ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

จงสรรเสริญพระคริสต์ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่!

จงสรรเสริญพระคริสต์ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่!

“ทรงม้าอย่างสง่างามเสด็จไปอย่างมีชัย”—เพลง. 45:4, ฉบับมาตรฐาน

1, 2. ทำไมเพลงสรรเสริญบท 45 จึงน่าสนใจสำหรับเรา?

กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ขี่ม้าออกไปทำสงครามเพื่อปกป้องความจริงและความชอบธรรมและได้ชัยชนะเหนือเหล่าศัตรู หลังจากเสร็จสิ้นสงครามครั้งสุดท้าย ท่านก็แต่งงานกับเจ้าสาวผู้งามเลิศ กษัตริย์ผู้นี้ได้รับการยกย่องสรรเสริญและเป็นที่รักของประชาชนตลอดไป นี่เป็นบทสรุปของเพลงสรรเสริญบท 45

2 เพลงสรรเสริญบท 45 ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวน่าตื่นเต้นที่จบลงอย่างมีความสุขเท่านั้น แต่เหตุการณ์เหล่านี้น่าสนใจสำหรับเราเพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตเราทั้งในเวลานี้และในอนาคต ขอให้เราพิจารณาเพลงสรรเสริญบทนี้อย่างละเอียดด้วยกัน

“จิตต์ใจของข้าพเจ้าเต็มล้นด้วยข้อความอันดี”

3, 4. (ก) “ข้อความอันดี” ที่อยู่ในใจเราคืออะไร และทำให้เรารู้สึกอย่างไร? (ข) เรากำลังบอกอะไรเกี่ยวกับ “พระบรมมหากษัตริย์” และลิ้นของเราเป็นเหมือนปากกาอย่างไร?

3 อ่านบทเพลงสรรเสริญ 45:1 “ข้อความอันดี” ที่อยู่ในใจของผู้เขียนบทเพลงสรรเสริญเป็นเรื่องเกี่ยวกับกษัตริย์องค์หนึ่ง ข้อความนี้ทำให้เขาตื่นเต้นมาก และทำให้ลิ้นของเขาเป็นเหมือน “ปากกาของผู้ชำนาญเขียนหนังสือ”

4 แล้วเราล่ะรู้สึกอย่างไร? “ข้อความอันดี” ที่ทำให้เรามีความสุขคือข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรมาซีฮา และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1914 (พ.ศ. 2457) เป็นต้นมา ข่าวนี้ทำให้เราตื่นเต้นยินดีมากกว่าเดิม เพราะไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลที่กำลังปฏิบัติงานในสวรรค์ เรากำลังประกาศ “ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร” นี้ “ไปทั่วแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่เพื่อให้พยานหลักฐานแก่ทุกชาติ” (มัด. 24:14) หัวใจเรา “เต็มล้น” ด้วยข่าวดีนี้ไหม? เราประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรอย่างกระตือรือร้นไหม? เช่นเดียวกับผู้เขียนเพลงสรรเสริญ เรากำลังพูด “เรื่องพระบรมมหากษัตริย์” ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์ โดยการบอกผู้คนให้รู้ว่าท่านกำลังปกครองเป็นกษัตริย์ในราชอาณาจักรมาซีฮาที่ตั้งขึ้นแล้วบนสวรรค์ และเรายังเชิญทุกคน รวมทั้งกษัตริย์กับเจ้านายทั้งหลายบนแผ่นดินโลกให้ยอมรับอำนาจของกษัตริย์มาซีฮา (เพลง. 2:1, 2, 4-12) ลิ้นของเราเป็นเหมือน “ปากกาของผู้ชำนาญเขียนหนังสือ” เพราะเราใช้พระคัมภีร์เสมอในงานประกาศ

เราประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสต์กษัตริย์องค์ยิ่งใหญ่ด้วยความยินดี

‘พระโอษฐ์ของกษัตริย์ประกอบด้วยพระคุณ’

5. (ก) ทำไมจึงบอกว่าพระเยซู “งามเลิศ”? (ข) พระเยซูใช้คำพูดแบบไหน และเราจะเลียนแบบท่านได้อย่างไร?

5 อ่านบทเพลงสรรเสริญ 45:2 ถึงแม้พระคัมภีร์ไม่ได้บอกเราว่าพระเยซูมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร แต่เราก็เดาได้ว่าท่านต้อง “งามเลิศ” หรือเป็นคนที่รูปหล่อมากเพราะเป็นมนุษย์สมบูรณ์ ความงามของท่านไม่ใช่แค่ภายนอกเท่านั้น แต่เป็นความงามในจิตใจ เพราะท่านซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อพระยะโฮวาเสมอ นอกจากนั้น คำพูดของพระเยซูเมื่อประกาศข่าวเรื่องราชอาณาจักรก็ “ประกอบด้วยพระคุณ” เพราะท่านใช้ถ้อยคำที่เข้าถึงใจผู้คน (ลูกา 4:22; โย. 7:46) เมื่อเราประกาศ เราพยายามเลียนแบบพระเยซูไหม?—โกโล. 4:6

6. พระยะโฮวาอวยพรพระเยซู “เป็นนิตย์” อย่างไร?

6 เนื่องจากพระเยซูรักและภักดีต่อพระเจ้าอย่างสุดหัวใจ พระยะโฮวาจึงอวยพรท่านตลอดช่วงที่ทำงานรับใช้บนโลกและให้รางวัลท่านหลังจากที่ได้สละชีวิตเป็นค่าไถ่ อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “[พระเยซู] ทรงถ่อมพระทัยเชื่อฟังจนสิ้นพระชนม์ คือสิ้นพระชนม์บนเสาทรมาน เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงโปรดให้พระองค์ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นและทรงประทานพระนามอันสูงส่งเหนือนามอื่นทั้งหมดแก่พระองค์ เพื่อว่าใครก็ตามที่อยู่ในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก รวมทั้งคนที่อยู่ใต้พื้นดินจะคุกเข่าลงในพระนามพระเยซู และลิ้นทุกลิ้นจะยอมรับอย่างเปิดเผยว่าพระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อยกย่องพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา” (ฟิลิป. 2:8-11) พระยะโฮวาอวยพรพระเยซู “เป็นนิตย์” โดยปลุกท่านให้เป็นขึ้นจากตายและมีชีวิตอมตะในสวรรค์—โรม 6:9

กษัตริย์เป็นใหญ่กว่า “เพื่อน” ของท่าน

7. พระเจ้าเจิมพระเยซูให้ยิ่งใหญ่กว่า “เพื่อน” ของท่านอย่างไร?

7 อ่านบทเพลงสรรเสริญ 45:6, 7 เนื่องจากพระเยซูรักความชอบธรรมมากและเกลียดทุกสิ่งที่ลบหลู่ดูหมิ่นพระบิดา พระยะโฮวาจึงเจิมท่านให้เป็นกษัตริย์ของราชอาณาจักรมาซีฮา พระเยซูได้รับการเจิมด้วย “น้ำมันแห่งความยินดี” ให้เป็นใหญ่กว่า “เพื่อน” ของท่าน ซึ่งก็คือกษัตริย์องค์อื่นจากตระกูลยูดาห์ที่สืบเชื้อสายมาจาก ดาวิด ทำไมจึงบอกว่าพระเยซูเป็นใหญ่กว่า? ประการแรก เพราะท่านได้รับการเจิมจากพระยะโฮวาโดยตรง ประการที่สอง ท่านได้รับการเจิมให้เป็นทั้งกษัตริย์และมหาปุโรหิต (เพลง. 2:2; ฮีบรู 5:5, 6) ประการที่สาม พระเจ้าไม่ได้เจิมท่านด้วยน้ำมัน แต่เจิมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และท่านปกครองเป็นกษัตริย์ในสวรรค์ ไม่ใช่บนแผ่นดินโลก

8. เรามั่นใจได้อย่างไรว่าพระเยซูจะปกครองด้วยความชอบธรรม และทำไมจึงบอกว่าท่านได้อำนาจมาโดยชอบธรรม?

8 พระยะโฮวาได้แต่งตั้งพระบุตรให้เป็นกษัตริย์ในสวรรค์ตั้งแต่ปี 1914 เรามั่นใจได้ว่าพระเยซูจะปกครองด้วยความชอบธรรมและยุติธรรม เพราะพระคัมภีร์บอกว่า ‘ทัณฑกร (คทา) แห่งราชสมบัติของท่านเป็นทัณฑกรอันชอบธรรม’ อำนาจของท่านก็เป็นอำนาจที่ได้มาโดยชอบธรรม เพราะพระเจ้าเป็นผู้ประทานให้ และพระที่นั่งของท่านก็ตั้งอยู่ “เป็นนิตย์และเป็นนิตย์” คุณดีใจไหมที่พระยะโฮวาแต่งตั้งกษัตริย์ผู้เพียบพร้อมเช่นนี้ให้ปกครองเรา?

กษัตริย์ “เหน็บกระบี่ไว้ที่พระเพลา”

9, 10. (ก) พระคริสต์เหน็บกระบี่ตั้งแต่เมื่อไร และท่านใช้กระบี่ทันทีอย่างไร? (ข) พระคริสต์จะใช้กระบี่อีกครั้งเพื่ออะไร?

9 อ่านบทเพลงสรรเสริญ 45:3 พระยะโฮวาสั่งกษัตริย์ให้เหน็บกระบี่ไว้ที่พระเพลา (ต้นขา) หมายความว่าพระเจ้ามอบอำนาจให้พระเยซูออกไปทำสงครามปราบปรามผู้ต่อต้านการปกครองของพระเจ้า และลงโทษคนเหล่านั้นตามการพิพากษาของพระเจ้า (เพลง. 110:2) เนื่องจากพระเยซูคริสต์เป็นกษัตริย์นักรบที่ “ทรงยศศักดิ์พร้อมด้วยอานุภาพ” จึงไม่มีใครเอาชนะได้ ท่านเหน็บกระบี่ในปี 1914 และใช้กระบี่ทันทีเพื่อปราบซาตานกับทูตสวรรค์ที่อยู่ฝ่ายมัน แล้วเหวี่ยงลงมายังแผ่นดินโลก—วิ. 12:7-9

10 นี่เป็นเพียงชัยชนะขั้นแรก กษัตริย์ยังต้อง ‘ทำให้ชัยชนะของท่านครบถ้วน’ (วิ. 6:2) พระยะโฮวาตัดสินแล้วว่าซาตานกับพรรคพวกรวมทั้งทุกสิ่งบนโลกที่อยู่ใต้อำนาจของมันจะต้องถูกกำจัด สิ่งแรกที่จะถูกทำลายคือบาบิโลนใหญ่หรือ “หญิงแพศยา” ซึ่งหมายถึงศาสนาเท็จทั้งหมด พระยะโฮวาจะใช้อำนาจทางการเมืองให้ทำงานนี้ (วิ. 17:16, 17) จากนั้น กษัตริย์นักรบจะใช้กระบี่อีกครั้งเพื่อกวาดล้างอำนาจทางการเมืองจนสิ้นซาก แล้วพระคริสต์ผู้ถูกเรียกว่า “ทูตแห่งขุมลึก” จะทำให้ชัยชนะของท่านครบถ้วนโดยจับซาตานและพรรคพวกของมันขังไว้ในขุมลึก (วิ. 9:1, 11; 20:1-3) ให้เรามาดูว่าเพลงสรรเสริญบท 45 พยากรณ์ถึงเหตุการณ์เดียวกันนี้ไว้อย่างไร

กษัตริย์ขี่ม้าออกไปเพื่อปกป้อง “ความจริง”

11. พระคริสต์ออกไปรบเพื่อปกป้อง “ความจริง” เรื่องอะไร?

11 อ่านบทเพลงสรรเสริญ 45:4 กษัตริย์นักรบไม่ได้ทำสงครามเพื่อขยายอาณาจักรหรือบังคับให้ประชาชนอยู่ใต้อำนาจ แต่ท่านมีเหตุผลที่สูงส่งในการทำสงคราม กษัตริย์ออกไปรบเพื่อปกป้อง “ความจริง ความสุภาพ และความชอบธรรม” ความจริงอันยิ่งใหญ่ที่ท่านต้องปกป้องคือความจริงเกี่ยวกับอำนาจการปกครองของพระยะโฮวา เพราะเมื่อซาตานก่อกบฏ มันบอกว่าพระยะโฮวาไม่มีสิทธิ์ที่จะปกครองสิ่งทรงสร้างทั้งสิ้น ตั้งแต่นั้นมาทั้งทูตสวรรค์ชั่วและมนุษย์ก็ไม่ยอมรับอำนาจการปกครองของพระเจ้า ฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่กษัตริย์ซึ่งพระยะโฮวาเจิมไว้จะควบม้าเข้าสู่สงครามอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ความจริงให้ประจักษ์ชัดว่าพระยะโฮวาผู้เดียวเท่านั้นที่มีสิทธิปกครองเอกภพ

12. พระเยซูสู้เพื่อ “ความอ่อนน้อมถ่อมตน” โดยวิธีใด?

12 นอกจากนั้น พระเยซูยังสู้เพื่อ “ความสุภาพ [“ความอ่อนน้อมถ่อมตน,” ล.ม.]” โดยวางตัวอย่างที่ดีเยี่ยม เรื่องความถ่อมและการเชื่อฟังพระบิดาด้วยความจงรักภักดี (ยซา. 50:4, 5; โย. 5:19) ประชาชนทุกคนที่ภักดีต่อกษัตริย์เยซูคริสต์ก็ต้องทำตามตัวอย่างของท่านโดยเชื่อฟังพระยะโฮวาในทุกเรื่องและยอมรับว่าพระองค์เป็นผู้ปกครององค์สูงสุด เพราะคนที่ทำอย่างนี้เท่านั้นจึงจะได้เข้าโลกใหม่ที่พระองค์สัญญาไว้—ซคา. 14:16, 17

13. พระคริสต์ปกป้อง ‘ความชอบธรรม’ โดยวิธีใด?

13 พระคริสต์ยังออกรบเพื่อปกป้อง “ความชอบธรรม” ด้วย ความชอบธรรมนี้ก็คือมาตรฐานของพระยะโฮวาในเรื่องที่ว่าอะไรถูกอะไรผิด (โรม 3:21; บัญ. 32:4) ยะซายาห์พยากรณ์ว่าพระเยซูคริสต์จะ “ปกครองด้วยความชอบธรรม” (ยซา. 32:1, ฉบับมาตรฐาน ) ระหว่างที่พระเยซูปกครอง ทั่วทั้งโลก “จะมีความชอบธรรมอยู่จริง” เพราะท่านจะทำให้คำสัญญาของพระเจ้าเรื่องฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่สำเร็จเป็นจริง (2 เป. 3:13) ทุกคนที่อยู่ในโลกใหม่จะต้องทำตามมาตรฐานที่ชอบธรรมของพระยะโฮวา—ยซา. 11:1-5

กษัตริย์จะ “สำแดงพระราชกิจอันน่าครั่นคร้าม”

14. มือขวาของพระคริสต์จะ “สำแดงพระราชกิจอันน่าครั่นคร้าม” อย่างไร? (ดูภาพแรก)

14 ขณะที่ขี่ม้าออกไป กษัตริย์ได้เหน็บกระบี่ไว้ที่ขาของท่าน (เพลง. 45:3) แต่ตอนนี้มือขวาของท่านกำลังจะชักกระบี่ออกมาแล้ว ผู้เขียนบทเพลงสรรเสริญพยากรณ์ว่า มือขวาของท่านจะ “สำแดงพระราชกิจอันน่าครั่นคร้าม” (เพลง. 45:4, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) พระเยซูคริสต์จะขี่ม้าออกไปทำลายทุกสิ่งบนโลกที่อยู่ใต้อำนาจของซาตานในสงครามอาร์มาเก็ดดอน เมื่อถึงเวลานั้นเหล่าศัตรูของท่านจะต้อง “ครั่นคร้าม” เราไม่รู้ว่าท่านจะทำลายระบบชั่วของซาตานด้วยวิธีไหน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้คนที่ไม่ฟังคำเตือนของพระเจ้าและไม่ยอมอ่อนน้อมต่อการปกครองของกษัตริย์ตกตะลึงด้วยความหวาดกลัว (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 2:11, 12) ในคำพยากรณ์ของพระเยซูเกี่ยวกับเวลาอวสาน ท่านบอกว่า “ผู้คนจะสลบไปเพราะความกลัวและคอยท่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก ด้วยว่าสิ่งที่มีอำนาจในฟ้าสวรรค์จะสั่นสะเทือน แล้วพวกเขาจะเห็นบุตรมนุษย์มาในเมฆด้วยอำนาจและฐานะที่มีเกียรติอันรุ่งโรจน์อย่างยิ่ง”—ลูกา 21:26, 27

15, 16. มีใครบ้างอยู่ใน “กองทัพ” สวรรค์ที่จะตามพระเยซูออกไปรบ?

15 ในหนังสือวิวรณ์มีการพูดถึงกษัตริย์ที่กำลังมาพิพากษา “ด้วยอำนาจและฐานะที่มีเกียรติอันรุ่งโรจน์” ไว้ด้วย ผู้เขียนหนังสือวิวรณ์บอกว่า “ข้าพเจ้าเห็นสวรรค์เปิดออกและมีม้าขาวตัวหนึ่ง ผู้ที่ทรงม้านั้นมีพระนามว่า ผู้ซื่อสัตย์และสัตย์จริง พระองค์ทรงพิพากษาและทำสงครามด้วยความชอบธรรม กองทัพในสวรรค์ก็ขี่ม้าขาวตามพระองค์ไป และพวกเขาสวมผ้าลินินเนื้อดีสีขาวที่สะอาด มีดาบยาวคมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ พระองค์จะทรงใช้ดาบนั้นฟันนานาชาติ และพระองค์จะทรงปกครองพวกเขาด้วยคทาเหล็ก และพระองค์จะทรงย่ำในบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธอันแรงกล้าของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่ง”—วิ. 19:11, 14, 15

16 มีใครบ้างอยู่ใน “กองทัพ” สวรรค์ที่จะตามพระเยซูออกไปรบ? ตอนที่พระเยซูใช้กระบี่ครั้งแรกเพื่อไล่ซาตานกับพรรคพวกของมันออกจากสวรรค์ ผู้ที่ร่วมรบกับท่านคือ “เหล่าทูตสวรรค์” (วิ. 12:7-9) จึงมีเหตุผลที่จะสรุปว่าในสงครามอาร์มาเก็ดดอน ทูตสวรรค์จะร่วมรบเคียงข้างพระเยซูอีกครั้ง แล้วจะมีใครร่วมในกองทัพอีกไหม? พระเยซูเคยสัญญากับพี่น้องผู้ถูกเจิมของท่านว่า “เราจะให้ผู้ที่มีชัยและทำตามอย่างเราจนถึงที่สุดมีอำนาจเหนือชาติต่างอย่างที่เราได้รับอำนาจจากพระบิดาของเรา และเขาจะปกครองประชาชนด้วย คทาเหล็กเพื่อทำให้พวกเขาแตกเป็นเสี่ยงดุจภาชนะดินเหนียว” (วิ. 2:26, 27) ดังนั้น ในกองทัพของพระคริสต์จะมีคริสเตียนผู้ถูกเจิมซึ่งเป็นพี่น้องของพระคริสต์ที่ได้รับรางวัลในสวรรค์รวมอยู่ด้วย ผู้ถูกเจิมเหล่านี้จะอยู่เคียงข้างพระเยซูเมื่อท่าน “สำแดงพระราชกิจอันน่าครั่นคร้าม” และทำลายประชาชาติด้วยคทาเหล็ก

กษัตริย์ทำให้ชัยชนะของท่านครบถ้วน

17. (ก) ม้าขาวที่พระคริสต์ขี่ออกไปหมายถึงอะไร? (ข) กระบี่และธนูหมายถึงอะไร?

17 อ่านบทเพลงสรรเสริญ 45:5 กษัตริย์นั่งอยู่บนม้าขาว ซึ่งหมายถึงสงครามที่ชอบธรรมและยุติธรรมในสายตาพระเจ้า (วิ. 6:2; 19:11) นอกจากกระบี่แล้ว ท่านยังมีธนูด้วย เพราะในข้อนั้นบอกว่า “ข้าพเจ้าจึงเห็นม้าขาวตัวหนึ่ง ผู้ที่ทรงม้านั้นมีธนูและได้รับมงกุฎ และพระองค์ทรงออกไปอย่างผู้มีชัยเพื่อทำให้ชัยชนะของพระองค์ครบถ้วน” ทั้งกระบี่และธนูเป็นสัญลักษณ์หมายถึงวิธีการที่พระเยซูคริสต์จะใช้เพื่อลงโทษเหล่าศัตรู

18. จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพระคริสต์ใช้ “ลูกธนู” ของท่าน?

18 ผู้เขียนเพลงสรรเสริญพยากรณ์ว่า “ลูกธนูของพระบรมมหากษัตริย์แหลมเสียบหัวใจพวกศัตรูของพระองค์ ชนประเทศทั้งปวงจะล้มลงใต้พระองค์” จะมีผู้คนล้มตายทั่วทั้งแผ่นดินโลก ยิระมะยาห์พยากรณ์ว่า “ผู้ที่ต้องประหารโดยพระยะโฮวาในวันนั้นจะมีแต่ปลายพิภพข้างนี้จนถึงปลายพิภพข้างโน้น” (ยิระ. 25:33) คำพยากรณ์เรื่องเดียวกันในวิวรณ์บอกว่า “ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่ที่ดวงอาทิตย์ และท่านร้องบอกนกทุกตัวที่บินกลางท้องฟ้าด้วยเสียงดังว่า ‘มานี่เถิด จงมาชุมนุมกันในงานเลี้ยงใหญ่ของพระเจ้า พวกเจ้าจะได้กินเนื้อของกษัตริย์ทั้งหลาย เนื้อของพวกนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เนื้อของคนที่มีกำลัง เนื้อม้าและคนที่ขี่ม้าเหล่านั้น และเนื้อของคนทั้งปวง ทั้งที่เป็นไทและเป็นทาส ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย’”—วิ. 19:17, 18

19. พระคริสต์จะทำให้ชัยชนะของท่านครบถ้วนโดยวิธีใด?

19 หลังจากทำลายระบบชั่วทั้งสิ้นของซาตานแล้ว พระคริสต์จะ “ทรงม้าอย่างสง่างามเสด็จไปอย่างมีชัย” (เพลง. 45:4, ฉบับมาตรฐาน ) ท่านจะทำให้ชัยชนะครบถ้วนโดยเหวี่ยงซาตานกับทูตสวรรค์ที่อยู่ฝ่ายมันลงในขุมลึกแล้วขังไว้ตลอดหนึ่งพันปีที่ท่านปกครอง (วิ. 20:2, 3) ระหว่างที่ซาตานกับพรรคพวกของมันอยู่ในขุมลึก ซึ่งหมายถึงอยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนั้นแผ่นดินโลกก็จะไม่มีอิทธิพลชั่วของซาตาน ประชาชนที่อยู่ใต้การปกครองของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับชัยชนะจะมีความสุขอย่างเต็มที่ แต่ก่อนที่โลกจะเป็นอุทยานพวกเขาจะได้ร่วมความยินดีกับกษัตริย์และชน 144,000 คนในเหตุการณ์สำคัญที่จะพูดถึงในบทความถัดไป