ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

บท 35

คำบรรยายบนภูเขา

คำบรรยายบนภูเขา

มัทธิว 5:1-7:29 ลูกา 6:17-49

  • คำ​บรรยาย​บน​ภูเขา

พระ​เยซู​อธิษฐาน​มา​ทั้ง​คืน​และ​เลือก​อัครสาวก 12 คน ตอน​นี้​เช้า​แล้ว ท่าน​คง​เหนื่อย แต่​ก็​ยัง​มี​แรง​เหลือ​และ​ยัง​อยาก​จะ​ช่วย​ผู้​คน ท่าน​จึง​ไป​ที่​แถบ​ภูเขา คง​ไม่​ไกล​จาก​เมือง​คาเปอร์นาอุม​ซึ่ง​เป็น​ที่​พัก​ประจำ​ของ​ท่าน​ระหว่าง​ทำ​งาน​รับใช้​ใน​แคว้น​กาลิลี

คน​จำนวน​มาก​เดิน​ทาง​ไกล​มา​หา​พระ​เยซู บาง​คน​มา​จาก​ทาง​ใต้ จาก​กรุง​เยรูซาเล็ม จาก​ที่​อื่น ๆ ใน​แคว้น​ยูเดีย และ​จาก​เมือง​ชายฝั่ง​ที่​ชื่อ​ไทระ​และ​ไซดอน​ซึ่ง​อยู่​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ตก​เฉียง​เหนือ พวก​เขา​มา “เพื่อ​ฟัง​พระ​เยซู​และ​ให้​ท่าน​รักษา​โรค” แล้ว​พระ​เยซู​ก็ “ทำ​ให้​ทุก​คน​หาย​โรค” ลอง​คิด​ดู​สิ คน​ป่วย​ทุก​คน ได้​รับ​การ​รักษา​ให้​หาย! นอก​จาก​นั้น พระ​เยซู​ดู​แล “คน​ที่​ทน​ทุกข์​เพราะ​ถูก​ปีศาจ​สิง” ปีศาจ​เหล่า​นั้น​คือ​พวก​ทูตสวรรค์​ชั่ว​ของ​ซาตาน—ลูกา 6:17-19

ต่อ​จาก​นั้น พระ​เยซู​ไป​นั่ง​อยู่​แถว ๆ ที่​ราบ​บน​ภูเขา ผู้​คน​มา​นั่ง​ล้อม​รอบ​ท่าน สาวก​ก็​มา​นั่ง​อยู่​ใกล้ ๆ แต่​อัครสาวก​ทั้ง 12 คน​คง​อยู่​ใกล้​ท่าน​ที่​สุด ทุก​คน​รอ​อย่าง​ใจจดใจจ่อ​ที่​จะ​ฟัง​คำ​สอน​ของ​ครู​คน​นี้​ซึ่ง​มี​อำนาจ​ทำ​การ​อัศจรรย์​มาก​มาย ใน​วัน​นั้น ผู้​ฟัง​ได้​รับ​ประโยชน์​จาก​คำ​สอน​ของ​พระ​เยซู แต่​จน​ถึง​ตอน​นี้ ผู้​คน​อีก​นับ​ไม่​ถ้วน รวม​ทั้ง​พวก​เรา​ก็​ได้​รับ​ประโยชน์​ด้วย เพราะ​พระ​เยซู​สอน​หลัก​ความ​จริง​ที่​ลึกซึ้ง​ใน​วิธี​ที่​ชัดเจน​และ​เข้าใจ​ง่าย ท่าน​ใช้​ตัว​อย่าง​ที่​ผู้​คน​คุ้น​เคย​ดี คน​ที่​อยาก​มี​ชีวิต​ที่​ดี​ขึ้น​และ​อยาก​ทำ​ให้​พระเจ้า​พอ​ใจ​เลย​สามารถ​เข้าใจ​หลักการ​ต่าง ๆ ได้​ไม่​ยาก ขอ​ลอง​อ่าน​ดู​ว่า​เรา​จะ​เรียน​อะไร​ได้​บ้าง​จาก​คำ​บรรยาย​บน​ภูเขา

ใคร​คือ​คน​ที่​มี​ความ​สุข​จริง ๆ?

พระ​เยซู​รู้​ว่า​ใคร ๆ ก็​อยาก​มี​ความ​สุข ท่าน​จึง​เริ่ม​บรรยาย​โดย​พูด​ถึง​คน​ที่​มี​ความ​สุข​จริง ๆ ทุก​คน​คง​ตั้ง​ตา​รอ​ฟัง แต่​พวก​เขา​อาจ​รู้สึก​งง​กับ​บาง​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​พูด

ท่าน​พูด​ว่า “คน​ที่​รู้​ตัว​ว่า​จำเป็น​ต้อง​พึ่ง​พระเจ้า​ก็​มี​ความ​สุข เพราะ​รัฐบาล​สวรรค์​เป็น​ของ​เขา คน​ที่​โศก​เศร้า​ก็​มี​ความ​สุข เพราะ​เขา​จะ​ได้​รับ​การ​ปลอบ​ใจ . . . คน​ที่​กระหาย​อยาก​เห็น​ความ​ยุติธรรม​ก็​มี​ความ​สุข เพราะ​เขา​จะ​อิ่ม​ใจ​ที่​ได้​รับ​ความ​ยุติธรรม . . . คน​ที่​ถูก​ข่มเหง​เพราะ​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง​ก็​มี​ความ​สุข เพราะ​รัฐบาล​สวรรค์​เป็น​ของ​เขา เมื่อ​คุณ​โดน​คน​อื่น​ข่มเหง ด่า​ว่า . . . เพราะ​ติด​ตาม​ผม คุณ​ก็​มี​ความ​สุข”—มัทธิว 5:3-12

พระ​เยซู​พูด​ถึง “ความ​สุข” แบบ​ไหน? ท่าน​ไม่​ได้​พูด​ถึง​ความ​สนุกสนาน​ร่าเริง​หรือ​เสียง​หัวเราะ​ใน​ช่วง​เวลา​ดี ๆ ความ​สุข​แท้​มี​ความ​หมาย​ลึกซึ้ง​กว่า​นั้น เป็น​ความ​รู้สึก​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ​ใน​สิ่ง​ที่​มี และ​รู้​ว่า​มี​ชีวิต​อยู่​เพื่อ​อะไร

พระ​เยซู​บอก​ว่า​คน​ที่​รู้​ตัว​ว่า​ต้อง​พึ่ง​พระเจ้า คน​ที่​โศก​เศร้า​เพราะ​รู้​ว่า​ตัว​เอง​เป็น​คน​บาป คน​ที่​ได้​มา​รู้​จัก​และ​รับใช้​พระเจ้า เป็น​คน​เพียง​กลุ่ม​เดียว​ที่​มี​ความ​สุข​จริง ๆ ถึง​แม้​พวก​เขา​จะ​ถูก​เกลียด​ชัง​หรือ​ถูก​ข่มเหง​จาก​การ​ทำ​ตาม​ที่​พระเจ้า​สอน พวก​เขา​ก็​มี​ความ​สุข​เพราะ​รู้​ว่า​กำลัง​ทำ​ให้​พระเจ้า​มี​ความ​สุข พวก​เขา​รู้​ว่า​จะ​ได้​ชีวิต​ตลอด​ไป​เป็น​รางวัล

หลาย​คน​คิด​ว่า​ถ้า​เขา​มี​เงิน​เยอะ​และ​ได้​ทำ​ทุก​อย่าง​ตาม​ใจ​ต้องการ เขา​จะ​มี​ความ​สุข แต่​ผู้​ฟัง​คง​รู้สึก​แปลก​ใจ​เพราะ​พระ​เยซู​สอน​ตรง​กัน​ข้าม ท่าน​บอก​ว่า “พวก​คุณ​ที่​เป็น​คน​รวย​ก็​น่า​สงสาร เพราะ​คุณ​มี​พร้อม​ทุก​อย่าง​แล้ว พวก​คุณ​ที่​อิ่ม​อยู่​ตอน​นี้​ก็​น่า​สงสาร เพราะ​คุณ​จะ​ต้อง​หิว พวก​คุณ​ที่​หัวเราะ​อยู่​ตอน​นี้​ก็​น่า​สงสาร เพราะ​คุณ​จะ​ต้อง​ทุกข์​ใจ​และ​ร้องไห้ เมื่อ​ทุก​คน​ยกย่อง​พวก​คุณ พวก​คุณ​ก็​น่า​สงสาร เพราะ​บรรพบุรุษ​ของ​พวก​เขา​ก็​ยกย่อง​พวก​ผู้​พยากรณ์​เท็จ​อย่าง​นั้น​เหมือน​กัน”—ลูกา 6:24-26

ทำไม​คน​รวย คน​ที่​หัวเราะ และ​คน​ที่​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​จึง​น่า​สงสาร? คน​ที่​ห่วง​แต่​เรื่อง​เงิน ๆ ทอง ๆ คิด​แต่​จะ​สนุกสนาน และ​ชอบ​ให้​คน​ยกย่อง​คง​ไม่​สนใจ​ที่​จะ​รับใช้​พระเจ้า เขา​เลย​ไม่​มี​ความ​สุข​แท้ พระ​เยซู​ไม่​ได้​บอก​ว่า​ต้อง​จน​ต้อง​หิว​ถึง​จะ​มี​ความ​สุข แต่​คน​ที่​ตอบรับ​คำ​สอน​ของ​พระ​เยซู​มัก​จะ​เป็น​คน​ที่​ไม่​ได้​มี​พร้อม​ทุก​อย่าง และ​การ​ตอบรับ​นั้น​ทำ​ให้​พวก​เขา​เป็น​คน​ที่​มี​ความ​สุข​จริง ๆ

พระ​เยซู​นึก​ถึง​สาวก​ของ​ท่าน ตอน​ที่​พูด​ว่า “คุณ​เป็น​เหมือน​เกลือ​ใน​โลก​นี้” (มัทธิว 5:13) นี่​เป็น​การ​พูด​เปรียบ​เทียบ เกลือ​เป็น​วัตถุ​ดิบ​ที่​ใช้​ใน​การ​ถนอม​อาหาร ปกติ​แล้ว​จะ​มี​เกลือ​จำนวน​มาก​วาง​ไว้​ข้าง​แท่น​บูชา​ใน​วิหาร​ของ​พระเจ้า​เพื่อ​ใช้​โรย​บน​เครื่อง​บูชา และ​เกลือ​ก็​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​อิสระ​จาก​ความ​เสื่อม​ทราม​และ​ความ​เน่า​เปื่อย​ด้วย (เลวีนิติ 2:13; เอเสเคียล 43:23, 24) สาวก​ของ​พระ​เยซู​เป็น​เหมือน “เกลือ​ใน​โลก​นี้” เพราะ​พวก​เขา​ส่ง​ผล​ดี​ต่อ​คน​อื่น พวก​เขา​ช่วย​ถนอม​รักษา​ผู้​คน​ไว้​จาก​ความ​เสื่อม​ทราม​ด้าน​ศีลธรรม​และ​ป้องกัน​การ​สูญ​เสีย​สาย​สัมพันธ์​กับ​พระเจ้า ข่าวสาร​ที่​พวก​เขา​ประกาศ​ช่วย​รักษา​ชีวิต​ของ​คน​ที่​ยอม​ฟัง​ด้วย

พระ​เยซู​บอก​สาวก​ด้วย​ว่า “คุณ​เป็น​เหมือน​แสง​สว่าง​ของ​โลก” ถ้า​คน​เรา​จุด​ตะเกียง​แล้ว ก็​คง​ไม่​เอา​ถัง​ครอบ​ไว้ แต่​จะ​ตั้ง​ไว้​บน​เชิง​ตะเกียง​เพื่อ​ให้​แสง​สว่าง​กับ​ทุก​คน ดัง​นั้น พระ​เยซู​กระตุ้น​พวก​สาวก​ว่า “ส่อง​แสง​สว่าง​ให้​คน​อื่น​เห็น​ด้วย​การ​ทำ​ดี พอ​เขา​เห็น​ความ​ดี​ของ​คุณ เขา​ก็​จะ​ยกย่อง​สรรเสริญ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​คุณ​ใน​สวรรค์”—มัทธิว 5:14-16

สาวก​ของ​พระ​เยซู​ต้อง​มี​มาตรฐาน​ที่​ดี

พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​ชาว​ยิว​มอง​ว่า​พระ​เยซู​ฝ่าฝืน​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า และ​พวก​เขา​เพิ่ง​รวมหัว​กัน​จะ​ฆ่า​ท่าน แต่​พระ​เยซู​พูด​อย่าง​กล้า​หาญ​ว่า “อย่า​คิด​ว่า​ผม​มา​ยก​เลิก​กฎหมาย​ของ​โมเสส​หรือ​คำ​สอน​ของ​พวก​ผู้​พยากรณ์ ผม​ไม่​ได้​มา​ยก​เลิก แต่​มา​ทำ​ตาม​ให้​ครบ​ถ้วน”—มัทธิว 5:17

พระ​เยซู​นับถือ​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า​อย่าง​มาก​และ​ท่าน​ก็​สนับสนุน​คน​อื่น​ให้​ทำ​เหมือน​กัน ที่​จริง ท่าน​พูด​ว่า “คน​ที่​ไม่​ทำ​ตาม​กฎหมาย​เล็ก ๆ น้อย ๆ เพียง​ข้อ​หนึ่ง แถม​ยัง​สอน​คน​อื่น​ไม่​ให้​ทำ​ด้วย เขา​ก็​ไม่​เหมาะ​สม​กับ​รัฐบาล​สวรรค์” หมาย​ความ​ว่า​เขา​จะ​ไม่​ได้​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​รัฐบาล​พระเจ้า​ที่​จะ​ปกครอง​ใน​สวรรค์ แต่​พระ​เยซู​บอก​ต่อ​ไป​ว่า “คน​ที่​ทำ​ตาม​และ​สอน​ให้​คน​อื่น​ทำ​ด้วย คน​นั้น​ก็​เหมาะ​สม​กับ​รัฐบาล​สวรรค์”—มัทธิว 5:19

พระ​เยซู​ตำหนิ​ความ​คิด​และ​ความ​รู้สึก​ที่​เป็น​สาเหตุ​ของ​การ​ทำ​ผิด​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า​ด้วย หลัง​จาก​ยก​ข้อ​กฎหมาย​ที่​บอก​ว่า “อย่า​ฆ่า​คน” พระ​เยซู​พูด​เสริม​ว่า “ทุก​คน​ที่​โกรธ​คน​อื่น​ไม่​หาย​จะ​ต้อง​ถูก​ศาล​ตัดสิน” (มัทธิว 5:21, 22) การ​โกรธ​คน​อื่น​ไม่​หาย​ถือ​เป็น​เรื่อง​ร้ายแรง​เพราะ​อาจ​เป็น​สาเหตุ​ของ​การ​ฆ่า​คน พระ​เยซู​จึง​อธิบาย​ว่า​คน​เรา​ต้อง​พยายาม​อย่าง​มาก​เพื่อ​จะ​รักษา​สันติ​สุข​กับ​คน​อื่น ท่าน​บอก​ว่า “ถ้า​คุณ​เอา​ของ​ถวาย​มา​ที่​แท่น​บูชา​และ​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​มี​คน​โกรธ​คุณ​อยู่ ให้​วาง​ของ​ถวาย​ไว้​หน้า​แท่น​บูชา​ก่อน​และ​ไป​คืน​ดี​กับ​เขา แล้ว​ค่อย​กลับ​มา​ถวาย​ของ​นั้น”—มัทธิว 5:23, 24

พระ​เยซู​อธิบาย​กฎหมาย​อีก​ข้อ​หนึ่ง​ที่​ห้าม​ไม่​ให้​เล่นชู้​โดย​บอก​ว่า “คุณ​เคย​ได้​ยิน​คำ​พูด​ที่​ว่า ‘อย่า​เล่นชู้’ แต่​ผม​จะ​บอก​คุณ​ว่า​ทุก​คน​ที่​จ้อง​มอง​ผู้​หญิง​จน​เกิด​ความ​ใคร่ ก็​เป็น​ชู้​ใน​ใจ​กับ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​แล้ว” (มัทธิว 5:27, 28) พระ​เยซู​ไม่​ได้​พูด​ถึง​เฉพาะ​ความ​คิด​ผิด​ศีลธรรม​ที่​แวบ​ขึ้น​มา​ใน​หัว แต่​ท่าน​เน้น​ว่า​การ “จ้อง​มอง” จน​เกิด​ความ​ใคร่​เป็น​เรื่อง​ร้ายแรง เพราะ​อาจ​ทำ​ให้​เกิด​การ​เล่นชู้​เมื่อ​มี​โอกาส เรา​จะ​ป้องกัน​ไม่​ให้​เกิด​เรื่อง​แบบ​นี้​ได้​อย่าง​ไร? อาจ​ต้อง​จัด​การ​ขั้น​เด็ดขาด พระ​เยซู​บอก​ว่า “ถ้า​ตา​ขวา​ของ​คุณ​ทำ​ให้​คุณ​หลง​ทำ​ผิด ควัก​มัน​ทิ้ง​ไป​เลย . . . ถ้า​มือ​ขวา​ของ​คุณ​ทำ​ให้​คุณ​หลง​ทำ​ผิด ตัด​มัน​ทิ้ง​ไป​เลย”—มัทธิว 5:29, 30

บาง​คน​ยอม​ตัด​แขน​หรือ​ขา​ทิ้ง​ไป​เพื่อ​รักษา​ชีวิต​ไว้ พระ​เยซู​จึง​ใช้​ตัว​อย่าง​นี้​เพื่อ​ทำ​ให้​เห็น​ว่า​เรา​ต้อง​ยอม “ทิ้ง” ทุก​อย่าง เพื่อ​จะ​หลีก​เลี่ยง​ความ​คิด​ที่​ผิด​ศีลธรรม​และ​ผล​เสีย​ที่​อาจ​เกิด​ขึ้น แม้​ว่า​มัน​จะ​ยาก​เหมือน​กับ​ต้อง​ควัก​ลูก​ตา​หรือ​ตัด​มือ​ตัว​เอง เรา​ก็​ต้อง​ยอม​ทำ เพราะ “เสีย​อวัยวะ​อย่าง​หนึ่ง​ไป​ก็​ดี​กว่า​ทั้ง​ตัว​ถูก​ทิ้ง​ลง​ใน​เกเฮนนา” (ที่​ทิ้ง​ขยะ​นอก​กำแพง​กรุง​เยรูซาเล็ม) ซึ่ง​หมาย​ถึง​การ​ถูก​ทำลาย​ตลอด​กาล

หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​แนะ​นำ​ว่า​ควร​ทำ​อย่าง​ไร​เมื่อ​มี​คน​ทำ​ให้​บาดเจ็บ​หรือ​เจ็บใจ ท่าน​บอก​ว่า “อย่า​ต่อ​สู้​กับ​คน​ที่​ทำ​ชั่ว​กับ​คุณ ถ้า​ใคร​ตบ​แก้ม​ขวา​ของ​คุณ ก็​หัน​แก้ม​ซ้าย​ให้​เขา​ด้วย” (มัทธิว 5:39) นี่​ไม่​ได้​หมาย​ความ​ว่า​เรา​จะ​อยู่​เฉย ๆ เมื่อ​มี​คน​มา​ทำ​ร้าย​เรา​หรือ​ครอบครัว​ของ​เรา พระ​เยซู​พูด​ถึง​การ​ตบ​หน้า​ซึ่ง​คง​ไม่​ทำ​ให้​อีก​ฝ่าย​บาดเจ็บ​สาหัส​หรือ​ถึง​ตาย แต่​เหมือน​เป็น​การ​ดูถูก จริง ๆ แล้ว​ท่าน​กำลัง​สอน​ว่า ถ้า​มี​ใคร​มา​ชวน​ทะเลาะ​หรือ​หา​เรื่อง ไม่​ว่า​จะ​ด้วย​การ​ตบ​หน้า​หรือ​พูด​จา​ไม่​ดี เรา​ก็​ไม่​ควร​ตอบ​โต้

คำ​แนะ​นำ​นี้​สอดคล้อง​กับ​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า​ที่​ให้​เรา​รัก​คน​อื่น พระ​เยซู​จึง​บอก​ผู้​ฟัง​ว่า “ให้​รัก​ศัตรู​ของ​คุณ​และ​อธิษฐาน​เผื่อ​คน​ที่​ข่มเหง​คุณ ถ้า​ทำ​อย่าง​นั้น คุณ​ก็​จะ​เป็น​ลูก​แท้ ๆ ของ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ใน​สวรรค์ เพราะ​พระองค์​ให้​ดวง​อาทิตย์​ส่อง​แสง​แก่​ทั้ง​คน​ดี​และ​คน​ชั่ว และ​ให้​ฝน​ตก​แก่​ทั้ง​คน​ทำ​ดี​และ​คน​ทำ​ชั่ว”—มัทธิว 5:44, 45

พระ​เยซู​สรุป​คำ​บรรยาย​ส่วน​นี้​ว่า “ดัง​นั้น คุณ​ต้อง​เป็น​คน​ดี​พร้อม​เหมือน​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ใน​สวรรค์” (มัทธิว 5:48) พระ​เยซู​ไม่​ได้​คาด​หมาย​ให้​เรา​เป็น​คน​สมบูรณ์​แบบ​ร้อย​เปอร์เซ็นต์ แต่​ถ้า​เรา​เลียน​แบบ​พระเจ้า เรา​จะ​สามารถ​แสดง​ความ​รัก​ต่อ​ทุก​คน แม้​แต่​คน​ที่​ทำ​ไม่​ดี​กับ​เรา พูด​อีก​อย่าง​ก็​คือ เรา​ควร ‘เมตตา​คน​อื่น​เสมอ​เหมือน​กับ​ที่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​เรา​แสดง​ความ​เมตตา’—ลูกา 6:36

อธิษฐาน​และ​วางใจ​ใน​พระเจ้า

เมื่อ​พระ​เยซู​บรรยาย​ต่อ​ไป ท่าน​เตือน​ผู้​ฟัง​ให้ “ระวัง อย่า​ทำ​ดี​เพื่อ​อวด​คน​อื่น” พระ​เยซู​ตำหนิ​การ​ทำ​ดี​เอา​หน้า โดย​พูด​ว่า “เวลา​ที่​คุณ​ช่วยเหลือ​คน​จน อย่า​เป็น​เหมือน​คน​ทำ​ดี​เอา​หน้า​ซึ่ง​ชอบ​โฆษณา​ความ​ดี​ของ​ตัว​เอง” (มัทธิว 6:1, 2) ให้​ทำ​ดี​โดย​ไม่​ให้​คน​อื่น​รู้​ดี​กว่า

พระ​เยซู​พูด​ต่อ​ไป​ว่า “ตอน​ที่​คุณ​อธิษฐาน อย่า​ทำ​เหมือน​คน​เสแสร้ง​ที่​ยืน​ใน​ที่​ประชุม​และ​ตาม​มุม​ถนน​ใหญ่​เพื่อ​อวด​คน​อื่น ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า พวก​เขา​ได้​รางวัล​แค่​นั้น​แหละ แต่​เมื่อ​อธิษฐาน ให้​เข้า​ไป​อยู่​ใน​ห้อง​ส่วน​ตัว” (มัทธิว 6:5, 6) พระ​เยซู​ไม่​ได้​บอก​ว่า​การ​อธิษฐาน​ใน​ที่​สาธารณะ​เป็น​เรื่อง​ผิด เพราะ​ท่าน​เอง​ก็​อธิษฐาน​เหมือน​กัน แต่​ท่าน​ตำหนิ​คน​ที่​จงใจ​อธิษฐาน​เพื่อ​ให้​คน​ฟัง​ประทับใจ​หรือ​ให้​คน​อื่น​ชื่นชม

พระ​เยซู​แนะ​นำ​ว่า “ตอน​ที่​คุณ​อธิษฐาน อย่า​พูด​ซ้ำซาก​เหมือน​คน​ที่​ไม่​รู้​จัก​พระเจ้า​ทำ​กัน” (มัทธิว 6:7) พระ​เยซู​ไม่​ได้​บอก​ว่า การ​อธิษฐาน​เรื่อง​เดิม​ซ้ำ ๆ เป็น​สิ่ง​ผิด แต่​ท่าน​บอก​ว่า​เรา​ไม่​ควร​ใช้​คำ “ซ้ำซาก” ที่​ท่อง​จำ​มา แล้ว​พระ​เยซู​ก็​พูด​ถึง​คำ​อธิษฐาน​ตัว​อย่าง​ที่​มี​คำ​ขอ 7 ข้อ สาม​ข้อ​แรก​เกี่ยว​ข้อง​กับ​สิทธิ​ใน​การ​ปกครอง​ของ​พระเจ้า​และ​สิ่ง​ที่​พระองค์​ต้องการ​จะ​ทำ คือ ทำ​ให้​ชื่อ​ของ​พระองค์​เป็น​ที่​เคารพ​นับถือ ให้​รัฐบาล​ของ​พระองค์​มา​ปกครอง และ​ให้​ทุก​อย่าง​เกิด​ขึ้น​ตาม​ที่​พระองค์​ตั้งใจ​ไว้ หลัง​จาก​อธิษฐาน​เรื่อง​เหล่า​นั้น​แล้ว เรา​ถึง​จะ​ขอ​ให้​มี​อาหาร​กิน ขอ​พระเจ้า​ยก​โทษ​ให้​เรา ปก​ป้อง​เรา​จาก​ตัว​ชั่ว​ร้าย และ​ช่วย​เรา​เอา​ชนะ​การ​ล่อ​ใจ

สิ่ง​ของ​นอก​กาย​มี​ค่า​มาก​แค่​ไหน​สำหรับ​เรา? พระ​เยซู​กระตุ้น​ผู้​ฟัง​ว่า “เลิก​สะสม​ทรัพย์​สมบัติ​ให้​ตัว​เอง​บน​โลก​ได้​แล้ว เพราะ​ของ​พวก​นี้​ถูก​มอด​และ​สนิม​กิน​ได้ และ​ถูก​คน​มา​ขโมย​ไป​ได้” คุณ​เห็น​ด้วย​ใช่​ไหม? ทรัพย์​สมบัติ​เสื่อม​สลาย​ได้ และ​ถึง​จะ​มี​เยอะ​แค่​ไหน​ก็​ซื้อ​สาย​สัมพันธ์​ที่​ดี​กับ​พระเจ้า​ไม่​ได้ พระ​เยซู​จึง​บอก “ให้​สะสม​ทรัพย์​สมบัติ​ไว้​ใน​สวรรค์” โดย​ให้​การ​รับใช้​พระเจ้า​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต การ​ทำ​แบบ​นี้​จะ​ทำ​ให้​เรา​มี​สาย​สัมพันธ์​ที่​ดี​กับ​พระเจ้า​และ​ได้​รับ​ชีวิต​ตลอด​ไป​เป็น​รางวัล สอง​อย่าง​นี้​เป็น​สิ่ง​ที่​ไม่​มี​ใคร​ขโมย​ไป​ได้ พระ​เยซู​ยัง​บอก​ด้วย​ว่า “ทรัพย์​สมบัติ​ของ​คุณ​อยู่​ที่​ไหน ใจ​ของ​คุณ​ก็​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย”—มัทธิว 6:19-21

พระ​เยซู​ยก​ตัว​อย่าง​เพื่อ​จะ​เน้น​เรื่อง​นี้ ท่าน​บอก​ว่า “ตา​เป็น​เหมือน​แสง​สว่าง​สำหรับ​ร่าง​กาย ถ้า​ตา​ของ​คุณ​มอง​ที่​สิ่ง​เดียว ทั้ง​ตัว​คุณ​ก็​จะ​สว่าง แต่​ถ้า​ตา​ของ​คุณ​มอง​คน​อื่น​ด้วย​ความ​อิจฉา ทั้ง​ตัว​คุณ​ก็​จะ​มืด​ไป” (มัทธิว 6:22, 23) ตา​จะ​เป็น​เหมือน​แสง​สว่าง​สำหรับ​ร่าง​กาย​ได้​ก็​ต่อ​เมื่อ​ตา​ทำ​งาน​อย่าง​ดี และ​เพื่อ​ตา​จะ​ทำ​งาน​อย่าง​ดี เรา​ก็​ต้อง​มอง​ไป​ที่​สิ่ง​เดียว ถ้า​เรา​ไม่​ทำ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​นี้ เรา​จะ​จัด​ลำดับ​ความ​สำคัญ​ใน​ชีวิต​ไม่​ถูก​ต้อง เรา​อาจ​ยุ่ง​อยู่​กับ​การ​หา​ทรัพย์​สมบัติ​แทน​ที่​จะ​รับใช้​พระเจ้า และ ‘ทั้ง​ตัว​เรา​ก็​จะ​มืด​ไป’ เรา​อาจ​เดิน​หลง​ไป​ใน​ความ​มืด​และ​เริ่ม​ทำ​สิ่ง​ที่​ไม่​ถูก​ต้อง

แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ยก​ตัว​อย่าง​ที่​โดน​ใจ​ผู้​ฟัง​โดย​พูด​ว่า “ไม่​มี​ใคร​เป็น​ทาส​นาย 2 คน​ได้ เพราะ​เขา​จะ​เกลียด​นาย​คน​หนึ่ง​และ​รัก​นาย​อีก​คน​หนึ่ง หรือ​จะ​ภักดี​ต่อ​นาย​คน​หนึ่ง​และ​ดูถูก​นาย​อีก​คน​หนึ่ง คุณ​จะ​เป็น​ทั้ง​ทาส​พระเจ้า​และ​ทาส​ทรัพย์​สมบัติ​ด้วย​ไม่​ได้”—มัทธิว 6:24

ผู้​ฟัง​บาง​คน​อาจ​เริ่ม​กังวล แต่​พระ​เยซู​รับรอง​กับ​พวก​เขา​ว่า ถ้า​เขา​ให้​งาน​รับใช้​พระเจ้า​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​เสมอ เขา​ก็​ไม่​ต้อง​กังวล​เรื่อง​ทรัพย์​สมบัติ​เลย ท่าน​บอก​ว่า “ดู​นก​ที่​บิน​บน​ฟ้า​สิ พวก​มัน​ไม่​ได้​หว่าน​หรือ​เก็บ​เกี่ยว​หรือ​สะสม​เมล็ด​พืช​ไว้​ใน​ยุ้ง​ฉาง แต่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​คุณ​ใน​สวรรค์​เลี้ยง​ดู​พวก​มัน​อยู่”—มัทธิว 6:26

แล้ว​พระ​เยซู​พูด​ถึง​ดอกไม้​ที่​อยู่​ใน​ทุ่ง​บน​ภูเขา​ว่า “แม้​แต่​กษัตริย์​โซโลมอน​ตอน​ที่​แต่ง​ตัว​เต็ม​ยศ​ก็​ยัง​ไม่​งาม​เท่า​กับ​ดอกไม้​ดอก​หนึ่ง​ที่​อยู่​ใน​ทุ่ง​เลย” ท่าน​ชวน​ให้​ผู้​ฟัง​คิด​โดย​ถาม​ว่า “ถ้า​พระเจ้า​ตกแต่ง​ดอกไม้​ใบ​หญ้า​ใน​ทุ่ง​ซึ่ง​อยู่​แค่​วัน​นี้ และ​พรุ่ง​นี้​ก็​จะ​ถูก​เผา​ทิ้ง พระองค์​จะ​ไม่​ตกแต่ง​คุณ​มาก​กว่า​นั้น​หรือ” (มัทธิว 6:29, 30) พระ​เยซู​รับรอง​กับ​พวก​เขา​ว่า “อย่า​กังวล​ว่า​จะ​มี​กิน​มี​ดื่ม​ไหม หรือ​จะ​มี​เสื้อ​ผ้า​ใส่​หรือ​เปล่า . . . พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​คุณ​ใน​สวรรค์​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​คุณ​ต้อง​มี​ของ​ทั้ง​หมด​นี้ ดัง​นั้น คุณ​ต้อง​ทำ​ให้​การ​ปกครอง​ของ​พระเจ้า​และ​ความ​ถูก​ต้อง​ชอบธรรม​ของ​พระองค์​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต แล้ว​พระองค์​จะ​ให้​คุณ​มี​สิ่ง​จำเป็น​ทั้ง​หมด​นี้”—มัทธิว 6:31-33

ต้อง​ทำ​อะไร​ถึง​จะ​ได้​ชีวิต?

อัครสาวก​และ​คน​ที่​จริง​ใจ​คน​อื่น ๆ อยาก​ใช้​ชีวิต​ใน​แบบ​ที่​ทำ​ให้​พระเจ้า​พอ​ใจ แต่​นี่​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย​สำหรับ​พวก​เขา เพราะ​พวก​ฟาริสี​ชอบ​วิพากษ์วิจารณ์​และ​ตัดสิน​คน​อื่น​อย่าง​ไม่​ไว้​หน้า พระ​เยซู​จึง​เตือน​ผู้​ฟัง​ว่า “คุณ​ต้อง​เลิก​ตัดสิน​คน​อื่น พระเจ้า​จะ​ได้​ไม่​ตัดสิน​คุณ เพราะ​คุณ​ตัดสิน​คน​อื่น​อย่าง​ไร พระเจ้า​ก็​จะ​ตัดสิน​คุณ​อย่าง​นั้น”—มัทธิว 7:1, 2

เป็น​เรื่อง​อันตราย​ที่​จะ​ทำ​ตาม​พวก​ฟาริสี​ที่​คอย​จ้อง​จับ​ผิด พระ​เยซู​ยก​ตัว​อย่าง​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้​โดย​บอก​ว่า “คน​ตา​บอด​จะ​นำ​ทาง​คน​ตา​บอด​ได้​หรือ? ทั้ง​คู่​ก็​จะ​ตก​ลง​ไป​ใน​หลุม​น่ะ​สิ” ถ้า​อย่าง​นั้น ผู้​ฟัง​ของ​พระ​เยซู​ควร​มอง​คน​อื่น​อย่าง​ไร? เขา​ไม่​ควร​จ้อง​จับ​ผิด เพราะ​นั่น​ถือ​เป็น​การ​ทำ​ผิด​ร้ายแรง พระ​เยซู​ถาม​ว่า “คุณ​บอก​คน​อื่น​ได้​อย่าง​ไร​ว่า ‘ผม​จะ​เขี่ย​เศษ​ผง​ใน​ตา​ของ​คุณ​ให้’ แต่​กลับ​มอง​ไม่​เห็น​ไม้​ทั้ง​ท่อน​ที่​อยู่​ใน​ตา​ของ​คุณ​เอง? คน​อวดดี เอา​ท่อน​ไม้​ออก​จาก​ตา​ของ​ตัว​เอง​ก่อน​สิ คุณ​จะ​ได้​เห็น​ชัด ๆ แล้ว​คุณ​ถึง​จะ​เขี่ย​เศษ​ผง​ใน​ตา​ของ​คน​อื่น​ได้”—ลูกา 6:39-42

นี่​ไม่​ได้​หมาย​ความ​ว่า​พวก​สาวก​ตัดสิน​อะไร​ไม่​ได้​เลย เพราะ​พระ​เยซู​ก็​บอก​พวก​เขา​ว่า “อย่า​เอา​ของ​ที่​ควร​ถวาย​พระเจ้า​ไป​ให้​หมา และ​อย่า​โยน​ไข่มุก​ให้​หมู” (มัทธิว 7:6) คำ​สอน​ของ​พระเจ้า​เป็น​ความ​จริง​ที่​มี​ค่า​มาก เหมือน​กับ​ไข่มุก ถ้า​สาวก​เห็น​ว่า​บาง​คน​ไม่​รู้​คุณค่า​ของ​ความ​จริง พวก​เขา​ก็​ควร​ไป​ประกาศ​กับ​คน​ที่​พร้อม​จะ​ฟัง

เมื่อ​กลับ​มา​พูด​ถึง​เรื่อง​การ​อธิษฐาน พระ​เยซู​เน้น​ว่า​การ​อธิษฐาน​บ่อย ๆ เป็น​เรื่อง​สำคัญ​มาก ท่าน​บอก​ให้ “ขอ​ต่อ​ไป​เรื่อย ๆ แล้ว​จะ​ได้​รับ” พระ​เยซู​เน้น​ว่า​พระเจ้า​พร้อม​จะ​ตอบ​คำ​อธิษฐาน​ของ​เรา ท่าน​ถาม​ผู้​ฟัง​ว่า “ถ้า​ลูก​ขอ​ขนมปัง จะ​มี​พ่อ​คน​ไหน​ให้​ก้อน​หิน​หรือ? . . . ใน​เมื่อ​คุณ​ที่​เป็น​คน​บาป​ยัง​รู้​จัก​ให้​ของ​ดี​กับ​ลูก แล้ว​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​คุณ​ใน​สวรรค์​จะ​ไม่​ยิ่ง​ให้​สิ่ง​ดี ๆ กับ​คน​ที่​ขอ​พระองค์​หรือ?”—มัทธิว 7:7-11

หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​ตั้ง​กฎ​ข้อ​หนึ่ง​สำหรับ​การ​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้​อื่น ซึ่ง​คน​ใน​ทุก​วัน​นี้​รู้​จัก​ดี ท่าน​บอก​ว่า “ให้​คุณ​ทำ​กับ​คน​อื่น เหมือน​ที่​อยาก​ให้​คน​อื่น​ทำ​กับ​คุณ” เรา​ทุก​คน​ควร​จด​จำ​และ​ทำ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ที่​ดี​นี้ พระ​เยซู​เข้าใจ​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่​ง่าย เพราะ​ท่าน​บอก​ว่า “ให้​คุณ​เข้า​ไป​ทาง​ประตู​แคบ เพราะ​ประตู​ที่​เปิด​กว้าง​และ​ทาง​ที่​กว้าง​ใหญ่​นั้น​นำ​ไป​ถึง​ความ​พินาศ และ​มี​คน​มาก​มาย​เข้า​ไป​ทาง​นั้น แต่​ประตู​แคบ​และ​ทาง​แคบ​ที่​เดิน​ลำบาก​จะ​นำ​ไป​ถึง​ชีวิต และ​มี​ไม่​กี่​คน​พบ​ทาง​นี้”—มัทธิว 7:12-14

บาง​คน​อยาก​ดึง​สาวก​ออก​จาก​ทาง​ที่​นำ​ไป​ถึง​ชีวิต พระ​เยซู​จึง​เตือน​สาวก​ว่า “ให้​ระวัง​พวก​ผู้​พยากรณ์​เท็จ พวก​นั้น​ปลอม​ตัว​มา​หา​คุณ​ใน​คราบ​ของ​แกะ แต่​จริง ๆ แล้ว​พวก​เขา​เป็น​หมา​ป่า​ที่​ตะกละ​ตะกลาม” (มัทธิว 7:15) พระ​เยซู​ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า​ต้น​ไม้​จะ​ดี​หรือ​ไม่​ดี​ก็​ต้อง​ดู​ที่​ผล เรา​ก็​จะ​รู้​ได้​ว่า​ใคร​เป็น​ผู้​พยากรณ์​เท็จ​โดย​ดู​จาก​การ​กระทำ​และ​คำ​สอน​ของ​พวก​เขา พระ​เยซู​อธิบาย​ว่า คน​ที่​เป็น​สาวก​ของ​ท่าน​ต้อง​ไม่​ดี​แต่​พูด แต่​ต้อง​ทำ ตาม​ที่​พระเจ้า​ต้องการ​ด้วย บาง​คน​อ้าง​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​นาย​ของ​พวก​เขา แต่​กลับ​ไม่​อยาก​ทำ​ตาม​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ต้องการ พระ​เยซู​จึง​พูด​ว่า “ผม​จะ​บอก​พวก​เขา​ว่า ‘ผม​ไม่​เคย​รู้​จัก​พวก​คุณ​เลย ไป​ให้​พ้น พวก​คน​ชั่ว’”—มัทธิว 7:23

ตอน​ที่​สรุป​คำ​บรรยาย​ของ​ท่าน พระ​เยซู​ประกาศ​ว่า “ทุก​คน​ที่​ฟัง​คำ​สอน​ของ​ผม​และ​ทำ​ตาม ก็​เหมือน​คน​ฉลาด​ที่​สร้าง​บ้าน​บน​พื้น​หิน ถึง​แม้​ฝน​ตก​หนัก น้ำ​มา​ท่วม และ​ลม​พัด​กระหน่ำ แต่​บ้าน​นั้น​ก็​ไม่​พัง​เพราะ​มี​ฐาน​ราก​อยู่​บน​หิน​ที่​มั่นคง” (มัทธิว 7:24, 25) ทำไม​บ้าน​นั้น​ไม่​พัง? เพราะ​คน​สร้าง “ขุด​หลุม​ลึก​และ​วาง​ฐาน​ราก​บน​พื้น​หิน” (ลูกา 6:48) ดัง​นั้น แค่​ฟัง​คำ​สอน​ของ​พระ​เยซู​ยัง​ไม่​พอ เรา​ต้อง​ทุ่มเท​ตัว​เพื่อ​จะ “ทำ​ตาม” คำ​สอน​เหล่า​นั้น​ด้วย

แล้ว​คน​ที่ “ฟัง​คำ​สอน” แต่ “ไม่​ทำ​ตาม” ล่ะ? พวก​เขา​ก็​เป็น​เหมือน “คน​โง่​ที่​สร้าง​บ้าน​อยู่​บน​ทราย” (มัทธิว 7:26) เมื่อ​ฝน​ตก​หนัก น้ำ​มา​ท่วม และ​ลม​พัด​มา​ปะทะ บ้าน​นั้น​ก็​พัง​ทลาย

ผู้​ฟัง​รู้สึก​ทึ่ง​มาก​กับ​วิธี​ที่​พระ​เยซู​บรรยาย ท่าน​ไม่​ได้​สอน​เหมือน​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา แต่​สอน​เหมือน​คน​ที่​ได้​รับ​อำนาจ​จาก​พระเจ้า ใน​วัน​นั้น​คง​มี​ผู้​ฟัง​หลาย​คน​เข้า​มา​เป็น​สาวก​ของ​พระ​เยซู