บท 8
เครื่องมือที่ใช้ในงานประกาศ—การพิมพ์หนังสือเพื่อใช้ในเขตงานทั่วโลก
1, 2. (ก) ในศตวรรษแรก อะไรช่วยให้ข่าวดีแพร่กระจายไปทั่วจักรวรรดิโรมัน? (ข) เรามีหลักฐานอะไรที่แสดงว่าพระยะโฮวาสนับสนุนงานของเราในปัจจุบันนี้? (ดูกรอบ “ ข่าวดีมากกว่า 670 ภาษา”)
คนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในกรุงเยรูซาเลมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินคนแกลิลีพูดภาษาต่างประเทศได้คล่องมาก และข่าวสารที่พวกเขาพูดก็จับใจผู้ฟัง ตอนนั้นเป็นวันเพนเทคอสต์ปี ค.ศ. 33 พระเจ้าทำให้สาวกของพระเยซูสามารถพูดภาษาต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เหตุการณ์นี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าพระเจ้าสนับสนุนพวกเขา (อ่านกิจการ 2:1-8, 12, 15-17) ข่าวดีที่พวกเขาประกาศในวันนั้นไปถึงผู้คนที่มีภูมิหลังแตกต่างกัน จากนั้นก็แพร่ไปทั่วทั้งจักรวรรดิโรมัน—โกโล. 1:23
2 ถึงแม้ประชาชนของพระเจ้าในทุกวันนี้ไม่ได้พูดภาษาต่าง ๆ โดยการอัศจรรย์ แต่พวกเขาก็แปลข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรถึง 670 ภาษา ซึ่งมากกว่าในศตวรรษแรกหลายเท่า (กิจ. 2:9-11) ประชาชนของพระเจ้าพิมพ์หนังสือมากมายหลายภาษาขนาดนั้นก็เพื่อให้ข่าวสารนี้แพร่ไปทั่วทุกมุมโลก a เรื่องนี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าพระยะโฮวากำลังใช้กษัตริย์เยซูคริสต์ให้ชี้นำงานประกาศของเรา (มัด. 28:19, 20) ให้เรามาดูเครื่องมือบางอย่างที่เคยใช้ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาซึ่งช่วยแพร่ขยายงานนี้ได้อย่างดีเยี่ยม และขอให้สังเกตวิธีที่กษัตริย์ฝึกสอนเราเป็นขั้น ๆ ให้สนใจผู้คน และสังเกตวิธีที่ท่านสนับสนุนเราให้เป็นครูสอนคัมภีร์ไบเบิล—2 ติโม. 2:2
กษัตริย์เยซูเตรียมเครื่องมือให้ผู้รับใช้หว่านเมล็ดของความจริง
3. ทำไมเราใช้เครื่องมือหลายอย่างในงานประกาศ?
3 พระเยซูเปรียบคำสอนเรื่องราชอาณาจักรเหมือนเมล็ดพืช และเปรียบหัวใจของผู้คนเหมือนดิน (มัด. 13:18, 19) เช่นเดียวกับชาวสวนที่ต้องใช้เครื่องมือหลายอย่างปรับสภาพดินให้พร้อมก่อนที่จะหว่านเมล็ดพืชลงไป ประชาชนของพระยะโฮวาก็ใช้เครื่องมือหลายอย่างเพื่อเตรียมหัวใจผู้คนจำนวนมากให้พร้อมที่จะรับฟังข่าวสารเรื่องราชอาณาจักร เครื่องมือบางอย่างก็เป็นประโยชน์แค่ช่วงเวลาหนึ่ง ส่วนเครื่องมืออื่น ๆ ก็ยังใช้งานได้ดีมาตลอด เช่น หนังสือหรือวารสาร ในบทก่อน เราได้พูดถึงวิธีที่ใช้ในการสื่อสารกับผู้คนจำนวนมาก เช่น วิทยุหรือหนังสือพิมพ์ แต่ในบทนี้เราจะพูดถึงเครื่องมือที่ช่วยผู้ประกาศให้สามารถเข้าหาและพูดคุยกับผู้คนโดยตรง—กิจ. 5:42; 17:2, 3
การผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงและเครื่องเสียง ในเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา
4, 5. มีการใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียงอย่างไร แต่วิธีนี้มีข้อเสียอะไร?
4 คำบรรยายที่บันทึกบนแผ่นเสียง ในช่วงทศวรรษ 1930 ถึง 1940 ผู้ประกาศใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบกระเป๋าหิ้วเพื่อเปิดเสียงคำบรรยายให้เจ้าของบ้านฟัง คำบรรยายแต่ละเรื่องยาวไม่ถึง 5 นาที บางครั้งก็เป็นหัวเรื่องสั้น ๆ เช่น “ตรีเอกานุภาพ” “ไฟชำระ” และ “ราชอาณาจักร” มีการใช้แผ่นเสียงเหล่านั้นอย่างไร? พี่น้องเคลย์ตัน เจ. วูดเวิร์ท จูเนียร์ที่รับบัพติสมาในสหรัฐปี 1930 เล่าว่า “ผมหิ้วกระเป๋าใบเล็ก ๆ ไปด้วย มันเป็นกระเป๋าที่ใส่เครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบไขลาน และมีก้านหัวเข็มแบบถอนได้ซึ่งผมต้องวางตรงขอบแผ่นเสียงพอดีเวลาเริ่มเล่น ผมจะไปที่หน้าประตูบ้าน เปิดกระเป๋า วางก้านหัวเข็ม แล้วก็กดกริ่งเรียกเจ้าของบ้าน พอเขาเปิดประตู ผมก็พูดว่า ‘ผมมีข่าวสารสำคัญอยากให้คุณฟัง’” ผู้คนตอบรับอย่างไร? พี่น้องวูดเวิร์ทบอกว่า “หลายคนชอบมาก แต่ก็มีบางคนปิดประตูใส่เรา บางครั้งพวกเขาคิดว่าเรามาขายเครื่องเล่นแผ่นเสียง”
พอถึงปี 1940 คำบรรยายเรื่องต่าง ๆ ก็มีให้ฟังได้มากถึง 90 กว่าเรื่อง และมีการทำแผ่นเสียงมากกว่า 1 ล้านแผ่น
5 พอถึงปี 1940 มีคำบรรยายต่าง ๆ ให้ผู้คนฟังได้มากกว่า 90 เรื่อง และมีการทำแผ่นเสียงมากกว่า 1 ล้านแผ่น จอห์น อี. บาร์ ซึ่งในเวลานั้นเป็นไพโอเนียร์อยู่ในอังกฤษและตอนหลังก็เป็นคณะกรรมการปกครอง เล่าว่า “ในช่วงปี 1936-1945 เครื่องเล่นแผ่นเสียงเป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจที่ไปไหนมาไหนกับผมตลอด ที่จริง ในสมัยที่ผมเป็นไพโอเนียร์ ถ้าไม่มีเครื่องเล่นนี้ ผมก็ขาดความมั่น ใจไปเลย เพราะเสียงของพี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดที่ได้ยินจากหน้าประตูบ้านทำให้ผมมีกำลังใจมากจริง ๆ เหมือนเขากำลังยืนอยู่ตรงนั้นด้วย แต่เมื่อประกาศโดยใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียง เราก็ไม่มีโอกาสสอนแบบที่เข้าถึงหัวใจของผู้คน”
6, 7. (ก) บัตรประกาศข่าวดีมีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง? (ข) สำนวนที่ว่า พระยะโฮวา ‘ใส่คำของพระองค์ไว้ในปากเรา’ หมายความว่าอย่างไร?
6 บัตรประกาศข่าวดี เริ่มตั้งแต่ปี 1933 มีการสนับสนุนให้ผู้ประกาศใช้บัตรนี้เมื่อไปตามบ้าน บัตรนี้มีขนาด 3 คูณ 5 นิ้ว มีข้อความสั้น ๆ เรื่องพระคัมภีร์และยังบอกว่ามีหนังสืออะไรบ้างเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลที่เจ้าของบ้านจะรับได้ ผู้ประกาศเพียงแต่ยื่นบัตรและขอให้เจ้าของบ้านอ่าน ลิเลียน แคมเมรูด ซึ่งตอนหลังไปเป็นไพโอเนียร์อยู่ที่เปอร์โตริโกและอาร์เจนตินาพูดว่า “ฉันดีใจที่มีบัตรประกาศข่าวดี” ทำไมล่ะ? เธอบอกว่า “เพราะไม่ใช่ทุกคนจะพูดเก่ง บัตรนี้ช่วยให้ฉันกล้าเข้าหาผู้คนมากขึ้น”
บัตรประกาศข่าวดี (ภาษาอิตาลี)
7 เดวิด รูช พี่น้องที่รับบัพติสมาในปี 1918 บอกว่า “บัตรประกาศข่าวดีนี้ช่วยได้มาก เพราะพี่น้องส่วนใหญ่รู้สึกว่าตัวเองพูดไม่เก่ง” แต่บัตรนี้ก็มีข้อจำกัด พี่น้องรูชบอกว่า “บางครั้งเราเจอคนที่คิดว่าเราเป็นใบ้ และในแง่หนึ่งเราก็เป็นเหมือนคนใบ้เพราะเราประกาศไม่เป็น แต่พระยะโฮวากำลังเตรียมพวกเราที่เป็นผู้รับใช้ ให้ออกไปพบปะและพูดกับคนมากมาย แต่อีกไม่นานพระเจ้าจะเอาคำของพระองค์ใส่ในปากเรา พระองค์จะสอนเราให้รู้จักใช้พระคัมภีร์ตอนที่ประกาศตามบ้าน โดยทางโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าที่เริ่มในปี 1943”—อ่านยิระมะยา 1:6-9
8. คุณจะยอมให้พระคริสต์ฝึกสอนคุณได้อย่างไร?
8 หนังสือ เริ่มตั้งแต่ปี 1914 ประชาชนของพระยะโฮวาได้พิมพ์หนังสือที่อธิบายหัวเรื่องต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลมากกว่า 100 เล่ม ซึ่งบางเล่มก็จัดทำขึ้นเพื่อฝึกสอนให้ผู้รับใช้ของพระองค์ประกาศได้ดีขึ้น อันนา ลาร์เซนซึ่งเป็นผู้ประกาศในเดนมาร์กประมาณ 70 ปีมาแล้วพูดว่า “พระยะโฮวาช่วยเราให้ประกาศได้ดีขึ้น โดยทางโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าและหนังสือคู่มือโรงเรียนที่เราได้รับ ฉันยังจำได้ว่าคู่มือเล่มแรกที่ออกในปี 1945 ก็คือ คู่มือช่วยผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ) ตามด้วยหนังสือ “ถูกเตรียมไว้พร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง” (ภาษาอังกฤษ) ที่พิมพ์ในปี 1946 และตอนนี้ก็มีหนังสือการรับประโยชน์จากโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้า ที่พิมพ์เมื่อปี 2001” โรงเรียนการรับใช้ฯและคู่มือต่าง ๆ เป็นเครื่องมือสำคัญที่พระยะโฮวาใช้เพื่อช่วยเราให้มี “คุณสมบัติที่เหมาะสำหรับการเป็นผู้รับใช้” (2 โค. 3:5, 6) คุณสมัครเป็นนักเรียนในโรงเรียนนี้ไหม? เมื่อไปประชุม คุณเอาหนังสือโรงเรียนการรับใช้ ไปด้วยทุกสัปดาห์ไหม? เมื่อครูโรงเรียนอ้างถึงบทเรียนต่าง ๆ คุณเปิดและดูตามไปด้วยไหม? การทำอย่างนั้นแสดงว่า คุณยอมให้พระคริสต์สอนคุณให้เป็นครูที่ดีขึ้น—2 โค. 9:6; 2 ติโม. 2:15
9, 10. หนังสือช่วยหว่านและรดน้ำเมล็ดของความจริงอย่างไร?
9 พระยะโฮวายังช่วยเราโดยให้องค์การของพระองค์จัดเตรียมหนังสือเพื่อช่วยให้ผู้ประกาศอธิบายคำสอนพื้นฐานของคัมภีร์ไบเบิลได้ หนังสือความจริงซึ่งนำไปสู่ชีวิตถาวร พิมพ์ครั้งแรกปี 1968 และผลดีก็เกิดขึ้นทันตา พระราชกิจ (ปัจจุบันคือ งานรับใช้พระเจ้า ) ฉบับพฤศจิกายน 1968 กล่าวว่า “ยอดสั่งหนังสือความจริง มีเยอะมากจนโรงงานของสมาคมที่บรุกลินต้องเพิ่มการทำงานกะกลางคืนขึ้นอีกกะหนึ่งในเดือนกันยายน” บทความนั้นยังบอกอีกว่า “มีอยู่ช่วงหนึ่งในเดือนสิงหาคม ยอดสั่งหนังสือความจริง มีมากกว่าจำนวนที่เรามีอยู่ถึง 1 ล้าน 5 แสนเล่ม!” พอถึงปี 1982 หนังสือเล่มนี้ก็ได้พิมพ์ออกไปแล้วกว่า 100 ล้านเล่มใน 116 ภาษา และในช่วง 14 ปี คือตั้งแต่ปี 1968-1982 หนังสือความจริง ก็ช่วยคนมากกว่า 1 ล้านคนให้เข้ามาเป็นผู้ประกาศเรื่องราชอาณาจักร b
10 ในปี 2005 มีการออกคู่มือเรียนคัมภีร์ไบเบิลที่ดีมากอีกเล่มหนึ่งคือ คัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริงๆ? หนังสือเล่มนี้พิมพ์ไปแล้วประมาณ 200 ล้านเล่มใน 256 ภาษา! ผลเป็นอย่างไร? ตั้งแต่ปี 2005-2012 เพียง 7 ปีก็มีคนเข้ามาเป็นผู้ประกาศข่าวดีเพิ่มราว ๆ 1 ล้าน 2 แสนคน ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ จำนวนคนที่เข้ามาเรียนคัมภีร์ไบเบิลก็เพิ่มขึ้นจากประมาณ 6 ล้านคนเป็นมากกว่า 8 ล้าน 7 แสนคน เห็นได้ชัดว่าพระยะโฮวาอวยพรความพยายามของเราในการหว่านและรดน้ำเมล็ดของความจริงเรื่องราชอาณาจักร—อ่าน 1 โครินท์ 3:6, 7
11, 12. ตามข้อคัมภีร์ที่อ้างถึงนี้ วารสารของเราทำขึ้นเพื่อกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใดบ้าง?
11 วารสาร ในตอนเริ่มต้น ผู้อ่านที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของหอสังเกตการณ์ อันดับแรกก็คือ “แกะฝูงน้อย” ซึ่ง “ถูกเรียกสู่สวรรค์” (ลูกา 12:32; ฮีบรู 3:1) ในวันที่ 1 ตุลาคม 1919 องค์การของพระยะโฮวาได้ออกวารสารอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อผู้อ่านทั่วไป นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและผู้อ่านคนอื่น ๆ ชอบวารสารนี้มากจนทำให้มียอดจำหน่ายพุ่งสูงขึ้นแซงหน้าหอสังเกตการณ์ เป็นเวลาหลายปี วารสารนี้ในตอนแรกมีชื่อว่า เดอะ โกลเดน เอจ ในปี 1937 มีการเปลี่ยนชื่อเป็นคอนโซเลชัน พอถึงปี 1946 วารสารนี้ก็เป็นที่รู้จักในชื่อ ตื่นเถิด!
12 ตลอดหลายสิบปีมานี้ มีการเปลี่ยนรูปแบบของหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! หลายครั้ง แต่จุดประสงค์ก็ยังเหมือนเดิม คือเพื่อโฆษณาราชอาณาจักรของพระเจ้า และช่วยให้ผู้อ่านมีความเชื่อในคัมภีร์ไบเบิล ปัจจุบันมีการพิมพ์หอสังเกตการณ์ แยกเป็นฉบับศึกษาและฉบับสาธารณะ ผู้อ่านที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของฉบับศึกษาคือ “พวกคนรับใช้” ซึ่งมีทั้ง “แกะฝูงน้อย” และ “แกะอื่น” c (มัด. 24:45; โย. 10:16) ส่วนฉบับสาธารณะก็ทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อคนที่ยังไม่รู้ความจริง แต่ก็นับถือพระเจ้าและคัมภีร์ไบเบิล (กิจ. 13:16) ส่วน ผู้อ่านกลุ่มเป้าหมายของตื่นเถิด! คือ คนที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องคัมภีร์ไบเบิลและพระยะโฮวาพระเจ้าองค์เที่ยงแท้—กิจ. 17:22, 23
13. คุณรู้สึกว่าวารสารของเราน่าทึ่งอย่างไร? (ดูแผนภูมิ “ สถิติโลกด้านสิ่งพิมพ์”)
13 พอถึงต้นปี 2014 มีการพิมพ์ตื่นเถิด! มากกว่า 44 ล้านเล่มใน 100 ภาษา และหอสังเกตการณ์ ราว ๆ 46 ล้านเล่มกว่า 200 ภาษาในแต่ละเดือน วารสารทั้ง 2 ฉบับจึงเป็นหนังสือที่แปลและแจกจ่ายมากที่สุดในโลก! และตัวเลขที่น่าทึ่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อ เพราะวารสารเหล่านี้มีข่าวสารที่พระเยซูบอกไว้ว่าจะได้รับการประกาศไปทั่วแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่—มัด. 24:14
14. เรื่องอะไรที่มีการสนับสนุนให้ทำอย่างกระตือรือร้น และทำไม?
14 คัมภีร์ไบเบิล ในปี 1896 รัสเซลล์กับเพื่อน ๆ ได้เปลี่ยนชื่อนิติบุคคลที่ใช้พิมพ์หนังสือ เพื่อให้มีคำว่า “ไบเบิล” รวมอยู่ด้วย นิติบุคคลนี้จึงเป็นที่รู้จักในชื่อสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ ชื่อนี้เหมาะมากเพราะคัมภีร์ไบเบิลเป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ในการเผยแพร่ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรมาตลอด (ลูกา 24:27) สอดคล้องกับชื่อนิติบุคคลตามกฎหมายนี้ ผู้รับใช้ของพระเจ้าแจกจ่ายและสนับสนุนผู้อื่นให้อ่านคัมภีร์ไบเบิลอย่างจริงจัง อย่างเช่น ในปี 1926 เราได้พิมพ์พระคัมภีร์ฉบับหนึ่งในโรงพิมพ์ของเรา คือ ดิ เอมฟาติก ไดอะกลอตต์ ซึ่งเป็นฉบับแปลพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกของเบนจามิน วิลสัน เริ่มตั้งแต่ปี 1942 เราพิมพ์และแจกจ่ายพระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์ แบบครบชุดไปราว ๆ 700,000 เล่ม และเพียง 2 ปีต่อมา เราก็เริ่มพิมพ์ฉบับแปลอเมริกันสแตนดาร์ด ซึ่งมีชื่อพระยะโฮวาถึง 6,823 ครั้ง พอถึงปี 1950 เราก็แจกจ่ายไปแล้วกว่า 250,000 เล่ม
15, 16. (ก) คุณคิดว่าอะไรทำให้ฉบับแปลโลกใหม่ มีคุณค่ามากจริง ๆ? (ดูกรอบ “ เร่งงานแปลพระคัมภีร์”) (ข) คุณจะให้พระยะโฮวาเข้ามาในหัวใจคุณได้อย่างไร?
15 ในปี 1950 มีการออกพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับแปลโลกใหม่ และในปี 1961 ก็ออกพระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่ แบบครบชุด ฉบับแปลนี้ให้เกียรติพระยะโฮวาโดยใส่ชื่อของพระองค์ไว้ที่เดิมตามต้นฉบับภาษาฮีบรู นอกจากนี้ มีการใส่ชื่อของพระเจ้าถึง 237 ครั้งไว้ในข้อความหลักของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก และเพื่อให้แน่ใจว่ามีการแปลอย่างถูกต้องและอ่านเข้าใจง่ายจริง ๆ เราจึงแก้ไขและปรับปรุงฉบับแปลโลกใหม่ อีกหลายครั้ง ครั้งล่าสุดก็คือฉบับที่ออกในปี 2013 ซึ่งปีนั้นเองมีการพิมพ์ฉบับแปลโลกใหม่ มากกว่า 201 ล้านเล่มใน 121 ภาษา ทั้งแบบครบชุดหรือเฉพาะบางส่วน
16 บางคนรู้สึกอย่างไร เมื่อได้อ่านพระคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่ ในภาษาของเขาเอง? ชายชาวเนปาลคนหนึ่งบอกว่า “หลายคนรู้สึกว่าฉบับแปลเก่าในภาษาเนปาลที่เรามีอยู่นั้นเข้าใจยาก เพราะใช้ภาษาโบราณ แต่ตอนนี้เราอ่านคัมภีร์ไบเบิลเข้าใจขึ้นเยอะเลย เพราะฉบับแปลโลกใหม่ ใช้ภาษาที่เราพูดกัน ทุกวันอยู่แล้ว” เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งในสาธารณรัฐแอฟริกากลางเริ่มอ่านพระคัมภีร์ที่แปลเป็นภาษาซังโก เธอร้องไห้และก็พูดว่า “นี่เป็นภาษาที่เข้าถึงหัวใจฉันจริง ๆ” เหมือนกับผู้หญิงคนนี้ เราเปิดรับพระยะโฮวาเข้ามาในหัวใจเราได้ ถ้าอ่านคำสอนของพระองค์ทุกวัน—เพลง. 1:2; มัด. 22:36, 37
เห็นคุณค่าเครื่องมือและการฝึกสอนที่ได้รับ
17. (ก) คุณจะทำอย่างไรเพื่อแสดงว่าคุณเห็นคุณค่าเครื่องมือและการฝึกสอนต่าง ๆ ที่ได้รับ? (ข) ถ้าคุณทำอย่างนั้น ผลจะเป็นอย่างไร?
17 คุณเห็นคุณค่าเครื่องมือต่าง ๆ และการฝึกสอนเป็นขั้น ๆ ที่ได้รับจากกษัตริย์เยซูคริสต์ไหม? คุณจัดเวลาอ่านหนังสือที่องค์การของพระเจ้าทำขึ้นไหม? และคุณใช้ความรู้เหล่านั้นเพื่อช่วยคนอื่น ๆ ไหม? ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณก็คงจะมีความรู้สึกแบบเดียวกับโอเปิล เบ็ทเลอร์ พี่น้องหญิงที่รับบัพติสมาเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1914 โอเปิลเล่าว่า “ฉันกับสามี [เอ็ดเวิร์ด] ใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียงและบัตรประกาศข่าวดีอยู่หลายปี เราไปประกาศตามบ้าน เอาหนังสือต่าง ๆ และวารสารไปด้วย เราไปรณรงค์และเดินขบวนประกาศ รวมทั้งแจกจ่ายใบปลิว ต่อมา เราได้รับการฝึกสอนให้รู้วิธีกลับเยี่ยมผู้คน และถ้าเขาอยากเรียน เราก็ไปสอนคัมภีร์ไบเบิลให้เขาที่บ้าน เราทำงานไม่หยุดแต่ก็มีความสุขมาก” พระเยซูสัญญาว่าประชาชนของท่านจะหว่านและเก็บเกี่ยวด้วยกันอย่างมีความสุข หลายล้านคนก็รู้สึกเหมือนโอเปิลและยืนยันว่าพวกเขามีความสุขจริง ๆ ตามที่พระเยซูสัญญา—อ่านโยฮัน 4:35, 36
18. เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานอะไร?
18 หลายคนที่ยังไม่ได้เป็นผู้รับใช้ของกษัตริย์เยซูอาจมองว่าประชาชนของพระเจ้าเป็นคนธรรมดา หรือ “สามัญชนที่เรียนมาน้อย” (กิจ. 4:13) แต่ลองคิดดูสิ! กษัตริย์ทำให้คนธรรมดากลายเป็นผู้ผลิตหนังสือรายใหญ่ และหนังสือบางเล่มก็แปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากที่สุดและแจกจ่ายอย่างกว้างขวางที่สุดเป็นประวัติการณ์! สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ท่านได้ฝึกสอนและกระตุ้นเราให้ใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อเผยแพร่ข่าวดีไปถึงคนทุกชาติ เรารู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้ทำงานร่วมกับพระคริสต์ในการหว่านเมล็ดของความจริงและรวบรวมสาวก!
a เฉพาะช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ ประชาชนของพระยะโฮวาได้พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลมากกว่า 2 หมื่นล้านเล่ม นอกจากนี้ เรายังทำเว็บไซต์ jw.org ที่ตอนนี้ผู้คนทั่วโลกมากกว่า 2,700 ล้านคนเข้าไปอ่านได้ทางอินเทอร์เน็ต
b คู่มือศึกษาคัมภีร์ไบเบิลบางเล่มที่ช่วยผู้ประกาศสอนความจริง คือ พิณของพระเจ้า (ปี 1921, ภาษาอังกฤษ) “จงให้พระเจ้าเป็นองค์สัตย์จริง” (ปี 1946) ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปในอุทยานบนแผ่นดินโลก (ปี 1982) และความรู้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์ (ปี 1995)
c ดูหอสังเกตการณ์ 15 กรกฎาคม 2013 หน้า 23 วรรค 13 ซึ่งพูดถึงความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องที่ว่า “พวกคนรับใช้” รวมถึงใครบ้าง