ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เรารอดชีวิตผ่านระบอบเผด็จการมาได้ด้วยการช่วยเหลือจากพระยะโฮวา

เรารอดชีวิตผ่านระบอบเผด็จการมาได้ด้วยการช่วยเหลือจากพระยะโฮวา

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

เรา​รอด​ชีวิต​ผ่าน​ระบอบ​เผด็จการ​มา​ได้​ด้วย​การ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา

เล่า​โดย เฮนรีค ดอร์นีค

ผม​เกิด​ปี 1926 พ่อ​แม่​ของ​ผม​เป็น​ชาว​คาทอลิก​ที่​เคร่ง​ศาสนา. พวก​ท่าน​อาศัย​ใน​รูดา สลาสกา เมือง​ที่​ทำ​เหมือง​แร่​อยู่​ใกล้​เมือง​กาโทวิส​ภาค​ใต้​ของ​โปแลนด์. ท่าน​สั่ง​สอน​ลูก ๆ ซึ่ง​มี​เบอร์นาร์ด พี่​ชาย​คน​โต ตัว​ผม​และ​น้อง​สาว​สอง​คน​คือ​โรซา​และ​เอดิทา​ให้​หมั่น​อธิษฐาน, เข้า​ร่วม​นมัสการ​ใน​โบสถ์, และ​ปฏิบัติ​พิธี​ทาง​ศาสนา​โดย​การ​สารภาพ​บาป​ต่อ​บาทหลวง.

ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​มา​ถึง​บ้าน​ของ​เรา

วัน​หนึ่ง​ใน​เดือน​มกราคม 1937 ตอน​นั้น​ผม​อายุ 10 ขวบ พ่อ​กลับ​บ้าน​ด้วย​ความ​ดี​อก​ดีใจ. ท่าน​มี​หนังสือ​เล่ม​ใหญ่​ติด​ตัว​มา​ด้วย​ซึ่ง​ท่าน​รับ​จาก​พยาน​พระ​ยะโฮวา. พ่อ​พูด​ว่า “ลูก​ดู​นี่​ซิ​ว่า​พ่อ​ได้​อะไร​มา พระ​คัมภีร์​บริสุทธิ์​ไง​ล่ะ!” ก่อน​หน้า​นั้น​ผม​ยัง​ไม่​เคย​เห็น​คัมภีร์​ไบเบิล.

คริสตจักร​คาทอลิก​พยายาม​แผ่​อิทธิพล​เหนือ​ประชาชน​ใน​รูดา สลาสกา​และ​พื้น​ที่​ใกล้​เคียง​เป็น​เวลา​นาน​แล้ว. นัก​บวช​ทำ​ตัว​เป็น​มิตร​กับ​เจ้าของ​เหมือง​แร่​และ​เรียก​ร้อง​คน​งาน​เหมือง​และ​ครอบครัว​ของ​เขา​ให้​เชื่อ​ฟัง​โดย​ไม่​มี​ข้อ​แม้. หาก​คน​งาน​เหมือง​คน​ไหน​ไม่​เข้า​ร่วม​พิธี​มิสซา​หรือ​ไม่​ยอม​ไป​สารภาพ​บาป เขา​ถูก​ตรา​หน้า​เป็น​คน​ไม่​เลื่อมใส​ศาสนา​และ​ถูก​ไล่​ออก​จาก​งาน. ไม่​ช้า การ​ขู่เข็ญ​ทำนอง​นี้​เกิด​ขึ้น​กับ​พ่อ​เช่น​กัน เพราะ​ท่าน​ติด​ต่อ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เมื่อ​บาทหลวง​คน​หนึ่ง​แวะ​มา​ที่​บ้าน พ่อ​ได้​ประจาน​ความ​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด​ทาง​ศาสนา​ของ​เขา​ให้​ทุก​คน​รู้​ทั่ว​กัน. บาทหลวง​คน​นั้น​รู้สึก​อับอาย​ไม่​อยาก​มี​เรื่อง​ยุ่งยาก​มาก​กว่า​นี้ พ่อ​จึง​ไม่​ถูก​ไล่​ออก​จาก​งาน.

การ​ได้​ยิน​และ​เห็น​พ่อ​พูด​กับ​บาทหลวง​ซึ่ง ๆ หน้า​ครั้ง​นั้น​ช่วย​เสริม​ความ​ตั้งใจ​ของ​ผม​ที่​จะ​เรียน​รู้​พระ​คัมภีร์. ความ​รัก​ของ​ผม​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​เพิ่ม​พูน​ขึ้น​เรื่อย ๆ และ​ผม​ยัง​ได้​พัฒนา​สัมพันธภาพ​กับ​พระองค์​เป็น​ส่วน​ตัว. เพียง​ไม่​กี่​เดือน​หลัง​จาก​พ่อ​ได้​คุย​กับ​บาทหลวง พวก​เรา​ก็​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​อนุสรณ์​รำลึก​การ​สิ้น​พระ​ชนม์​ของ​พระ​คริสต์ ใน​โอกาส​นั้น​มี​การ​แนะ​นำ​ให้​พ่อ​รู้​จัก​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​ซึ่ง​มี​ประมาณ 30 คน​ว่า “คน​กลุ่ม​นี้​คือ​โยนาดาบ.” ต่อ​มา​ผม​จึง​ได้​มา​เรียน​รู้​ว่า “โยนาดาบ” หมาย​ถึง​คริสเตียน​ที่​มี​ความ​หวัง​ทาง​แผ่นดิน​โลก​และ​เรียน​รู้​อีก​ว่า​สมาชิก​ของ​กลุ่ม​นี้​จะ​มี​จำนวน​มาก​ขึ้น. *2 กษัตริย์ 10:15-17.

“เด็ก​น้อย รู้​ไหม​ว่า​บัพติสมา​หมาย​ถึง​อะไร?”

หลัง​จาก​พ่อ​รับ​เอา​ความ​จริง​แล้ว ท่าน​เลิก​ดื่ม​เหล้า​และ​กลาย​เป็น​สามี​ที่​ดี เป็น​พ่อ​ที่​ดี. กระนั้น แม่​ยัง​ไม่​ยอม​รับ​แง่​คิด​ทาง​ศาสนา​ของ​พ่อ ทั้ง​เคย​พูด​ว่า​อยาก​ให้​พ่อ​ดำเนิน​ชีวิต​แบบ​เดิม ๆ และ​ยัง​คง​เป็น​ชาว​คาทอลิก. อย่าง​ไร​ก็​ดี หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 เริ่ม​ขึ้น แม่​สังเกต​เห็น​พวก​นัก​เทศน์​กลุ่ม​เดียว​กัน​ที่​เคย​อธิษฐาน​ขอ​ให้​โปแลนด์​ชนะ​กองทัพ​เยอรมัน​ที่​บุกรุก​เข้า​มา ตอน​นี้​พวก​เขา​กลับ​อธิษฐาน​โมทนา​ขอบคุณ​พระเจ้า​ที่​ฮิตเลอร์​ประสบ​ชัย​ชนะ! ต่อ​มา ใน​ปี 1941 แม่​ร่วม​สมทบ​พวก​เรา​ใน​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา.

ก่อน​หน้า​นั้น ผม​แจ้ง​ความ​ปรารถนา​จะ​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า​ด้วย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​น้ำ แต่​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​คิด​ว่า​ผม​ยัง​เด็ก​เกิน​ไป. เขา​บอก​ผม​ให้​รอ. ใน​ที่​สุด วัน​ที่ 10 ธันวาคม 1940 คอนราด กราโบวี (พี่​น้อง​ชาย​ซึ่ง​ตอน​หลัง​เสีย​ชีวิต​อย่าง​ซื่อ​สัตย์​ใน​ค่าย​กัก​กัน) ได้​ถาม​ทบทวน​ผม​อย่าง​ระมัดระวัง​ภาย​ใน​ห้อง​เช่า​เล็ก ๆ. เขา​ตั้ง​คำ​ถาม​ห้า​ข้อ​ให้​ผม​ตอบ และ​เขา​พอ​ใจ​กับ​คำ​ตอบ​ทุก​ข้อ เขา​จึง​ให้​ผม​รับ​บัพติสมา. ข้อ​หนึ่ง​ที่​ถาม​ผม​คือ “เด็ก​น้อย รู้​ไหม​ว่า​บัพติสมา​หมาย​ถึง​อะไร?” อีก​คำ​ถาม​หนึ่ง​คือ “เธอ​รู้​ไหม​ว่า​เวลา​นี้​มี​สงคราม อีก​ไม่​นาน​เธอ​ต้อง​ตัดสิน​ใจ​เอง​ว่า​จะ​ซื่อ​สัตย์​ภักดี​ต่อ​ฮิตเลอร์​หรือ​ต่อ​พระ​ยะโฮวา และ​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​เธอ​อาจ​ทำ​ให้​เธอ​ถึง​แก่​ความ​ตาย​ถ้า​เธอ​เลือก​ที่​จะ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​ภักดี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา?” ผม​ตอบ​ทันที​ว่า “เข้าใจ​ครับ.”

การ​กดขี่​ข่มเหง​เริ่ม​ขึ้น

เพราะ​เหตุ​ใด​คอนราด กราโบวี​จึง​ตั้ง​คำ​ถาม​เจาะจง​เช่น​นั้น? กองทัพ​เยอรมัน​บุกรุก​ประเทศ​โปแลนด์​ปี 1939 และ​หลัง​จาก​นั้น​ความ​เชื่อ​และ​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ของ​เรา​ถูก​ทดสอบ​อย่าง​หนัก​หน่วง. แต่​ละ​วัน สภาพการณ์​ทวี​ความ​ตึงเครียด​มาก​ขึ้น เนื่อง​จาก​เรา​ได้​ยิน​ว่า​พี่​น้อง​คริสเตียน​ชาย​หญิง​ของ​เรา​ถูก​จับ, ถูก​เนรเทศ, และ​ถ้า​ไม่​ติด​คุก​ก็​ถูก​ส่ง​ตัว​เข้า​ค่าย​กัก​กัน. อีก​ไม่​ช้า​ไม่​นาน​คง​เป็น​คราว​ของ​เรา​ที่​จะ​ต้อง​เผชิญ​การ​ทดสอบ​คล้าย ๆ กัน.

พวก​นาซี​ต้องการ​เปลี่ยน​คน​รุ่น​เยาวชน—รวม​ทั้ง​พวก​เรา​สี่​คน​ที่​เป็น​เด็ก—ให้​กลาย​เป็น​สมาชิก​ที่​กระตือรือร้น​สนับสนุน​ฮิตเลอร์​แห่ง​จักรวรรดิ​ไรช์​ที่​สาม. เนื่อง​จาก​พ่อ​แม่​ของ​เรา​ปฏิเสธ​หลาย​ครั้ง​ไม่​ยอม​เซ็น​ชื่อ​ใน​โฟคส์ลิสท์ (ราย​ชื่อ​ผู้​ที่​ต้องการ​มี​สัญชาติ​เยอรมัน) ท่าน​ทั้ง​สอง​จึง​ไม่​มี​สิทธิ์​จะ​ดู​แล​พวก​เรา​ที่​ยัง​เป็น​เด็ก. พ่อ​ถูก​ส่ง​เข้า​ค่าย​กัก​กัน​ที่​เอาชวิทซ์. เดือน​กุมภาพันธ์ 1944 ผม​กับ​พี่​ชาย​ถูก​ส่ง​เข้า​โรง​เรียน​ดัด​สันดาน​ใน​เมือง​กร็อดเคา​ใกล้​นีซา และ​น้อง​สาว​ทั้ง​สอง​คน​ถูก​ส่ง​ไป​อยู่​ที่​คอนแวนต์​ของ​คาทอลิก​ใน​ชาร์โนวงเซ (คลอสเตอร์บรึค) ใกล้​โอโปเล. จุด​มุ่ง​หมาย​ก็​เพื่อ​จะ​ให้​พวก​เรา​ปฏิเสธ​สิ่ง​ที่​เจ้าหน้าที่​รัฐ​เรียก​ว่า “ทัศนคติ​ที่​หลอก​ลวง​ของ​บิดา​มารดา​ของ​เรา.” แม่​ถูก​ทิ้ง​ไว้​ให้​อยู่​บ้าน​เพียง​ลำพัง.

ทุก ๆ เช้า​ที่​สนาม​หน้า​โรง​เรียน​ดัด​สันดาน​จะ​มี​การ​ชัก​ธง​สวัสติกะ​สู่​ยอด​เสา​และ​พวก​เรา​ได้​รับ​คำ​สั่ง​ให้​ยก​มือ​ขวา​และ​ทำ​ความ​เคารพ​ธง​พร้อม​กล่าว​คำ “ไฮล์​ฮิตเลอร์.” มัน​เป็น​การ​ทดสอบ​ความ​เชื่อ​อย่าง​รุนแรง แต่​ผม​กับ​เบอร์นาร์ด​ยืนหยัด​มั่นคง​ไม่​ยอม​อะลุ่มอล่วย. ผล​ก็​คือ เรา​ถูก​เฆี่ยน​เสีย​ยับ​เพราะ​การ​กระทำ “ที่​ขาด​ความ​เคารพ​นับถือ.” ความ​พยายาม​หลาย​อย่าง​ที่​ตาม​มา​เพื่อ​ทำลาย​ขวัญ​กำลังใจ​ของ​เรา​ก็​ไม่​เป็น​ผล​เช่น​กัน ดัง​นั้น ทหาร​หน่วย​เอสเอส​ก็​เลย​ยื่น​คำ​ขาด​ว่า “เว้น​แต่​พวก​แก​จะ​เซ็น​ชื่อ​แจ้ง​ความ​ภักดี​ต่อ​รัฐ​เยอรมัน​และ​สมทบ​กับ​เวร์มาคท์ [กองทัพ​เยอรมัน] ไม่​อย่าง​นั้น​เรา​จะ​ส่ง​พวก​แก​ไป​ที่​ค่าย​กัก​กัน.”

เดือน​สิงหาคม 1944 เมื่อ​พวก​เจ้าหน้าที่​เห็น​ชอบ​อย่าง​เป็น​ทาง​การ​ว่า​ต้อง​ส่ง​พวก​เรา​ไป​อยู่​ใน​ค่าย​กัก​กัน เขา​แถลง​ดัง​นี้: “เป็น​การ​เหลือ​วิสัย​ที่​จะ​โน้ม​น้าว​ใจ​เด็ก ๆ เหล่า​นี้​ให้​ทำ​อะไร​ต่อ​มิ​อะไร. การ​พลี​ชีพ​เพื่อ​ความ​เชื่อ​ทำ​ให้​พวก​เขา​มี​ความ​ยินดี. การ​ดื้อ​รั้น​ขัด​ขืน​ของ​เขา​เป็น​การ​คุกคาม​สถาน​ดัด​สันดาน​โดย​รวม.” แม้​ผม​ไม่​ปรารถนา​จะ​พลี​ชีพ แต่​การ​ทน​ทุกข์​ด้วย​ความ​กล้า​หาญ​และ​ความ​ภูมิ​ใจ​ใน​ความ​ซื่อ​สัตย์​ภักดี​ของ​ผม​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​ทำ​ให้​ผม​มี​ความ​ยินดี. (กิจการ 5:41) ผม​ไม่​สามารถ​เผชิญ​ความ​ทุกข์​ลำบาก​และ​อด​ทน​อยู่​ได้​ด้วย​กำลัง​วังชา​ของ​ตัว​เอง​อย่าง​แน่นอน. ใน​ทาง​ตรง​กัน​ข้าม การ​อธิษฐาน​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า​ทำ​ให้​ผม​ใกล้​ชิด​พระ​ยะโฮวา​ยิ่ง​ขึ้น และ​ปรากฏ​ว่า​พระองค์​เป็น​ผู้​ช่วย​ที่​วางใจ​ได้.—เฮ็บราย 13:6.

ใน​ค่าย​กัก​กัน

หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน ผม​ถูก​พา​ตัว​ไป​ยัง​ค่าย​กัก​กัน​ที่​กรอส-โรเซน​ใน​ซีเลเซีย. ผม​ได้​หมาย​เลข​ประจำ​ตัว​นัก​โทษ​และ​เครื่องหมาย​สาม​เหลี่ยม​สี​ม่วง​ระบุ​ตัว​ผม​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​คน​หนึ่ง. ทหาร​หน่วย​เอสเอส​เสนอ​ทาง​เลือก​ให้​ผม. ผม​จะ​ถูก​ปล่อย​ตัว​จาก​ค่าย​และ​ยัง​จะ​ได้​เป็น​นาย​ทหาร​ใน​กองทัพ​นาซี​เสีย​ด้วย​ซ้ำ ภาย​ใต้​เงื่อนไข​ข้อ​เดียว. “แก​ต้อง​ประกาศ​ตัว​ไม่​รับ​แนว​คิด​ของ​นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​อีก​ต่อ​ไป ซึ่ง​เป็น​ปรปักษ์​ต่อ​จักรวรรดิ​ไรช์​ที่​สาม.” นัก​โทษ​คน​อื่น ๆ ไม่​เคย​ได้​รับ​ข้อ​เสนอ​อย่าง​นี้. เฉพาะ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เท่า​นั้น​ที่​ได้​รับ​การ​เสนอ​โอกาส​ที่​จะ​หลุด​พ้น​จาก​ค่าย. กระนั้น ผม—ซึ่ง​ก็​เหมือน​คน​อื่น ๆ อีก​หลาย​พัน​คน—ได้​ยืนหยัด​มั่นคง​ปฏิเสธ “อภิสิทธิ์” ตาม​แง่​คิด​ของ​หน่วย​ทหาร​เอสเอส. ทหาร​รักษา​การ​ตอบ​กลับ​อย่าง​นี้: “ดู​ปล่อง​ควัน​เตา​เผา​ศพ​ให้​ดี. คิด​อย่าง​จริงจัง​เสีย​ใหม่​เกี่ยว​กับ​ข้อ​เสนอ​นั้น หรือ​ไม่​อย่าง​นั้น แก​จะ​เป็น​อิสระ​ได้​ก็​ต้อง​ไป​ทาง​ปล่อง​ควัน​นั้น.” ผม​ปฏิเสธ​อย่าง​หนักแน่น​อีก และ​ชั่ว​ขณะ​นั้น​เอง ผม​รู้สึก​เต็ม​ตื้น​ไป​ด้วย “สันติ​สุข​แห่ง​พระเจ้า​ที่​เหนือ​กว่า​ความ​คิด​ทุก​อย่าง.”—ฟิลิปปอย 4:6, 7, ล.ม.

ผม​ทูล​อธิษฐาน​ขอ​ให้​ได้​พบ​ปะ​พูด​คุย​กับ​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​ใน​ค่าย และ​พระ​ยะโฮวา​ทรง​จัด​ให้​เป็น​ไป​ได้. คน​หนึ่ง​ใน​ท่ามกลาง​เพื่อน​คริสเตียน​คือ​บราเดอร์​กุสตาฟ เบาเมิร์ท​ผู้​ซื่อ​สัตย์​ซึ่ง​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​ผม​ด้วย​ความ​รัก​และ​อ่อนโยน. ไม่​มี​ข้อ​สงสัย​ใด ๆ พระ​ยะโฮวา​ได้​พิสูจน์​ให้​ผม​เห็น​ว่า​ทรง​เป็น “พระ​บิดา​แห่ง​ความ​เมตตา​อัน​อ่อน​ละมุน​และ​พระเจ้า​แห่ง​การ​ชู​ใจ​ทุก​อย่าง.”—2 โกรินโธ 1:3, ล.ม.

ไม่​กี่​เดือน​ต่อ​มา เมื่อ​กองทัพ​รัสเซีย​เคลื่อน​พล​ใกล้​เข้า​มา พวก​นาซี​จำ​ต้อง​อพยพ​ร่น​หนี​โดย​เร็ว. ขณะ​เตรียม​ออก​เดิน​ทาง พวก​เรา​พี่​น้อง​ชาย​ตัดสิน​ใจ​เสี่ยง​ชีวิต​ไป​ที่​โรง​นอน​ของ​ผู้​หญิง​เพื่อ​ตรวจ​ดู​สภาพการณ์​ของ​พี่​น้อง​หญิง​ประมาณ 20 คน ใน​จำนวน​นั้น​มี​เอลซา อับท์​และ​เกอร์ทรูด โอทท์. * พอ​พวก​เธอ​เห็น​เรา​ก็​รีบ​วิ่ง​มา​หา​และ​หลัง​จาก​พูด​คุย​ให้​กำลังใจ​กัน​ชั่ว​ครู่ พวก​เธอ​ก็​ร่วม​กัน​ร้อง​เพลง​ราชอาณาจักร​ที่​มี​เนื้อร้อง​ตอน​หนึ่ง​ว่า “บุคคล​ผู้​สัตย์​ซื่อ บุคคล​ผู้​ภักดี​จะ​ไม่​ต้อง​หวั่น​ภัย​น่า​กลัว.” * พวก​เรา​ทุก​คน​ถึง​กับ​น้ำตา​ซึม!

ไป​ยัง​ค่าย​ถัด​ไป

พวก​นาซี​ได้​เอา​พวก​เรา 100-150 คน​ที่​เป็น​นัก​โทษ​ยัด​ใส่​ตู้​รถไฟ​บรรทุก​ถ่าน​หิน​ที่​ว่าง​อยู่ โดย​ไม่​ให้​อาหาร​หรือ​น้ำ​เลย และ​พวก​เรา​เดิน​ทาง​ฝ่า​น้ำ​ค้าง​แข็ง​และ​ฝน​ที่​เย็น​เยือก​เป็น​น้ำ​แข็ง. พวก​เรา​ทุกข์​ทรมาน​เพราะ​กระหาย​น้ำ​และ​เป็น​ไข้. เมื่อ​นัก​โทษ​ป่วย หมด​กำลัง​และ​ล้ม​ตาย ตู้​รถไฟ​จึง​ไม่​ค่อย​มี​คน​แน่น. ขา​และ​ข้อ​ต่อ​ต่าง ๆ ของ​ผม​บวม​เป่ง​จน​ไม่​สามารถ​ยืน​ได้. หลัง​จาก​เดิน​ทาง​สิบ​วัน จำนวน​นัก​โทษ​เพียง​ไม่​กี่​คน​ที่​รอด​ชีวิต​ได้​มา​ถึง​ค่าย​นัก​โทษ​อุก​ฉกรรจ์​แห่ง​มิทเทลเบา-โดรา​ใน​นอร์ดเฮาเซน ซึ่ง​อยู่​ใกล้​ไวมาร์​ใน​ทูรินเจีย. เป็น​ที่​น่า​สังเกต พี่​น้อง​ของ​เรา​ไม่​มี​สัก​คน​เสีย​ชีวิต​ระหว่าง​การ​เดิน​ทาง​อัน​น่า​กลัว​ครั้ง​นั้น.

พอ​ผม​เริ่ม​ฟื้น​ตัว​ได้​ใหม่​หลัง​การ​เดิน​ทาง ก็​มี​โรค​บิด​ระบาด​ไป​ทั่ว​ค่าย ผม​และ​พี่​น้อง​บาง​คน​ล้ม​ป่วย. มี​คน​บอก​เรา​ให้​งด​อาหาร​เหลว​ประเภท​ซุป​ที่​ทาง​ค่าย​จัด​ให้​สัก​ระยะ​หนึ่ง และ​ให้​กิน​แต่​ขนมปัง​ที่​ไหม้​เกรียม. ผม​ได้​ทำ​อย่าง​ที่​เขา​บอก​และ​ไม่​นาน​ก็​หาย​โรค. เดือน​มีนาคม 1945 เรา​ได้​ยิน​ว่า​ข้อ​คัมภีร์​ประจำ​ปี​คือ​มัดธาย 28:19 “เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ออก​ไป​สั่ง​สอน​ชน​ทุก​ประเทศ​ให้​เป็น​สาวก.” ดู​ท่า​ว่า​อีก​ไม่​นาน​ประตู​ค่าย​ต่าง ๆ จะ​เปิด​และ​ข่าว​ดี​จะ​ต้อง​ได้​ประกาศ​ต่อ ๆ ไป! นั่น​ทำ​ให้​เรา​เปี่ยม​ด้วย​ความ​ยินดี​และ​ความ​หวัง เนื่อง​จาก​เรา​เคย​คิด​ว่า​จุด​สุด​ยอด​ของ​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 จะ​จบ​ลง​ด้วย​อาร์มาเก็ดดอน. น่า​พิศวง​อะไร​เช่น​นั้น​ที่​พระ​ยะโฮวา​ได้​เสริม​กำลัง​พวก​เรา​ให้​เข้มแข็ง​ตลอด​ช่วง​เวลา​อัน​ยาก​ลำบาก​นั้น!

การ​ปลด​ปล่อย​จาก​ค่าย

วัน​ที่ 1 เมษายน 1945 กอง​กำลัง​ฝ่าย​พันธมิตร​ได้​ทิ้ง​ระเบิด​โรง​นอน​หน่วย​ทหาร​เอสเอส​และ​ค่าย​ของ​เรา​ที่​อยู่​ใกล้​กัน. หลาย​คน​เสีย​ชีวิต​และ​บาดเจ็บ. วัน​รุ่ง​ขึ้น มี​การ​ทิ้ง​ระเบิด​โจมตี​พวก​เรา​อย่าง​หนัก และ​ระหว่าง​การ​โจมตี​นั้น แรง​ระเบิด​ที่​มี​อานุภาพ​ทำ​เอา​ตัว​ผม​กระดอน​ขึ้น​ไป​ใน​อากาศ.

ฟริตซ์ อุลริค หนึ่ง​ใน​จำนวน​พี่​น้อง​ได้​เข้า​มา​ช่วยเหลือ. เขา​ขุด​เข้า​ไป​ใต้​กอง​เศษ​อิฐ​เศษ​หิน โดย​หวัง​ว่า​ผม​ยัง​ไม่​ตาย. ใน​ที่​สุด เขา​ก็​พบ​ผม​แล้ว​ลาก​ตัว​ออก​จาก​ใต้​กอง​ซาก​ปรัก​หัก​พัง. เมื่อ​ผม​ฟื้น​คืน​สติ ผม​ก็​รู้​ว่า​ผม​บาดเจ็บ​หลาย​แห่ง ทั้ง​บน​ใบ​หน้า​และ​ตาม​ร่าง​กาย​และ​ไม่​สามารถ​ได้​ยิน​เสียง​อะไร​เลย. เสียง​ระเบิด​ได้​ทำ​ความ​เสียหาย​แก่​แก้ว​หู​ของ​ผม. การ​ได้​ยิน​ของ​ผม​เป็น​ปัญหา​เรื้อรัง​อยู่​นาน​หลาย​ปี กว่า​จะ​รักษา​หาย​ใน​ที่​สุด.

จาก​จำนวน​นัก​โทษ​หลาย​พัน​คน มี​ไม่​กี่​คน​รอด​ชีวิต​จาก​การ​ทิ้ง​ระเบิด​ครั้ง​นั้น. พี่​น้อง​บาง​คน​ถึง​แก่​ชีวิต กุสตาฟ เบาเมิร์ท​ผู้​เป็น​ที่​รัก​ของ​ผม​ก็​เป็น​หนึ่ง​ใน​จำนวน​นั้น. เนื่อง​จาก​แผล​ติด​เชื้อ​ทำ​ให้​ผม​นอน​ซม​และ​มี​ไข้​สูง. แต่​จาก​นั้น​ไม่​นาน กอง​กำลัง​ฝ่าย​พันธมิตร​ก็​ค้น​พบ​พวก​เรา​แล้ว​ปล่อย​ให้​เป็น​อิสระ. ใน​เวลา​เดียว​กัน ศพ​ที่​เน่า​อืด​และ​ศพ​พวก​นัก​โทษ​ที่​ถูก​สังหาร​ซึ่ง​ไม่​ได้​ถูก​กำจัด​เป็น​เหตุ​ให้​เกิด​การ​ระบาด​ของ​ไข้​รากสาด​ใหญ่ ผม​เอง​พลอย​ติด​เชื้อ​ไข้​ไป​ด้วย. ผม​พร้อม​กับ​ผู้​ป่วย​คน​อื่น ๆ ถูก​นำ​ตัว​ส่ง​โรง​พยาบาล. แม้​พวก​แพทย์​พยายาม​ช่วย​เต็ม​ที่ แต่​มี​พวก​เรา​สาม​คน​เท่า​นั้น​รอด​ตาย. ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​เหลือ​เกิน​ที่​ทรง​โปรด​ให้​กำลัง​แก่​ผม​ที่​สามารถ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ใน​ช่วง​เวลา​ที่​ยาก​ลำบาก​นั้น! อนึ่ง ส่วน​ตัว​ผม​เอง ผม​ดีใจ​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ช่วย​ชีวิต​ผม​ออก​จาก ‘เงา​มืด’ แห่ง​ความ​ตาย.—บทเพลง​สรรเสริญ 23:4.

กลับ​บ้าน​ใน​ที่​สุด

ภาย​หลัง​ฝ่าย​เยอรมัน​ยอม​แพ้ ผม​หวัง​จะ​กลับ​บ้าน​โดย​เร็ว​เท่า​ที่​เป็น​ไป​ได้ แต่​ก็​ยาก​เกิน​กว่า​ที่​ผม​คาด​หวัง. อดีต​นัก​โทษ​บาง​คน​ซึ่ง​เป็น​สมาชิก​ขบวนการ​คาทอลิก​จำ​ผม​ได้ ต่าง​ก็​พา​กัน​ตะโกน​ว่า “ฆ่า​มัน​เสีย!” และ​ผลัก​ผม​ล้ม​ลง​ไป​นอน​กับ​พื้น​แล้ว​รุม​กระทืบ. ชาย​คน​หนึ่ง​ได้​เข้า​มา​ช่วย​ผม​พ้น​จาก​การ​กระทำ​ที่​โหด​ร้าย​ทารุณ​นั้น แต่​กว่า​ผม​จะ​หาย​เป็น​ปกติ​ก็​นาน​พอ​สม​ควร เนื่อง​จาก​ผม​บาดเจ็บ​และ​ยัง​รู้สึก​อ่อน​เปลี้ย​เพราะ​ไข้​รากสาด​เล่น​งาน. แต่​ใน​ที่​สุด ผม​ก็​กลับ​ถึง​บ้าน. ผม​ดีใจ​เมื่อ​ได้​กลับ​มา​อยู่​กับ​ครอบครัว​อีก! ทุก​คน​ตื่นเต้น​ยินดี​ที่​เห็น​หน้า​ผม เพราะ​เขา​คิด​ว่า​ผม​ตาย​แล้ว.

ไม่​ช้า​พวก​เรา​เริ่ม​งาน​เผยแพร่​อีก และ​ผู้​แสวง​ความ​จริง​อย่าง​จริง​ใจ​หลาย​คน​ได้​ตอบรับ​สิ่ง​ที่​เรา​สอน. ผม​มี​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ดู​แล​แผนก​สรรพหนังสือ​ใน​ประชาคม. ผม​พร้อม​กับ​พี่​น้อง​คน​อื่น​ได้​มี​โอกาส​พบ​ปะ​ตัว​แทน​จาก​สำนักงาน​สาขา​เยอรมนี​ใน​เมือง​ไวมาร์ และ​จาก​ที่​นั่น​เรา​กลับ​ไป​ที่​โปแลนด์​พร้อม​กับ​นำ​วารสาร​หอสังเกตการณ์​ภาษา​เยอรมัน​บาง​ฉบับ​ไป​ด้วย เป็น​ฉบับ​แรก ๆ ซึ่ง​พิมพ์​ออก​มา​หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2. แล้ว​การ​แปล​ก็​เริ่ม​ขึ้น​ทันที มี​การ​เตรียม​พิมพ์​โรเนียว และ​พิมพ์​เป็น​ฉบับ​สำเนา​ออก​มา. เมื่อ​สำนักงาน​ของ​เรา​ใน​เมือง​ลอดส์​รับ​เอา​หน้า​ที่​ดู​แล​กิจการ​ใน​โปแลนด์​เต็ม​อัตรา ประชาคม​ต่าง ๆ ก็​เริ่ม​ได้​รับ​สรรพหนังสือ​ที่​ยึด​หลัก​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ประจำ. ผม​เริ่ม​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ หรือ​ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา ครอบ​คลุม​พื้น​ที่​กว้าง​ของ​ซีเลเซีย ซึ่ง​พื้น​ที่​ส่วน​ใหญ่​ใน​เวลา​นั้น​เป็น​ของ​โปแลนด์.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม จาก​นั้น​ไม่​นาน​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ถูก​ข่มเหง​อีก คราว​นี้​โดย​ระบอบ​การ​ปกครอง​คอมมิวนิสต์​ที่​ตั้ง​ขึ้น​ใหม่​ใน​โปแลนด์. เนื่อง​จาก​ผม​รักษา​ความ​เป็น​กลาง​ฐานะ​คริสเตียน ใน​ปี 1948 ผม​ถูก​ตัดสิน​ให้​ติด​คุก​สอง​ปี. ระหว่าง​อยู่​ใน​คุก ผม​สามารถ​ช่วย​นัก​โทษ​หลาย​คน​ให้​เข้า​มา​รู้​จัก​และ​ใกล้​ชิด​พระเจ้า. หนึ่ง​ใน​จำนวน​นี้​ยืนหยัด​อยู่​ฝ่าย​ความ​จริง และ​ตอน​หลัง​เขา​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​และ​ได้​รับ​บัพติสมา.

ปี 1952 ผม​ถูก​ส่ง​ตัว​เข้า​คุก​อีก ครั้ง​นี้​ถูก​กล่าวหา​ว่า​เป็น​นัก​สืบ​ราชการ​ลับ​ให้​ฝ่าย​สหรัฐ! ขณะ​รอ​การ​พิจารณา​คดี ผม​ถูก​แยก​ขัง​เดี่ยว และ​เขา​ซัก​ถาม​ผม​ทั้ง​วัน​ทั้ง​คืน. แต่​พระ​ยะโฮวา​ได้​ช่วย​ผม​หลุด​รอด​เงื้อม​มือ​ผู้​ข่มเหง​อีก​ครั้ง​หนึ่ง และ​ใน​หลาย​ปี​ต่อ​มา ผม​ไม่​ประสบ​การ​กระทำ​ทารุณ​เช่น​นั้น​อีก​เลย.

สิ่ง​ที่​ช่วย​ผม​ให้​อด​ทน

ขณะ​ที่​ผม​มอง​ย้อน​ไป​ดู​เวลา​หลาย​ปี​ที่​ผม​ได้​ทน​การ​ทดลอง​และ​ความ​ยาก​ลำบาก ผม​สามารถ​ระบุ​บาง​แหล่ง​ที่​ให้​การ​ชู​ใจ​ที่​สำคัญ​ได้. แรก​ที​เดียว พลัง​เข้มแข็ง​ที่​จะ​อด​ทน​มา​จาก​พระ​ยะโฮวา​และ​พระ​คำ​ของ​พระองค์ คือ​คัมภีร์​ไบเบิล. คำ​วิงวอน​ขอ​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า​อย่าง​ไม่​ละลด​ต่อ “พระเจ้า​แห่ง​การ​ชู​ใจ​ทุก​อย่าง” และ​ศึกษา​พระ​คำ​ของ​พระองค์​ทุก ๆ วัน​ช่วย​ค้ำจุน​ผม​และ​คน​อื่น ๆ ให้​ยึด​มั่น​ใน​ความ​เชื่อ. สำเนา​วารสาร​หอสังเกตการณ์ ที่​คัด​ลอก​ด้วย​มือ​ก็​เป็น​อาหาร​บำรุง​ฝ่าย​วิญญาณ​ซึ่ง​จำเป็น​มาก​ต่อ​การ​เสริม​ความ​เชื่อ​ให้​มั่นคง. เมื่อ​อยู่​ใน​ค่าย​กัก​กัน ผม​ได้​รับ​การ​เสริม​กำลัง​เป็น​อย่าง​มาก​จาก​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​ซึ่ง​อยู่​พร้อม​และ​เต็ม​ใจ​ช่วยเหลือ.

มารียา ภรรยา​ของ​ผม​เป็น​พระ​พร​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ที่​ผม​ได้​รับ​จาก​พระ​ยะโฮวา. เรา​แต่งงาน​เมื่อ​เดือน​ตุลาคม 1950 และ​ใน​เวลา​ต่อ​มา ได้​ลูก​สาว​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ฮาลินา เมื่อ​เติบ​ใหญ่​แล้ว​ก็​รัก​และ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. ผม​แต่งงาน​กับ​มารียา​มา 35 ปี แล้ว​เธอ​เสีย​ชีวิต​ภาย​หลัง​การ​ต่อ​สู้​โรค​ร้าย​อยู่​นาน. การ​ตาย​ของ​เธอ​ทำ​ให้​ผม​เศร้า​โศก​และ​ปวด​ร้าว​มาก. ถึง​แม้​ผม​รู้สึก​ว่า “ถูก​ตี​ล้ม​ลง” ผม​ก็ “ไม่​ถูก​ทำลาย.” (2 โกรินโธ 4:9, ล.ม.) ใน​ช่วง​ที่​ยาก​ลำบาก​นั้น ผม​ได้​รับ​การ​เกื้อ​หนุน​จาก​การ​ไป​มา​หา​สู่​ของ​ลูก​สาว​ที่​รัก​พร้อม​ทั้ง​สามี​และ​ลูก ๆ ของ​เธอ—ซึ่ง​ก็​เป็น​หลาน​ของ​ผม—พวก​เขา​ทั้ง​หมด​ต่าง​ก็​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​ซื่อ​สัตย์.

ตั้ง​แต่​ปี 1990 ผม​ได้​รับใช้​ใน​สำนักงาน​สาขา​ประเทศ​โปแลนด์. การ​สมาคม​คบหา​กับ​ครอบครัว​เบเธล​ทุก​วัน​เป็น​พระ​พร​ยิ่ง​ใหญ่. บาง​ครั้ง สุขภาพ​ที่​เสื่อม​ทรุด​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​เหมือน​นก​อินทรี​ที่​อ่อน​เปลี้ย​ทำ​ได้​แค่​กาง​ปีก​ร่อน​วน​ไป​มา. กระนั้น​ก็​ดี ผม​มอง​อนาคต​ด้วย​ความ​มั่น​ใจ และ​ผม​จะ “ร้อง​เพลง​สรรเสริญ​พระ​ยะโฮวา, เพราะ​พระองค์​ได้​ทรง​แสดง​พระ​กรุณาคุณ​อย่าง​ยิ่ง​แก่​ข้าพเจ้า.” (บทเพลง​สรรเสริญ 13:6) ผม​ตั้ง​ตา​รอ​เวลา​เมื่อ​พระ​ยะโฮวา​องค์​อุปถัมภ์​ของ​ผม​จะ​ทรง​ลบ​ล้าง​ความ​เสียหาย​ทั้ง​สิ้น​อัน​เนื่อง​มา​จาก​ระบบ​ทรราช​ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​ซาตาน.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 8 โปรด​อ่าน หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 มกราคม 1998 หน้า 13 วรรค 6.

^ วรรค 20 อ่าน​ชีวประวัติ​ของ​เอลซา อับท์​ได้​ใน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ (ภาษา​อังกฤษ) ฉบับ 15 เมษายน 1980 หน้า 12-15.

^ วรรค 20 เพลง​บท 101 ใน​หนังสือ​เพลง​ปี 1928 ชื่อ​บทเพลง​สรรเสริญ​พระ​ยะโฮวา จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา. บทเพลง​ดัง​กล่าว​คือ​บท 56 ใน​หนังสือ​เพลง​ที่​ใช้​ใน​ปัจจุบัน.

[ภาพ​หน้า 10]

ผม​ได้​รับ​เลข​ประจำ​ตัว​นี้​และ​สาม​เหลี่ยม​สี​ม่วง​ใน​ค่าย​กัก​กัน

[ภาพ​หน้า 12]

ผม​กับ​มารียา​ภรรยา ปี 1980