ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนที่พระยะโฮวากับพระเยซูเป็นหนึ่งเดียวกัน

ให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนที่พระยะโฮวากับพระเยซูเป็นหนึ่งเดียวกัน

‘ผม​ขอ . . . พวก​เขา​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน เหมือน​ที่​พระองค์​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​ผม’—ยอห์น 17:20, 21

เพลง 24, 99

1, 2. (ก) ครั้ง​สุด​ท้าย​ที่​พระ​เยซู​อธิษฐาน​กับ​อัครสาวก ท่าน​ขอ​อะไร? (ข) ทำไม​พระ​เยซู​เป็น​ห่วง​เรื่อง​ความ​เป็น​หนึ่ง​เดียว?

ช่วง​ที่​พระ​เยซู​กิน​อาหาร​มื้อ​สุด​ท้าย​กับ​อัครสาวก ท่าน​คิด​ถึง​เรื่อง​ความ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​ของ​พวก​เขา​และ​เป็น​ห่วง​เรื่อง​นี้ ตอน​ที่​ท่าน​อธิษฐาน​กับ​สาวก ท่าน​บอก​ว่า​อยาก​ให้​พวก​เขา​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน เหมือน​กับ​ที่​ท่าน​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​พ่อ​ของ​ท่าน (อ่าน​ยอห์น 17:20, 21) ถ้า​สาวก​ของ​พระ​เยซู​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน​จริง ๆ นั่น​ก็​พิสูจน์​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ส่ง​ท่าน​มา และ​ผู้​คน​จะ​รู้​ได้​ว่า​ใคร​เป็น​สาวก​แท้​ของ​พระ​เยซู​ก็​โดย​ดู​จาก​ความ​รัก​ที่​พวก​เขา​มี​ต่อ​กัน และ​ความ​รัก​นี้​เอง​เป็น​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​พวก​เขา​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน​มาก​ขึ้น—ยอห์น 13:34, 35

2 เรา​เข้าใจ​เหตุ​ผล​ว่า​ทำไม​คืน​นั้น​พระ​เยซู​พูด​กับ​พวก​อัครสาวก​เยอะ​มาก​เรื่อง​ความ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน ท่าน​เห็น​ว่า​พวก​เขา​ไม่​ค่อย​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน ตัว​อย่าง​เช่น คืน​นั้น​พวก​อัครสาวก​ทะเลาะ​กัน​อีก​เหมือน​ที่​ผ่าน​มา​ว่า “ใน​พวก​เขา​ใคร​เป็น​ใหญ่​ที่​สุด” (ลูกา 22:24-27; มาระโก 9:33, 34) นอก​จาก​นั้น ยากอบ​และ​ยอห์น​ก็​เคย​ขอ​พระ​เยซู​ว่า​พวก​เขา​อยาก​นั่ง​ใน​ตำแหน่ง​ที่​มี​เกียรติ​ติด​กับ​ท่าน​ใน​รัฐบาล​สวรรค์—มาระโก 10:35-40

3. อะไร​อาจ​ทำ​ให้​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ไม่​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน? เรา​จะ​คุย​กัน​เรื่อง​คำ​ถาม​อะไร​บ้าง?

3 การ​อยาก​ได้​อำนาจ​และ​ตำแหน่ง​ไม่​ใช่​สิ่ง​เดียว​ที่​ทำ​ให้​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ไม่​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน ใน​สมัย​ของ​พระ​เยซู อีก​สิ่ง​หนึ่ง​ที่​ทำ​ให้​ประชาชน​แตก​แยก​คือ​ความ​เกลียด​ชัง​และ​อคติ สาวก​ของ​พระ​เยซู​ต้อง​เลิก​มี​ความ​รู้สึก​ที่​ไม่​ดี​แบบ​นั้น​ด้วย ดัง​นั้น บทความ​นี้​เรา​จะ​คุย​กัน​เกี่ยว​กับ​คำ​ถาม​เหล่า​นี้​ที่​ว่า พระ​เยซู​ทำ​อย่าง​ไร​กับ​อคติ? พระ​เยซู​ช่วย​สาวก​อย่าง​ไร​ไม่​ให้​เป็น​คน​ลำเอียง แต่​ให้​เป็น​คน​ยุติธรรม​และ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน? ตัว​อย่าง​และ​คำ​สอน​ของ​พระ​เยซู​ช่วย​เรา​อย่าง​ไร​ให้​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน?

พระ​เยซู​กับ​สาวก​เจอ​อคติ

4. พระ​เยซู​เจอ​อคติ​อะไร​บ้าง?

4 แม้​แต่​พระ​เยซู​เอง​ก็​เจอ​อคติ​จาก​คน​อื่น​ด้วย​เหมือน​กัน เช่น ตอน​ที่​ฟีลิป​บอก​นาธานาเอล​ว่า​เขา​เจอ​เมสสิยาห์​แล้ว นาธานาเอล​บอก​ว่า “จะ​มี​อะไร​ดี ๆ มา​จาก​นาซาเร็ธ​ได้​หรือ?” (ยอห์น 1:46) เขา​คง​รู้​ว่า​เมสสิยาห์​จะ​มา​เกิด​ที่​เบธเลเฮม​ตาม​ที่​บอก​ไว้​ใน​มีคาห์ 5:2 เขา​อาจ​คิด​ว่า​นาซาเร็ธ​เป็น​เมือง​เล็ก ๆ ไม่​น่า​จะ​เป็น​บ้าน​เกิด​ของ​เมสสิยาห์​ได้ นอก​จาก​นั้น พระ​เยซู​ยัง​โดน​คน​ใหญ่​คน​โต​ชาว​ยูเดีย​พูด​ดูถูก​เพราะ​ท่าน​มา​จาก​กาลิลี (ยอห์น 7:52) ชาว​ยูเดีย​หลาย​คน​คิด​ว่า​ชาว​กาลิลี​ต่ำต้อย​กว่า​พวก​เขา ส่วน​ชาว​ยิว​คน​อื่น​ก็​ดูถูก​พระ​เยซู​โดย​เรียก​ท่าน​ว่า​ชาว​สะมาเรีย (ยอห์น 8:48) ชาว​สะมาเรีย​เป็น​คน​ละ​เชื้อชาติ​กับ​ชาว​ยิว​และ​นับถือ​ศาสนา​ไม่​เหมือน​กับ​พวก​เขา ทั้ง​ชาว​ยูเดีย​และ​ชาว​กาลิลี​เลย​ไม่​ค่อย​ให้​เกียรติ​และ​ไม่​ยุ่ง​กับ​ชาว​สะมาเรีย—ยอห์น 4:9

5. สาวก​ของ​พระ​เยซู​เจอ​อคติ​อะไร​บ้าง?

5 พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​ชาว​ยิว​ก็​ดูถูก​สาวก​พระ​เยซู​ด้วย พวก​ฟาริสี​เรียก​พวก​เขา​ว่า “คน​ที่​ถูก​สาป​แช่ง” (ยอห์น 7:47-49) พวก​ฟาริสี​มอง​ว่า​ใคร​ที่​ไม่​ได้​เรียน​ใน​โรง​เรียน​สอน​ศาสนา​ของ​ชาว​ยิว​และ​ไม่​ทำ​ตาม​ธรรมเนียม​ของ​พวก​เขา​ก็​เป็น​พวก​ไม่​มี​ประโยชน์​และ​เป็น​แค่​คน​ธรรมดา (กิจการ 4:13, เชิงอรรถ) ที่​พระ​เยซู​กับ​สาวก​เจอ​อคติ​เป็น​เพราะ​ว่า​คน​ใน​สมัย​นั้น​ภูมิ​ใจ​ใน​ศาสนา ฐานะ​ทาง​สังคม และ​เชื้อชาติ​ของ​ตัว​เอง ความ​คิด​ที่​มี​อคติ​แบบ​นี้​ยัง​มี​ผล​กับ​พวก​สาวก​และ​วิธี​ที่​พวก​เขา​มอง​คน​อื่น​ด้วย ดัง​นั้น พวก​เขา​ต้อง​เปลี่ยน​ความ​คิด​เพื่อ​จะ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน

6. ขอ​ยก​ตัว​อย่าง​ว่า​อคติ​อาจ​ส่ง​ผล​ต่อ​เรา​อย่าง​ไร

6 ทุก​วัน​นี้​เรา​อยู่​ใน​โลก​ที่​มี​แต่​อคติ คน​อื่น​อาจ​มี​อคติ​กับ​เรา​หรือ​บาง​ที​เรา​เอง​ก็​อาจ​มี​อคติ​กับ​คน​อื่น พี่​น้อง​ไพโอเนียร์​คน​หนึ่ง​ใน​ออสเตรเลีย​บอก​ว่า “เมื่อ​ก่อน​เพราะ​ฉัน​เอา​แต่​คิด​เรื่อง​ที่​ชาว​พื้นเมือง​อะบอริจิน​ไม่​ได้​รับ​ความ​ยุติธรรม​ทั้ง​ตอน​นี้​และ​ใน​อดีต​ที่​ผ่าน​มา มัน​ทำ​ให้​ฉัน​เกลียด​ฝรั่ง​ผิว​ขาว​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ” เธอ​ยิ่ง​เกลียด​พวก​เขา​เข้า​ไป​ใหญ่​เมื่อ​เธอ​โดน​เรื่อง​นี้​กับ​ตัว​เอง พี่​น้อง​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​แคนาดา​ก็​ยอม​รับ​ว่า “ผม​เคย​คิด​ว่า​คน​ที่​พูด​ฝรั่งเศส​เหนือ​กว่า​คน​อื่น” มัน​ทำ​ให้​เขา​ไม่​ชอบ​ขี้​หน้า​คน​ที่​พูด​ภาษา​อังกฤษ

7. พระ​เยซู​ทำ​อย่าง​ไร​กับ​อคติ?

7 เหมือน​กับ​สมัย​ของ​พระ​เยซู อคติ​เป็น​ความ​รู้สึก​ที่​รุนแรง​และ​เปลี่ยน​ได้​ยาก แล้ว​พระ​เยซู​ทำ​อย่าง​ไร​กับ​อคติ? อย่าง​แรก​ท่าน​ไม่​เคย​มี​อคติ ท่าน​ไม่​เคย​ลำเอียง​แม้​แต่​นิด​เดียว ท่าน​ประกาศ​กับ​ทุก​คน​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​คน​รวย​หรือ​คน​จน เป็น​ฟาริสี​หรือ​ชาว​สะมาเรีย หรือ​แม้​แต่​คน​เก็บ​ภาษี​กับ​คน​บาป​ท่าน​ก็​ประกาศ​กับ​พวก​เขา อย่าง​ที่​สอง พระ​เยซู​สอน​สาวก​และ​ทำ​ให้​พวก​เขา​ดู​เป็น​ตัว​อย่าง​ว่า​พวก​เขา​ไม่​ควร​ระแวง​หรือ​มี​อคติ​กับ​คน​อื่น

ลบ​อคติ​ด้วย​ความ​รัก​และ​ความ​ถ่อม

8. อะไร​คือ​หลักการ​สำคัญ​ที่​ทำ​ให้​เรา​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน? ขอ​อธิบาย

8 พระ​เยซู​สอน​หลักการ​สำคัญ​เพื่อ​ช่วย​ให้​สาวก​เป็น​หนึ่ง​เดียว ท่าน​บอก​พวก​เขา​ว่า “พวก​คุณ​ทุก​คน​เป็น​พี่​น้อง​กัน” (อ่าน​มัทธิว 23:8, 9) ใน​แง่​หนึ่ง เรา​ทุก​คน​เป็น​พี่​น้อง​กัน​เพราะ​เรา​ทุก​คน​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​อาดัม (กิจการ 17:26) นอก​จาก​นั้น พระ​เยซู​ยัง​อธิบาย​กับ​พวก​สาวก​ว่า​พวก​เขา​มี​พ่อ​บน​สวรรค์​องค์​เดียว​กัน​คือ​พระ​ยะโฮวา (มัทธิว 12:50) และ​พวก​เขา​ทุก​คน​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​ครอบครัว​พระเจ้า​ซึ่ง​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน​เพราะ​ความ​รัก​และ​ความ​เชื่อ นี่​จึง​เป็น​เหตุ​ผล​ที่​พวก​อัครสาวก​เรียก​คริสเตียน​คน​อื่น ๆ ว่า​พี่​น้อง​ใน​จดหมาย​ที่​เขียน​ถึง​ประชาคม​ต่าง ๆ—โรม 1:13; 1 เปโตร 2:17; 1 ยอห์น 3:13

9, 10. (ก) ทำไม​ถึง​ไม่​มี​เหตุ​ผล​ที่​ชาว​ยิว​จะ​ภูมิ​ใจ​ใน​เชื้อชาติ​ของ​ตัว​เอง? (ข) พระ​เยซู​สอน​อย่าง​ไร​ว่า เป็น​เรื่อง​ผิด​ที่​จะ​ดูถูก​คน​ที่​มี​เชื้อชาติ​ต่าง​จาก​เรา? (ดู​ภาพ​แรก ภาพ​ซ้าย)

9 หลัง​จาก​ที่​พระ​เยซู​บอก​สาวก​ว่า​ให้​มอง​กัน​และ​กัน​เป็น​เหมือน​พี่​น้อง ท่าน​ก็​เน้น​กับ​พวก​เขา​ว่า​ต้อง​เป็น​คน​ถ่อม (อ่าน​มัทธิว 23:11, 12) เหมือน​ที่​เรา​ได้​เรียน​ไป​แล้ว บาง​ครั้ง​ความ​หยิ่ง​เป็น​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​อัครสาวก​แตก​แยก​กัน คน​ใน​สมัย​ของ​พระ​เยซู​ภูมิ​ใจ​ใน​เชื้อชาติ​ของ​ตัว​เอง​มาก ชาว​ยิว​หลาย​คน​เชื่อ​ว่า​พวก​เขา​ดี​กว่า​คน​อื่น​เพราะ​พวก​เขา​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​อับราฮัม แต่​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา​บอก​พวก​เขา​ว่า “พระเจ้า​จะ​ให้​อับราฮัม​มี​ลูก​หลาน​จาก​ก้อน​หิน​พวก​นี้​ก็​ยัง​ได้”—ลูกา 3:8

10 พระ​เยซู​สอน​ว่า​มัน​เป็น​เรื่อง​ผิด​ที่​จะ​ภูมิ​ใจ​ใน​เชื้อชาติ​ของ​ตัว​เอง ท่าน​เน้น​เรื่อง​นี้​ตอน​ที่​มี​ครู​สอน​ศาสนา​คน​หนึ่ง​มา​ถาม​ท่าน​ว่า “แล้ว​ใคร​คือ​คน​ที่​ผม​จะ​ต้อง​รัก?” เพื่อ​จะ​ตอบ​คำ​ถาม​นี้​พระ​เยซู​เล่า​เรื่อง​ชาว​ยิว​คน​หนึ่ง​ที่​ถูก​โจร​ปล้น ถูก​ทุบ​ตี และ​ถูก​ทิ้ง​ไว้​ข้าง​ถนน ทั้ง ๆ ที่​มี​ชาว​ยิว​หลาย​คน​เดิน​ผ่าน​ไป​ผ่าน​มา​แต่​ก็​ไม่​มี​ใคร​สนใจ​ช่วย​เขา​เลย จน​ชาว​สะมาเรีย​คน​หนึ่ง​เดิน​ผ่าน​มา เขา​รู้สึก​สงสาร​ชาว​ยิว​คน​นี้​เลย​พา​ไป​รักษา พระ​เยซู​สรุป​เรื่อง​นี้​โดย​บอก​กับ​ครู​สอน​ศาสนา​ว่า​จริง ๆ แล้ว​เขา​ต้อง​เป็น​เหมือน​ชาว​สะมาเรีย (ลูกา 10:25-37) ลอง​คิด​ดู​สิ พระ​เยซู​ใช้​ตัว​อย่าง​ของ​ชาว​สะมาเรีย​เพื่อ​สอน​ชาว​ยิว​ว่า​การ​รัก​คน​อื่น​หมาย​ถึง​อะไร

11. ทำไม​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ต้อง​ไม่​ลำเอียง? และ​ท่าน​ช่วย​สาวก​อย่าง​ไร​ให้​เข้าใจ​เรื่อง​นี้?

11 ก่อน​ที่​พระ​เยซู​จะ​ไป​สวรรค์ ท่าน​บอก​ให้​สาวก​ประกาศ “ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย​กับ​แคว้น​สะมาเรีย และ​จน​ถึง​สุด​ขอบ​โลก” (กิจการ 1:8) เพื่อ​สาวก​จะ​ประกาศ​กับ​ทุก​คน​ได้​จริง ๆ พวก​เขา​ต้อง​เลิก​หยิ่ง​และ​เลิก​มี​อคติ พระ​เยซู​เตรียม​สาวก​ให้​พร้อม​ที่​จะ​ประกาศ​กับ​คน​ทุก​ชาติ​โดย​การ​พูด​ถึง​เรื่อง​ดี ๆ ของ​คน​ต่าง​ชาติ​หลาย​ครั้ง เช่น ท่าน​ชม​นาย​ร้อย​คน​หนึ่ง​ที่​มี​ความ​เชื่อ​มาก (มัทธิว 8:5-10) ใน​นาซาเร็ธ​บ้าน​เกิด​ของ​พระ​เยซู ท่าน​พูด​ถึง​พระ​ยะโฮวา​ว่า​เคย​ช่วย​คน​ต่าง​ชาติ​มา​แล้ว เช่น แม่​ม่าย​ชาว​ฟีนิเซีย​ใน​เมือง​ศาเรฟัท และ​นาอามาน​ชาว​ซีเรีย​ที่​เป็น​โรค​เรื้อน (ลูกา 4:25-27) พระ​เยซู​ยัง​ประกาศ​กับ​ผู้​หญิง​ชาว​สะมาเรีย​ด้วย และ​อยู่​ที่​สะมาเรีย​ถึง 2 วัน​เพราะ​คน​ที่​นั่น​สนใจ​ฟัง​สิ่ง​ที่​ท่าน​ประกาศ—ยอห์น 4:21-24, 40

คริสเตียน​รุ่น​แรก​ต้อง​สู้​เพื่อ​จะ​เลิก​มี​อคติ

12, 13. (ก) อัครสาวก​ทำ​อย่าง​ไร​ตอน​ที่​พระ​เยซู​สอน​ผู้​หญิง​ชาว​สะมาเรีย? (ดู​ภาพ​แรก ภาพ​กลาง) (ข) อะไร​แสดง​ว่า​ยากอบ​กับ​ยอห์น​ไม่​ค่อย​เข้าใจ​ที่​พระ​เยซู​พยายาม​สอน​พวก​เขา?

12 มัน​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย​เลย​ที่​อัครสาวก​จะ​เลิก​มี​อคติ พวก​เขา​แปลก​ใจ​มาก​ที่​พระ​เยซู​เต็ม​ใจ​สอน​ผู้​หญิง​ชาว​สะมาเรีย (ยอห์น 4:9, 27) ทำไม​พวก​เขา​ถึง​รู้สึก​อย่าง​นั้น? อาจ​เป็น​เพราะ​ว่า​พวก​หัวหน้า​ศาสนา​ชาว​ยิว​ไม่​คุย​กับ​ผู้​หญิง​ใน​ที่​สาธารณะ ยิ่ง​ถ้า​เป็น​ผู้​หญิง​สะมาเรีย​ที่​มี​ชื่อเสียง​ไม่​ดี​ยิ่ง​ไม่​ต้อง​พูด​ถึง​เลย พวก​อัครสาวก​เรียก​พระ​เยซู​ให้​มา​กิน​ข้าว แต่​ท่าน​ชอบ​คุย​กับ​ผู้​หญิง​คน​นี้​มาก​จน​ถือ​ว่า​อาหาร​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​น้อย​กว่า การ​ประกาศ​และ​การ​ทำ​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ต้องการ​เป็น​เหมือน​อาหาร​สำหรับ​พระ​เยซู ซึ่ง​การ​ประกาศ​กับ​ผู้​หญิง​ชาว​สะมาเรีย​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น​ด้วย—ยอห์น 4:31-34

13 ยากอบ​กับ​ยอห์น​ยัง​ไม่​เข้าใจ​บทเรียน​สำคัญ​นี้ ตอน​ที่​พวก​สาวก​เดิน​ทาง​ไป​ประกาศ​กับ​พระ​เยซู​ที่​สะมาเรีย พวก​เขา​หา​ที่​พัก​ค้าง​คืน​ไม่​ได้​เพราะ​ไม่​มี​ชาว​สะมาเรีย​คน​ไหน​ให้​ที่​พัก​กับ​พวก​เขา​เลย ตอน​นั้น​ยากอบ​กับ​ยอห์น​โมโห​มาก ถึง​กับ​ถาม​พระ​เยซู​ว่า​อยาก​ให้​พวก​เขา​เรียก​ไฟ​จาก​ฟ้า​ลง​มา​เผา​ทั้ง​หมู่​บ้าน​ให้​สิ้น​ซาก​เลย​ไหม พระ​เยซู​เลย​ว่า​พวก​เขา​แรง​มาก (ลูกา 9:51-56) จริง ๆ แล้ว​ถ้า​เรื่อง​นี้​เกิด​ขึ้น​ที่​กาลิลี​บ้าน​เกิด​ของ​พวก​เขา​เอง ยากอบ​กับ​ยอห์น​อาจ​จะ​ไม่​โมโห​มาก​ขนาด​นี้​ก็​ได้ ที่​พวก​เขา​โมโห​ขนาด​นี้​ก็​อาจ​เป็น​เพราะ​ว่า​พวก​เขา​มี​อคติ ต่อ​มา​ยอห์น​ได้​ไป​ประกาศ​กับ​ชาว​สะมาเรีย​และ​มี​หลาย​คน​สนใจ​ฟัง บาง​ที​ตอน​นั้น​เขา​อาจ​รู้สึก​อาย​เมื่อ​นึก​ย้อน​หลัง​ถึง​สิ่ง​ที่​เขา​ทำ​ก่อน​หน้า​นี้—กิจการ 8:14, 25

14. มี​การ​แก้​ปัญหา​เรื่อง​อคติ​อย่าง​ไร?

14 หลัง​วัน​เพ็นเทคอสต์​ปี 33 ไม่​นาน มี​ปัญหา​เรื่อง​การ​เหยียด​เชื้อชาติ​เกิด​ขึ้น​ใน​ประชาคม​คริสเตียน ตอน​ที่​พี่​น้อง​แจก​จ่าย​อาหาร​ให้​กับ​พวก​แม่​ม่าย แม่​ม่าย​ที่​พูด​ภาษา​กรีก​กลับ​ถูก​มอง​ข้าม​และ​ไม่​ได้​รับ​การ​เอา​ใจ​ใส่ (กิจการ 6:1) ที่​เป็น​อย่าง​นั้น​อาจ​เป็น​เพราะ​พวก​เขา​เจอ​อคติ พวก​อัครสาวก​เลย​รีบ​แก้​ปัญหา​นี้​อย่าง​รวด​เร็ว พวก​เขา​เลือก​พี่​น้อง​ชาย 7 คน​ที่​มี​คุณสมบัติ​ให้​ไป​แจก​จ่าย​อาหาร​ให้​แม่​ม่าย​ที่​พูด​ภาษา​กรีก​อย่าง​ยุติธรรม เนื่อง​จาก​พี่​น้อง​ชาย 7 คน​นี้​มี​ชื่อ​ภาษา​กรีก นี่​อาจ​ทำ​ให้​แม่​ม่าย​ที่​พูด​ภาษา​กรีก​รู้สึก​สบาย​ใจ​ขึ้น

15. เปโตร​ได้​เรียน​รู้​เรื่อง​การ​ไม่​ลำเอียง​อย่าง​ไร? (ดู​ภาพ​แรก ภาพ​ขวา)

15 ใน​ปี 36 สาวก​เริ่ม​ประกาศ​กับ​คน​จาก​ทุก​ชาติ ก่อน​หน้า​นั้น​เปโตร​ชอบ​อยู่​แต่​กับ​ชาว​ยิว แล้ว​พระเจ้า​ก็​ช่วย​เขา​ให้​เห็น​ว่า​จริง ๆ แล้ว​คริสเตียน​ไม่​ควร​เป็น​คน​ลำเอียง และ​เขา​ก็​ประกาศ​กับ​โคร์เนลิอัส​ทหาร​โรมัน (อ่าน​กิจการ 10:28, 34, 35) หลัง​จาก​นั้น เปโตร​ก็​ใช้​เวลา​อยู่​กับ​พี่​น้อง​ต่าง​ชาติ​และ​กิน​ข้าว​กับ​พวก​เขา แต่​หลาย​ปี​ต่อ​มา ใน​เมือง​อันทิโอก เปโตร​กลับ​เลิก​กิน​ข้าว​กับ​พี่​น้อง​ต่าง​ชาติ (กาลาเทีย 2:11-14) นี่​ทำ​ให้​เปาโล​ตำหนิ​เปโตร และ​เปโตร​ก็​ยอม​รับ​คำ​แนะ​นำ​นั้น เรา​รู้​ได้​อย่าง​ไร? ก็​เพราะ​ตอน​ที่​เปโตร​เขียน​จดหมาย​ฉบับ​แรก​ถึง​คริสเตียน​ชาว​ยิว​และ​ชาว​ต่าง​ชาติ​ใน​เอเชีย​ไมเนอร์ เขา​บอก​ว่า​มัน​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​มาก​ที่​พี่​น้อง​ทุก​คน​ต้อง​รัก​กัน—1 เปโตร 1:1; 2:17

16. คริสเตียน​รุ่น​แรก​ขึ้น​ชื่อ​ใน​เรื่อง​อะไร?

16 เห็น​ได้​ชัด​ว่า​เพราะ​ตัว​อย่าง​ของ​พระ​เยซู อัครสาวก​ได้​เรียน​รู้​ว่า​ต้อง​รัก “คน​ทุก​ชนิด” (ยอห์น 12:32; 1 ทิโมธี 4:10) ถึง​มัน​อาจ​ต้อง​ใช้​เวลา​นาน แต่​พวก​เขา​เปลี่ยน​วิธี​มอง​คน​อื่น​ได้ ที่​จริง ใคร ๆ ก็​รู้​ว่า​คริสเตียน​รุ่น​แรก​รัก​กัน​มาก​ขนาด​ไหน ประมาณ​ปี​ค.ศ. 200 เทอร์ทูลเลียน​นัก​เขียน​คน​หนึ่ง​ได้​ยก​คำ​พูด​ของ​คน​ที่​พูด​ถึง​คริสเตียน​ว่า “พวก​เขา​รัก​กัน” และ “พร้อม​ที่​จะ​ตาย​แทน​กัน​ด้วย​ซ้ำ” ที่​เป็น​อย่าง​นั้น​ก็​เพราะ​ว่า​คริสเตียน​ได้​ปลูกฝัง “ลักษณะ​นิสัย​ใหม่” พวก​เขา​จึง​เรียน​รู้​ที่​จะ​มอง​คน​อื่น​อย่าง​เท่า​เทียม​กัน​เหมือน​กับ​ที่​พระเจ้า​มอง—โคโลสี 3:10, 11

17. เรา​จะ​กำจัด​ความ​รู้สึก​อคติ​ได้​อย่าง​ไร? ยก​ตัว​อย่าง

17 ใน​ทุก​วัน​นี้ เรา​ก็​อาจ​ต้อง​ใช้​เวลา​นาน​เหมือน​กัน​เพื่อ​จะ​เลิก​มี​อคติ​ได้ พี่​น้อง​หญิง​คน​หนึ่ง​ใน​ฝรั่งเศส​เล่า​ว่า​มัน​เป็น​เรื่อง​ยาก​มาก​แค่​ไหน​สำหรับ​เธอ เธอ​บอก​ว่า “พระ​ยะโฮวา​สอน​ฉัน​ให้​รู้​ว่า​ความ​รัก​หมาย​ถึง​อะไร การ​แบ่ง​ปัน​หมาย​ถึง​อะไร และ​การ​รัก​คน​ทุก​ชนิด​หมาย​ถึง​อะไร แต่​ฉัน​ยัง​ต้อง​เรียน​รู้​ที่​จะ​เลิก​มี​อคติ​กับ​คน​อื่น​อยู่ มัน​ไม่​ง่าย​จริง ๆ นั่น​แหละ ฉัน​เลย​ต้อง​อธิษฐาน​อยู่​เรื่อย ๆ” ส่วน​พี่​น้อง​หญิง​อีก​คน​หนึ่ง​จาก​สเปน​ก็​บอก​ว่า บาง​ครั้ง​เธอ​ยัง​ต้อง​สู้​กับ​ความ​รู้สึก​ใน​แง่​ลบ​กับ​คน​บาง​เชื้อชาติ​อยู่ เธอ​บอก​ว่า “ส่วน​ใหญ่​ฉัน​ก็​ทำ​ได้​นะ แต่​ฉัน​รู้​ว่า​ฉัน​ยัง​ต้อง​สู้​ต่อ ๆ ไป ฉัน​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​และ​ดีใจ​ที่​อยู่​ใน​ครอบครัว​ที่​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน​แบบ​นี้” ดัง​นั้น เรา​ทุก​คน​ต้อง​คิด​ดี ๆ ว่า​เรา​รู้สึก​อย่าง​ไร​จริง ๆ และ​เรา​ยัง​มี​อคติ​ที่​ต้อง​กำจัด​ออก​ไป​ไหม

ความ​รัก​เพิ่ม​ขึ้น อคติ​หาย​ไป

18, 19. (ก) ทำไม​เรา​ต้อง​ต้อนรับ​ทุก​คน? (ข) เรา​จะ​ทำ​แบบ​นั้น​ได้​อย่าง​ไร?

18 เรา​ทุก​คน​ควร​จำ​ไว้​ว่า​เมื่อ​ก่อน​เรา​ไม่​รู้​จัก​พระ​ยะโฮวา​และ​ไม่​ได้​ใกล้​ชิด​กับ​พระองค์ (เอเฟซัส 2:12) แต่​พระองค์​ก็ ‘ดึง​เรา​มา​หา​พระองค์​โดย​ใช้​ความ​รัก’ (โฮเชยา 11:4; ยอห์น 6:44) พระ​เยซู​ต้อนรับ​เรา​ทำ​ให้​เรา​มี​โอกาส​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​ครอบครัว​พระเจ้า (อ่าน​โรม 15:7) แม้​เรา​จะ​เป็น​คน​ไม่​สมบูรณ์​แบบ แต่​พระ​เยซู​ก็​ต้อนรับ​เรา เรา​จึง​ไม่​ควร​แม้​แต่​จะ​คิด​ที่​จะ​มี​อคติ​กับ​คน​อื่น ไม่​ว่า​เขา​จะ​เป็น​ใคร

พวก​เรา​เป็น​หนึ่ง​เดียว​และ​รัก​กัน​เพราะ​เรา​พยายาม​จะ​ได้ “สติ​ปัญญา​จาก​เบื้อง​บน” (ดู​ข้อ 19)

19 ยิ่ง​โลก​ชั่ว​นี้​ใกล้​จะ​ถึง​จุด​จบ ผู้​คน​ก็​ยิ่ง​แตก​แยก​กัน มี​อคติ​ต่อ​กัน และ​เกลียด​ชัง​กัน​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ (กาลาเทีย 5:19-21; 2 ทิโมธี 3:13) แต่​เรา​ที่​เป็น​คน​ของ​พระเจ้า​อยาก​มี “สติ​ปัญญา​จาก​เบื้อง​บน” ที่​จะ​ช่วย​เรา​ให้​เป็น​คน​ไม่​ลำเอียง​และ​สร้าง​สันติ​สุข (ยากอบ 3:17, 18) เรา​ดีใจ​ที่​ได้​เป็น​เพื่อน​กับ​พี่​น้อง​ที่​มา​จาก​หลาย​ประเทศ เรา​ยอม​รับ​สิ่ง​ที่​พวก​เขา​ทำ​ถึง​แม้​จะ​แตกต่าง​จาก​เรา เรา​อาจ​ถึง​กับ​เรียน​ภาษา​ของ​พวก​เขา​ด้วย​ซ้ำ เมื่อ​เรา​ทำ​แบบ​นี้​เรา​จะ​มี​ความ​สงบ​สุข “เต็ม​เปี่ยม​เหมือน​น้ำ​ใน​แม่น้ำ” และ​ได้​รับ​ความ​ยุติธรรม “มาก​มาย​เหมือน​คลื่น​ใน​มหาสมุทร”—อิสยาห์ 48:17, 18

20. ความ​รัก​เปลี่ยน​วิธี​ที่​เรา​คิด​และ​รู้สึก​อย่าง​ไร?

20 เมื่อ​พี่​น้อง​หญิง​ใน​ออสเตรเลีย​ที่​พูด​ถึง​ตอน​ต้น​บทความ​ได้​เรียน​คัมภีร์​ไบเบิล อคติ​และ​ความ​เกลียด​ชัง​ของ​เธอ​ก็​ค่อย ๆ จาง​หาย​ไป ความ​รัก​เปลี่ยน​วิธี​คิด​และ​ความ​รู้สึก​ของ​เธอ​ได้​จริง ๆ ส่วน​พี่​น้อง​ชาย​แคนาดา​ที่​พูด​ฝรั่งเศส​ก็​บอก​ว่า​ตอน​นี้​เขา​รู้​แล้ว​ว่า​ที่​คน​เรา​เกลียด​ชัง​กัน​เป็น​เพราะ​พวก​เขา​ไม่​ได้​รู้​จัก​กัน​จริง ๆ ตอน​นี้​เขา​รู้​แล้ว​ว่า “คน​เรา​จะ​เป็น​ยัง​ไง​มัน​ไม่​ได้​ขึ้น​อยู่​กับ​ว่า​เขา​เกิด​ที่​ไหน” เขา​เอง​ถึง​กับ​แต่งงาน​กับ​พี่​น้อง​ที่​พูด​ภาษา​อังกฤษ ตัว​อย่าง​เหล่า​นี้​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​ความ​รัก​เอา​ชนะ​อคติ​ได้ ความ​รัก​ผูก​พัน​เรา​ให้​เป็น​หนึ่ง​เดียว และ​ไม่​มี​อะไร​ทำ​ให้​เรา​แตก​แยก​ได้—โคโลสี 3:14