บท 12
“ได้รับอำนาจจากพระยะโฮวาให้พูดอย่างกล้าหาญ”
เปาโลกับบาร์นาบัสแสดงความถ่อมตัว ความอดทน และความกล้าหาญ
จากกิจการ 14:1-28
1, 2. เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นตอนที่เปาโลกับบาร์นาบัสอยู่ในเมืองลิสตรา?
เกิดความวุ่นวายในเมืองลิสตรา ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นง่อยตั้งแต่เกิดกระโดดไปมาด้วยความดีใจ มีผู้ชายแปลกหน้าสองคนรักษาเขา ผู้คนรู้สึกทึ่งในสิ่งที่พวกเขาเห็น พวกเขาเชื่อว่าผู้ชายทั้งสองคนนี้เป็นเทพ ปุโรหิตของซุสจึงเอาพวงดอกไม้มาให้ผู้ชายทั้งสอง เขาเอาวัวมาและตั้งใจจะฆ่าพวกมันเพื่อถวายเป็นเครื่องบูชา เปาโลกับบาร์นาบัสพยายามหยุดไม่ให้พวกเขาทำอย่างนั้น ทั้งสองฉีกเสื้อคลุมตัวเองแล้ววิ่งเข้าไปในฝูงชนเพื่อขอร้องฝูงชนไม่ให้นมัสการพวกเขา แต่พวกเขาก็แทบจะห้ามไว้ไม่อยู่
2 จากนั้น มีพวกยิวที่ต่อต้านมาจากเมืองอันทิโอกและเมืองอิโคนียูมในแคว้นปิสิเดีย พวกเขาพูดใส่ร้ายเปาโลกับบาร์นาบัส นี่ทำให้ชาวเมืองลิสตราหันมาเกลียดชังทั้งสอง ฝูงชนที่ก่อนหน้านี้อยากจะนมัสการพวกเขา ตอนนี้มาล้อมเปาโลไว้แล้วเอาหินขว้างเขาจนสลบไป เมื่อได้ระบายความโกรธแค้นจนพอใจแล้ว พวกเขาก็ลากร่างของเปาโลที่ถูกหินขว้างใส่จนฟกช้ำออกไปนอกประตูเมือง เพราะคิดว่าเปาโลตายแล้ว
3. เราจะคุยกันเกี่ยวกับคำถามอะไรบ้างในบทนี้?
3 อะไรทำให้เกิดเหตุการณ์พลิกผันไปอย่างรวดเร็วแบบนี้? ผู้ประกาศข่าวดีในปัจจุบันจะเรียนอะไรได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับบาร์นาบัส เปาโล และชาวเมืองลิสตรา? และคริสเตียนผู้ดูแลจะเลียนแบบตัวอย่างของบาร์นาบัสกับเปาโลได้ยังไง ตอนที่พวกเขารับใช้อย่างอดทนโดย “ได้รับอำนาจจากพระยะโฮวาให้พูดอย่างกล้าหาญ”?—กจ. 14:3
“คน . . . มากมายเข้ามาเป็นสาวก” (กิจการ 14:1-7)
4, 5.ทำไมเปาโลกับบาร์นาบัสเดินทางไปเมืองอิโคนียูม และเกิดอะไรขึ้นที่นั่น?
4 ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น เปาโลกับบาร์นาบัสถูกไล่ออกจากเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดียของโรมหลังจากชาวยิวที่ต่อต้านได้ก่อความยุ่งยากให้พวกเขา แต่แทนที่พวกเขาจะท้อแท้ พวกเขาทั้งสอง “สะบัดฝุ่นออกจากเท้า” เพื่อยืนยันว่าเป็นความผิดของชาวเมืองนั้นที่ไม่ฟังสิ่งที่พวกเขาพูด (กจ. 13:50-52; มธ. 10:14) เปาโลกับบาร์นาบัสจากไปอย่างสันติและปล่อยให้พระเจ้าจัดการกับพวกผู้ต่อต้านเหล่านั้น (กจ. 18:5, 6; 20:26) มิชชันนารี 2 คนนี้ยังคงมีความ สุขตอนที่พวกเขาเดินทางไปประกาศต่อ พวกเขาเดินทางประมาณ 150 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ และพวกเขาก็มาถึงที่ราบสูงที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาทอรัสกับเทือกเขาซัลแทน
5 พอเดินทางมาถึง เปาโลกับบาร์นาบัสแวะที่อิโคนียูมเป็นที่แรก เมืองนี้ยังคงรักษาวัฒนธรรมกรีกและเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญในแคว้นกาลาเทียของโรม a เมืองนี้มีชาวยิวที่มีอิทธิพลและมีคนที่เปลี่ยนมานับถือศาสนายิวจำนวนมาก เปาโลกับบาร์นาบัสเข้าไปในที่ประชุมของชาวยิวเหมือนเคย และพวกเขาก็เริ่มประกาศ (กจ. 13:5, 14) ทั้งสอง “บรรยายได้ดีถึงขนาดที่ทำให้คนยิวและคนกรีกมากมายเข้ามาเป็นสาวกของพระเยซู”—กจ. 14:1
6. อะไรทำให้เปาโลกับบาร์นาบัสบรรยายได้ดีขนาดนั้น และเราจะเลียนแบบพวกเขาได้ยังไง?
6 อะไรทำให้เปาโลกับบาร์นาบัสบรรยายได้ดีขนาดนั้น? เปาโลมีความรู้เกี่ยวกับพระคัมภีร์อย่างดี เขาเชื่อมโยงประวัติศาสตร์ คำพยากรณ์ และกฎหมายของโมเสสได้อย่างดีเพื่อพิสูจน์ว่าพระเยซูเป็นเมสสิยาห์ตามคำสัญญา (กจ. 13:15-31; 26:22, 23) ส่วนบาร์นาบัส ตอนที่เขาพูด เขาจะแสดงความห่วงใยต่อคนอื่น (กจ. 4:36, 37; 9:27; 11:23, 24) ทั้งเปาโลและบาร์นาบัสไม่ได้สอนตามความเข้าใจของตัวเอง แต่สอนโดย “อำนาจจากพระยะโฮวา” คุณจะเลียนแบบมิชชันนารี 2 คนนี้ได้ยังไงตอนที่ประกาศ? คุณต้องคุ้นเคยถ้อยคำของพระเจ้าเป็นอย่างดี เลือกข้อคัมภีร์ที่ผู้ฟังน่าจะสนใจมากที่สุด พยายามหาวิธีให้กำลังใจผู้ฟัง และพึ่งถ้อยคำของพระยะโฮวาเสมอ อย่าพึ่งความสามารถและสติปัญญาของตัวเอง
7. (ก) ผู้คนอาจมีท่าทียังไงต่อข่าวดี? (ข) ถ้าครอบครัวคุณไม่ชอบที่คุณเข้ามานมัสการพระยะโฮวา คุณควรจำอะไรไว้?
7 แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ใช่ทุกคนในเมืองอิโคนียูมชอบฟังสิ่งที่เปาโลกับบาร์นาบัสพูด ลูกาเล่าต่อไปว่า “คนยิวที่ไม่เชื่อได้ยุคนต่างชาติให้เกลียดพวกพี่น้อง” เปาโลกับบาร์นาบัสรู้ว่าพวกเขาต้องอยู่ที่นั่นต่อไปเพื่อพูดปกป้องข่าวดี พวกเขา “จึงอยู่ที่นั่นนานพอสมควร ทั้งสองคน . . . พูดอย่างกล้าหาญ” ผลก็คือ “คนในเมืองนี้ก็แตกแยกกันเป็น 2 พวก พวกหนึ่งเข้าข้างคนยิว อีกพวกหนึ่งเข้าข้างอัครสาวก” (กจ. 14:2-4) ทุกวันนี้ ข่าวดีที่เราประกาศก็อาจส่งผลคล้าย ๆ กัน สำหรับบางคนที่ได้ฟังข่าวดี พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น แต่ก็มีบางคนที่ต่อต้านและทำให้เกิดความแตกแยก (มธ. 10:34-36) หากครอบครัวของคุณไม่ชอบที่คุณมานมัสการพระยะโฮวา ขอจำไว้ว่าหลายครั้งที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะพวกเขาได้ยินข่าวลือที่ไม่เป็นความจริง หรือได้ยินคนอื่นพูดใส่ร้าย แต่ถ้าคุณพยายามทำดีกับครอบครัวต่อ ๆ ไป ความประพฤติของคุณก็อาจช่วยพิสูจน์ว่าข่าวลือที่พวกเขาได้ยินนั้นไม่เป็นความจริง และในที่สุด คนที่ต่อต้านคุณก็อาจเปลี่ยนท่าทีได้—1 ปต. 2:12; 3:1, 2
8. ทำไมเปาโลกับบาร์นาบัสจึงออกจากเมืองอิโคนียูม และเราได้บทเรียนอะไร?
8 หลังจากนั้นไม่นาน พวกผู้ต่อต้านในอิโคนียูมก็วางแผนจะเอาหินขว้างเปาโลกับบาร์นาบัส พอมิชชันนารีทั้งสองรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็ตัดสินใจย้ายไปประกาศในเขตอื่น (กจ. 14:5-7) ในทุกวันนี้ ผู้ประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าก็เป็นคนสุขุมรอบคอบแบบนั้นแหละ ถ้ามีคนมาพูดโจมตี เราก็จะพูดด้วยความกล้าหาญ (ฟป. 1:7; 1 ปต. 3:13-15) แต่ถ้ามีการโจมตีโดยใช้ความรุนแรง เราจะไม่ทำอะไรที่แสดงว่าเราเป็นคนบ้าบิ่นจนทำให้ชีวิตเราและชีวิตของพี่น้องตกอยู่ในอันตรายโดยไม่จำเป็น—สภษ. 22:3
“มาหาพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่” (กิจการ 14:8-19)
9, 10. เมืองลิสตราตั้งอยู่ที่ไหน และเรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับชาวเมืองนี้?
9 เปาโลกับบาร์นาบัสมุ่งหน้าไปเมืองลิสตรา ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของโรม เมืองนี้อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอิโคนียูมห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร ในเมืองลิสตรามีหลายอย่างที่คล้ายกับเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย แต่ที่นั่นไม่มีชุมชนชาวยิวขนาดใหญ่เหมือนเมืองอันทิโอก ถึงแม้ชาวเมืองลิสตราพูดภาษากรีก แต่ภาษาแม่ของพวกเขาคือภาษาลิคาโอเนีย เป็นไปได้ว่าเมืองนี้อาจไม่มีที่ประชุมของชาวยิว เปาโลกับบาร์นาบัสจึงเริ่มประกาศในที่สาธารณะ ตอนเปโตรอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม เขาได้รักษาผู้ชายคนหนึ่งที่พิการมาตั้งแต่เกิด ตอนเปาโลอยู่ในเมืองลิสตรา เขาก็ได้รักษาผู้ชายที่เป็นง่อยมาตั้งแต่เกิด (กจ. 14:8-10) พอผู้คนเห็นการอัศจรรย์ที่เปโตรทำ พวกเขาหลายคนก็ได้เข้ามาเป็นคริสเตียน (กจ. 3:1-10) แต่การอัศจรรย์ที่เปาโลทำกลับส่งผลที่ต่างออกไป
10 เหมือนที่พูดถึงในตอนต้นของบทนี้ เมื่อผู้ชายที่เป็นง่อยกระโดดไปมาแล้วก็เดิน ฝูงชนที่เป็นผู้นมัสการพระนอกรีตในลิสตราคิดว่าเปาโลกับบาร์นาบัสเป็นเทพ พวกเขาเรียกบาร์นาบัสว่าซุส ซึ่งเป็นเทพเจ้าองค์สูงสุดของชาวกรีก และเรียกเปาโลว่าเฮอร์เมส ซึ่งเป็นลูกของซุส และเป็นผู้ส่งข่าวของเทพเจ้าองค์อื่น ๆ (ดูกรอบ “ ลิสตรากับการบูชาซุสและเฮอร์เมส”) แต่บาร์นาบัสกับเปาโลตั้งใจจะทำให้ฝูงชนเข้าใจว่า สิ่งที่พวกเขาพูดและการอัศจรรย์ที่พวกเขาทำ ไม่ได้มา จากอำนาจของพระนอกรีตพวกนั้น แต่มาจากอำนาจของพระยะโฮวา พระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว—กจ. 14:11-14
“เลิกทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้ แล้วมาหาพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ พระองค์เป็นผู้สร้างท้องฟ้า โลก”—กิจการ 14:15
11-13. (ก) เปาโลกับบาร์นาบัสได้พูดอะไรกับชาวเมืองลิสตรา? (ข) เราได้บทเรียนอะไรจากคำพูดของพวกเขา?
11 ถึงแม้ผู้คนจะมีท่าทีแปลก ๆ แบบนั้น แต่เปาโลกับบาร์นาบัสก็ยังพยายามประกาศกับพวกเขา จากเหตุการณ์นี้ ลูกาได้บันทึกวิธีที่เกิดผลในการประกาศข่าวดีกับคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน ขอสังเกตวิธีที่เปาโลกับบาร์นาบัสหาเหตุผลเพื่อเข้าถึงหัวใจผู้ฟัง พวกเขาบอกว่า “พวกคุณทำอย่างนี้ทำไม? เราสองคนเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนพวกคุณนั่นแหละ พวกเรามาประกาศข่าวดีให้พวกคุณเลิกทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้ แล้วมาหาพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ พระองค์เป็นผู้สร้างท้องฟ้า โลก ทะเล และทุกสิ่งในที่เหล่านั้น สมัยก่อนพระเจ้าปล่อยให้คนทุกชาติทำตามใจตัวเอง แต่พระองค์ก็ยังให้หลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับพระองค์เอง โดยการทำดี ให้มีฝนตกจากฟ้า ให้มีพืชผลอย่างอุดมสมบูรณ์ตามฤดู และให้มีอาหารกินอิ่ม ทำให้พวกคุณมีความสุขใจ”—กจ. 14:15-17
12 เราได้บทเรียนอะไรจากสิ่งที่เปาโลกับบาร์นาบัสพูด? อันดับแรก เปาโลกับบาร์นาบัสไม่ได้มองว่าตัวเองเหนือกว่าผู้ฟัง พวกเขาไม่ได้แสร้งทำเหมือนกับว่าพวกเขามีอำนาจพิเศษรักษาคนอื่นได้ แทนที่จะทำอย่างนั้น ทั้งสองยอมรับอย่างถ่อมตัวว่าพวกเขาก็มีข้ออ่อนแอเหมือนกับคนที่ฟังพวกเขา จริงที่เปาโลกับบาร์นาบัสได้รับพลังบริสุทธิ์ เป็นอิสระจากคำสอนเท็จ และมีความหวังที่จะปกครองร่วมกับพระคริสต์ด้วย แต่พวกเขารู้ว่าชาวเมืองลิสตราก็อาจได้รับพรเหล่านั้นด้วยถ้าชาวเมืองนั้นเชื่อฟังพระคริสต์
13 แล้วเราล่ะ เราคิดยังไงกับคนที่เราประกาศให้ฟัง? เรามองว่าเขาเท่าเทียมกับเราไหม? ตอนช่วยคนอื่นให้เรียนความจริงจากคัมภีร์ไบเบิล เราทำเหมือน กับเปาโลและบาร์นาบัสไหม โดยไม่พยายามทำให้ตัวเองได้รับการยกย่อง? ชาลส์ เทซ รัสเซลล์ ผู้สอนที่โดดเด่นซึ่งนำหน้าในงานประกาศในช่วงปี 1870 ถึง 1916 ได้วางตัวอย่างที่ดีไว้ในเรื่องนี้ เขาบอกว่า “เราไม่ต้องการให้ใครมายกย่องตัวเราหรืองานเขียนของเรา เราไม่อยากให้ใครมาเรียกเราว่า สาธุคุณหรือรับบี” พี่น้องรัสเซลล์ถ่อมตัวเหมือนเปาโลกับบาร์นาบัส คล้ายกัน เราไม่ได้ประกาศเพื่อให้ตัวเองได้รับการยกย่อง แต่เราประกาศเพื่อช่วยผู้คนให้มาหา “พระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่”
14-16. บทเรียนที่ 2 และ 3 ที่เราได้เรียนจากเรื่องราวที่เปาโลกับบาร์นาบัสพูดกับชาวเมืองลิสตราคืออะไร?
14 ให้เรามาดูบทเรียนที่ 2 ด้วยกัน เปาโลกับบาร์นาบัสพร้อมจะปรับเปลี่ยน ชาวเมืองลิสตราไม่เหมือนกับชาวยิวและคนที่เปลี่ยนมานับถือศาสนายิวในเมืองอิโคนียูม พวกเขาแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพระคัมภีร์หรือสิ่งที่พระเจ้าได้ทำเพื่อชาติอิสราเอล แต่คนที่ฟังเปาโลกับบาร์นาบัสอยู่ในชุมชนเกษตรกรรม เมืองลิสตรามีอากาศที่อบอุ่นและท้องทุ่งที่อุดมสมบูรณ์ ผู้คนในเมืองนั้นสามารถเห็นหลักฐานมากมายเกี่ยวกับคุณลักษณะของพระเจ้าในสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์สร้าง เช่น ฤดูที่ช่วยให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ มิชชันนารีทั้งสองจึงใช้เรื่องเหล่านี้หาเหตุผลกับผู้ฟัง—รม. 1:19, 20
15 เราพร้อมจะปรับเปลี่ยนด้วยเหมือนกันไหม? ถึงแม้ชาวนาอาจหว่านเมล็ดชนิดเดียวกันในทุ่งนาหลายผืน แต่เขาคงต้องใช้วิธีที่ต่างกันเพื่อเตรียมดิน ดินบางชนิดอาจร่วนซุยอยู่แล้วและพร้อมจะหว่านเมล็ดได้ ดินชนิดอื่นอาจต้องมีการเตรียมมากกว่านั้น คล้ายกัน เมล็ดที่เราหว่านเป็นเมล็ดอย่างเดียวกัน นั่นคือข่าวสารเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล แต่ถ้าเราเลียนแบบเปาโลกับบาร์นาบัส เราก็จะพยายามสังเกตว่าคนที่เราประกาศให้ฟังเป็นคนแบบไหน และนับถือศาสนาอะไร ถ้าเราทำอย่างนั้น เราก็จะประกาศในแบบที่เหมาะกับเขา—ลก. 8:11, 15
16 บทเรียนที่ 3 ที่เราเรียนได้จากเรื่องราวเกี่ยวกับเปาโล บาร์นาบัส และชาวเมืองลิสตรา คือ ถึงแม้เราพยายามสุดความสามารถแล้ว แต่บางครั้งเมล็ดที่เราหว่านอาจถูกฉกฉวยไป หรือไปตกลงบนพื้นหินที่มีหน้าดินตื้น ๆ (มธ. 13:18-21) ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นก็อย่าท้อ เหมือนที่เปาโลได้เตือนสาวกในกรุงโรมในภายหลังว่า “พระเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินเราแต่ละคน [ซึ่งรวมถึงทุกคนที่เราคุยด้วยเรื่องคัมภีร์ไบเบิล] ตามการกระทำของเรา”—รม. 14:12
“ทั้งสองได้ฝากพวกเขาไว้กับพระยะโฮวา” (กิจการ 14:20-28)
17. หลังออกจากเดอร์บีแล้ว เปาโลกับบาร์นาบัสไปที่ไหน และทำไมพวกเขาไปที่นั่น?
17 หลังจากเปาโลถูกลากตัวออกไปนอกเมืองลิสตราเพราะชาวเมืองคิดว่าเขาตายแล้ว พวกสาวกก็มาช่วยเขาและหาที่พักค้างคืนให้เขาด้วย วันรุ่งขึ้น เปาโลกับบาร์นาบัสก็ออกเดินทางไปเมืองเดอร์บีซึ่งอยู่ห่างออกไป 100 กิโลเมตร ลองคิดดูสิว่าเปาโลจะรู้สึกเจ็บปวดมาก ขนาดไหน ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งถูกหินขว้าง แต่เปาโลกับบาร์นาบัสก็อดทน พอมาถึงเมืองเดอร์บี พวกเขาก็ได้ช่วย “หลายคน . . . ให้เข้ามาเป็นสาวก” ต่อจากนั้น แทนที่จะเดินทางในระยะที่สั้นกว่าเพื่อกลับไปเมืองอันทิโอกในแคว้นซีเรียซึ่งเป็นเมืองที่เป็นฐานของพวกเขา คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพวกเขา “ทั้งสองคนก็กลับไปเมืองลิสตรา เมืองอิโคนียูม และเมืองอันทิโอก [ในแคว้นปิสิเดีย]” ทำไมพวกเขายอมเดินทางไกลแบบนั้น? ที่ทำอย่างนั้นก็เพราะพวกเขาอยาก “ให้กำลังใจพวกสาวก โดยกระตุ้นพวกเขาให้มีความเชื่อเข้มแข็ง” (กจ. 14:20-22) สองคนนี้วางตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ! สำหรับพวกเขาแล้ว การช่วยพี่น้องในประชาคมสำคัญกว่าความสะดวกสบายของตัวเอง ผู้ดูแลเดินทางและมิชชันนารีในทุกวันนี้ก็กำลังเลียนแบบตัวอย่างของพวกเขา
18. จะต้องมีการทำอะไรก่อนที่จะแต่งตั้งพี่น้องชายคนหนึ่งให้เป็นผู้ดูแล?
18 นอกจากจะช่วยพวกสาวกให้มีกำลังใจโดยคำพูดและการกระทำแล้ว เปาโลกับบาร์นาบัสยังได้ “แต่งตั้งผู้ดูแลไว้ในแต่ละประชาคม” ถึงแม้ครั้งนี้เปาโลกับบาร์นาบัส “ได้รับการชี้นำจากพลังบริสุทธิ์” ให้เดินทางแบบมิชชันนารี แต่ทั้งสองก็ยังคงอธิษฐานพร้อมกับอดอาหารตอนที่ “ทั้งสอง . . . ได้ฝากพวกเขา [ผู้ดูแล] ไว้กับพระยะโฮวา” (กจ. 13:1-4; 14:23) ในทุกวันนี้ก็มีการทำแบบเดียวกัน ก่อนจะเสนอแนะเพื่อแต่งตั้งพี่น้องชายคนหนึ่ง คณะผู้ดูแลท้องถิ่นจะทบทวนคุณสมบัติของเขาตามหลักพระคัมภีร์พร้อมด้วยการอธิษฐาน (1 ทธ. 3:1-10, 12, 13; ทต. 1:5-9; ยก. 3:17, 18; 1 ปต. 5:2, 3) การที่คนหนึ่งคนใดเป็นคริสเตียนมานานไม่ใช่เหตุผลหลักที่จะตัดสินว่าเขามีคุณสมบัติหรือไม่ แทนที่จะเป็นอย่างนั้น จะมีการทบทวนดูว่าคำพูด การกระทำ และชื่อเสียงของพี่น้องคนนั้นให้หลักฐานไหมว่าเขากำลังได้รับการชี้นำจากพลังบริสุทธิ์ พี่น้องคนนั้นจะต้องบรรลุข้อเรียกร้องสำหรับผู้ดูแลตามที่บอกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น เราถึงจะบอกได้ว่าเขามีคุณสมบัติที่จะรับใช้เป็นผู้ดูแลจริง ๆ (กท. 5:22, 23) ผู้ดูแลหมวดมีหน้าที่แต่งตั้งพี่น้องชายที่มีคุณสมบัติเหล่านั้น—เทียบกับ 1 ทธ. 5:22
19. ผู้ดูแลที่ได้รับการแต่งตั้งรู้เกี่ยวกับอะไร และพวกเขาเลียนแบบเปาโลกับบาร์นาบัสยังไง?
19 ผู้ดูแลที่ได้รับการแต่งตั้งรู้ดีว่าพระเจ้าสนใจว่าพวกเขาดูแลพี่น้องในประชาคมยังไง (ฮบ. 13:17) เหมือนกับเปาโลและบาร์นาบัส ผู้ดูแลนำหน้าในงานประกาศ พวกเขาพูดให้กำลังใจพี่น้อง และมองว่าผลประโยชน์ของพี่น้องในประชาคมสำคัญกว่าความสะดวกสบายของตัวเอง—ฟป. 2:3, 4
20. เราได้รับประโยชน์อะไรเมื่ออ่านเกี่ยวกับงานรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพี่น้องคริสเตียน?
20 ตอนที่เปาโลกับบาร์นาบัสกลับไปถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นซีเรียซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาใช้เป็นฐาน พวกเขาได้เล่า “หลายสิ่งที่พระเจ้าใช้ให้ทั้งสองคนทำ และบอกว่าพระองค์ได้เปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ามาเชื่อ” (กจ. 14:27) เมื่อเราอ่านเกี่ยวกับงานรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพี่น้องคริสเตียน และเห็นวิธีที่พระยะโฮวาอวยพรความพยายามของพวกเขา เราก็จะได้กำลังใจเพื่อจะ “ได้รับอำนาจจากพระยะโฮวาให้พูดอย่างกล้าหาญ” ต่อ ๆ ไป
a ดูกรอบ “ อิโคนียูม—เมืองของชาวฟรีเจีย”