ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

พลังแห่งพระคำของพระเจ้าในครอบครัวฮินดู

พลังแห่งพระคำของพระเจ้าในครอบครัวฮินดู

ฉัน​ไม่​เคย​ลืม​ภาพ​ที่​ทุก​คน​ใน​ครอบครัว​นั่ง​รับประทาน​อาหาร​ร่วม​กัน​ตอน​เช้า​วัน​จันทร์​ที่ 22 สิงหาคม 2005. ชีวิต​ของ​ฉัน​แขวน​อยู่​บน​เส้น​ด้าย​เพราะ​ฉัน​มี​เนื้อ​งอก​ก้อน​ใหญ่​ใน​สมอง. หลัง​จาก​กฤษณะ​สามี​ของ​ฉัน​นำ​อธิษฐาน​แล้ว ฉัน​ก็​พูด​กับ​ทุก​คน​ใน​ครอบครัว.

ฉัน​อธิบาย​ว่า “ฉัน​กำลัง​จะ​ไป​โรง​พยาบาล​เพื่อ​รับ​การ​ผ่าตัด​ที่​เสี่ยง​อันตราย​มาก ฉะนั้น ขอ​ให้​ทุก​คน​เตรียม​ใจ​ไว้​ไม่​ว่า​ผล​จะ​เป็น​อย่าง​ไร. ถ้า​ฉัน​เป็น​อะไร​ไป​จริง ๆ ฉัน​ก็​เตรียม​การ​สำหรับ​งาน​ศพ​ไว้​หมด​แล้ว. สำหรับ​คน​ที่​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา​อยู่​แล้ว ขอ​อย่า​ได้​เลิก​รับใช้​พระองค์. ส่วน​คน​อื่น ๆ ก็​ขอ​ให้​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน เพื่อ​ทุก​คน​จะ​มี​ความ​เชื่อ​เหมือน​ฉัน​และ​ได้​อยู่​กับ​ฉัน​ใน​โลก​ใหม่​ที่​เป็น​อุทยาน ซึ่ง​ผู้​นมัสการ​แท้​ของ​พระเจ้า​จะ​ได้​อยู่​ตลอด​ไป​และ​มี​สุขภาพ​สมบูรณ์​แข็งแรง.”

ก่อน​จะ​พูด​ถึง​ผล​การ​ผ่าตัด​ใน​ครั้ง​นั้น ฉัน​ขอ​เล่า​เรื่อง​ราว​ชีวิต​ของ​ฉัน​และ​วิธี​ที่​ฉัน​ได้​มา​รู้​จัก​พระเจ้า​องค์​เที่ยง​แท้.

ชีวิต​วัย​เด็ก​ใน​ครอบครัว​ฮินดู

ใน​อ้อม​แขน​ของ​แม่

ครอบครัว​ของ​ฉัน​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​หลัง​ใหญ่​ที่​สร้าง​ด้วย​เหล็ก​และ​ไม้​บน​เนิน​เขา​ใน​เมือง​เดอร์บัน​ซึ่ง​อยู่​ติด​ทะเล​ใน​ประเทศ​แอฟริกา​ใต้. เพื่อ​จะ​ไป​ถึง​ประตู​หน้า​บ้าน เรา​ต้อง​ขึ้น​บันได 125 ขั้น​จาก​ถนน​ใหญ่​ที่​อยู่​ใน​หุบเขา​เบื้อง​ล่าง. ริม​บันได​ทั้ง​สอง​ฝั่ง​มี​พุ่ม​ไม้​เตี้ย ๆ ขึ้น​อยู่​ตลอด​ทาง​จน​ถึง​ประตู​เหล็ก​ที่​อยู่​ข้าง​บน. ข้าง​ประตู​เหล็ก​ด้าน​หนึ่ง​มี​ตำหนัก​เทพเจ้า​ของ​ย่า​ซึ่ง​ประดับ​ประดา​ด้วย​รูป​ภาพ​และ​รูป​ปั้น​เทพเจ้า​ของ​ชาว​ฮินดู​เต็ม​ไป​หมด. ย่า​บอก​ว่า​ฉัน​เป็น “กุมารี​แห่ง​เทพ” (ภาษา​ฮินดี​คือ​มันเดอร์ กี เบอชอ) และ​บรรดา​เทพเจ้า​ที่​เรา​นมัสการ​เป็น​ผู้​ทำ​ให้​ฉัน​เกิด​มา. ตรง​ข้าม​ตำหนัก​นี้ มี​บันได​สี​แดง​ที่​ขัด​จน​เงา​วับ​เป็น​ทาง​ขึ้น​ไป​ถึง​ประตู​บ้าน. บ้าน​ของ​เรา​หลัง​ใหญ่​มาก มี​ระเบียง​ยาว ห้อง​ครัว​ขนาด​ใหญ่​และ​เตา​ถ่าน​หิน มี​เจ็ด​ห้อง​นอน และ​ห้อง​นอน​อีก​ห้อง​หนึ่ง​อยู่​นอก​ตัว​บ้าน. เรา​อยู่​ด้วย​กัน​ทั้ง​หมด 27 คน มี​ปู่​ย่า พ่อ อา​ผู้​ชาย​สาม​คน อา​ผู้​หญิง​หนึ่ง​คน และ​ครอบครัว​ของ​ญาติ ๆ เหล่า​นี้​ด้วย.

บ้าน​หลัง​ใหญ่​ของ​เรา

ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย​ที่​จะ​เลี้ยง​ดู​ครอบครัว​ใหญ่​ขนาด​นี้. แต่​การ​อยู่​ด้วย​กัน​เป็น​ครอบครัว​ใหญ่​ช่วย​ให้​เรา​ใกล้​ชิด​กัน​และ​มี​ความ​ทรง​จำ​ที่​ดี​มาก​มาย. ลูก​สะใภ้​ทั้ง​สี่​คน​ของ​ปู่​รวม​ทั้ง​การ์กี เทวี แม่​ของ​ฉัน​ช่วย​กัน​ดู​แล​งาน​ต่าง ๆ ใน​บ้าน. พวก​ท่าน​ผลัด​กัน​ทำ​กับ​ข้าว​และ​ทำ​ความ​สะอาด​บ้าน. ปู่​เป็น​หัวหน้า​ครอบครัว​และ​เป็น​คน​ซื้อ​อาหาร​สำหรับ​ทุก​คน​ใน​บ้าน. ปู่​กับ​ย่า​ไป​ตลาด​ทุก​วัน​พุธ​เพื่อ​ซื้อ​เนื้อ​สัตว์​และ​ผัก​ผลไม้​สำหรับ​ทั้ง​สัปดาห์. เรา​มัก​จะ​นั่ง​รอ​ปู่​กับ​ย่า​อยู่​ใต้​ต้น​สน​ริม​รั้ว​บ้าน​ที่​อยู่​บน​เนิน​ซึ่ง​มอง​ลง​ไป​เห็น​หุบเขา​เบื้อง​ล่าง. เมื่อ​เรา​เห็น​ท่าน​ลง​จาก​รถ​เมล์​พร้อม​กับ​ตะกร้า​จ่าย​ตลาด​ใบ​ใหญ่ เรา​ก็​จะ​วิ่ง​ลง​บันได 125 ขั้น​ไป​ช่วย​ท่าน​ถือ​ของ​ขึ้น​บ้าน.

หน้า​บันได 125 ขั้น

ใน​สวน​ของ​เรา มี​ต้น​ปาล์ม​สูง​ใหญ่​อยู่​ต้น​หนึ่ง​และ​นก​เอี้ยง​สาลิกา​ชอบ​มา​ทำ​รัง​กัน​ที่​นั่น. เรา​เห็น​พวก​มัน​บิน​เข้า​บิน​ออก​รัง​และ​ส่ง​เสียง​ร้อง​เจื้อย​แจ้ว​ทั้ง​วัน. ย่า​จะ​นั่ง​อยู่​บน​บันได​หน้า​บ้าน​และ​เล่า​เรื่อง​ต่าง ๆ เหมือน​กับ​ว่า​กำลัง​แปล​เสียง​ร้อง​ของ​นก​เหล่า​นั้น​ให้​เรา​ฟัง. ฉัน​มี​ความ​ทรง​จำ​ที่​ดี​มาก​มาย​เกี่ยว​กับ​ครอบครัว​ของ​เรา​และ​บ้าน​หลัง​นี้! เรา​ยิ้ม หัวเราะ เล่น​สนุก ร้องไห้ และ​มี​อะไร​เรา​ก็​แบ่ง​ปัน​กัน. เรา​มี​ความ​สุข​ที่​ได้​อยู่​ร่วม​กัน​เป็น​ครอบครัว​ใหญ่. ที่​สำคัญ บ้าน​หลัง​นี้​เป็น​ที่​ที่​เรา​ได้​เรียน​รู้​จัก​พระ​ยะโฮวา​พระ​ผู้​สร้าง​และ​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระองค์.

ก่อน​ที่​เรา​จะ​ได้​รู้​จัก​พระ​ยะโฮวา เรา​ทำ​พิธี​หลาย​อย่าง​ของ​ศาสนา​ฮินดู​ทุก​วัน. นอก​จาก​นั้น เรา​ยัง​จัด​งาน​ฉลอง​ใหญ่​เป็น​ประจำ​และ​ชวน​คน​อื่น​มา​ร่วม​นมัสการ​เทพ​และ​พระ​แม่​เจ้า​องค์​ต่าง ๆ. บาง​ครั้ง​ใน​พิธี​เหล่า​นี้ ย่า​จะ​เข้า​ฌาน​และ​ติด​ต่อ​กับ​วิญญาณ และ​พอ​ถึง​เวลา​เที่ยง​คืน​เรา​จะ​ฆ่า​สัตว์​บวง​สรวง​พระ​เหล่า​นั้น. นอก​จาก​นั้น คน​ใน​ชุมชน​ก็​รู้​จัก​ปู่​ของ​ฉัน​ดี​ว่า​ท่าน​เป็น​คน​ใจ​บุญ​และ​ชอบ​บริจาค​เงิน​เพื่อ​สร้าง​โรง​เรียน​รัฐบาล​และ​วัด​ฮินดู ทั้ง​ยัง​ช่วย​ค่า​ใช้​จ่าย​อื่น ๆ อีก​ด้วย.

มา​รู้​จัก​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา

ใน​ปี 1972 ปู่​ล้ม​ป่วย​แล้ว​ก็​จาก​เรา​ไป. ไม่​กี่​เดือน​ต่อ​มา อา​สะใภ้​ชื่อ​อินทาวดี​หรือ​ที่​เรา​เรียก​ว่า​อา​เจน ได้​รับ​วารสาร​ตื่นเถิด! และ​หอสังเกตการณ์ จาก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สอง​คน. เธอ​รู้สึก​เสียใจ​ที่​ไม่​ได้​เชิญ​พวก​เขา​เข้า​มา​นั่ง​คุย​ใน​บ้าน. ที่​ผ่าน​มา​เรา​ไม่​เคย​ต้อนรับ​พยาน​ฯ เลย. แต่​เมื่อ​พวก​เขา​กลับ​มา​เยี่ยม​อีก​ครั้ง อา​สะใภ้​ได้​เชิญ​พวก​เขา​เข้า​บ้าน​และ​พูด​คุย​กัน​เกี่ยว​กับ​ปัญหา​ชีวิต​สมรส รวม​ถึง​เรื่อง​ที่​อา​ผู้​ชาย​ชอบ​ดื่ม​เหล้า​ด้วย. เพื่อน​บ้าน​และ​ญาติ ๆ ต่าง​ก็​แนะ​นำ​ให้​อา​สะใภ้​หย่า​กับ​สามี. แต่​พยาน​ฯ อธิบาย​ให้​ฟัง​ว่า​พระเจ้า​มี​ทัศนะ​เช่น​ไร​เกี่ยว​กับ​การ​สมรส. (มัดธาย 19:6) อา​สะใภ้​ประทับใจ​คำ​แนะ​นำ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​คำ​สัญญา​เรื่อง​ชีวิต​ที่​ดี​กว่า​บน​แผ่นดิน​โลก​นี้​ซึ่ง​จะ​มี​มา​ใน​ไม่​ช้า. * อา​สะใภ้​เลิก​คิด​ที่​จะ​หย่า​ขาด​จาก​สามี​และ​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​ฯ เป็น​ประจำ. ทุก​ครั้ง​ที่​เธอ​นั่ง​ศึกษา​ใน​ห้อง​นั่ง​เล่น สะใภ้​คน​อื่น ๆ ที่​อยู่​ใน​ห้อง​ใกล้ ๆ ก็​ได้​ยิน​ด้วย.

ใน​ที่​สุด สะใภ้​ทุก​คน​ใน​ครอบครัว​ก็​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล. อา​เจน​มัก​จะ​เล่า​เรื่อง​ที่​เธอ​ได้​เรียน​และ​อ่าน​หนังสือ​การ​รับ​ฟัง​ครู​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่ * ให้​เรา​ฟัง. เมื่อ​อา​ผู้​ชาย​รู้​ว่า​อา​สะใภ้​ทุก​คน​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล พวก​เขา​ก็​เริ่ม​ต่อ​ต้าน​เรา. อา​คน​หนึ่ง​เอา​หนังสือ​ทั้ง​หมด​ของ​เรา​รวม​ทั้ง​พระ​คัมภีร์​ไป​เผา. พวก​เขา​ด่า​ว่า​และ​ทุบ​ตี​เรา​เพราะ​ไม่​พอ​ใจ​ที่​เรา​ไป​ประชุม. มี​แต่​พ่อ​เท่า​นั้น​ที่​ไม่​ต่อ​ต้าน​และ​ยอม​ให้​เรา​เรียน​รู้​เรื่อง​พระ​ยะโฮวา. ลูก​สะใภ้​ทั้ง​สี่​คน​ไม่​เลิก​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​และ​ปลูกฝัง​ความ​รัก​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ต่อ ๆ ไป.

อา​เจน​รับ​บัพติสมา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ปี 1974 และ​ไม่​นาน​แม่​ของ​ฉัน​กับ​อา​สะใภ้​คน​อื่น ๆ ก็​รับ​บัพติสมา​ด้วย. ต่อ​มา ย่า​ก็​เลิก​กราบ​ไหว้​พระ​ฮินดู. ฉัน​ตาม​แม่​กับ​อา​สะใภ้​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน​ทุก​รายการ​อยู่​หลาย​ปี. ครั้ง​หนึ่ง เมื่อ​ฉัน​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา พยาน​ฯ ชื่อ​ชามีลา รัมปราสาท ถาม​ฉัน​ว่า “เมื่อ​ไร​เธอ​จะ​รับ​บัพติสมา?” ฉัน​ตอบ​ว่า “ฉัน​รับ​บัพติสมา​ไม่​ได้​เพราะ​ยัง​ไม่​เคย​มี​ใคร​ชวน​ฉัน​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​เลย.” เธอ​เลย​ชวน​ฉัน​ศึกษา. แล้ว​การ​ประชุม​ภาค​ครั้ง​ถัด​ไป​ใน​วัน​ที่ 16 ธันวาคม 1977 ฉัน​ก็​รับ​บัพติสมา. ใน​ที่​สุด สมาชิก​ครอบครัว 18 คน​จาก​ทั้ง​หมด 27 คน​ก็​รับ​บัพติสมา. แต่​ตอน​ที่​ฉัน​จะ​ต้อง​รับ​การ​ผ่าตัด ซันนี เทวา​พ่อ​ของ​ฉัน​ยัง​นับถือ​ศาสนา​ฮินดู​อยู่.

“อย่า​วิตก​กังวล​กับ​สิ่ง​ใด”

ถ้อย​คำ​ใน​ฟิลิปปอย 4:6, 7 ช่วย​ฉัน​มาก​จริง ๆ โดย​เฉพาะ​หลัง​จาก​ที่​หมอ​ตรวจ​พบ​ว่า​ฉัน​มี​เนื้อ​งอก​ก้อน​ใหญ่​ใน​สมอง. ข้อ​นั้น​กล่าว​ว่า “อย่า​วิตก​กังวล​กับ​สิ่ง​ใด แต่​จง​ทูล​ทุก​สิ่ง​ที่​พวก​ท่าน​ปรารถนา​ต่อ​พระเจ้า​โดย​การ​อธิษฐาน​และ​การ​วิงวอน​พร้อม​กับ​การ​ขอบพระคุณ แล้ว​สันติ​สุข​ของ​พระเจ้า​ซึ่ง​เหนือ​กว่า​ความ​คิด​ทุก​อย่าง​จะ​ปก​ป้อง​หัวใจ​และ​จิตใจ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไว้​โดย​ทาง​พระ​คริสต์​เยซู.” เป็น​เรื่อง​ยาก​จริง ๆ ที่​จะ​ไม่ “วิตก​กังวล​กับ​สิ่ง​ใด” โดย​เฉพาะ​เมื่อ​รู้​ว่า​ตัว​เอง​กำลัง​เผชิญ​หน้า​กับ​ความ​ตาย. ตอน​แรก​ฉัน​ได้​แต่​ร้องไห้ แต่​หลัง​จาก​ที่​อธิษฐาน​ถึง​พระ​ยะโฮวา​แล้ว​ฉัน​ก็​ได้​ประสบ “สันติ​สุข​ของ​พระเจ้า​ซึ่ง​เหนือ​กว่า​ความ​คิด​ทุก​อย่าง.”

ฉัน​รู้สึก​ราว​กับ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ทรง​จับ​มือ​ขวา​ของ​ฉัน​และ​พา​ฉัน​ผ่าน​ช่วง​เวลา​นั้น​มา​ได้. (ยะซายา 41:13) พระองค์​ทรง​ช่วย​ฉัน​ให้​มี​ความ​กล้า​หาญ​เมื่อ​อธิบาย​กับ​แพทย์​เกี่ยว​กับ​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​ฉัน​ที่​จะ​เชื่อ​ฟัง​คำ​สั่ง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ให้​ละ​เว้น​จาก​เลือด. (กิจการ 15:28, 29) ผล​คือ ศัลยแพทย์​และ​วิสัญญีแพทย์​ยอม​ผ่าตัด​ให้​ฉัน​โดย​ไม่​ใช้​เลือด. หลัง​จาก​นั้น ศัลยแพทย์​ได้​อธิบาย​ว่า​การ​ผ่าตัด​ประสบ​ผล​สำเร็จ​และ​เขา​สามารถ​ตัด​เนื้อ​งอก​ทั้ง​หมด​ออก​ไป​ได้. เขา​ยัง​บอก​ด้วย​ว่า​เขา​ไม่​เคย​เห็น​คนไข้​ที่​รับ​การ​ผ่าตัด​ใหญ่​ที่​สมอง​ฟื้น​ตัว​ได้​เร็ว​ขนาด​นี้​มา​ก่อน.

สาม​สัปดาห์​หลัง​จาก​นั้น ฉัน​สามารถ​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​บน​เตียง​นอน​ที่​บ้าน​ของ​ฉัน. พอ​ครบ​สัปดาห์​ที่​เจ็ด​ฉัน​ก็​เริ่ม​ขับ​รถ​ได้​อีก และ​ออก​ไป​ประกาศ​รวม​ทั้ง​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ด้วย. ฉัน​ซาบซึ้ง​ใน​น้ำ​ใจ​ของ​พี่​น้อง​คริสเตียน​ชาย​หญิง​ที่​ออก​ไป​ทำ​งาน​เผยแพร่​ด้วย​กัน​กับ​ฉัน. พวก​เขา​ไม่​เคย​ทิ้ง​ให้​ฉัน​อยู่​คน​เดียว​และ​คอย​ดู​แล​ฉัน​ให้​กลับ​ถึง​บ้าน​อย่าง​ปลอด​ภัย. ฉัน​เชื่อ​ว่า​ที่​ฉัน​ฟื้น​ตัว​ได้​เร็ว​ขนาด​นี้​ก็​เพราะ​ฉัน​ฟัง​การ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​บันทึก​เสียง​ไว้ และ​จดจ่อ​กับ​กิจกรรม​ที่​เสริม​สร้าง​ความ​เชื่อ​อยู่​เสมอ.

นอก​จาก​นั้น ฉัน​ยัง​ดีใจ​ที่​ได้​รู้​ว่า​หลัง​จาก​การ​ผ่าตัด​ครั้ง​นั้น พ่อ​ของ​ฉัน​ก็​ยอม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​ฯ. พ่อ​รับ​บัพติสมา​เมื่อ​อายุ 73 ปี​และ​ยัง​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​ขยัน​ขันแข็ง. ตอน​นี้​มาก​กว่า 40 คน​ใน​ครอบครัว​ใหญ่​ของ​เรา​กำลัง​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​กัน​อย่าง​เป็น​น้ำ​หนึ่ง​ใจ​เดียว. แม้​การ​ผ่าตัด​จะ​มี​ผล​ต่อ​สายตา​ข้าง​ซ้าย​ของ​ฉัน และ​กะโหลก​ศีรษะ​ก็​ต้อง​ใส่​เหล็ก​ยึด​ไว้ แต่​ฉัน​เฝ้า​รอ​เวลา​ที่​พระ​ยะโฮวา​จะ​สร้าง “ทุก​สิ่ง​ขึ้น​ใหม่” ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก​ที่​ใกล้​เข้า​มา.—วิวรณ์ 21:3-5

กับ​สามี (ซ้าย) ลูก​สาว​และ​พ่อ​แม่​ของ​ฉัน

ฉัน​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​ที่​มี​สามี​ที่​รัก​ฉัน​และ​มี​ลูก​สาว​ที่​น่า​รัก. สามี​ของ​ฉัน​เป็น​ผู้​ดู​แล​ใน​ประชาคม​คริสเตียน ส่วน​เคลริสตา​ลูก​สาว​ของ​ฉัน​ก็​เป็น​ผู้​ช่วย​ที่​ดี​ซึ่ง​ทำ​ให้​ฉัน​สามารถ​ทำ​งาน​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​ต่อ​ไป​ได้. พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ทรง​อวย​พร​งาน​รับใช้​ของ​ฉัน​อย่าง​เหลือ​ล้น. ฉัน​สามารถ​ช่วย​นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​หลาย​คน​ให้​เห็น​พลัง​แห่ง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ใน​ชีวิต​ของ​พวก​เขา. จน​ถึง​ตอน​นี้​มี​มาก​กว่า 30 คน​ที่​ได้​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า​และ​รับ​บัพติสมา.

ฉัน​เฝ้า​รอ​ด้วย​ความ​หวัง​อย่าง​เต็ม​เปี่ยม​ให้​ถึง​เวลา​ที่​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​จะ​ช่วย​เรา​ให้​รอด​พ้น​จาก​ยุค​นี้​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​ทุกข์​และ​พา​เรา​เข้า​สู่​โลก​ใหม่​ที่​เป็น​อุทยาน.

^ วรรค 12 สำหรับ​ราย​ละเอียด​เพิ่ม​เติม​เกี่ยว​กับ​พระ​ประสงค์​ที่​พระเจ้า​มี​ต่อ​แผ่นดิน​โลก โปรด​ดู​บท 3 ของ​หนังสือ​คัมภีร์​ไบเบิล​สอน​อะไร​จริง​ๆ? จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

^ วรรค 13 จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา แต่​ปัจจุบัน​เลิก​พิมพ์​แล้ว.