บท 8
“เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะคนหนึ่ง”
จุดสำคัญ คำพยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์ 4 เรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับพระคริสต์
1-3. ทำไมเอเสเคียลถึงเศร้าใจ และตอนนี้เขาได้รับการดลใจให้บันทึกเรื่องอะไร?
นี่ก็ปีที่หกแล้วที่ผู้พยากรณ์เอเสเคียลเป็นเชลย * เขาเศร้าใจมากที่รู้ว่าการปกครองในยูดาห์บ้านเกิดของเขาอยู่ในสภาพที่เลวร้าย กษัตริย์หลายองค์ขึ้นมาปกครองแล้วก็หมดอำนาจไป
2 เอเสเคียลเกิดในช่วงการปกครองของกษัตริย์โยสิยาห์ผู้ซื่อสัตย์ เอเสเคียลคงต้องรู้สึกตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าโยสิยาห์นำหน้าในการทำลายรูปเคารพแกะสลักและฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์ในยูดาห์ (2 พศ. 34:1-8) แต่ความพยายามของโยสิยาห์ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร เพราะกษัตริย์หลายองค์ที่ปกครองต่อจากเขาก็ยังไหว้รูปเคารพต่อไป ไม่แปลกที่ชาติซึ่งอยู่ใต้การปกครองของกษัตริย์ที่ไม่ดีแบบนั้นจะถลำลึกในการนมัสการเท็จและความเสื่อมทรามทางศีลธรรม แต่หมดหวังแล้วไหม? ไม่เป็นอย่างนั้นแน่!
3 พระยะโฮวาดลใจให้เอเสเคียลบันทึกคำพยากรณ์ส่วนแรกที่เกี่ยวกับเมสสิยาห์ ซึ่งเป็นผู้ปกครองที่จะฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์อย่างถาวรและเป็นผู้เลี้ยงแกะที่จะดูแลแกะของพระยะโฮวาด้วยความอ่อนโยน เราควรพิจารณา คำพยากรณ์นี้อย่างละเอียดเพราะการเกิดขึ้นจริงของคำพยากรณ์นี้จะมีผลต่ออนาคตของเราตลอดไป ดังนั้น ให้เราพิจารณาคำพยากรณ์ในหนังสือเอเสเคียลที่เกี่ยวกับเมสสิยาห์ทั้ง 4 เรื่องด้วยกัน
“ยอดอ่อน” กลายเป็น “ต้นสนซีดาร์ที่สูงใหญ่”
4. เอเสเคียลพยากรณ์เรื่องอะไร และพระยะโฮวาเริ่มคำพยากรณ์นั้นอย่างไร?
4 ประมาณปี 612 ก่อน ค.ศ. “พระยะโฮวาส่งข่าว” มาถึงเอเสเคียล ให้เขาพยากรณ์เกี่ยวกับการปกครองของเมสสิยาห์และเหตุผลที่เราต้องไว้ใจการปกครองของท่าน พระยะโฮวาเริ่มคำพยากรณ์โดยให้เอเสเคียลเล่าเรื่องที่เป็นปริศนาให้เพื่อนเชลยฟัง คำพยากรณ์นี้พูดถึงพวกผู้ปกครองยูดาห์ที่ไม่ซื่อสัตย์ และเน้นว่าจำเป็นต้องให้กษัตริย์เมสสิยาห์ผู้มีความถูกต้องชอบธรรมมาปกครองพวกเขา—อสค. 17:1, 2
5. ปริศนานี้มีใจความสำคัญอย่างไร?
5 อ่านเอเสเคียล 17:3-10 ใจความสำคัญของปริศนานี้คือ “นกอินทรีใหญ่ตัวหนึ่ง” จิกยอดบนสุดของต้นสนแล้วคาบไปที่ “เมืองของพวกพ่อค้า” แล้วมันก็เอา “เมล็ดพืชส่วนหนึ่งจากแผ่นดินนั้น” ไปปลูกในสวนที่มีดินดีซึ่ง “อยู่ใกล้แหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์” เมล็ดนั้นงอกและเติบโตเป็น “ต้นองุ่น” แล้ว “นกอินทรีใหญ่” ตัวที่สองก็บินมา ต้นองุ่น “รีบยื่น” รากของมันไปหานกตัวที่สองเพราะมันอยากถูกเอาไปปลูกในที่อื่นที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ พระยะโฮวาตำหนิที่ต้นองุ่นทำอย่างนั้น พระองค์บอกว่ามันจะต้องถูกถอนรากและมันจะ “แห้งตาย”
6. ขอให้อธิบายความหมายของปริศนานี้
6 ปริศนาเรื่องนี้หมายถึงอะไร? (อ่านเอเสเคียล 17:11-15) ปี 617 ก่อน ค.ศ. กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ของบาบิโลน (“นกอินทรีใหญ่” ตัวแรก) ล้อมกรุงเยรูซาเล็ม เขาถอดกษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ (“ยอดบนสุด”) ออกจากบัลลังก์และพาไปบาบิโลน (“เมืองของพวกพ่อค้า”) เนบูคัดเนสซาร์ตั้งเศเดคียาห์ (‘เมล็ดพืชจากแผ่นดินนั้น’ ที่มีเชื้อสายกษัตริย์) ให้ครองบัลลังก์ในเยรูซาเล็ม กษัตริย์ยูดาห์องค์ใหม่นี้ต้องสาบานในนามพระเจ้าว่าจะภักดีต่อกษัตริย์บาบิโลน (2 พศ. 36:13) แต่เศเดคียาห์ผิดคำสาบาน เขากบฏต่อบาบิโลนและหันไปพึ่งฟาโรห์แห่งอียิปต์ (“นกอินทรีใหญ่” ตัวที่สอง) เพื่อขอทหารมาช่วยรบแต่ก็ไม่สำเร็จ พระยะโฮวาตำหนิเศเดคียาห์ที่ผิดคำสาบาน (อสค. 17:16-21) สุดท้ายเศเดคียาห์ถูกถอดออกจากบัลลังก์และตายในคุกที่บาบิโลน—ยรม. 52:6-11
7. เราได้เรียนอะไรจากปริศนาที่เป็นคำพยากรณ์นี้?
7 เราได้เรียนอะไรจากปริศนาที่เป็นคำพยากรณ์นี้? อย่างแรก เราเป็นผู้นมัสการบริสุทธิ์ เราจึงต้องรักษาคำพูดเสมอ เหมือนที่พระเยซูบอกว่า “ให้คำพูดของคุณที่ว่า ‘ใช่’ หมายความว่าใช่ ที่ว่า ‘ไม่’ หมายความว่าไม่” (มธ. 5:37) ถ้าเราจำเป็นต้องสาบานในนามพระเจ้าว่าจะพูดความจริง เช่น เมื่อเป็นพยานในศาล เราต้องถือว่าคำสาบานนั้นเป็นเรื่องจริงจัง อย่างที่สอง เราต้อง ไว้วางใจบุคคลที่เหมาะสมจริง ๆ คัมภีร์ไบเบิลเตือนเราว่า “อย่าวางใจพวกเจ้านายหรือไว้ใจมนุษย์ที่ช่วยให้รอดไม่ได้”—สด. 146:3
8-10. พระยะโฮวาให้ภาพเปรียบเทียบเกี่ยวกับเมสสิยาห์ที่จะมาปกครองในอนาคตอย่างไร และคำพยากรณ์เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงอย่างไร? (ดูกรอบ “คำพยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์ ต้นสนซีดาร์ที่สูงใหญ่”)
8 แต่มีผู้ปกครองคนหนึ่งที่เราไว้ใจได้จริง ๆ หลังจากพระยะโฮวาพูดถึงปริศนาที่เป็นคำพยากรณ์เรื่องยอดอ่อนที่ถูกย้ายไปปลูกที่อื่น พระองค์ได้ให้ภาพเปรียบเทียบแบบเดียวกันเพื่ออธิบายเกี่ยวกับเมสสิยาห์ที่จะมาปกครองในอนาคต
9 คำพยากรณ์นี้บอกว่าอย่างไร? (อ่านเอเสเคียล 17:22-24) ตอนนี้พระยะโฮวาลงมือเอง ไม่ใช่นกอินทรีใหญ่ตัวใดตัวหนึ่ง พระองค์จะเด็ดยอดอ่อนจาก “ต้นสนซีดาร์ที่สูงสง่าไปปลูก . . . ไว้บนภูเขาสูง” ต้นอ่อนนี้จะเจริญเติบโตเป็น “ต้นสนซีดาร์ที่สูงใหญ่งดงาม” เป็นที่อาศัยของ “นกทุกชนิด” แล้ว “ต้นไม้ทุกต้นในทุ่ง” จะรู้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ที่ทำให้ต้นไม้สูงใหญ่นี้เจริญงอกงาม
10 คำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงอย่างไร? พระยะโฮวาเด็ดยอดอ่อน คือพระเยซูคริสต์ลูกชายของพระองค์ออกมาจากราชวงศ์ของดาวิด (“ต้นสนซีดาร์ที่สูงสง่า”) แล้วนำไปปลูกไว้บนภูเขาศิโยนในสวรรค์ (“ภูเขาสูง”) (สด. 2:6; ยรม. 23:5; วว. 14:1) พระยะโฮวาแต่งตั้งลูกชายของพระองค์ซึ่งพวกศัตรูเรียกว่า “คนที่ต่ำต้อยที่สุด” ให้ครอง “บัลลังก์ของดาวิดบรรพบุรุษของท่าน” (ดนล. 4:17; ลก. 1:32, 33) พระเยซูคริสต์กษัตริย์เมสสิยาห์จะปกครองจากสวรรค์เหมือนต้นสนซีดาร์ที่สูงใหญ่ซึ่งแผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วโลก และจะให้สิ่งดี ๆ ทุกอย่างแก่ผู้ที่อยู่ใต้การปกครองของท่าน นี่แหละคือผู้ปกครองที่เราควรไว้วางใจ ภายใต้ร่มเงาของรัฐบาลที่พระเยซูปกครอง มนุษย์ที่เชื่อฟังบนแผ่นดินโลก “จะอยู่อย่างปลอดภัยและจะไม่กลัวหายนะ”—สภษ. 1:33
11. เราได้เรียนเรื่องสำคัญอะไรจากคำพยากรณ์เกี่ยวกับ “ยอดอ่อน” ที่กลายเป็น “ต้นสนซีดาร์ที่สูงใหญ่”?
11 เราได้เรียนอะไรจากคำพยากรณ์นี้? คำพยากรณ์ที่น่าตื่นเต้นเรื่อง “ยอดอ่อน” กลายเป็น “ต้นสนซีดาร์ที่สูงใหญ่” ช่วยตอบคำถามสำคัญที่สุดที่ว่า เราควรไว้ใจใคร? ไม่ฉลาดเลยที่เราจะไว้ใจรัฐบาลและกำลังทหารของมนุษย์ ถ้าเราอยากมีความปลอดภัยแท้ เราต้องไว้ใจพระเยซูคริสต์กษัตริย์เมสสิยาห์อย่างเต็มที่ เพราะรัฐบาลสวรรค์ที่ท่านปกครองเป็นความหวังเดียวสำหรับมนุษย์—วว. 11:15
“คนที่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย”
12. พระยะโฮวาทำให้รู้ชัดเจนอย่างไรว่าพระองค์จะไม่ผิดสัญญากับดาวิด?
12 เมื่อพระเจ้าอธิบายปริศนาที่เป็นคำพยากรณ์เรื่องนกอินทรีสองตัว เอเสเคียลก็เข้าใจว่าเศเดคียาห์กษัตริย์ที่ไม่ซื่อสัตย์จากราชวงศ์ของดาวิด จะถูกถอดจากบัลลังก์และจะถูกจับไปบาบิโลน แต่เอเสเคียลอาจสงสัยว่า ‘แล้วที่พระเจ้าสัญญากับดาวิดล่ะ ที่ว่าจะมีกษัตริย์จากราชวงศ์ดาวิดมาปกครองตลอดไปจะเกิดขึ้นจริงได้ยังไง?’ (2 ซม. 7:12, 16) ถ้าเอเสเคียลสงสัยเรื่องนี้ เขาก็ไม่ต้องรอคำตอบนาน เพราะประมาณปี 611 ก่อน ค.ศ. ปีที่เจ็ด ของการเป็นเชลยซึ่งเศเดคียาห์ยังปกครองยูดาห์ “พระยะโฮวาส่งข่าวมาถึง” เอเสเคียล (อสค. 20:2) พระองค์ให้เขาพยากรณ์อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเมสสิยาห์ คำพยากรณ์นี้ทำให้รู้ชัดเจนว่าพระเจ้าจะไม่ผิดสัญญากับดาวิด และบอกด้วยว่า กษัตริย์เมสสิยาห์มีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะปกครองเพราะท่านเป็นลูกหลานของดาวิด
13, 14. ใจความสำคัญของคำพยากรณ์ในเอเสเคียล 21:25-27 คืออะไร และคำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงอย่างไร?
13 คำพยากรณ์นี้บอกว่าอย่างไร? (อ่านเอเสเคียล 21:25-27) พระยะโฮวาให้เอเสเคียลบอกตรง ๆ ว่าเวลาที่ “หัวหน้าของอิสราเอลที่ชั่วช้า” จะถูกลงโทษมาถึงแล้ว พระยะโฮวาบอกผู้ปกครองที่ชั่วช้าว่าพวกเขาจะถูกถอด “ผ้าโพกหัว” และ “มงกุฎ” (สัญลักษณ์แสดงถึงอำนาจกษัตริย์) จากนั้นอำนาจปกครองที่เคย “ต่ำต้อย” จะถูกยกให้สูงขึ้น และอำนาจที่เคย “สูงส่ง” จะถูกกดให้ต่ำลง อำนาจปกครองที่ถูกยกให้สูงขึ้นนี้จะอยู่จนถึงเวลาที่ “คนที่มีสิทธิ์ตามกฎหมายจะมา” เมื่อมาแล้วพระยะโฮวาจะยกอาณาจักรให้เขา
14 คำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงอย่างไร? ในปี 607 ก่อน ค.ศ. อาณาจักรยูดาห์ที่ “สูงส่ง” ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เยรูซาเล็มถูกทำให้ต่ำต้อยเมื่อชาวบาบิโลน ทำลายเยรูซาเล็ม ถอดเศเดคียาห์ออกจากตำแหน่งและจับเขาไปบาบิโลน จากนั้น เมื่อไม่มีกษัตริย์จากราชวงศ์ของดาวิดปกครองเยรูซาเล็ม อำนาจของคนต่างชาติที่ “ต่ำต้อย” ก็ถูกยกขึ้นและได้ปกครองโลกอยู่ช่วงหนึ่ง ช่วงเวลาที่คนต่างชาติมีอำนาจหรือ “ช่วงเวลาของคนต่างชาติ” หมดลงในปี ค.ศ. 1914 เมื่อพระยะโฮวาแต่งตั้งพระเยซูคริสต์เป็นกษัตริย์ (ลก. 21:24) พระเยซูเป็นลูกหลานของกษัตริย์ดาวิด ท่านจึง “มีสิทธิ์ตามกฎหมาย” ที่จะปกครองในรัฐบาลเมสสิยาห์ * (ปฐก. 49:10) ดังนั้น พระยะโฮวาทำให้คำสัญญาที่ว่าลูกหลานคนหนึ่งของดาวิดจะได้ปกครองอย่างถาวรเกิดขึ้นจริง ด้วยการแต่งตั้งพระเยซูให้ปกครองในรัฐบาลที่จะอยู่ตลอดไป—ลก. 1:32, 33
15. ทำไมเราจึงไว้วางใจกษัตริย์เยซูคริสต์ได้อย่างเต็มที่?
15 เราได้เรียนอะไรจากคำพยากรณ์นี้? เราไว้วางใจกษัตริย์เยซูคริสต์ได้เต็มที่ เพราะอะไร? เพราะพระยะโฮวาเองที่เลือกพระเยซูให้เป็นกษัตริย์ ท่านจึงมีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะ “ได้รับ . . . รัฐบาล” ต่างจากผู้นำในโลกที่มนุษย์เลือกกันเองและอาจมาจากการแย่งชิงอำนาจ (ดนล. 7:13, 14) เราไว้ใจกษัตริย์ที่พระยะโฮวาแต่งตั้งด้วยพระองค์เองได้แน่นอน!
“ดาวิดผู้รับใช้ของเรา” จะ “เลี้ยงดูและเอาใจใส่แกะเหล่านั้น”
16. พระยะโฮวารู้สึกอย่างไรกับแกะของพระองค์ และในสมัยเอเสเคียล “พวกคนเลี้ยงแกะของอิสราเอล” ดูแลฝูงแกะอย่างไร?
16 พระยะโฮวาผู้เลี้ยงแกะองค์ยิ่งใหญ่ห่วงใยอย่างลึกซึ้งต่อผู้นมัสการที่อยู่บนโลกซึ่งเป็นเหมือนแกะของพระองค์ (สด. 100:3) เมื่อมอบหมายผู้บำรุงเลี้ยงที่เป็นมนุษย์ให้มีหน้าที่ดูแลแกะ พระองค์ก็จะคอยสังเกตอย่างใกล้ชิดว่าพวกเขาดูแลแกะของพระองค์ดีหรือไม่ ลองคิดดูว่าพระยะโฮวาจะรู้สึกอย่างไรกับ “พวกคนเลี้ยงแกะของอิสราเอล” ในสมัยเอเสเคียล ผู้นำเหล่านั้น “ทารุณและกดขี่” ประชาชนอย่างไม่เกรงกลัวพระองค์ ผลคือ ฝูงแกะอ่อนแอ เจ็บป่วย และหลายคนทิ้งการนมัสการที่บริสุทธิ์ไป—อสค. 34:1-6
17. พระยะโฮวาช่วยแกะของพระองค์อย่างไร?
17 พระยะโฮวาจะทำอะไร? พระองค์พูดถึงผู้นำที่โหดร้ายในอิสราเอลว่า “เราจะให้พวกเขาชดใช้” พระองค์สัญญาด้วยว่า “เราจะช่วยแกะของเรา” (อสค. 34:10) พระยะโฮวารักษาคำพูดเสมอ (ยชว. 21:45) ในปี 607 ก่อน ค.ศ. พระยะโฮวาช่วยแกะของพระองค์โดยให้กองทัพบาบิโลนที่มาโจมตี ถอดพวกผู้นำซึ่งเป็นคนเลี้ยงแกะที่เห็นแก่ตัวออกจากตำแหน่ง เจ็ดสิบปีต่อมา พระองค์ช่วยผู้นมัสการพระองค์ที่เป็นเหมือนแกะให้ออกจากบาบิโลน และพาพวกเขากลับไปบ้านเกิดเพื่อฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์ แต่แกะของพระยะโฮวาก็ยังอยู่ในสภาพที่ไร้การปกป้อง พวกเขาต้องอยู่ใต้การครอบงำของอำนาจต่าง ๆ ในโลกต่อไป เพราะยังอีกนานกว่าที่ “ช่วงเวลาของคนต่างชาติ” จะจบลง—ลก. 21:24
18, 19. เอเสเคียลพยากรณ์เรื่องอะไรในปี 606 ก่อน ค.ศ.? (ดูภาพแรก)
18 ย้อนไปในปี 606 ก่อน ค.ศ. ประมาณหนึ่งปีหลังจากเยรูซาเล็มถูกทำลาย และเป็นเวลาหลายสิบปีก่อนที่ชาวอิสราเอลจะพ้นจากการเป็นเชลยในบาบิโลน ตอนนั้นพระยะโฮวาดลใจเอเสเคียลให้บันทึกคำพยากรณ์ที่แสดงให้เห็นว่า ผู้เลี้ยงแกะองค์ยิ่งใหญ่ห่วงใยแกะของพระองค์และอยากให้พวกเขามีความสุขตลอดไป คำพยากรณ์นั้นอธิบายว่ากษัตริย์เมสสิยาห์จะดูแลแกะของพระยะโฮวาอย่างไร
19 คำพยากรณ์นี้บอกว่าอย่างไร? (อ่านเอเสเคียล 34:22-24) พระเจ้า “จะตั้งคนเลี้ยงแกะคนหนึ่ง” ซึ่งพระองค์เรียกเขาว่า “ดาวิดผู้รับใช้ของเรา” คำว่า “คนเลี้ยงแกะคนหนึ่ง” และคำว่า “ผู้รับใช้” เป็นคำเอกพจน์ แสดงว่าผู้ปกครองนี้ไม่ได้มาฟื้นฟูราชวงศ์ของดาวิดแต่เป็นลูกหลานของดาวิดที่จะปกครองอย่างถาวร คนเลี้ยงแกะคนนี้จะดูแลแกะของพระเจ้าและเป็น “หัวหน้าพวกมัน” พระยะโฮวาจะ “ทำสัญญา . . . ว่าจะให้มีสันติสุข” กับแกะของพระองค์ พระองค์บอกว่า “พรของเราจะมากมายเหมือนสายฝน” และพวกเขาจะยินดีที่ได้อยู่อย่างมั่นคงปลอดภัย มีความสุขแท้ และมีชีวิตที่เจริญก้าวหน้า ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้นที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่จะมีความสงบระหว่างมนุษย์กับสัตว์ด้วย—อสค. 34:25-28
20, 21. (ก) คำพยากรณ์เกี่ยวกับ “ดาวิดผู้รับใช้ของเรา” เกิดขึ้นจริงอย่างไร? (ข) ที่เอเสเคียลบอกว่าพระเจ้าจะ “ทำสัญญา . . . ว่าจะให้มีสันติสุข” จะเกิดขึ้นจริงอย่างไรในอนาคต?
20 คำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงอย่างไร? พระยะโฮวาเรียกผู้ปกครององค์นี้ว่า “ดาวิดผู้รับใช้ของเรา” ซึ่งเป็นคำพยากรณ์ถึงพระเยซูคริสต์ลูกหลานของดาวิดที่มีสิทธิ์ปกครองตามกฎหมาย (สด. 89:35, 36) ตอนอยู่บนโลกพระเยซูแสดงให้เห็นว่าท่านเป็น “คนเลี้ยงแกะที่ดี” ยอมสละชีวิตของท่าน “เพื่อแกะ” (ยน. 10:14, 15) แต่ตอนนี้ท่านอยู่ในสวรรค์และเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ยิ่งใหญ่ (ฮบ. 13:20) ในปี 1914 พระเจ้าแต่งตั้งพระเยซูเป็นกษัตริย์และมอบหมายให้ท่านเอาใจใส่และเลี้ยงดูแกะของพระเจ้าที่อยู่บนโลก จากนั้นไม่นาน ในปี 1919 กษัตริย์องค์ใหม่นี้ก็แต่งตั้ง “ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุม” เพื่อเลี้ยงดู “พวกคนรับใช้” ซึ่งก็คือผู้นมัสการที่ภักดี ทั้งกลุ่มที่จะได้ไปสวรรค์และกลุ่มที่จะอยู่บนโลก (มธ. 24:45-47) ภายใต้การชี้นำของพระคริสต์ ทาสที่ซื่อสัตย์เลี้ยงดูแกะของพระเจ้าด้วยสิ่งที่เสริมความเชื่อซึ่งเป็นเหมือนอาหารอย่างดี สิ่งนี้ทำให้ประชาชนของพระเจ้าอยู่กันอย่างปลอดภัยและมีสันติสุขเหมือนได้อยู่ในสวนอุทยานที่สงบสุข
21 ที่เอเสเคียลบอกว่าพระเจ้าจะ “ทำสัญญา . . . ว่าจะให้มีสันติสุข” และมีพรที่มากมายเหมือนสายฝน จะเกิดขึ้นจริงอย่างไรในอนาคต? ในโลกใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามา ผู้นมัสการพระยะโฮวาที่อยู่บนโลกจะได้พรมากมายตามที่พระองค์สัญญาไว้ มนุษย์ที่ซื่อสัตย์จะได้อยู่ในโลกที่เป็นอุทยานจริง ๆ ที่ไม่มีสงคราม อาชญากรรม ความอดอยาก ความเจ็บป่วย และสัตว์ต่าง ๆ ก็จะไม่ดุร้ายอีกต่อไป (อสย. 11:6-9; 35:5, 6; 65:21-23) คุณคงตื่นเต้นที่จะได้อยู่ตลอดไปในสวนอุทยานบนโลก ซึ่งแกะของพระเจ้าจะ “อยู่อย่างปลอดภัยและจะไม่มีใครมาทำให้พวกเขากลัว”—อสค. 34:28
22. พระเยซูรู้สึกอย่างไรกับแกะ และผู้บำรุงเลี้ยงที่เป็นมนุษย์จะเลียนแบบท่านได้อย่างไร?
22 เราได้เรียนอะไรจากคำพยากรณ์นี้? พระเยซูเหมือนพ่อของท่านที่ห่วงใยแกะอย่างลึกซึ้ง กษัตริย์ผู้บำรุงเลี้ยงฝูงแกะคอยดูแลให้แกะของพ่อได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีด้านความเชื่อ และมีความสุขที่ได้อยู่อย่างสงบสุขและปลอดภัยในสังคมที่เป็นเหมือนสวนอุทยาน น่าอบอุ่นใจจริง ๆ ที่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองแบบนี้! ผู้บำรุงเลี้ยงที่เป็นมนุษย์ก็ต้องห่วงใยแกะเหมือนพระเยซู ผู้ดูแลในประชาคมต้องดูแลฝูงแกะ “อย่างเต็มใจ” และ “กระตือรือร้น” และต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แกะเลียนแบบด้วย (1 ปต. 5:2, 3) ผู้ดูแลทุกคนต้องไม่คิดที่จะข่มเหงแกะตัวใดตัวหนึ่งของพระยะโฮวา! ขอให้จำคำพูดของพระยะโฮวาไว้เสมอที่พระองค์พูดถึงคนเลี้ยงแกะที่โหดร้ายของอิสราเอลในสมัยเอเสเคียล พระองค์พูดว่า “เราจะให้พวกเขาชดใช้” (อสค. 34:10) ทั้งพระเจ้าผู้บำรุงเลี้ยงองค์สูงสุดและลูกชายของพระองค์คอยดูอยู่ตลอดว่าแกะแต่ละตัวได้รับการดูแลอย่างไร
“ดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นหัวหน้าของพวกเขาตลอดไป”
23. พระยะโฮวาสัญญาอะไรเกี่ยวกับการทำให้ชาติอิสราเอลเป็นหนึ่งเดียวกัน และพระองค์ทำให้เกิดขึ้นจริงอย่างไร?
23 พระยะโฮวาอยากให้คนที่นมัสการพระองค์รับใช้ด้วยกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ในคำพยากรณ์เกี่ยวกับการฟื้นฟูเรื่องหนึ่ง พระเจ้าสัญญาว่าจะรวบรวมประชาชนของพระองค์ซึ่งก็คืออาณาจักรยูดาห์สองตระกูลและอาณาจักรอิสราเอลสิบตระกูลให้ “เป็นชาติเดียวกัน” เหมือนกับการรวม “ไม้” 2 ท่อนให้ “กลายเป็นท่อนเดียวกัน” ในมือพระองค์ (อสค. 37:15-23) คำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงในปี 537 ก่อน ค.ศ. เมื่อพระยะโฮวาฟื้นฟูชาติอิสราเอลที่รวมเป็นชาติเดียวให้กลับไปแผ่นดินที่พระองค์สัญญา * ความเป็นหนึ่งเดียวในตอนนั้นเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า ตอนหลังจะมีความเป็นหนึ่งเดียวที่ยอดเยี่ยมและยั่งยืนกว่าเกิดขึ้น หลังจากสัญญาเรื่องการรวมชาติอิสราเอลแล้ว พระยะโฮวาก็ให้เอเสเคียลพยากรณ์ว่าผู้ปกครองที่จะมาในอนาคตจะทำอะไรเพื่อให้คนที่นมัสการแท้ทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป
24. พระยะโฮวาพูดถึงผู้ปกครองที่เป็นเมสสิยาห์อย่างไร และการปกครองของท่านจะเป็นอย่างไร?
24 คำพยากรณ์นี้บอกว่าอย่างไร? (อ่านเอเสเคียล 37:24-28) นี่เป็นอีกครั้งที่พระยะโฮวาเรียกเมสสิยาห์ที่จะมาปกครองว่า “ดาวิดผู้รับใช้ของเรา” “คนเลี้ยงแกะคนหนึ่ง” และ “หัวหน้า” แต่ตอนนี้พระองค์เรียกผู้ที่พระองค์สัญญานี้ว่า “กษัตริย์” ด้วย (อสค. 37:22) การปกครองของกษัตริย์องค์นี้จะเป็นอย่างไร? การปกครองของท่านจะคงอยู่ตลอดไป การใช้คำว่า “ตลอดไป” แสดงว่าพรที่ได้รับจากกษัตริย์องค์นี้จะไม่มีวันหมดไป * การปกครองของท่านจะโดดเด่นเรื่องความเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้การปกครองของ “กษัตริย์องค์เดียว” ประชาชนที่ภักดีจะทำตาม “ข้อกำหนด” เดียวกันและ “พวกเขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดิน” ด้วยกัน การปกครองของท่านจะทำให้ประชาชนใกล้ชิดพระยะโฮวาพระเจ้ามากขึ้น พระยะโฮวาจะ “ทำสัญญา . . . ว่าจะให้มีสันติสุข” กับประชาชนของกษัตริย์องค์นี้ พระยะโฮวาจะเป็นพระเจ้าของพวกเขาและพวกเขาจะเป็นประชาชนของพระองค์ และที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์จะตั้ง “อยู่กับพวกเขาตลอดไป”
25. คำพยากรณ์เกี่ยวกับกษัตริย์เมสสิยาห์เกิดขึ้นจริงอย่างไร?
25 คำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงอย่างไร? ปี 1919 ผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์รวมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ “คนเลี้ยงคนเดียว” คือพระเยซูคริสต์กษัตริย์เมสสิยาห์ หลังจากนั้น “ชนฝูงใหญ่” จาก “ทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกชนชาติ และทุกภาษา” ก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเพื่อนร่วมความเชื่อที่เป็นผู้ถูกเจิม (วว. 7:9) พวกเขาทั้งหมดรวมกันเป็น “ฝูงเดียว” ภายใต้ “คนเลี้ยงคนเดียว” (ยน. 10:16) ไม่ว่าพวกเขาจะมีความหวังได้ไปสวรรค์หรืออยู่บนโลก พวกเขาก็ทำตามการชี้นำของพระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ ผลคือ พวกเขาอยู่รวมกันเป็นสังคมพี่น้องคริสเตียนทั่วโลกที่เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนอยู่ในสวนอุทยาน พระยะโฮวาอวยพรให้พวกเขามีสันติสุขและที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ตั้งอยู่กับพวกเขา ซึ่ง หมายความว่าพวกเขาได้นมัสการบริสุทธิ์ พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาภูมิใจที่ได้นมัสการพระองค์ในตอนนี้และตลอดไป
26. คุณจะส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวกันในสังคมพี่น้องที่เป็นเหมือนสวนอุทยานได้อย่างไร?
26 เราได้เรียนอะไรจากคำพยากรณ์นี้? เรามีสิทธิพิเศษที่ได้นมัสการพระยะโฮวาอย่างเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องทั่วโลก แต่สิทธิพิเศษนี้ทำให้เรามีหน้าที่รับผิดชอบด้วย นั่นคือเราต้องส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้น เราทุกคนจำเป็นต้องรักษาความเชื่อและการกระทำให้อยู่ในแนวทางเดียวกัน (1 คร. 1:10) เพื่อจะทำอย่างนั้นได้ เราต้องกระตือรือร้นที่จะรับความรู้ที่ช่วยเสริมความเชื่อแบบเดียวกัน ใช้ชีวิตตามมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิลเหมือนกัน ทำงานสำคัญร่วมกัน คืองานประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าและสอนคนให้เป็นสาวก แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันคือความรัก ถ้าเราพยายามปลูกฝังและแสดงความรักในหลาย ๆ วิธี ซึ่งรวมถึงการเข้าใจความรู้สึก เห็นอกเห็นใจ และให้อภัยคนอื่น เราก็กำลังส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวกัน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความรักผูกพันผู้คนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างแท้จริง”—คส. 3:12-14; 1 คร. 13:4-7
27. (ก) คุณรู้สึกอย่างไรกับคำพยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์ที่บันทึกไว้ในหนังสือเอเสเคียล? (ข) เราจะเรียนอะไรในบทต่อ ๆ ไป?
27 เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ สำหรับคำพยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์ในหนังสือเอเสเคียล! การอ่านและใคร่ครวญคำพยากรณ์เหล่านั้นทำให้เราได้เรียนรู้ว่า พระเยซูคริสต์กษัตริย์ที่เรารักสมควรได้รับความไว้วางใจจากเรา ท่านมีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะปกครอง ท่านดูแลพวกเราด้วยความอ่อนโยนและจะช่วยให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป เรามีสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ได้เป็นประชาชนของกษัตริย์เมสสิยาห์! ขอจำไว้ว่าคำพยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์เป็นส่วนหนึ่งของคำพยากรณ์เรื่องการฟื้นฟูที่บอกไว้ในหนังสือเอเสเคียล พระยะโฮวาใช้พระเยซูให้รวบรวมประชาชนของพระองค์และช่วยฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์ท่ามกลางพวกเขา (อสค. 20:41) บทต่อ ๆ ไปเราจะได้เรียนเกี่ยวกับการฟื้นฟูที่น่าตื่นเต้น และจะดูว่าหนังสือเอเสเคียลบอกเรื่องนี้เป็นขั้น ๆ อย่างไร
^ ปีแรกที่ชาวยิวถูกจับไปเป็นเชลยที่บาบิโลนเริ่มในปี 617 ก่อน ค.ศ. ดังนั้นปีที่หกจึงเริ่มในปี 612 ก่อน ค.ศ.
^ พระเจ้าดลใจให้บันทึกรายชื่อบรรพบุรุษของพระเยซูซึ่งเป็นลูกหลานของดาวิดไว้ในหนังสือข่าวดี—มธ. 1:1-16; ลก. 3:23-31
^ หนังสือเล่มหนึ่งพูดถึงคำภาษาฮีบรูที่แปลว่า “ตลอดไป” ว่าเป็นคำที่ทำให้นึกถึงความคงทนถาวร คล้ายกับคำว่า “มั่นคง” “ยั่งยืน” “ไม่เสื่อมสลาย” “ไม่เพิกถอน” และ “ไม่เปลี่ยนแปลง”