ราชอาณาจักรของพระเจ้า—การปกครองใหม่เหนือแผ่นดินโลก
ราชอาณาจักรของพระเจ้า—การปกครองใหม่เหนือแผ่นดินโลก
“อาณาจักรนี้จะบดขยี้อาณาจักรทั้งปวงนั้นและทำให้สิ้นไป และอาณาจักรนี้จะคงอยู่จนเวลาไม่กำหนด.”—ดานิเอล 2:44, ล.ม.
1. เราสามารถมีความเชื่อมั่นเช่นไรในคัมภีร์ไบเบิล?
คัมภีร์ไบเบิลเป็นข้อความที่พระเจ้าทรงเปิดเผยต่อมนุษย์. อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “เมื่อท่านทั้งหลายได้รับพระคำของพระเจ้าซึ่งท่านได้ยินจากเรา ท่านรับเอาพระคำนั้นไม่ใช่อย่างคำของมนุษย์ แต่ ตามที่เป็นจริง อย่างพระคำของพระเจ้า.” (1 เธซะโลนิเก 2:13, ล.ม.) คัมภีร์ไบเบิลบรรจุสิ่งที่เราจำเป็นต้องทราบเกี่ยวกับพระเจ้า คือข้อมูลเกี่ยวกับบุคลิกภาพ, พระประสงค์, และสิ่งที่พระองค์ทรงเรียกร้องจากเรา. คัมภีร์ไบเบิลมีคำแนะนำที่ดีที่สุดในเรื่องชีวิตครอบครัวและการประพฤติในชีวิตประจำวัน. คัมภีร์ไบเบิลให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำพยากรณ์ต่าง ๆ ที่สำเร็จเป็นจริงในอดีต, ที่กำลังสำเร็จเป็นจริงอยู่ในขณะนี้, และที่จะสำเร็จเป็นจริงในอนาคต. ถูกแล้ว “พระคัมภีร์ทุกตอนมีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์เพื่อการสั่งสอน, เพื่อการว่ากล่าว, เพื่อจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย, เพื่อตีสอนด้วยความชอบธรรม, เพื่อคนของพระเจ้าจะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน, เตรียมพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง.”—2 ติโมเธียว 3:16, 17, ล.ม.
2. พระเยซูทรงเน้นอรรถบทของคัมภีร์ไบเบิลอย่างไร?
2 ส่วนที่สำคัญยิ่งของคัมภีร์ไบเบิลคืออรรถบท: การพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระเจ้า (สิทธิของพระองค์ที่จะปกครอง) โดยราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระองค์. พระเยซูทรงทำให้เรื่องนี้เป็นจุดสนใจหลักแห่งงานรับใช้ของพระองค์. “พระเยซูทรงตั้งต้นประกาศว่า ‘ท่านทั้งหลาย จงกลับใจเสียใหม่ เพราะราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์มาใกล้แล้ว.’ ” (มัดธาย 4:17, ล.ม.) พระองค์ทรงชี้ว่าเรื่องนี้ควรอยู่ในตำแหน่งใดในชีวิตของเรา โดยทรงกระตุ้นว่า “ดังนั้น จงแสวงหาราชอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนเสมอไป.” (มัดธาย 6:33, ล.ม.) พระองค์ทรงชี้ด้วยว่าเรื่องนี้สำคัญเพียงไรโดยทรงสอนเหล่าสาวกให้อธิษฐานถึงพระเจ้าว่า “ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มาเถิด. พระทัยประสงค์ของพระองค์สำเร็จแล้วในสวรรค์อย่างไร ก็ขอให้สำเร็จบนแผ่นดินโลกอย่างนั้น.”—มัดธาย 6:10, ล.ม.
การปกครองใหม่เหนือแผ่นดินโลก
3. เหตุใดราชอาณาจักรของพระเจ้าจึงมีความสำคัญโดยตรงสำหรับเรา?
3 เหตุใดราชอาณาจักรของพระเจ้าจึงสำคัญต่อมนุษย์มากขนาดนั้น? เนื่องจากในไม่ช้า ราชอาณาจักรจะลงมือปฏิบัติการดานิเอล 2:44 (ล.ม.) กล่าวว่า “ในสมัยของกษัตริย์เหล่านั้น [ซึ่งปกครองแผ่นดินโลกอยู่ในเวลานี้] พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์จะทรงตั้งอาณาจักรหนึ่งขึ้น [รัฐบาลในสวรรค์] ซึ่งจะไม่มีวันถูกทำลาย. และอาณาจักรนี้จะไม่ถูกยกแก่ชนชาติอื่นใด. อาณาจักรนี้จะบดขยี้อาณาจักรทั้งปวงนั้น [รัฐบาลแห่งแผ่นดินโลก] และทำให้สิ้นไป และอาณาจักรนี้จะคงอยู่จนเวลาไม่กำหนด.” เมื่อราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้าปกครองอย่างครบถ้วน มนุษย์จะไม่ได้ควบคุมแผ่นดินโลกอีกต่อไป. การปกครองของมนุษย์ซึ่งแตกแยกและไม่เป็นที่น่าพอใจจะกลายเป็นอดีตตลอดไป.
ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงการปกครองของแผ่นดินโลกนี้ตลอดไป. คำพยากรณ์ที่4, 5. (ก) เหตุใดพระเยซูทรงเป็นผู้มีคุณวุฒิเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักร? (ข) พระเยซูจะทรงได้รับมอบหมายงานอะไรในอีกไม่ช้านี้?
4 ผู้ปกครององค์เอกในราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ ภายใต้การชี้นำโดยตรงจากพระยะโฮวา เป็นผู้ที่มีคุณวุฒิเหมาะสมที่สุด—คือพระคริสต์เยซู. ก่อนเสด็จมายังแผ่นดินโลก พระองค์ทรงอยู่ในสวรรค์ฐานะเป็น “นายช่าง” ของพระเจ้า โดยที่ทรงเป็นผลแรกแห่งสิ่งทรงสร้างทั้งหมดของพระเจ้า. (สุภาษิต 8:22-31, ฉบับแปลใหม่) “พระองค์เป็นแบบพระฉายของพระเจ้าผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา เป็นผู้แรกที่บังเกิดก่อนสรรพสิ่งทรงสร้าง; เพราะโดยพระองค์ สิ่งอื่นทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้นทั้งในสวรรค์และที่แผ่นดินโลก.” (โกโลซาย 1:15, 16, ล.ม.) และเมื่อพระเจ้าทรงส่งพระองค์มายังแผ่นดินโลก พระเยซูทรงทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าตลอดเวลา. พระองค์ทรงอดทนการทดสอบที่ยากลำบากที่สุดและสิ้นพระชนม์อย่างซื่อสัตย์ต่อพระบิดาของพระองค์.—โยฮัน 4:34; 15:10.
5 พระเยซูทรงได้รับรางวัลตอบแทนความภักดีที่พระองค์ทรงมีต่อพระเจ้าจนกระทั่งสิ้นพระชนม์. พระเจ้าทรงปลุกพระองค์ให้คืนพระชนม์ขึ้นสู่สวรรค์และประทานสิทธิแก่พระองค์ให้เป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์. (กิจการ 2:32-36) ในฐานะกษัตริย์แห่งราชอาณาจักร พระคริสต์เยซูจะได้รับมอบหมายงานอันน่าพรั่นพรึงจากพระเจ้าให้นำทูตสวรรค์จำนวนมากผู้มีฤทธิ์ในการขจัดการปกครองของมนุษย์จากแผ่นดินโลกและกำจัดความชั่วทั้งสิ้นบนโลกของเรา. (สุภาษิต 2:21, 22; 2 เธซะโลนิเก 1:6-9; วิวรณ์ 19:11-21; 20:1-3) จากนั้น ราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้าภายใต้พระคริสต์จะเป็นอำนาจปกครองใหม่ โดยที่เป็นรัฐบาลเดียวเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น.—วิวรณ์ 11:15.
6. เราสามารถคาดหมายการปกครองแบบใดจากพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักร?
6 พระคำของพระเจ้ากล่าวถึงผู้ครองโลกองค์ใหม่ว่า “ผู้นั้นได้รับมอบรัช, และเกียรติยศและอาณาจักร, เพื่อทุกประเทศทุกชาติทุกภาษาจะได้ปฏิบัติท่าน.” (ดานิเอล 7:14) เนื่องจากพระเยซูจะทรงเลียนแบบความรักของพระเจ้า จะมีสันติสุขและความสุขอย่างเหลือล้นภายใต้การปกครองของพระองค์. (มัดธาย 5:5; โยฮัน 3:16; 1 โยฮัน 4:7-10) “ความจำเริญรุ่งเรืองแห่งรัฐบาลของท่านและสันติสุขจะไม่รู้สิ้นสุด . . . ทรงค้ำชูไว้ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม.” (ยะซายา 9:7) ช่างจะเป็นพระพรสักเพียงไรที่มีผู้ปกครองซึ่งปกครองด้วยความรัก, ความยุติธรรม, และความชอบธรรม! ด้วยเหตุนั้น 2 เปโตร 3:13 (ล.ม.) บอกล่วงหน้าว่า “มีฟ้าสวรรค์ใหม่ [ราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้า] และแผ่นดินโลกใหม่ [สังคมใหม่บนแผ่นดินโลก] ซึ่งเรากำลังรอท่าอยู่ตามคำสัญญาของพระองค์ และซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่ที่นั่น.”
7. มัดธาย 24:14 กำลังสำเร็จเป็นจริงอย่างไรในทุกวันนี้?
7 เป็นเรื่องแน่นอนว่า ราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับทุกคนที่รักความถูกต้อง. นั่นเป็นเหตุผลที่พระเยซูทรงบอกล่วงหน้าว่าการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรเป็นส่วนหนึ่งของหมายสำคัญซึ่งชี้ว่าบัดนี้เราอยู่ใน “สมัยสุดท้าย” แห่งระบบชั่วนี้. พระองค์ตรัสว่า “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ; และครั้นแล้วอวสานจะมาถึง.” (2 ติโมเธียว 3:1-5, ล.ม.; มัดธาย 24:14, ล.ม.) คำพยากรณ์ดังกล่าวกำลังสำเร็จเป็นจริงอยู่ในขณะนี้ ขณะที่พยานพระยะโฮวาประมาณหกล้านคนใน 234 ดินแดนอุทิศเวลามากกว่าหนึ่งพันล้านชั่วโมงในแต่ละปีเพื่อบอกคนอื่น ๆ เกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า. สถานนมัสการของพวกเขาซึ่งมีประมาณ 90,000 ประชาคมทั่วโลกต่างก็ถูกเรียกอย่างเหมาะสมว่าหอประชุมราชอาณาจักร. ผู้คนไปที่นั่นเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะมา.
ผู้ร่วมปกครอง
8, 9. (ก) ผู้ที่ร่วมปกครองกับพระคริสต์มาจากไหน? (ข) เราสามารถเชื่อมั่นในเรื่องใดเกี่ยวกับการปกครองของพระมหากษัตริย์และผู้ที่ร่วมปกครองกับพระองค์?
8 จะมีผู้ร่วมปกครองกับพระคริสต์เยซูในราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้า. วิวรณ์ 14:1-4 (ล.ม.) บอกล่วงหน้า ว่าจะมี 144,000 คนถูก “ซื้อจากท่ามกลางมนุษยชาติ” และถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายสู่ชีวิตฝ่ายสวรรค์. คนเหล่านี้ประกอบด้วยชายและหญิงซึ่ง แทนที่จะรับการปรนนิบัติ พวกเขารับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ด้วยใจถ่อม. “พวกเขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะปกครองเป็นกษัตริย์กับพระองค์ตลอดพันปีนั้น.” (วิวรณ์ 20:6, ล.ม.) จำนวนของพวกเขาน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับ “ชนฝูงใหญ่ ซึ่งไม่มีใครนับจำนวนได้ จากชาติและตระกูลและชนชาติและภาษาทั้งปวง” ซึ่งจะรอดชีวิตผ่านอวสานของระบบนี้. คนเหล่านี้ก็เช่นกัน ถวาย ‘การรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้าทั้งวันทั้งคืน’ แต่พวกเขาไม่ได้ถูกเรียกฝ่ายสวรรค์. (วิวรณ์ 7:9, 15, ล.ม.) พวกเขาประกอบกันเป็นแกนกลางของแผ่นดินโลกใหม่ในฐานะไพร่ฟ้าประชาราษฎร์แห่งราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้า.—บทเพลงสรรเสริญ 37:29; โยฮัน 10:16.
9 ในการเลือกคนที่จะปกครองกับพระคริสต์ในสวรรค์ พระยะโฮวาทรงเลือกมนุษย์ที่ซื่อสัตย์ซึ่งมีประสบการณ์ในการเผชิญปัญหาทุกอย่างของชีวิต. แทบจะไม่มีปัญหาใดที่ประชาชนได้ประสบซึ่งกษัตริย์และปุโรหิตเหล่านี้ไม่เคยประสบด้วย. ดังนั้น ประสบการณ์ชีวิตของพวกเขาบนแผ่นดินโลกจะเสริมให้พวกเขามีความสามารถในการปกครองมนุษย์. แม้แต่พระเยซูเองก็ “ทรงเรียนรู้การเชื่อฟังจากสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทนเอา.” (เฮ็บราย 5:8, ล.ม.) อัครสาวกเปาโลกล่าวเกี่ยวกับพระองค์ว่า “เรามีผู้ที่เป็นมหาปุโรหิต มิใช่ผู้ที่ไม่สามารถร่วมรู้สึกกับความอ่อนแอของเรา แต่ผู้ที่ได้ผ่านการทดลองมาแล้วทุกประการเหมือนพวกเรา แต่ปราศจากบาป.” (เฮ็บราย 4:15, ล.ม.) ช่างให้การปลอบโยนสักเพียงไรที่ได้ทราบว่า ในโลกใหม่อันชอบธรรมของพระเจ้า ประชาชนจะอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์และปุโรหิตที่เปี่ยมด้วยความรักและร่วมความรู้สึก!
ราชอาณาจักรอยู่ในพระประสงค์ของพระเจ้าไหม?
10. เหตุใดราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งแห่งพระประสงค์ดั้งเดิมของพระเจ้า?
10 ราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งในพระประสงค์ดั้งเดิมของพระเจ้าเมื่อพระองค์ทรงสร้างอาดามกับฮาวาไหม? ในบันทึกเกี่ยวกับการสร้างที่พระธรรมเยเนซิศ ไม่ได้มีการกล่าวถึงราชอาณาจักรที่จะปกครองมนุษยชาติเลย. พระยะโฮวาเองทรงเป็นผู้ปกครองของพวกเขา และตราบใดพวกเขาเชื่อฟังพระองค์ ไม่มีความจำเป็นต้องมีการปกครองอื่นใดอีก. เยเนซิศบท 1 ชี้ว่าพระยะโฮวาทรงติดต่อกับอาดามและฮาวา ซึ่งก็น่าจะโดยทางพระบุตรฝ่ายสวรรค์ผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียว. บันทึกใช้วลีต่าง ๆ อย่างเช่น “พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า” และ ‘พระเจ้าตรัสแก่เขาต่อไปว่า.’—เยเนซิศ 1:28, 29, ล.ม.; โยฮัน 1:1.
11. มนุษยชาติมีจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์เช่นไร?
11 คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “พระเจ้าทอดพระเนตรดูสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้นั้นเห็นว่าดีนัก.” (เยเนซิศ 1:31) ทุกสิ่งในสวนเอเดนสมบูรณ์อย่างแท้จริง. อาดามและฮาวาอาศัยในอุทยาน. ทั้งสองมีจิตใจและร่างกายที่สมบูรณ์. ทั้งสองสามารถสื่อความกับพระผู้สร้างและพระผู้สร้างสามารถสื่อความกับเขา. และโดยรักษาความซื่อสัตย์ต่อไป ทั้งสองก็จะให้กำเนิดบุตรที่สมบูรณ์. จะไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลใหม่ฝ่ายสวรรค์.
12, 13. เมื่อมนุษยชาติที่สมบูรณ์เพิ่มทวีขึ้น เหตุใดพระเจ้าจะยังคงสามารถสื่อความกับพวกเขาได้?
ยะซายา 40:26, ล.ม.
12 เมื่อครอบครัวมนุษย์เพิ่มทวีขึ้น พระเจ้าจะทรงสื่อความกับพวกเขาทั้งหมดอย่างไร? ขอให้พิจารณาดวงดาวในท้องฟ้า. ดาวเหล่านี้รวมกลุ่มอยู่ด้วยกันในเอกภพย่อย ๆ ที่เรียกว่ากาแล็กซี. บางกาแล็กซีมีดาวถึงหนึ่งพันล้านดวง. ในบางกาแล็กซีมีดาวประมาณหนึ่งล้านล้านดวง. และนักวิทยาศาสตร์ประมาณกันว่ามีกาแล็กซีประมาณ 100,000 ล้านกาแล็กซีในเอกภพที่สังเกตเห็นได้! กระนั้น พระผู้สร้างตรัสว่า “จงเงยหน้าขึ้นและมองดู. ใครได้สร้างสิ่งเหล่านี้? พระองค์นั่นแหละที่ทรงนำกองทัพของสิ่งเหล่านี้ออกมาตามจำนวน พระองค์ถึงกับทรงเรียกพวกมันทั้งสิ้นตามชื่อ. เนื่องด้วยพลังงานพลวัตอันล้นเหลือ อีกทั้งพระองค์ทรงมีกำลังแข็งขัน จึงไม่มีสักหนึ่งเดียวในสิ่งเหล่านี้ขาดไป.”—13 เนื่องจากพระเจ้าทรงทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเทห์ฟากฟ้าเหล่านี้ทั้งหมด จึงไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอนที่พระองค์จะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมนุษย์ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่ามาก. แม้แต่ในเวลานี้ ผู้รับใช้ของพระองค์หลายล้านคนอธิษฐานถึงพระองค์ทุกวัน. คำอธิษฐานเหล่านี้ไปถึงพระเจ้าในทันที. ดังนั้น การสื่อความกับมนุษย์สมบูรณ์ทุกคนจะไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดสำหรับพระองค์. พระองค์ไม่จำเป็นต้องมีราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์เพื่อจะสามารถทราบข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับพวกเขา. ช่างเป็นการจัดเตรียมที่น่าอัศจรรย์อะไรอย่างนี้—ที่จะมีพระยะโฮวาเป็นผู้ปกครอง, ที่จะเข้าเฝ้าพระองค์โดยตรง, และที่จะมีความคาดหวังในการมีชีวิตตลอดไปโดยไม่ต้องตายบนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน!
“ไม่อยู่ที่มนุษย์”
14. เหตุใดมนุษย์จึงจำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้การปกครองของพระยะโฮวาตลอดไป?
14 อย่างไรก็ตาม มนุษย์—แม้แต่มนุษย์สมบูรณ์—จำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้การปกครองของพระยะโฮวาตลอดไป. เพราะเหตุใด? เพราะพระยะโฮวาไม่ได้สร้างมนุษย์ให้มีความสามารถที่จะประสบผลสำเร็จโดยไม่ต้องหมายพึ่งการปกครองของพระองค์. นี่เป็นกฎข้อหนึ่งของมนุษย์เรา ดังที่ผู้พยากรณ์ยิระมะยายอมรับว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทราบแล้วว่าทางของมนุษย์ไม่อยู่ที่ตัวเขา. คือไม่อยู่ที่มนุษย์ผู้ซึ่งดำเนินไปที่จะนำฝีก้าวของตนเอง. ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดตีสอนข้าพระองค์.” (ยิระมะยา 10:23, 24, ฉบับแปลใหม่) เป็นเรื่องโง่เขลาที่มนุษย์จะคิดว่าเขาสามารถควบคุมดูแลสังคมได้อย่างประสบผลสำเร็จโดยไม่ต้องให้พระยะโฮวาปกครองเขา. นั่นย่อมจะตรงกันข้ามกับแนวทางที่เขาถูกสร้างไว้. การไม่หมายพึ่งการปกครองของพระยะโฮวาจะยังผลให้เกิดความเห็นแก่ตัว, ความเกลียดชัง, ความโหดร้าย, ความรุนแรง, สงคราม, และความตายอย่างแน่นอน. ‘มนุษย์จะใช้อำนาจเหนือมนุษย์อย่างที่ก่อผลเสียหายแก่เขา.’—ท่านผู้ประกาศ 8:9, ล.ม.
15. เกิดผลเช่นไรจากการที่บิดามารดาแรกเดิมของเราเลือกทำอย่างไม่ถูกต้อง?
15 น่าเศร้า บิดามารดาแรกเดิมของเราตัดสินใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีพระเจ้าเป็นผู้ปกครองของตน และทั้งสองเลือกจะดำเนินชีวิตโดยไม่หมายพึ่งพระองค์. ผลก็คือ พระเจ้าไม่ทรงค้ำจุนพวกเขาให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกต่อไป. ถึงตอนนี้ ทั้งสองเป็นเหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกตัดขาดจากแหล่งกำเนิดพลังไฟฟ้า. ด้วยเหตุนั้น ในที่สุดเขาจะช้าลงแล้วก็หยุดสนิท—ในความตาย. เขากลายเป็นเหมือนแม่พิมพ์ที่บกพร่อง และมีแต่สภาพเช่นนั้นแหละที่เขาสามารถถ่ายทอดให้แก่ลูกหลานได้. (โรม 5:12) “ศิลา [พระยะโฮวา] กิจการของพระองค์สมบูรณ์พร้อม เพราะทางทั้งปวงของพระองค์ยุติธรรม. . . . เขาทั้งหลายได้ลงมือก่อความหายนะในส่วนของเขาเอง; เขาทั้งหลายหาได้เป็นบุตรของพระองค์ไม่ ข้อบกพร่องเป็นของเขาเอง.” (พระบัญญัติ 32:4, 5, ล.ม.) จริงอยู่ อาดามและฮาวาถูกชักจูงโดยกายวิญญาณกบฏผู้ได้กลายเป็นซาตาน แต่ทั้งสองมีความคิดจิตใจที่สมบูรณ์และสามารถปฏิเสธข้อเสนอผิด ๆ ของมัน.—เยเนซิศ 3:1-19; ยาโกโบ 4:7.
16. ประวัติศาสตร์พิสูจน์ให้เห็นผลเช่นไรของการไม่หมายพึ่งพระเจ้า?
16 ประวัติศาสตร์ให้ข้อพิสูจน์อย่างเหลือเฟือถึงผลของการไม่หมายพึ่งพระเจ้า. เป็นเวลาหลายพันปี ผู้คนได้ทดลองรูปแบบการปกครองของมนุษย์ทุกระบอบ ระบบเศรษฐกิจและสังคมทุกระบบ. ถึงกระนั้น ความชั่วก็ยังคง “กำเริบชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น.” (2 ติโมเธียว 3:13, ล.ม.) ศตวรรษที่ 20 พิสูจน์ให้เห็นอย่างนั้น. ศตวรรษดังกล่าวเต็มไปด้วยความเกลียดชังอันร้ายกาจ อีกทั้งมีความรุนแรง, สงคราม, ความหิวโหย, ความยากจน, และความทุกข์ยากมากที่สุดยิ่งกว่าสมัยใดในประวัติศาสตร์. และไม่ว่ามีความก้าวหน้าทางการแพทย์ไปมากเท่าใด ไม่ช้าก็เร็วทุกคนต้องตาย. (ท่านผู้ประกาศ 9:5, 10) ด้วยความพยายามจะนำฝีก้าวของตนเอง มนุษย์ได้ปล่อยให้ตัวเขาเองตกเป็นเหยื่อของซาตานและเหล่าผีปิศาจของมัน ถึงขนาดที่คัมภีร์ไบเบิลเรียกซาตานว่า “พระเจ้าของระบบนี้.”—2 โกรินโธ 4:4, ล.ม.
เจตจำนงเสรีอันเป็นของประทาน
17. ต้องใช้เจตจำนงเสรีอันเป็นของประทานของพระเจ้าอย่างไร?
17 เหตุใดพระยะโฮวาทรงยอมให้มนุษย์ดำเนินในแนวทางของตนเอง? เพราะพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้มีเจตจำนงเสรีอันเป็นของประทานที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งก็คือความสามารถที่จะเลือกได้อย่างเสรี. อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “พระวิญญาณของพระยะโฮวาอยู่ที่ใด เสรีภาพก็อยู่ที่นั่น.” (2 โกรินโธ 3:17, ล.ม.) ไม่มีใครต้องการเป็นเหมือนกับหุ่นยนต์ ต้องให้ใครบางคนคอยตัดสินใจให้อยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะพูดหรือทำ. แต่พระยะโฮวาทรงเรียกร้องมนุษย์ให้ใช้เจตจำนงเสรีอันเป็นของประทานอย่างรับผิดชอบ ให้มองเห็นสติปัญญาของการทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์และอยู่ใต้อำนาจปกครองของพระองค์ต่อไป. (ฆะลาเตีย 5:13) ดังนั้น เสรีภาพไม่ใช่สภาพที่ไม่ขึ้นกับสิ่งอื่นใด ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นคงจะยังผลเป็นภาวะที่บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป. ต้องมีการควบคุมเสรีภาพให้อยู่ในขอบเขตแห่งกฎหมายของพระเจ้าซึ่งมุ่งให้เกิดประโยชน์สุข.
18. พระเจ้าทรงแสดงให้เห็นอะไรด้วยการปล่อยให้มนุษย์เลือกอย่างเสรี?
18 โดยปล่อยให้ครอบครัวมนุษย์ดำเนินไปตามทางของตนเอง พระเจ้าจึงทรงแสดงให้เห็น ครั้งเดียวและใช้ได้ตลอดไป ว่าเราจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์. วิธีปกครองของพระองค์ พระบรมเดชานุภาพของพระองค์ เป็นวิถีทางเดียวเท่านั้นที่ถูกต้อง. เป็นวิถีทางที่นำมาซึ่งความสุข, ความอิ่มใจ, และความรุ่งเรืองมากที่สุด. ทั้งนี้ก็เนื่องจากความคิดจิตใจและร่างกายของเราถูกออกแบบไว้โดยพระยะโฮวาให้ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อทำอย่างที่ประสานกับกฎหมายของพระองค์. “เราคือยะโฮวา, พระเจ้าของเจ้าผู้สั่งสอนเจ้า, เพื่อประโยชน์แก่ตัวของเจ้าเอง, และผู้นำเจ้าให้ดำเนินในทางที่เจ้าควรดำเนิน.” (ยะซายา 48:17) การเลือกอย่างเสรีภายในขอบเขตแห่งกฎหมายของพระเจ้าจะไม่เป็นภาระหนัก หากแต่จะยังผลเป็นอาหาร, บ้าน, ศิลปะ, และดนตรีอันหลากหลายที่ให้ความปีติยินดี. เมื่อใช้อย่างเหมาะสม เจตจำนงเสรีจะยังผลทำให้คนเรามีชีวิตที่น่าพิศวงบนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน.
19. พระเจ้าทรงใช้เครื่องมืออะไรเพื่อให้มนุษย์ได้กลับคืนดีกับพระองค์?
19 แต่เนื่องจากการเลือกอย่างผิด ๆ ของพวกเขา มนุษย์จึงเริ่มแยกตัวห่างเหินจากพระยะโฮวา, เริ่มไม่สมบูรณ์, เสื่อมลง, และตายไป. ดังนั้น พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการไถ่ถอนจากสภาพอันน่าเศร้าเช่นนั้น และกลับมามีสัมพันธภาพที่เหมาะโยฮัน 3:16) โดยการจัดเตรียมนี้ คนเหล่านั้นที่กลับใจอย่างแท้จริง—เช่นเดียวกับบุตรสุรุ่ยสุร่ายในอุทาหรณ์ของพระเยซู—จะได้กลับคืนดีกับพระเจ้า และพระองค์จะทรงรับเขากลับมาเป็นบุตรของพระองค์.—ลูกา 15:11-24; โรม 8:21; 2 โกรินโธ 6:18.
สมกับพระเจ้าในฐานะบุตรชายหญิงของพระองค์. เครื่องมือที่พระเจ้าทรงเลือกใช้เพื่อให้สำเร็จผลเช่นนี้ได้แก่ราชอาณาจักร และผู้ไถ่คือพระเยซูคริสต์. (20. พระประสงค์ของพระเจ้าจะสำเร็จเป็นจริงอย่างไรโดยทางราชอาณาจักร?
20 พระทัยประสงค์ของพระยะโฮวาจะสำเร็จผลบนแผ่นดินโลกอย่างแน่นอน. (ยะซายา 14:24, 27; 55:11) โดยทางราชอาณาจักรของพระองค์ภายใต้พระคริสต์ พระเจ้าจะทรงพิสูจน์ความถูกต้องแห่งสิทธิของพระองค์ในฐานะองค์บรมมหิศรของเรา. ราชอาณาจักรจะนำอวสานมาสู่การปกครองของมนุษย์และผีปิศาจเหนือแผ่นดินโลกนี้ และเฉพาะแต่ราชอาณาจักรเท่านั้นที่จะปกครองจากสวรรค์เป็นเวลาหนึ่งพันปี. (โรม 16:20; วิวรณ์ 20:1-6) แต่ในระหว่างช่วงเวลานั้น จะมีการแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าแห่งวิธีปกครองของพระยะโฮวาอย่างไร? และเมื่อสิ้นสุดพันปีแล้ว ราชอาณาจักรจะมีบทบาทเช่นไร? บทความถัดไปจะพิจารณาคำถามดังกล่าว.
จุดต่าง ๆ เพื่อการทบทวน
• อรรถบทของคัมภีร์ไบเบิลคืออะไร?
• ใครประกอบกันเป็นการปกครองใหม่เหนือแผ่นดินโลก?
• เหตุใดการปกครองของมนุษย์ซึ่งไม่หมายพึ่งพระเจ้าไม่อาจประสบผลสำเร็จได้?
• ต้องใช้เจตจำนงเสรีอย่างไร?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 10]
การสอนของพระเยซูเน้นการปกครองของพระเจ้าโดยทางราชอาณาจักร
[ภาพหน้า 12]
ในทุกดินแดน พยานพระยะโฮวาเน้นราชอาณาจักรเป็นเรื่องหลักในการสอนของพวกเขา
[ภาพหน้า 14]
ประวัติศาสตร์พิสูจน์ให้เห็นถึงผลอันเลวร้ายของการไม่หมายพึ่งพระเจ้า
[ที่มาของภาพ]
WWI soldiers: U.S. National Archives photo; concentration camp: Oświęcim Museum; child: UN PHOTO 186156/J. Isaac