20:25, 26
□ เขามีเป้าหมายอะไร?—1 ติโมเธียว 4:15
□ ตอนนี้เขาพยายามทำตามเป้าหมายนั้นไหม?—1 โครินท์ 9:26, 27
□ เขาปฏิบัติกับคนในครอบครัวอย่างไร?—เอ็กโซโด 20:12
□ เพื่อนเขาเป็นคนอย่างไร?—สุภาษิต 13:20
□ เขาชอบคุยเรื่องอะไรบ้าง?—ลูกา 6:45
□ เขาคิดอย่างไรในเรื่องเงินทอง?—ฮีบรู 13:5, 6
□ เขาชอบความสนุกสนานประเภทไหน?—บทเพลงสรรเสริญ 97:10
□ คุณเห็นว่าเขารักพระยะโฮวาไหม?—1 โยฮัน 5:3
ข้อดี
□ เขาเป็นคนขยันไหม?—สุภาษิต 6:9-11
□ เขามีความรับผิดชอบในเรื่องเงินไหม?—ลูกา 14:28
□ เขามีชื่อเสียงดีไหม?—กิจการ 16:1, 2
□ เขาเห็นอกเห็นใจคนอื่นไหม?—ฟิลิปปอย 2:4
นิสัยแย่ ๆ ที่ส่อปัญหา
□ เขาโมโหง่ายไหม?—สุภาษิต 22:24
□ เขาพยายามชักจูงคุณให้ทำผิดศีลธรรมทางเพศไหม?—กาลาเทีย 5:19
□ เขาชอบลงไม้ลงมือหรือพูดจาหยาบคายไหม?—เอเฟโซส์ 4:31
□ ถ้าไม่มีแอลกอฮอล์เขาคิดว่าไม่สนุกไหม?—สุภาษิต 20:1
□ เขาเป็นคนขี้อิจฉาหรือคิดถึงแต่ตัวเองไหม?—1 โครินท์ 13:4, 5
[กรอบ/ภาพหน้า 40]
แบบสอบถาม
เธอจะเป็นภรรยาที่ดีไหม?
เธอเป็นคนแบบไหน?
□ เธอเป็นคนยอมอยู่ใต้อำนาจไหมไม่ว่าในครอบครัวหรือในประชาคม?—เอเฟโซส์ 5:21, 22
□ เธอปฏิบัติกับคนในครอบครัวอย่างไร?—เอ็กโซโด 20:12
□ เพื่อนเธอเป็นคนอย่างไร?—สุภาษิต 13:20
□ เธอชอบคุยเรื่องอะไรบ้าง?—ลูกา 6:45
□ เธอคิดอย่างไรในเรื่องเงินทอง?—1 โยฮัน 2:15-17
□ เธอมีเป้าหมายอะไร?—1 ติโมเธียว 4:15
□ ตอนนี้เธอพยายามทำตามเป้าหมายนั้นไหม?—1 โครินท์ 9:26, 27
□ เธอชอบความสนุกสนานประเภทไหน?—บทเพลงสรรเสริญ 97:10
□ คุณเห็นว่าเธอรักพระยะโฮวาไหม?—1 โยฮัน 5:3
ข้อดี
□ เธอเป็นคนขยันไหม?—สุภาษิต 31:17, 19, 21, 22, 27
□ เธอมีความรับผิดชอบในเรื่องเงินไหม?—สุภาษิต 31:16, 18
□ เธอมีชื่อเสียงดีไหม?—ประวัตินางรูธ 3:11
□ เธอเห็นอกเห็นใจคนอื่นไหม?—สุภาษิต 31:20
นิสัยแย่ ๆ ที่ส่อปัญหา
□ เธอชอบหาเรื่องชวนทะเลาะไหม?—สุภาษิต 21:19
□ เธอพยายามชักจูงคุณให้ทำผิดศีลธรรมทางเพศไหม?—กาลาเทีย 5:19
□ เธอชอบลงไม้ลงมือหรือพูดจาหยาบคายไหม?—เอเฟโซส์ 4:31
□ ถ้าไม่มีแอลกอฮอล์เธอคิดว่าไม่สนุกไหม?—สุภาษิต 20:1
□ เธอเป็นคนขี้อิจฉาหรือคิดถึงแต่ตัวเองไหม?—1 โครินท์ 13:4, 5
[ภาพหน้า 30]
ไม่ใช่คุณจะใส่รองเท้าได้ทุกไซส์ เช่นเดียวกันไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับคุณ
[ภาพหน้า 31]
ถ้าจะซื้อรถ คุณคงไม่ดูแต่สภาพภายนอกใช่ไหม? เมื่อเลือกคู่ คุณยิ่งต้องมองลึกกว่าสิ่งที่เห็นภายนอก