ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

“เราจะอยู่กับพวกเจ้าเสมอ”

“เราจะอยู่กับพวกเจ้าเสมอ”

“เราจะอยู่กับพวกเจ้าเสมอจนถึงช่วงสุดท้ายของยุค.”—มัด. 28:20

1. (ก) จงเล่าสั้นๆเกี่ยวกับอุทาหรณ์เรื่องข้าวสาลีและวัชพืช. (ข) พระเยซูทรงอธิบายความหมายของอุทาหรณ์นี้อย่างไร?

อุทาหรณ์ของพระเยซูเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับราชอาณาจักรกล่าวถึงเกษตรกรที่หว่านเมล็ดพืชดีไว้คือข้าวสาลี แล้วก็มีศัตรูมาหว่านวัชพืชลงปนกับเมล็ดพืชดีนั้น. วัชพืชนั้นเติบโตขึ้นปกคลุมข้าวสาลี แต่เกษตรกรสั่งทาสว่า “ให้ทั้งสองอย่างเติบโตไปด้วยกันจนถึงฤดูเกี่ยว.” เมื่อถึงฤดูเกี่ยว วัชพืชนั้นก็ถูกเผาทำลายและมีการรวบรวมข้าวสาลี. พระเยซูเองทรงอธิบายอุทาหรณ์นี้. (อ่านมัดธาย 13:24-30, 37-43 ) อุทาหรณ์นี้เปิดเผยอะไร? (โปรดดูแผนภูมิ “ข้าวสาลีและวัชพืช”)

2. (ก) เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในนาของเกษตรกรแสดงให้เราเห็นอะไร? (ข) เราจะพิจารณาส่วนไหนของอุทาหรณ์นี้?

2 พระเยซูจะทรงรวบรวมคริสเตียนผู้ถูกเจิมทั้งหมดที่จะปกครองกับพระองค์ในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นเหมือนข้าวสาลี ให้ออกมาจากมนุษยชาติ. เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในนาของเกษตรกรผู้นี้แสดงให้เห็นว่าพระองค์จะทำอย่างนั้นเมื่อไรและอย่างไร. การหว่านเริ่มต้นในวันเพนเทคอสต์สากลศักราช 33. การรวบรวมจะเสร็จสิ้นเมื่อผู้ถูกเจิมที่มีชีวิตอยู่ในตอนอวสานของระบบนี้ได้รับการประทับตราขั้นสุดท้ายแล้วถูกรับไปสวรรค์. (มัด. 24:31; วิ. 7:1-4) เช่นเดียวกับที่จุดชมวิวบนภูเขาทำให้คนเราเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล อุทาหรณ์นี้ก็ทำให้เราสามารถมองเห็นและเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 2,000 ปี. มีเหตุการณ์อะไรบ้างเกี่ยวกับราชอาณาจักรที่เราเข้าใจ? อุทาหรณ์นี้กล่าวถึงเวลาหว่าน ช่วงเติบโต และฤดูเกี่ยว. บทความนี้จะเน้นเรื่องฤดูเกี่ยวเป็นส่วนใหญ่. *

พระเยซูทรงดูแลเอาใจใส่เสมอ

3. (ก) มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากศตวรรษแรก? (ข) ตามในมัดธาย 13:28 มีคนถามอะไร และใครถาม? (โปรดดูข้อสังเกตสำหรับผู้อ่านในการศึกษาด้วย)

3 ในตอนเริ่มต้นศตวรรษที่สองสากลศักราช “วัชพืชก็ปรากฏขึ้น” เมื่อคริสเตียนปลอมเริ่มปรากฏให้เห็นในโลกซึ่งเปรียบเหมือนกับนา. (มัด. 13:26) เมื่อถึงศตวรรษที่สี่ คริสเตียนที่เป็นเหมือน วัชพืชก็มีจำนวนมากกว่าคริสเตียนผู้ถูกเจิมมาก. ในอุทาหรณ์ ทาสถามนายว่าจะให้ถอนวัชพืชออกหรือไม่. * (มัด. 13:28) นายตอบอย่างไร?

4. (ก) คำตอบของนาย ซึ่งก็คือพระเยซู เผยให้เห็นอะไร? (ข) คริสเตียนที่เป็นเหมือนข้าวสาลีเริ่มมองเห็นได้ชัดเมื่อไร?

4 พระเยซูตรัสเกี่ยวกับข้าวสาลีและวัชพืชว่า “ให้ทั้งสองอย่างเติบโตไปด้วยกันจนถึงฤดูเกี่ยว.” คำสั่งนี้เผยให้เห็นว่านับตั้งแต่ศตวรรษแรกเป็นต้นมาจนกระทั่งทุกวันนี้ มีคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่เป็นเหมือนข้าวสาลีบนแผ่นดินโลกเสมอ. คำตรัสของพระเยซูในเวลาต่อมาที่บอกเหล่าสาวกว่า “เราจะอยู่กับพวกเจ้าเสมอ จนถึงช่วงสุดท้ายของยุค” ช่วยยืนยันว่าการลงความเห็นดังกล่าวถูกต้อง. (มัด. 28:20) ดังนั้น คริสเตียนผู้ถูกเจิมได้รับการปกป้องจากพระเยซูเรื่อยมาจนกระทั่งถึงเวลาอวสาน. แต่เนื่องจากพวกเขาถูกคริสเตียนที่เป็นเหมือนวัชพืชปกคลุม เราจึงไม่รู้แน่ว่าใครบ้างที่เป็นเหมือนข้าวสาลีในช่วงเวลาที่ยาวนานนั้น. อย่างไรก็ตาม ประมาณสามสิบปีก่อนที่ฤดูเกี่ยวจะเริ่มต้น ก็เริ่มมองเห็นได้ชัดว่าใครคือกลุ่มคนที่เป็นเหมือนข้าวสาลี. เป็นเช่นนั้นอย่างไร?

ทูต “จัดแจงหนทาง”

5. คำพยากรณ์ของมาลาคีสำเร็จเป็นจริงในศตวรรษแรกอย่างไร?

 5 หลายศตวรรษก่อนที่พระเยซูจะยกอุทาหรณ์เรื่องข้าวสาลีและวัชพืช พระยะโฮวาทรงดลใจผู้พยากรณ์มาลาคีให้บอกล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ต่างๆที่มีการกล่าวถึงในอุทาหรณ์ของพระเยซูด้วย. (อ่านมาลาคี 3:1-4 ) โยฮันผู้ให้บัพติสมาคือ ‘ทูตหรือผู้ส่งข่าวที่จัดแจงหนทางไว้.’ (มัด. 11:10, 11) เมื่อโยฮันมาใน ส.ศ. 29 ก็ใกล้ถึงเวลาที่ชาติอิสราเอลจะถูกพิพากษา. พระเยซูทรงเป็นผู้ส่งข่าวคนที่สอง. พระองค์ทรงชำระพระวิหารในกรุงเยรูซาเลมสองครั้ง ครั้งแรกตอนที่พระองค์ทรงเริ่มทำงานรับใช้ และครั้งที่สองเมื่อใกล้จะสิ้นสุดงานรับใช้. (มัด. 21:12, 13; โย. 2:14-17) ดังนั้น งานชำระพระวิหารของพระเยซูจึงเป็นงานที่ต้องใช้เวลาอยู่ช่วงหนึ่ง คือตั้งแต่ปี 1914 จนถึงต้นปี 1919.

6. (ก) คำพยากรณ์ของมาลาคีมีความสำเร็จเป็นจริงที่ใหญ่กว่าอย่างไร? (ข) พระเยซูทรงตรวจพระวิหารฝ่ายวิญญาณในช่วงเวลาใด? (โปรดดูข้อสังเกตสำหรับผู้อ่านในการศึกษาด้วย)

 6 คำพยากรณ์ของมาลาคีมีความสำเร็จเป็นจริงที่ใหญ่กว่าอย่างไร? ในช่วงหลายสิบปีก่อนถึงปี 1914 ซี. ที. รัสเซลล์กับเพื่อนสนิทได้ทำงานที่เหมือนกับงานของโยฮันผู้ให้บัพติสมา. งานสำคัญนี้เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูความจริงในคัมภีร์ไบเบิล. นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลสอนความหมายที่แท้จริงของเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์ เปิดโปงคำโกหกเรื่องไฟนรก และประกาศเรื่องเวลากำหนดของชนต่างชาติที่ใกล้จะสิ้นสุดลง. แต่มีคริสเตียนหลายนิกายที่อ้างว่าเป็นสาวกของพระคริสต์. ดังนั้น คำถามสำคัญที่ต้องได้รับคำตอบคือ ใครคือข้าวสาลี? เพื่อตอบคำถามนี้ พระเยซูเริ่มตรวจพระวิหารฝ่ายวิญญาณในปี 1914. การตรวจและการชำระให้บริสุทธิ์นี้ต้องใช้เวลาอยู่ช่วงหนึ่ง ตั้งแต่ปี 1914 จนถึงต้นปี 1919. *

ช่วงเวลาที่ตรวจและชำระให้สะอาด

7. เมื่อพระเยซูเริ่มตรวจในปี 1914 พระองค์พบอะไร?

7 เมื่อพระเยซูเริ่มตรวจ พระองค์พบอะไร? พระองค์พบว่ามีนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่มีใจแรงกล้ากลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งที่ได้ใช้กำลังกายกำลังทรัพย์ของตนเป็นเวลากว่า 30 ปีเพื่อรณรงค์งานประกาศอย่างขันแข็ง. * พระเยซูและเหล่าทูตสวรรค์คงต้องยินดีจริงๆที่พบว่าคนเหล่านี้ที่เป็นเหมือนต้นข้าวสาลีไม่กี่ต้น แต่ว่าแข็งแรง ไม่ได้ถูกวัชพืชของซาตานเบียดจนไม่เติบโต! ถึงกระนั้น มีความจำเป็นที่จะต้อง “ถลุง [ชำระให้บริสุทธิ์สะอาด] ลูกชายทั้งหลายของ พวกเลวี” ซึ่งก็คือเหล่าผู้ถูกเจิม. (มลคี. 3:2, 3; 1 เป. 4:17) ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น?

8. มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหลังปี 1914?

8 ในช่วงปลายปี 1914 นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลบางคนรู้สึกท้อใจเพราะพวกเขายังไม่ได้ไปสวรรค์. ระหว่างปี 1915 ถึงปี 1916 การต่อต้านจากคนที่อยู่นอกองค์การทำให้งานประกาศเฉื่อยช้าลง. ที่แย่ยิ่งกว่านั้น หลังจากบราเดอร์รัสเซลล์เสียชีวิตในเดือนตุลาคม 1916 มีการต่อต้านเกิดขึ้นภายในองค์การเอง. ผู้อำนวยการของสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์สี่คนจากจำนวนทั้งหมดเจ็ดคนไม่ยอมรับการตัดสินที่ให้บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดเป็นผู้นำ. พวกเขาพยายามทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่พี่น้อง แต่ในเดือนสิงหาคม 1917 พวกเขาก็ออกจากเบเธลไป. นั่นเป็นการชำระให้บริสุทธิ์สะอาดจริงๆ! นอกจากนั้น นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลบางคนพ่ายแพ้ความกลัวหน้ามนุษย์. แต่โดยรวมแล้วพวกเขาเต็มใจตอบรับการชำระของพระเยซูและเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งที่จำเป็นต้องเปลี่ยน. ดังนั้น พระเยซูทรงตัดสินว่าพวกเขาเป็นคริสเตียนแท้ซึ่งเป็นเหมือนข้าวสาลี แต่พระองค์ปฏิเสธคริสเตียนปลอมทั้งหมดซึ่งก็รวมถึงคนเหล่านั้นทั้งหมดที่อยู่ในคริสตจักรต่างๆแห่งคริสต์ศาสนจักร. (มลคี. 3:5; 2 ติโม. 2:19) มีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น? เพื่อจะได้คำตอบ ขอให้เรากลับไปพิจารณาอุทาหรณ์เรื่องข้าวสาลีและวัชพืช.

มีอะไรเกิดขึ้นในฤดูเกี่ยว?

9, 10. (ก) เราจะพิจารณาอะไรเกี่ยวกับฤดูเกี่ยว? (ข) มีอะไรเกิดขึ้นเป็นอันดับแรกในฤดูเกี่ยว?

9 พระเยซูตรัสว่า “เวลาเกี่ยวคือช่วงสุดท้ายของยุค.” (มัด. 13:39) ฤดูเกี่ยวเริ่มต้นในปี 1914. เราจะพิจารณาห้าเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงบอกล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นในฤดูเกี่ยว.

10 เหตุการณ์แรก การถอนวัชพืช. พระเยซูตรัสว่า “ในฤดูเกี่ยวเราจะบอกผู้เกี่ยวให้ถอนวัชพืชก่อนแล้วมัดเป็นฟ่อน.” หลังจากปี 1914 เหล่าทูตสวรรค์เริ่ม “ถอน” คริสเตียนที่เป็นเหมือนวัชพืชด้วยการแยกพวกเขาออกจาก “เหล่าบุตรแห่งราชอาณาจักร” ซึ่งก็คือคริสเตียนผู้ถูกเจิม.—มัด. 13:30, 38, 41

11. จนถึงทุกวันนี้ อะไรทำให้คริสเตียนแท้แตกต่างจากคริสเตียนปลอม?

11 ขณะที่งานรวบรวมดังกล่าวดำเนินไป ความแตกต่างระหว่างสองกลุ่มนี้ก็เริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ. (วิ. 18:1, 4) เมื่อถึงปี 1919 ก็เห็นได้ชัดว่าบาบิโลนใหญ่ล่มจมแล้ว. มีอะไรโดยเฉพาะที่ทำให้คริสเตียนแท้แตกต่างจากคริสเตียนปลอม? งานประกาศนั่นเอง. คนที่นำหน้าในกลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเริ่มเน้นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่แต่ละคนจะประกาศข่าวสารเรื่องราชอาณาจักร. ตัวอย่างเช่น หนังสือเล่มเล็กงานนี้มอบให้ใคร (ภาษาอังกฤษ) ซึ่งพิมพ์ในปี 1919 กระตุ้นคริสเตียนผู้ถูกเจิมทุกคน ให้ประกาศตามบ้าน. หนังสือเล่มเล็กนี้กล่าวว่า “งานนี้ดูเหมือนว่าเป็นงานที่ใหญ่โตมาก แต่นี่เป็นงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเราจะทำงานนี้ได้โดยอาศัยกำลังจากพระองค์. คุณมีสิทธิพิเศษที่จะร่วมทำงานนี้.” มีการตอบรับอย่างไร? หอสังเกตการณ์ ในปี 1922 รายงานว่า ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมานักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้เร่งงานประกาศของพวกเขา. ไม่นานหลังจากนั้น การประกาศตามบ้านได้กลายเป็นลักษณะเด่นของคริสเตียนที่ซื่อสัตย์เหล่านั้น และเป็นเช่นนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้.

12. กลุ่มคนที่เป็นเหมือนข้าวสาลีถูกรวบรวมตั้งแต่เมื่อไร?

12 เหตุการณ์ที่สอง การรวบรวมข้าวสาลี. พระเยซูทรงสั่งเหล่าทูตสวรรค์ว่า “[จง] ไปรวบรวมข้าวสาลีมาไว้ในฉางของเรา.” (มัด. 13:30) นับตั้งแต่ปี 1919 เหล่าผู้ถูกเจิมได้ถูกรวบรวมเข้ามาอยู่ในประชาคมคริสเตียนที่ได้รับการชำระให้สะอาด. สำหรับคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่มีชีวิตอยู่ในช่วงอวสานของระบบนี้ การรวบรวมข้าวสาลีในช่วงสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาได้รับรางวัลในสวรรค์.—ดานิ. 7:18, 22, 27

13. วิวรณ์ 18:7 บอกให้เราทราบว่าในเวลานี้หญิงแพศยาหรือบาบิโลนใหญ่ ซึ่งก็รวมถึงคริสต์ศาสนจักรด้วย มองตัวเองอย่างไร?

 13 เหตุการณ์ที่สาม การร้องไห้และขบเขี้ยว เคี้ยวฟัน. หลังจากทูตสวรรค์มัดวัชพืชเป็นฟ่อนแล้ว มีอะไรเกิดขึ้น? พระเยซูตรัสถึงสภาพของกลุ่มคนที่เป็นเหมือนวัชพืชว่า “ที่นั่นพวกเขาจะร้องไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน.” (มัด. 13:42) เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในตอนนี้ไหม? ไม่. ในทุกวันนี้ คริสต์ศาสนจักรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหญิงแพศยายังบอกตัวเองว่า “เราเป็นราชินี ไม่ใช่หญิงม่าย เราจะไม่มีวันโศกเศร้า.” (วิ. 18:7) เป็นเช่นนั้นจริงๆ. คริสต์ศาสนจักรรู้สึกว่าตนมีอำนาจและอิทธิพลมากมาย และถึงกับถือว่าตน “เป็นราชินี” ที่อยู่เหนือชนชั้นผู้นำทางการเมือง. ในปัจจุบัน คนที่เป็นเหมือนวัชพืชไม่ได้ร้องไห้ แต่กำลังโอ้อวด. แต่ในไม่ช้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น.

ในไม่ช้า สายสัมพันธ์อันแนบแน่นของคริสต์ศาสนจักรกับเหล่าผู้นำทางการเมืองจะสิ้นสุดลง

(ดูข้อ 13)

14. (ก) คริสเตียนปลอมจะ “ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” เมื่อไร และทำไม? (ข) ความเข้าใจใหม่ของเราเกี่ยวกับมัดธาย 13:42 สอดคล้องกับแนวคิดที่อยู่ในบทเพลงสรรเสริญ 112:10 อย่างไร? (โปรดดูข้อสังเกตสำหรับผู้อ่านในการศึกษาด้วย)

14 ในช่วงความทุกข์ลำบากใหญ่ หลังจากที่องค์การศาสนาเท็จถูกทำลายหมดแล้ว คนที่เคยนับถือศาสนาเหล่านั้นจะเสาะหาที่กำบัง แต่พวกเขาจะไม่พบที่ซ่อนที่ปลอดภัย. (ลูกา 23:30; วิ. 6:15-17) เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีทางหนีพ้นจากการถูกทำลาย พวกเขาจะร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังและ “ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” ด้วยความโกรธแค้น. ดังที่พระเยซูทรงบอกไว้ล่วงหน้าในคำพยากรณ์เกี่ยวกับความทุกข์ลำบากใหญ่ ในเวลาอันมืดมนนั้น พวกเขา “จะร่ำไห้ตีอกชกหัว.” *มัด. 24:30; วิ. 1:7

15. จะเกิดอะไรขึ้นกับวัชพืช และเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไร?

15 เหตุการณ์ที่สี่ วัชพืชถูกทิ้งในเตาไฟ. จะเกิดอะไรขึ้นกับฟ่อนวัชพืช? ทูตสวรรค์ “จะทิ้งคนเหล่านั้นลงในเตาไฟอันร้อนแรง.” (มัด. 13:42) นั่นหมายถึงการทำลายอย่างสิ้นเชิง. ดังนั้น คนเหล่านั้นที่นับถือศาสนาเท็จจะถูกทำลายในช่วงสุดท้ายของความทุกข์ลำบากใหญ่ คือในสงครามอาร์มาเก็ดดอน.—มลคี. 4:1

16, 17. (ก) เหตุการณ์สุดท้ายที่พระเยซูตรัสถึงในอุทาหรณ์ของพระองค์คืออะไร? (ข) ทำไมเราจึงลงความเห็นว่าความสำเร็จเป็นจริงของเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในอนาคต?

16 เหตุการณ์ที่ห้า การส่องแสงจ้า. พระเยซูทรงจบคำพยากรณ์ของพระองค์โดยตรัสว่า “ในเวลานั้นผู้ชอบธรรมจะส่องแสงจ้าดุจดวงอาทิตย์ในราชอาณาจักรของพระบิดาของพวกเขา.” (มัด. 13:43) ผู้ชอบธรรมจะส่องแสงจ้าเมื่อไรและที่ไหน? คำพยากรณ์นี้จะสำเร็จเป็นจริงในอนาคต. เหตุการณ์ที่พระเยซูทรงบอกไว้ล่วงหน้าไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลกและไม่ใช่ในเวลานี้ แต่เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและจะเกิดขึ้นในสวรรค์. * ขอให้พิจารณาเหตุผลสองประการที่ทำให้ลงความเห็นเช่นนี้.

17 ประการแรก คำถามที่ว่าจะเกิดขึ้น “เมื่อไร.” พระเยซูตรัสว่า “ในเวลานั้น ผู้ชอบธรรมจะส่องแสงจ้า.” เห็นได้ชัดว่า วลี “ในเวลานั้น” กล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูเพิ่งตรัสถึง คือ ‘การทิ้งวัชพืช ลงในเตาไฟอันร้อนแรง.’ เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของความทุกข์ลำบากใหญ่. ดังนั้น ‘การส่องแสงจ้า’ ของเหล่าผู้ถูกเจิมจึงต้องเกิดขึ้นในอนาคตเช่นกัน. ประการที่สอง คำถามที่ว่าจะเกิดขึ้น “ที่ไหน.” พระเยซูตรัสว่าผู้ชอบธรรมจะ ‘ส่องแสงใน ราชอาณาจักร.’ นั่นหมายความว่าอย่างไร? หลังจากช่วงแรกของความทุกข์ลำบากใหญ่ผ่านไป เหล่าผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์ทั้งหมดที่ยังอยู่บนแผ่นดินโลกจะได้รับการประทับตราในขั้นสุดท้ายแล้ว. จากนั้น ดังที่คำพยากรณ์ของพระเยซูเกี่ยวกับความทุกข์ลำบากใหญ่ระบุไว้ พวกเขาจะถูกรวบรวมไปสวรรค์. (มัด. 24:31) ที่นั่น พวกเขาจะส่องแสง “ใน ราชอาณาจักรของพระบิดาของพวกเขา” และหลังจากสงครามอาร์มาเก็ดดอนไม่นาน พวกเขาจะได้เป็นเจ้าสาวผู้ปีติยินดีของพระเยซูใน ‘การอภิเษกสมรสของพระเมษโปดก.’—วิ. 19:6-9

เราได้รับประโยชน์อย่างไร?

18, 19. ความเข้าใจเกี่ยวกับอุทาหรณ์ของพระเยซูเรื่องข้าวสาลีและวัชพืชทำให้เราเองได้รับประโยชน์อย่างไร?

18 เราเองได้รับประโยชน์อย่างไรจากการพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆที่อุทาหรณ์นี้กล่าวถึง? ขอให้เราพิจารณาประโยชน์สามประการ. ประการแรก อุทาหรณ์นี้ทำให้เรามีความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น. อุทาหรณ์นี้ช่วยให้เราเข้าใจเหตุผลสำคัญที่พระยะโฮวาทรงยอมให้มีความชั่ว. พระองค์ “ทรงยอมอดกลั้นพระทัย . . . กับภาชนะแห่งพระพิโรธ” เพื่อจะเตรียม “ภาชนะแห่งความเมตตา” ซึ่งก็คือกลุ่มคนที่เป็นเหมือนข้าวสาลี. * (โรม 9:22-24) ประการที่สอง อุทาหรณ์นี้ช่วยเราให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้น. ขณะที่ใกล้จะถึงอวสาน ศัตรูของเราจะต่อสู้เราหนักยิ่งขึ้น “แต่เขาจะไม่ชนะ.” (อ่านยิระมะยา 1:19 ) เช่นเดียวกับที่พระยะโฮวาได้ปกป้องกลุ่มคนที่เป็นเหมือนข้าวสาลีมาโดยตลอดหลายยุคหลายสมัย พระองค์จะอยู่กับเรา“เสมอ” โดยทรงใช้พระเยซูและเหล่าทูตสวรรค์ให้ดูแลเรา.—มัด. 28:20

19 ประการที่สาม อุทาหรณ์นี้ทำให้เราสามารถบอกได้ว่าใครคือกลุ่มคนที่เป็นเหมือนข้าวสาลี. ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ? เพราะถ้าเรารู้ว่าใครคือคริสเตียนที่เป็นเหมือนข้าวสาลี เราจะตอบคำถามที่พระเยซูทรงยกขึ้นมาในอุทาหรณ์เกี่ยวกับสมัยสุดท้ายได้. พระองค์ทรงถามว่า “ที่จริง ใครเป็นทาสสัตย์ซื่อและสุขุม”? (มัด. 24:45) สองบทความถัดไปจะตอบคำถามนี้.

 

^ วรรค 2 ข้อ 2: เพื่อเป็นการทบทวนความหมายของส่วนอื่นๆในอุทาหรณ์ เราขอสนับสนุนคุณให้อ่านบทความ “ผู้ชอบธรรมจะส่องแสงจ้าดุจดวงอาทิตย์” ในหอสังเกตการณ์ 15 มีนาคม 2010.

^ วรรค 3 ข้อ 3: เนื่องจากเหล่าอัครสาวกของพระเยซูเสียชีวิตไปแล้วและชนผู้ถูกเจิมที่เหลืออยู่บนโลกไม่ได้ถูกเปรียบว่าเป็นทาส แต่เป็นเหมือนข้าวสาลี ทาสเหล่านี้จึงหมายถึงทูตสวรรค์. ต่อมาในอุทาหรณ์นี้ มีการระบุชัดว่าทูตสวรรค์คือผู้ถอนวัชพืช.—มัด. 13:39

^ วรรค 6 ข้อ 6: นี่เป็นการปรับเปลี่ยนความเข้าใจใหม่. เมื่อก่อนเราเคยคิดว่าการตรวจของพระเยซูเกิดขึ้นในปี 1918.

^ วรรค 7 ข้อ 7: นับตั้งแต่ปี 1910 จนถึงปี 1914 นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้จ่ายแจกหนังสือเกือบ 4,000,000 เล่ม รวมทั้งแผ่นพับและหนังสือเล่มเล็กอีกมากกว่า 200,000,000 เล่ม.

^ วรรค 14 ข้อ 14: นี่เป็นการปรับเปลี่ยนความเข้าใจของเราใหม่เกี่ยวกับมัดธาย 13:42. เมื่อก่อน หนังสือของเราอธิบายว่าคริสเตียนปลอม ‘ร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ เป็นเวลาหลายสิบปี เพราะ “เหล่าบุตรแห่งราชอาณาจักร” เปิดโปงว่าพวกเขาเป็น “เหล่าบุตรของตัวชั่วร้าย.” (มัด. 13:38) แต่ที่น่าสังเกตก็คือ การขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเป็นกิริยาอาการที่เกี่ยวข้องกับการถูกทำลาย.—เพลง. 112:10

^ วรรค 16 ข้อ 16: ดานิเอล 12:3 (พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) กล่าวว่า “บรรดาผู้มีปัญญา [คริสเตียนผู้ถูกเจิม] จะส่องแสงเหมือนความสว่างแห่งฟ้าสวรรค์.” ตอนที่ยังอยู่บนแผ่นดินโลก พวกเขาส่องแสงด้วยการทำงานประกาศ. แต่มัดธาย 13:43 ชี้ถึงเวลาที่พวกเขาจะส่องแสงจ้าในราชอาณาจักรสวรรค์. ก่อนหน้านี้ เราเคยคิดว่าพระคัมภีร์ทั้งสองข้อนี้กล่าวถึงการงานอย่างเดียวกัน คืองานประกาศ.