คำถามจากผู้อ่าน
อะไรจะช่วยคริสเตียนให้ตัดสินใจว่าเหมาะหรือไม่เหมาะที่จะให้ของขวัญหรือเงินกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล?
ในหลายที่ ประชาชนไม่จำเป็นต้องให้อะไรกับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อจะได้รับบริการบางอย่าง เจ้าหน้าที่รัฐทำงานบริการและได้รับเงินเดือนจากรัฐบาลอยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้เรียกร้องหรือคาดหมายจะได้รับสิ่งตอบแทนอื่น ๆ นอกเหนือจากเงินเดือนที่พวกเขาได้รับ และในหลายประเทศ ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายที่เจ้าหน้าที่รัฐจะเรียกร้องหรือรับสิ่งของมีค่าบางอย่างเพื่อให้พวกเขาทำงานที่เป็นหน้าที่รับผิดชอบที่พวกเขาต้องทำอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าผู้ให้ไม่ได้คาดหมายอะไรจากการให้ การให้แบบนั้นถือเป็นการติดสินบน ดังนั้น เมื่อมีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้น คริสเตียนไม่ต้องคิดเลยว่าเหมาะหรือไม่เหมาะที่จะให้ เพราะเห็นได้ชัดว่าการทำอย่างนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
ถึงอย่างนั้น หลายประเทศไม่มีกฎหมายแบบนั้น หรืออาจจะมีแต่ก็ไม่ได้เอามาบังคับใช้อย่างเข้มงวด พวกเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มองว่าการรับของขวัญหรือเงินเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ในบางประเทศ เจ้าหน้าที่รัฐฉวยโอกาสจากตำแหน่งหน้าที่ของเขาเพื่อข่มขู่เอาเงินหรือสิ่งอื่นจากคนที่พวกเขาควรจะให้บริการอยู่แล้ว และพวกเขาไม่เต็มใจให้บริการถ้าไม่ได้รับสิ่งตอบแทน เจ้าหน้าที่รัฐอาจอยากได้เงินตอนที่เขาช่วยจดทะเบียนสมรส ช่วยเกี่ยวกับเรื่องภาษีเงินได้ ออกใบอนุญาตการก่อสร้าง หรือในกรณีอื่น ๆ ด้วย บางครั้งถ้าไม่ได้เงิน เจ้าหน้าที่ก็อาจจงใจสร้างปัญหาหรือความยุ่งยากขึ้น และทำให้ประชาชนไม่ได้รับสิ่งที่พวกเขาควรจะได้ เช่น ถึงกับมีรายงานว่าในประเทศหนึ่งนักดับเพลิงจะไม่ยอมเข้าไปดับไฟถ้าพวกเขาไม่ได้เงินมากพอ
บางครั้ง อาจเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะให้ของขวัญเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับบริการที่ได้รับ
ในที่ที่มีการทำแบบนี้อย่างกว้างขวาง บางคนก็อาจรู้สึกว่าคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้เงิน ในสถานการณ์แบบนั้นคริสเตียนอพย. 23:8; ฉธบ. 16:19; สภษ. 17:23
อาจมองการให้เงินเป็นเหมือนค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่ต้องจ่ายเพื่อจะรับการบริการตามกฎหมาย ถึงอย่างนั้น ในที่ที่มีการคอรัปชั่นกัน คริสเตียนต้องระวังที่จะไม่สับสนว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ตามมาตรฐานของพระเจ้า การให้เงินเพื่อจะได้รับสิ่งที่เราควรได้รับตามกฎหมายเป็นคนละเรื่องกับการให้เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือบางอย่างที่ผิดกฎหมาย เพราะในบางที่ที่มีการคอรัปชั่นกัน บางคนให้เงินเจ้าหน้าที่เพื่อจะได้รับบริการในสิ่งที่เขาไม่มีสิทธิ์จะได้ หรืออาจให้เงินกับตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่มาตรวจสอบบางอย่างเพื่อจะไม่ถูกปรับตามจำนวนเงินที่ควรจะเป็น แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการติดสินบนหรือรับสินบนก็เป็นสิ่งผิด—ส่วนใหญ่แล้ว คริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ซึ่งมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ตรงกับหลักการของคัมภีร์ไบเบิลรู้สึกไม่ดีที่จะให้เงินกับเจ้าหน้าที่ที่ร้องขอแบบนั้น พวกเขารู้สึกว่าการทำอย่างนั้นเป็นการส่งเสริมให้คนอื่นทุจริต เขาจึงไม่ทำ
คริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่รู้ว่าการให้ของขวัญเพื่อจะได้รับความช่วยเหลือในแบบที่ผิดกฎหมายนั้นอาจถือว่าเป็นการติดสินบน แต่ในบางสถานการณ์ บางคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ถ้าจะให้ของขวัญเล็กน้อยในการแสดงความขอบคุณเพื่อจะได้รับการบริการในแบบที่ควรจะเป็น ส่วนบางคนให้ของขวัญหมอและพยาบาลเพื่อขอบคุณหลังจากได้รับการบริการฟรีจากโรงพยาบาลรัฐบาล พวกเขารู้สึกสบายใจกว่าที่จะให้หลังจากได้รับการรักษาแล้ว เพื่อจะไม่รู้สึกว่าการให้ของนั้นเป็นการติดสินบน หรือเป็นการขอให้รักษาในแบบที่ตัวเองต้องการ
คงเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดถึงทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทุก ๆ ประเทศ แต่ไม่ว่าสถานการณ์ในท้องถิ่นของเราจะเป็นอย่างไร เมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้ เราต้องไม่ทำสิ่งที่รบกวนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเรา (รม. 14:1-6) เราต้องไม่ทำผิดกฎหมาย (รม. 13:1-7) เราต้องไม่ทำให้พระยะโฮวาเสียชื่อหรือทำให้คนอื่นไม่สบายใจ (มธ. 6:9; 1 คร. 10:32) และการตัดสินใจของเราก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเรารักคนอื่น—มก. 12:31
พี่น้องในประชาคมจะแสดงความยินดีอย่างไรเมื่อมีการประกาศว่ามีคนถูกรับกลับมาเป็นพยานพระยะโฮวาอีกครั้ง?
ถ้าเราดูจากท้องเรื่องในข้อคัมภีร์นี้ พระเยซูพูดถึงตัวอย่างนี้ก็เพราะท่านอยากปรับความคิดพวกฟาริสีกับพวกครูสอนศาสนา คนเหล่านี้บ่นว่าพระเยซู เพราะท่านไปคบหากับพวกคนเก็บภาษีและคนบาป (ลก. 15:1-3) พระเยซูบอกว่าจะมีความสุขบนสวรรค์ถ้ามีคนบาปคนหนึ่งกลับใจ จึงอาจเกิดคำถามว่า ‘ในเมื่อมีความสุขบนสวรรค์ เราก็น่าจะมีความสุขไม่ใช่เหรอเมื่อมีคนบาปคนหนึ่งกลับใจ เปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ และทำให้ทางเดินของเขาตรงโดยใช้ชีวิตในแนวทางที่ถูกต้อง?’—ฮบ. 12:13
เมื่อมีคนในประชาคมถูกรับกลับมาเป็นพี่น้องอีกครั้ง เราก็น่าจะดีใจเพราะเขากลับใจ คนนั้นจะต้องกลับใจจริงถึงจะถูกรับกลับมาเป็นพยานพระยะโฮวา และเขาต้องรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าต่อ ๆ ไป หลังจากที่ได้ยินผู้ดูแลประกาศว่ามีพี่น้องถูกรับกลับมาเป็นพยานพระยะโฮวาอีกครั้ง เราก็อาจปรบมือแสดงความยินดีได้ ถ้าเราอยากทำอย่างนั้น
อะไรอาจทำให้น้ำในสระเบธซาธาที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม “กระเพื่อม”?
เพื่อรักษาระดับน้ำในสระให้คงที่อยู่เสมอ จะมีการส่งน้ำมาจากสระที่อยู่ติดกัน นักค้นคว้าบอกว่าสระน้ำสองสระนั้นถูกแบ่งโดยมีสันกั้น ประตูน้ำที่อยู่ที่สันนั้นสามารถเปิดออกเพื่อจะให้น้ำจากสระที่อยู่ข้าง ๆ ไหลผ่านทางช่องเข้าไปที่ก้นสระของอีกสระหนึ่ง ตอนที่น้ำไหลออกมาจึงอาจทำให้น้ำในสระกระเพื่อม
สิ่งที่น่าสนใจคือ ที่ยอห์น 5:4 บอกว่าทูตสวรรค์ทำให้น้ำกระเพื่อม แต่ไม่มีการพบข้อความนี้ในสำเนาต้นฉบับภาษากรีกโบราณที่เชื่อถือได้ เช่น ฉบับโคเดกซ์ไซนายติคุสในศตวรรษที่สี่ แต่ที่สระเบธซาธาพระเยซูรักษาผู้ชายคนหนึ่งที่ป่วยมา 38 ปี ทั้ง ๆ ที่ผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้ลงไปในสระด้วยซ้ำ แต่เขาก็หายป่วยทันที