นันทนาการของคุณเป็นประโยชน์ไหม?
นันทนาการของคุณเป็นประโยชน์ไหม?
“จงตรวจดูให้แน่ใจว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยสิ่งใด.”—เอเฟ. 5:10
1, 2. (ก) พระคำของพระเจ้าแสดงไว้อย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงประสงค์ให้เราชื่นชมกับชีวิต? (ข) การมองนันทนาการว่าเป็น “ของประทานของพระเจ้า” จะกระตุ้นเราให้ทำอะไร?
ในคัมภีร์ไบเบิลตลอดทั้งเล่ม เราพบข้อความที่แสดงว่าพระยะโฮวาทรงประสงค์ให้เราไม่เพียงแค่มีชีวิตอยู่ แต่ให้ชื่นชมกับชีวิตด้วย. ตัวอย่างเช่น บทเพลงสรรเสริญ 104:14, 15 กล่าวว่าพระยะโฮวา “ให้อาหารเกิดขึ้นจากพื้นแผ่นดิน, และน้ำองุ่นซึ่งทำให้ใจมนุษย์ชื่นบาน, และน้ำมันทำให้หน้าเขาผ่องใส, กับขนมชูกำลังใจมนุษย์.” เป็นอย่างนั้นจริง ๆ พระยะโฮวาทรงทำให้พืชผลเติบโตซึ่งทำให้เรามีธัญพืช น้ำมัน และเหล้าองุ่นที่บำรุงเลี้ยงชีวิตเรา. แม้ว่าเหล้าองุ่นไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต แต่ก็สามารถ “ทำให้ใจมนุษย์ชื่นบาน.” (ผู้ป. 9:7; 10:19) ใช่แล้ว พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้เรามีความสุขและให้หัวใจเราเปี่ยมด้วย “ความยินดี.”—กิจ. 14:16, 17
2 ดังนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะรู้สึกผิดเมื่อเราจัดเวลาเป็นครั้งคราวที่จะ “สังเกตนกในท้องฟ้า” และ “ดอกไม้ในทุ่ง” หรือเพลิดเพลินกับกิจกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้เราสดชื่นและทำให้ชีวิตเรามีสีสันหรือมีรสชาติมากขึ้น. (มัด. 6:26, 28; เพลง. 8:3, 4) ชีวิตที่ดีงามเป็น “ของประทานของพระเจ้า.” (ผู้ป. 3:12, 13) การมองว่าเวลาที่เราใช้ในการหย่อนใจเป็นส่วนหนึ่งของของประทานจะกระตุ้นเราให้ใช้ของประทานนี้ในวิธีที่จะทำให้พระยะโฮวาผู้ให้ของประทานนี้ยินดี. *
ความหลากหลายและข้อจำกัด
3. เหตุใดจึงสมเหตุผลที่จะยอมรับความหลากหลายในการเลือกนันทนาการ?
3 คนที่มีทัศนะสมดุลเกี่ยวกับนันทนาการจะยอมรับความหลากหลาย แต่ก็สำนึกว่าต้องมีข้อจำกัด. เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? เพื่อตอบคำถามนี้ ให้เราเปรียบความบันเทิงเป็นเหมือนกับอาหาร. อาหารที่ผู้คนนิยมรับประทานนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละส่วนของโลก. ที่จริง อาหารที่ผู้คนในพื้นที่หนึ่งชื่นชอบอาจไม่ชวนรับประทานสำหรับผู้คนในที่อื่น ๆ. ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่คริสเตียนในส่วนหนึ่งของโลกมองว่าเป็นนันทนาการที่น่าเพลิดเพลินอาจไม่น่าดึงดูดใจสำหรับคริสเตียนในที่อื่น ๆ. แม้แต่ในหมู่คริสเตียนที่อาศัยในถิ่นฐานเดียวกัน สิ่งที่คนหนึ่งถือว่าเป็นเรื่องผ่อนคลาย (เช่น การเอกเขนกอ่านหนังสือดี ๆ สักเล่มหนึ่ง) อีกคนหนึ่งอาจมองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ; สิ่งที่คนหนึ่งมองว่าทำให้สดชื่น (เช่น การปั่นจักรยานชมธรรมชาติ) คนอื่นอาจมองว่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้หมดเรี่ยวหมดแรง. ถึงกระนั้น เรายอมรับว่าในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องอาหารและนันทนาการ เราควรยอมรับความหลากหลายและความชอบส่วนบุคคล.—โรม 14:2-4
4. เหตุใดเราจำเป็นต้องวางข้อจำกัดไว้ในเรื่องชนิดของนันทนาการที่เราเลือก? จงยกตัวอย่างเปรียบเทียบ.
4 อย่างไรก็ตาม เรายังตระหนักด้วยว่าการยอมรับความหลากหลายของนันทนาการไม่ได้หมายความว่าเรามีสิทธิ์ที่จะทำตามอำเภอใจ. เพื่อเป็นตัวอย่าง ขอให้พิจารณาตัวอย่างเกี่ยวกับอาหารอีกครั้งหนึ่ง. แม้ว่าเราอาจพร้อมจะรับประทานอาหารที่หลากหลาย แต่เราคงไม่ตั้งใจรับประทานอาหารที่เน่าเสีย. การกินอาหารเช่นนั้นคงจะขัดกับสามัญสำนึกและอาจทำให้เราเสียสุขภาพ. คล้ายกัน แม้ว่าเราอาจเปิดรับความบันเทิงที่ดีงามหลายรูปแบบ แต่เราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการหย่อนใจที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต รุนแรง หรือเสื่อมทรามด้านศีลธรรม. การเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมเช่นนั้นย่อมขัดกับหลักการในเอเฟ. 5:10) เราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร?
คัมภีร์ไบเบิลและจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราทั้งทางกายและฝ่ายวิญญาณ. เพื่อจะแน่ใจว่าเราอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม เราควรกำหนดไว้ล่วงหน้าว่านันทนาการบางอย่างที่ดึงดูดใจเรานั้นเป็นประโยชน์ต่อเราหรือไม่. (5. เราจะบอกได้อย่างไรว่านันทนาการที่เราเลือกสอดคล้องกับมาตรฐานของพระเจ้าหรือไม่?
5 เพื่อนันทนาการจะเป็นประโยชน์ต่อเราและทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย นันทนาการชนิดนั้นต้องสอดคล้องกับมาตรฐานที่ระบุไว้ในพระคำของพระเจ้า. (เพลง. 86:11) เพื่อจะบอกได้ว่าเป็นอย่างนั้นไหมกับนันทนาการที่คุณชอบ คุณอาจทำรายการตรวจสอบง่าย ๆ อย่างหนึ่ง. รายการนี้ประกอบด้วยสามคำถามที่อาจสรุปได้ด้วยคำสามคำ คือ อะไร เมื่อไร และใคร. ขอให้เราพิจารณาทีละอย่าง.
นันทนาการของเราเกี่ยวข้องกับอะไร?
6. เราต้องปฏิเสธความบันเทิงแบบใด และเพราะเหตุใด?
6 ก่อนจะเลือกความบันเทิงอย่างใดอย่างหนึ่ง จงถามตัวเองว่า ‘อะไร คือลักษณะของการหย่อนใจที่ฉันรู้สึกว่าน่าสนใจ?’ เมื่อคุณหาคำตอบ นับว่าเป็นประโยชน์ที่จะระลึกไว้เสมอว่ามีความบันเทิงอยู่สองประเภทหลัก ๆ. ความบันเทิงประเภทแรก เราจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาด; ประเภทที่สอง เราอาจเลือกรับได้. ความบันเทิงประเภทแรกคืออะไร? ลักษณะของความบันเทิงหลายอย่างในโลกชั่วนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่ฝ่าฝืนหลักการของคัมภีร์ไบเบิลหรือกฎหมายของพระเจ้าอย่างโจ่งแจ้ง. (1 โย. 5:19) คริสเตียนแท้ปฏิเสธความบันเทิงทุกอย่างที่เป็นเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด. ความบันเทิงดังกล่าวรวมถึงความบันเทิงที่เน้นเรื่องการกระทำทารุณ ลัทธิผีปิศาจ การรักร่วมเพศ สื่อลามก หรือความรุนแรงที่ยกย่องความชั่วร้ายอื่น ๆ หรือการทำผิดศีลธรรม. (1 โค. 6:9, 10; อ่านวิวรณ์ 21:8) ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เราแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าเรา “เกลียดสิ่งชั่ว” โดยปฏิเสธที่จะเข้าไปใกล้ความบันเทิงเช่นนั้น.—โรม 12:9; 1 โย. 1:5, 6
7, 8. เราจะประเมินคุณภาพของความบันเทิงบางชนิดได้อย่างไร? จงยกตัวอย่างเปรียบเทียบ.
7 นันทนาการประเภทที่สองได้แก่ความบันเทิงที่ไม่ได้เน้นการกระทำที่พระคำของพระเจ้าตำหนิอย่างชัดเจน. ในกรณีเช่นนี้ ก่อนจะเลือกความบันเทิง เราควรพิจารณากิจกรรมนั้น ๆ อย่างรอบคอบโดยเทียบกับสิ่งที่พระยะโฮวาทรงถือว่าดีงาม ดังที่แสดงไว้ในหลักการของคัมภีร์ไบเบิล. (สุภา. 4:10, 11) จากนั้น เราจำเป็นต้องตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างที่จะทำให้เรามีสติรู้สึกผิดชอบที่ดี. (กลา. 6:5; 1 ติโม. 1:19) เราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? ขอให้คิดอย่างนี้: ก่อนจะกินอาหารที่ไม่เคยกินมาก่อน เราคงอยากจะรู้ก่อนว่าอาหารนั้นมีอะไรเป็นส่วนประกอบหลัก. คล้ายกัน ก่อนจะเลือกนันทนาการแบบใดแบบหนึ่ง เราต้องตรวจสอบก่อนว่าลักษณะเด่นของนันทนาการนั้นคืออะไร.—เอเฟ. 5:17
8 ตัวอย่างเช่น คุณอาจชอบกีฬา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่เป็นอย่างนั้น. กีฬาสามารถให้ความสนุกสนานและความตื่นเต้น. แต่จะว่าอย่างไรถ้ากีฬาบางอย่างที่คุณชอบมีลักษณะที่ก้าวร้าว ส่งเสริมน้ำใจแข่งขัน มีความเสี่ยงสูง มีอัตราการบาดเจ็บสูง มีการฉลองกันอย่างบ้าคลั่ง คลั่งไคล้ชาติ หรือมี “ส่วนประกอบ” คล้าย ๆ กับที่กล่าวไปแล้ว? หลังจากที่พิจารณาแล้วและเห็นว่ากีฬาที่คุณชอบเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้น คุณคงลงความเห็นได้ว่ากีฬานั้นคงทำให้ความคิดของคุณไม่ประสานกับวิธีคิดของพระยะโฮวาและไม่สอดคล้องกับข่าวสารแห่งสันติสุขและความรักที่เราประกาศแก่คนอื่น ๆ. (ยซา. 61:1; กลา. 5:19-21) ตรงกันข้าม ถ้าการหย่อนใจบางอย่างมี “ส่วนประกอบ” ที่ดีงามในสายพระเนตรพระยะโฮวา นันทนาการนั้นอาจเป็นประโยชน์และทำให้คุณสดชื่น.—กลา. 5:22, 23; อ่านฟิลิปปอย 4:8
ฉันทำกิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจเมื่อไร?
9. คำตอบของเราสำหรับคำถามที่ว่า ‘ฉันจะทำกิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจเมื่อไร?’ เผยให้เห็นอะไร?
9 คำถามที่สองที่เราควรถามตัวเองคือ เมื่อไร? นั่นคือ ‘ฉันจะทำกิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจเมื่อไร? ฉันจะใช้เวลามากขนาดไหนไปกับนันทนาการ?’ คำตอบของเรา
สำหรับคำถามที่ว่า อะไร? เผยให้เห็นแนวโน้มของเราได้มากทีเดียว ว่าอะไรที่เรายอมรับและอะไรที่เราไม่ยอมรับ. อย่างไรก็ตาม คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า เมื่อไร? เผยให้เห็นการจัดลำดับความสำคัญของเราว่าอะไรสำคัญและอะไรไม่สำคัญสำหรับเรา. ถ้าอย่างนั้น อะไรจะช่วยให้เราตัดสินได้ว่านันทนาการมีความสำคัญขนาดไหนในชีวิตเรา?10, 11. คำตรัสของพระเยซูตามที่บันทึกไว้ที่มัดธาย 6:33 ช่วยเราอย่างไรในการตัดสินใจว่าจะใช้เวลากับนันทนาการมากน้อยแค่ไหน?
10 พระเยซูคริสต์ทรงบอกเหล่าสาวกว่า “จงรักพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดหัวใจของเจ้า ด้วยสุดชีวิตของเจ้า ด้วยสุดความคิดของเจ้า และด้วยสุดกำลังของเจ้า.” (มโก. 12:30) ดังนั้น ความรักของเราต่อพระยะโฮวาจึงมาเป็นอันดับแรกในชีวิตเรา. เราแสดงให้เห็นว่าเป็นอย่างนั้นด้วยการทำตามคำแนะนำของพระเยซูที่ว่า “จงแสวงหาราชอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนเสมอไป แล้วพระองค์จะทรงให้สิ่งทั้งปวงนี้แก่พวกเจ้า.” (มัด. 6:33) คำตรัสนั้นจะช่วยเราได้อย่างไรในการกำหนดว่าเราควรให้เวลาและความสำคัญแก่นันทนาการมากขนาดไหน?
11 ขอให้สังเกตรายละเอียดดังต่อไปนี้: พระเยซูทรงแนะนำเราให้ ‘แสวงหาราชอาณาจักรก่อนเสมอไป.’ พระองค์ไม่ได้บอกเราให้ ‘แสวงหาราชอาณาจักรเพียง1 โค. 7:29-31) ข้อเท็จจริงพื้นฐานดังกล่าวน่าจะกระตุ้นเราให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับรองลงมารวมทั้งนันทนาการอย่างที่จะทำให้เราสามารถทำกิจกรรมหลักของเราได้ ซึ่งก็คือการเอาใจใส่ผลประโยชน์ของราชอาณาจักร. ถ้าเราทำอย่างนั้น นันทนาการที่พอเหมาะพอดีก็จะเป็นประโยชน์ได้.
อย่างเดียว เสมอไป.’ เห็นได้ชัดว่า พระเยซูทรงรู้ว่านอกเหนือจากราชอาณาจักรแล้วเราจำเป็นต้องแสวงหาหลายสิ่งในชีวิต. เราจำเป็นต้องมีบ้าน อาหาร เสื้อผ้า การศึกษาขั้นพื้นฐาน งานอาชีพ นันทนาการ และสิ่งอื่น ๆ. อย่างไรก็ตาม ในบรรดาสิ่งต่าง ๆ ที่เราแสวงหานั้นมีเพียงสิ่งเดียวที่เราแสวงหาเป็นอันดับแรก นั่นคือผลประโยชน์ของราชอาณาจักร. (12. เราอาจใช้หลักการที่ลูกา 14:28 กับนันทนาการได้อย่างไร?
12 ดังนั้น ในเรื่องการใช้เวลากับนันทนาการ เราควรคิดล่วงหน้าว่าจะเสียเวลาขนาดไหน. (ลูกา 14:28) เราจำเป็นต้องรู้ว่าการหย่อนใจอย่างใดอย่างหนึ่งจะทำให้เราเสีย เวลาไปเท่าไร. จากนั้น เราต้องตัดสินว่าเวลาที่เสียไปนั้นคุ้มค่า ไหม. ถ้านันทนาการบางอย่างที่เราเลือกทำให้เราละเลยกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น การศึกษาส่วนตัว การนมัสการประจำครอบครัว การเข้าร่วมการประชุมคริสเตียน หรือการประกาศเรื่องราชอาณาจักร ก็ถือว่านันทนาการนั้นไม่คุ้มกับเวลาที่เราเสียไป. (มโก. 8:36) แต่ถ้าการหย่อนใจเป็นครั้งคราวทำให้เรามีพลังที่จะแสวงหาผลประโยชน์ของราชอาณาจักรต่อ ๆ ไป เราก็อาจบอกได้ว่าเวลาที่ใช้ไปกับนันทนาการแบบนั้นคุ้มค่า.
ใครคือเพื่อนของฉัน?
13. เหตุใดเราควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเราจะร่วมทำกิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจกับใคร?
13 คำถามที่สามที่เราควรถามตัวเองคือ ใคร? นั่นคือ ‘ใครคือคนที่ฉันต้องการทำกิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจด้วยกัน?’ นับว่าสำคัญที่ต้องพิจารณานันทนาการในแง่มุมนี้. เพราะเหตุใด? เพราะคุณภาพของเพื่อนที่เราคบมีผลอย่างมากต่อคุณภาพของนันทนาการที่เราเลือก. เช่นเดียวกับการรับประทานอาหารจะน่าเพลิดเพลินกว่าเมื่อรับประทานกับเพื่อนที่ดี การทำกิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจมักจะน่ายินดีมากกว่าเมื่อทำด้วยกันกับเพื่อนที่ดี. ด้วยเหตุนั้น จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่หลายคนในพวกเรา โดยเฉพาะเยาวชน ชอบนันทนาการที่ทำร่วมกับคนอื่น. อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่ากิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งจะเป็นประโยชน์ นับว่าสุขุมที่จะกำหนดไว้ล่วงหน้าว่าคนแบบไหนที่เราจะเลือกเป็นเพื่อนและคนแบบไหนที่เราจะหลีกเลี่ยง.—2 โคร. 19:2; อ่านสุภาษิต 13:20; ยโก. 4:4
14, 15. (ก) พระเยซูทรงวางตัวอย่างไว้เช่นไรในการเลือกเพื่อนที่เหมาะสม? (ข) เราควรถามตัวเองอย่างไรเกี่ยวกับเพื่อนที่เราจะคบ?
14 การทำตามตัวอย่างของพระสุภา. 8:31) ขณะที่อยู่บนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงคำนึงถึงผู้คนทุกชนิดด้วยความรัก. (มัด. 15:29-37) อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงขีดเส้นแบ่งไว้ชัดเจนระหว่างการเป็นมิตรกับการเป็นเพื่อนสนิท. แม้ว่าพระองค์ทรงเป็นมิตรกับคนทั่วไป แต่พระองค์คบสนิทเฉพาะกับคนที่บรรลุข้อเรียกร้องบางอย่าง. พระเยซูตรัสกับอัครสาวก 11 คนที่ซื่อสัตย์ว่า “เจ้าทั้งหลายเป็นสหายของเราถ้า พวกเจ้าทำตามที่เราสั่ง.” (โย. 15:14; ดูโยฮัน 13:27, 30 ด้วย) คนที่พระเยซูทรงยอมรับเป็นเพื่อนคือคนที่ติดตามพระองค์และรับใช้พระยะโฮวาเท่านั้น.
เยซูในการเลือกเพื่อนจะเป็นประโยชน์มาก. นับตั้งแต่การทรงสร้าง พระเยซูทรงรักมนุษย์. (15 ดังนั้น เมื่อคุณพิจารณาว่าใครคนหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทหรือไม่ นับว่าฉลาดที่จะนึกถึงคำตรัสของพระเยซู. ถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้: ‘เขาคนนี้แสดงออกด้วยคำพูดและการกระทำไหมว่าเขาทำตามพระบัญชาของพระยะโฮวาและพระเยซู? เขามีค่านิยมและหลักศีลธรรมที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลแบบเดียวกับฉันไหม? การเป็นเพื่อนกับเขาจะสนับสนุนฉันให้จัดเอาราชอาณาจักรเป็นอันดับแรกในชีวิตและเป็นผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวาไหม?’ ถ้าคุณแน่ใจว่าคำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้นคือ ใช่ คุณก็พบเพื่อนที่ดีที่คุณจะทำกิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจด้วยกันแล้ว.—อ่านบทเพลงสรรเสริญ 119:63; 2 โค. 6:14; 2 ติโม. 2:22
นันทนาการที่เราเลือกผ่านการตรวจสอบไหม?
16. เราต้องกำหนดอะไรไว้ในเรื่องความบันเทิงที่เราเลือก?
16 เราได้พิจารณากันสั้น ๆ สามแง่มุมที่เกี่ยวกับความบันเทิง คือ คุณภาพ ปริมาณ และเพื่อน. เพื่อจะเป็นประโยชน์ ความบันเทิงที่เราเลือกต้องสอดคล้องกับมาตรฐานตามหลักคัมภีร์ไบเบิลสำหรับแต่ละแง่มุมเหล่านั้น. ดังนั้น ก่อนจะร่วมทำกิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจแบบใดแบบหนึ่ง เราต้องตรวจสอบนันทนาการนั้น. ในเรื่องคุณภาพ เราต้องการจะรู้ว่า ‘นันทนาการนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร? เป็นนันทนาการที่ดีงามหรือว่าเสื่อมทราม?’ (สุภา. 4:20-27) ในเรื่องปริมาณ เราต้องการรู้ว่า ‘ฉันจะใช้เวลากับนันทนาการนั้นขนาดไหน? เวลาที่จะใช้ไปนั้นนับว่าเหมาะสมไหม?’ (1 ติโม. 4:8) และในเรื่องเพื่อน เราต้องกำหนดไว้ว่า ‘ฉันจะร่วมความบันเทิงกับใคร? คนที่จะร่วมความบันเทิงด้วยกันนั้นเป็นคนดีหรือไม่ดี?’—ผู้ป. 9:18; 1 โค. 15:33
17, 18. (ก) เราจะตรวจสอบตัวเองได้อย่างไรเพื่อดูว่าความบันเทิงที่เราเลือกสอดคล้องกับมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิลไหม? (ข) คุณเองตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำอะไรในเรื่องการเลือกความบันเทิง?
17 ถ้าความบันเทิงแบบใดแบบหนึ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานตามหลักคัมภีร์ไบเบิลในแง่ใดแง่หนึ่งของสามแง่มุมดังกล่าว ความบันเทิงนั้นไม่ผ่านการตรวจสอบ. ตรงกันข้าม ถ้าเราแน่ใจว่ากิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจที่เราเลือกสอดคล้องกับมาตรฐานตามหลักพระคัมภีร์ทั้งสามแง่มุม นันทนาการที่เราเลือกย่อมนำคำสรรเสริญมาสู่พระยะโฮวาและเป็นประโยชน์ต่อเรา.—เพลง. 119:33-35
18 ดังนั้น ในเรื่องนันทนาการ ขอให้เราพยายามทำสิ่งที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม และกับคนที่เหมาะสม. ใช่แล้ว ขอให้เราแต่ละคนปรารถนาอย่างจริงใจที่จะทำตามคำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า “ไม่ว่าพวกท่านจะกินหรือดื่มหรือทำอะไรก็ตาม จงทำทุกสิ่งอย่างที่ทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ.”—1 โค. 10:31
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 2 ในบทความนี้ จะมีการใช้คำ “นันทนาการ” และ “ความบันเทิง” สลับกันไปซึ่งหมายถึงเวลาที่เรากันไว้สำหรับกิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจซึ่งทำให้เราเพลิดเพลินยินดี.
คุณอธิบายได้ไหม?
ในเรื่องนันทนาการ คุณจะใช้หลักการในข้อคัมภีร์ต่อไปนี้อย่างไร . . .
• ฟิลิปปอย 4:8?
• มัดธาย 6:33?
[คำถาม]
[แผนภาพหน้า 9]
(ดูรายละเอียดจากวารสาร)
✔อะไร
[แผนภาพหน้า 10]
(ดูรายละเอียดจากวารสาร)
✔เมื่อไร
[แผนภาพหน้า 12]
(ดูรายละเอียดจากวารสาร)
✔ใคร
[ภาพหน้า 10]
เราจะทำตามตัวอย่างของพระเยซูในการเลือกเพื่อนและกิจกรรมที่เป็นการหย่อนใจได้อย่างไร?