บทความศึกษา 28
นมัสการพระยะโฮวาต่อไปแม้ถูกสั่งห้าม
“พวกเราจะหยุดพูดเรื่องที่ได้เห็นและได้ยินนั้นไม่ได้”—กจ. 4:19, 20
เพลง 122 ขอให้มั่นคงไว้ อย่าหวั่นไหว
ใจความสำคัญ *
1-2. (ก) ทำไมเราไม่แปลกใจถ้างานของเราถูกสั่งห้าม? (ข) เราจะคุยเรื่องอะไรบ้างในบทความนี้?
ในปี 2018 มีผู้ประกาศข่าวดีมากกว่า 223,000 คนในประเทศต่าง ๆ ที่งานรับใช้ของเราถูกสั่งห้ามหรือไม่มีอิสระอย่างเต็มที่ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะอย่างที่เราเรียนในบทความก่อน คริสเตียนแท้คาดหมายอยู่แล้วว่าจะถูกข่มเหง (2 ทธ. 3:12) ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน รัฐบาลอาจสั่งห้ามการนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าที่รักเรา ซึ่งเหตุการณ์นั้นอาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยที่เราไม่รู้ล่วงหน้า
2 ถ้ารัฐบาลในประเทศของคุณสั่งห้ามการนมัสการพระยะโฮวา คุณอาจสงสัยว่า ‘การถูกข่มเหงหมายความว่าพระยะโฮวาไม่อวยพรเราแล้วไหม? การสั่งห้ามจะทำให้ไม่มีโอกาสได้นมัสการพระองค์อีกแล้วไหม? ฉันควรย้ายไปอยู่ในประเทศอื่นที่สามารถรับใช้พระองค์ได้อย่างอิสระไหม?’ ในบทความนี้เราจะคุยกันเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้ จากนั้นเราจะคุยกันว่าเราต้องทำอะไรเพื่อจะนมัสการพระยะโฮวาต่อไปได้แม้งานของเราจะถูกสั่งห้าม และมีอะไรบ้างที่เราไม่ควรทำ
การถูกข่มเหงหมายความว่า พระยะโฮวาไม่อวยพรเราแล้วไหม?
3. จาก 2 โครินธ์ 11:23-27 เปาโลซึ่งเป็นอัครสาวกที่ซื่อสัตย์เจอการข่มเหงอะไรบ้าง? และเราได้เรียนอะไรจากตัวอย่างของเปาโล?
3 ถ้ารัฐบาลสั่งห้ามงานของเรา เราอาจลงความเห็นผิด ๆ ว่าพระยะโฮวาไม่อวยพรเราแล้ว แต่ขอให้จำไว้ว่าการข่มเหงไม่ได้หมายความว่าพระยะโฮวาไม่พอใจเรา ขอให้คิดถึงตัวอย่างของอัครสาวกเปาโล พระยะโฮวาต้องชอบเปาโลแน่นอนเพราะเขามีสิทธิพิเศษได้เขียนจดหมาย 14 ฉบับซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก นอกจากนั้น เขายังเป็นอัครสาวกที่ถูกส่งไปหาคนต่างชาติ แต่เปาโลก็เจอการข่มเหงอย่างหนัก (อ่าน 2 โครินธ์ 11:23-27) ประสบการณ์ของเปาโลทำให้เราได้เรียนว่าพระยะโฮวายอมให้ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ถูกข่มเหง
4. ทำไมโลกนี้ถึงเกลียดเรา?
4 พระเยซูอธิบายว่าทำไมเราถึงคาดหมายได้ว่าจะถูกข่มเหงและถูกต่อต้าน ท่านบอกว่าเราจะถูกเกลียดเพราะเราไม่ได้เป็นคนของโลก (ยน. 15:18, 19) การข่มเหงไม่ได้แสดงว่าพระยะโฮวาไม่อวยพรเรา แทนที่จะเป็นอย่างนั้น การข่มเหงแสดงว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง
การสั่งห้ามทำให้เราไม่มีโอกาสได้นมัสการพระยะโฮวาอีกแล้วไหม?
5. มนุษย์สามารถทำให้คนของพระยะโฮวาหยุดนมัสการพระองค์ได้ไหม? ขออธิบาย
5 การต่อต้านจากมนุษย์ไม่อาจทำให้เราหยุดนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุดได้ หลายคนพยายามหยุดงานของเรามาแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ ขอให้คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนั้นรัฐบาลของหลายประเทศข่มเหงคนของพระยะโฮวาอย่างหนัก ไม่ใช่แค่พรรคนาซีในประเทศเยอรมนีเท่านั้น รัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย แคนาดา และประเทศอื่น ๆ ก็ทำแบบนั้นด้วย แต่ลองสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น ในปี 1939 ซึ่งเป็นปีที่สงครามเริ่มต้น ตอนนั้นมีผู้ประกาศทั่วโลก 72,475 คน แต่พอถึงปี 1945 ซึ่งเป็นปีที่สงครามจบลง รายงานการประกาศแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาอวยพรให้มีผู้ประกาศเพิ่มขึ้นถึง 156,299 คน ยอดผู้ประกาศเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว!
6. การข่มเหงมีผลในทางที่ดีอย่างไร? ขอยกตัวอย่าง
6 เมื่อเกิดการข่มเหง เป็นเรื่องปกติที่เราจะกลัวบ้าง แต่การข่มเหงก็มีผลในทางที่ดีด้วยเพราะมันจะทำให้เราตั้งใจแน่วแน่ที่จะรับใช้พระยะโฮวามากขึ้น ลองดูตัวอย่างของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่มีลูกชายตัวเล็ก ๆ พวกเขาอยู่ในประเทศที่รัฐบาลสั่งห้ามงานของเรา แต่แทนที่พวกเขาจะกลัวและรับใช้พระยะโฮวาน้อยลง พวกเขาเริ่มสมัครเป็นไพโอเนียร์ประจำ คนที่เป็นภรรยาถึงกับลาออกจากงานที่รายได้ดี สามีบอกว่าการสั่งห้ามทำให้ผู้คนอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพยานพระยะโฮวา ผลก็คือเขารู้สึกว่าสามารถเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้ง่ายขึ้น การสั่งห้ามยังทำให้เกิดผลดีอย่างอื่นด้วย ผู้ดูแลคนหนึ่งในประเทศเดียวกันบอกว่าหลายคนที่เลิกรับใช้พระยะโฮวาเริ่มกลับมาประชุมอีกและถึงกับเริ่มกลับมาประกาศอีกครั้ง
7. (ก) เราได้เรียนอะไรจากในเลวีนิติ 26:36, 37? (ข) คุณจะทำอย่างไรเมื่อการนมัสการพระยะโฮวาถูกสั่งห้าม?
7 ตอนที่ศัตรูสั่งห้ามงานของเรา พวกเขาอยากให้เรากลัวจนเลิกรับใช้พระยะโฮวา นอกจากจะสั่งห้ามงานของเราแล้ว พวกเขาอาจถึงกับแพร่เรื่องโกหกเกี่ยวกับเรา ส่งตำรวจไปค้นบ้านของเรา บังคับเราขึ้นศาล หรือจับพี่น้องบางคนเข้าคุก พวกเขาหวังจะให้เรากลัวเพราะพวกเขาสามารถเอาพี่น้องของเราบางคนไปติดคุกได้ แต่ถ้าเราปล่อยให้คนเหล่านี้ทำให้เรากลัว มันก็เหมือนเรากำลัง “สั่งห้าม” ตัวเอง เราอาจเริ่มรับใช้น้อยลงหรือถึงกับหยุดรับใช้พระยะโฮวาไปเลย เราไม่อยากเป็นเหมือนคนเหล่านั้นที่พูดถึงในเลวีนิติ 26:36, 37 (อ่าน) เราจะไม่กลัวจนทำงานรับใช้น้อยลงหรือเลิกรับใช้พระยะโฮวา เราไว้วางใจพระองค์เต็มร้อยและไม่กลัวจนลนลาน (อสย. 28:16) เราอธิษฐานขอการชี้นำจากพระยะโฮวา เรารู้ว่าพระองค์ช่วยเราและไม่มีใครแม้แต่รัฐบาลที่มีอำนาจมากที่สุดจะห้ามเราไม่ให้นมัสการพระองค์อย่างซื่อสัตย์ได้—ฮบ. 13:6
ฉันควรย้ายไปอยู่ประเทศอื่นไหม?
8-9. (ก) คริสเตียนแต่ละคนและหัวหน้าครอบครัวต้องตัดสินใจเรื่องอะไรด้วยตัวเอง? (ข) อะไรจะช่วยให้ตัดสินใจอย่างฉลาด?
8 ถ้ารัฐบาลประเทศคุณสั่งห้ามการนมัสการ คุณอาจสงสัยว่าจะย้ายไปอยู่ประเทศอื่นที่สามารถรับใช้พระยะโฮวาอย่างอิสระดีไหม นี่เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนคุณได้ แต่ก่อนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร บางคนรู้สึกว่าได้ประโยชน์เมื่อค้นคว้าเกี่ยวกับคริสเตียนในยุคแรกที่เจอการข่มเหง หลังจากศัตรูเอาหินขว้างสเทเฟนถึงตาย สาวกคนอื่น ๆ ในกรุงเยรูซาเล็มกระจัดกระจายไปในที่ต่าง ๆ ของแคว้นยูเดียและสะมาเรีย บางคนไปไกลถึงฟีนิเซีย เกาะไซปรัส และเมืองอันทิโอก (มธ. 10:23; กจ. 8:1; 11:19) ส่วนพี่น้องบางคนที่ค้นคว้าในคัมภีร์ไบเบิลอาจสังเกตว่า หลังการข่มเหงคริสเตียนอีกครั้งหนึ่ง อัครสาวกเปาโลตัดสินใจอยู่ต่อในเขตที่มีการต่อต้านงานประกาศ เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อประกาศข่าวดีและเสริมความเชื่อของพี่น้องในเมืองต่าง ๆ ซึ่งกำลังอดทนการข่มเหงอย่างหนัก—กจ. 14:19-23
9 เราได้เรียนอะไรจากเรื่องราวเหล่านี้? หัวหน้าครอบครัวต้องตัดสินใจเองว่าจะย้ายหรือไม่ แต่ก่อนจะตัดสินใจ เขาควรอธิษฐานและคิดใคร่ครวญอย่างละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ของครอบครัวเขา และคิดว่าถ้าย้ายจะมีผลดีหรือผลเสียอะไร คริสเตียนแต่ละคนจะต้อง “แบกความรับผิดชอบของตัวเอง” (กท. 6:5) เราไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของคนอื่น
เราจะนมัสการต่อไปได้อย่างไรแม้ถูกสั่งห้าม?
10. สำนักงานสาขาและผู้ดูแลจะให้คำแนะนำในเรื่องอะไรบ้าง?
10 คุณจะนมัสการพระยะโฮวาต่อไปได้อย่างไรแม้ถูกสั่งห้าม? สำนักงานสาขาจะให้คำแนะนำกับผู้ดูแลในประชาคมของคุณเกี่ยวกับวิธีที่จะได้รับความรู้ที่เสริมความเชื่อ วิธีประชุม และวิธีประกาศข่าวดี ถ้าสำนักงานสาขาไม่สามารถติดต่อผู้ดูแลได้ ผู้ดูแลของแต่ละประชาคมจะช่วยคุณและพี่น้องทุกคนในประชาคมให้ยังคงนมัสการพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป ผู้ดูแลจะให้คำแนะนำที่สอดคล้องกับคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือต่าง ๆ ขององค์การ—มธ. 28:19, 20; กจ. 5:29; ฮบ. 10:24, 25
11. (ก) ทำไมคุณมั่นใจได้ว่าคุณจะมีทุกสิ่งที่จำเป็นเสมอเพื่อจะเสริมความเชื่อของคุณ? (ข) คุณจะทำอะไรเพื่อจะมีคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือรวมทั้งสื่อต่าง ๆ ขององค์การตอนที่ถูกสั่งห้าม?
11 พระยะโฮวาสัญญาว่าผู้รับใช้ของพระองค์จะไม่ขาดความรู้ที่เสริมความเชื่อ (อสย. 65:13, 14; ลก. 12:42-44) ดังนั้น คุณสามารถไว้ใจได้ว่าองค์การของพระองค์จะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้คุณมีความรู้ที่ช่วยคุณรักษาความซื่อสัตย์ต่อไปได้ แต่มีบางอย่างที่คุณสามารถทำได้ด้วย เมื่อไรที่คุณถูกสั่งห้าม ให้หาที่เหมาะ ๆ ที่คุณจะซ่อนคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือรวมทั้งสื่อต่าง ๆ ขององค์การ ระวังอย่าเอาสิ่งที่มีค่าเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นหนังสือต่าง ๆ หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีความรู้ขององค์การไปไว้ในที่ที่ค้นเจอได้ง่าย เราแต่ละคนต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อรักษาความเชื่อให้เข้มแข็ง
เพราะพระยะโฮวาช่วยเรา เราจะประชุมกันต่อไปโดยไม่กลัว (ดูข้อ 12) *
12. ผู้ดูแลจะจัดการประชุมในแบบที่คนทั่วไปจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร?
12 แล้วการประชุมในแต่ละสัปดาห์ล่ะ? ผู้ดูแลจะจัดการประชุมแบบที่ผู้ต่อต้านจะไม่สังเกตเห็น ผู้ดูแลอาจแนะนำให้คุณพบกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรืออาจเปลี่ยนเวลาประชุมและสถานที่บ่อย ๆ คุณจะช่วยให้พี่น้องทุกคนปลอดภัยได้โดยพูดคุยกันเบา ๆ ตอนเข้ามาประชุมหรือตอนกลับบ้าน นอกจากนั้น คุณอาจต้องแต่งตัวไม่เหมือนไปประชุมเพื่อจะไม่ดึงดูดความสนใจ
แม้รัฐบาลจะสั่งห้ามงานของเรา เราจะไม่หยุดประกาศ (ดูข้อ 13) *
13. เราได้เรียนอะไรจากพี่น้องในอดีตสหภาพโซเวียต?
13 ส่วนเรื่องการประกาศ สถานการณ์แต่ละพื้นที่อาจแตกต่างกัน แต่เนื่องจากเรารักพระยะโฮวาและเราชอบที่ได้บอกคนอื่นเรื่องรัฐบาลของพระองค์ เราจึงพยายามหาทางประกาศให้ได้ (ลก. 8:1; กจ. 4:29) นักประวัติศาสตร์ที่ชื่อเอมิลี บี. บารันพูดถึงงานประกาศของพยานพระยะโฮวาในสมัยอดีตสหภาพโซเวียตว่า “ตอนที่รัฐบาลห้ามพยานพระยะโฮวาประกาศตามบ้าน พยานฯเริ่มคุยกับคนแถวบ้าน คนในที่ทำงาน และเพื่อน ๆ แล้วพอพวกเขาโดนจับเข้าค่ายกักกัน พวกเขาก็ประกาศกับนักโทษในนั้น” แม้จะถูกสั่งห้าม แต่พี่น้องของเราในอดีตสหภาพโซเวียตก็ไม่เคยหยุดประกาศ ดังนั้น แม้งานประกาศในประเทศของคุณจะถูกสั่งห้าม ขอให้คุณทำแบบเดียวกันกับพี่น้องเหล่านี้
สิ่งที่ไม่ควรทำ
เราต้องรู้ว่าเวลาไหนควรเงียบ (ดูข้อ 14) *
14. สดุดี 39:1 เตือนเราเรื่องอะไร?
14 ระวังการบอกข้อมูลกับคนอื่น ช่วงที่ถูกสั่งห้าม เราต้องรู้ว่าเวลาไหนที่ควรเป็น “เวลาเงียบ” (ปญจ. 3:7) เราต้องปกป้องข้อมูลบางอย่างที่เป็นความลับ เช่น ชื่อของพี่น้อง ที่ที่เราจะประชุมกัน วิธีประกาศ และวิธีที่เราได้รับความรู้ที่เสริมความเชื่อ เราจะไม่เปิดเผยเรื่องเหล่านี้ให้กับเจ้าหน้าที่ และไม่บอกกับเพื่อนหรือญาติไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ ถ้าเราไม่เชื่อฟังคำแนะนำนี้ เราจะทำให้พี่น้องตกอยู่ในอันตราย—อ่านสดุดี 39:1
15. ซาตานพยายามทำให้เราเป็นอย่างไร? และเราจะไม่เป็นแบบนั้นได้อย่างไร?
15 อย่าปล่อยให้ความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้เราแตกแยกกัน ซาตานรู้ว่าบ้านไหนแตกแยกกัน บ้านนั้นก็จะอยู่ไม่ได้ (มก. 3:24, 25) มันจึงพยายามอย่างไม่ละลดที่จะทำให้เราแตกแยกกัน มันทำแบบนั้นเพราะหวังจะให้เราต่อสู้กันเองแทนที่จะต่อสู้กับมัน
16. พี่น้องเกอร์ทรูด เพิทซิงเกอร์เป็นตัวอย่างที่ดีอย่างไร?
16 แม้แต่คริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องระวังที่จะไม่ติดกับดักนี้ ขอให้คิดถึงตัวอย่างของพี่น้องหญิงที่เป็นผู้ถูกเจิม 2 คน คือเกอร์ทรูด เพิทซิงเกอร์และเอลฟรีเด เลอร์ พวกเขาถูกจับขังคุกด้วยกันกับพี่น้องหญิงคนอื่น ๆ ในค่ายกักกันนาซี เกอร์ทรูดเริ่มอิจฉาเอลฟรีเดที่ได้บรรยายให้กำลังใจพี่น้องหญิงคนอื่น ๆ ในค่ายกักกัน ต่อมาเกอร์ทรูดรู้สึกละอายใจและอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วย เกอร์ทรูดเขียนว่า “เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับว่าคนอื่นมีความสามารถมากกว่าเราหรือมีหน้าที่รับผิดชอบมากกว่าเรา” เกอร์ทรูดเอาชนะความอิจฉาได้อย่างไร? เธอมองที่ส่วนดีและนิสัยที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายของเอลฟรีเด นี่ทำให้พวกเขากลับมาดีกันเหมือนเดิม ทั้งสองคนรอดชีวิตผ่านค่ายกักกันและรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์จนจบชีวิตบนโลก ถ้าเราพยายามจัดการความขัดแย้งที่มีกับพี่น้อง เราก็จะไม่ยอมให้อะไรมาทำให้เราแตกแยกกัน—คส. 3:13, 14
17. ทำไมเราต้องทำตามคำแนะนำขององค์การเสมอ?
17 ทำตามคำแนะนำเสมอ ถ้าเราทำตามคำแนะนำของพี่น้องชายที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เราจะไม่เจอปัญหาหลายอย่าง (1 ปต. 5:5) ตัวอย่างเช่น ในประเทศหนึ่งที่งานของเราถูกสั่งห้าม พี่น้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบแนะนำว่าผู้ประกาศไม่ควรแจกหนังสือตอนไปประกาศแบบไม่เป็นทางการ แต่ปรากฏว่าพี่น้องชายคนหนึ่งที่เป็นไพโอเนียร์คิดว่าตัวเองรู้ดีกว่า เขาเลยแจกหนังสือให้คนที่เขาประกาศ ผลเป็นอย่างไร? ไม่นานหลังจากที่เขากับพี่น้องคนอื่นประกาศเสร็จ พวกเขาก็ถูกตำรวจเรียกไปสอบสวน ดูเหมือนว่ามีเจ้าหน้าที่ตามพวกเขาตอนกำลังประกาศและถึงกับได้หนังสือที่พวกเขาแจกให้คนอื่นด้วย เราได้เรียนอะไรจากเรื่องนี้? เราต้องทำตามคำแนะนำแม้เราอาจคิดว่าเรารู้ดีกว่าหรือรู้สึกไม่เห็นด้วย พระยะโฮวาจะอวยพรเมื่อเราให้ความร่วมมือกับพี่น้องชายที่พระองค์แต่งตั้งให้นำหน้าเรา—ฮบ. 13:7, 17
18. ทำไมเราไม่ควรตั้งกฎที่ไม่จำเป็น?
18 อย่าตั้งกฎเกณฑ์ที่ไม่จำเป็น ถ้าผู้ดูแลตั้งกฎเกณฑ์ที่ไม่จำเป็น พวกเขากำลังสร้างภาระให้กับพี่น้อง พี่น้องชายคนหนึ่งที่ชื่อยูไร คามินสกีเล่าถึงช่วงที่มีการสั่งห้ามงานประกาศในประเทศที่ในอดีตคือเชโกสโลวะเกียว่า “หลังจากพี่น้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบและผู้ดูแลหลายคนถูกจับ พี่น้องบางคนที่นำหน้าในประชาคมและในหมวดเริ่มตั้งกฎบางอย่างให้กับผู้ประกาศ พวกเขาทำรายการว่าอะไรทำได้และทำไม่ได้” พระยะโฮวาไม่ได้ให้เรามีหน้าที่ตัดสินใจเรื่องส่วนตัวแทนคนอื่น คนที่ตั้งกฎโดยไม่จำเป็นไม่ได้ปกป้องพี่น้อง แต่กลับพยายามทำตัวเป็นนายคอยควบคุมความเชื่อ—2 คร. 1:24
อย่าเลิกนมัสการพระยะโฮวา
19. จาก 2 พงศาวดาร 32:7, 8 ไม่ว่าซาตานจะทำอะไร ทำไมเราถึงกล้าหาญได้?
19 มารซาตานศัตรูตัวสำคัญของเราจะไม่หยุดข่มเหงผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวา (1 ปต. 5:8; วว. 2:10) ซาตานและคนของมันจะพยายามสั่งห้ามงานของเรา แต่เราจะไม่เลิกรับใช้พระยะโฮวาแม้เราอาจกลัว (ฉธบ. 7:21) พระยะโฮวาอยู่กับเรา พระองค์จะสนับสนุนเราต่อ ๆ ไปแม้งานของเราจะถูกสั่งห้าม—อ่าน 2 พงศาวดาร 32:7, 8
20. คุณตั้งใจจะทำอะไร?
20 ขอให้เราทุกคนตั้งใจแน่วแน่เหมือนกับพี่น้องคริสเตียนในยุคแรกซึ่งบอกกับพวกหัวหน้าประชาชนสมัยนั้นว่า “พระเจ้าจะมองว่าถูกต้องไหมถ้าพวกเราเชื่อฟังพวกคุณแทนที่จะเชื่อฟังพระเจ้า พวกคุณคิดดูเองก็แล้วกัน แต่พวกเราจะหยุดพูดเรื่องที่ได้เห็นและได้ยินนั้นไม่ได้”—กจ. 4:19, 20
เพลง 73 ขอช่วยให้เรากล้าหาญ
^ วรรค 5 เราจะทำอย่างไรถ้ารัฐบาลสั่งห้ามการนมัสการพระยะโฮวา? บทความนี้จะให้คำแนะนำที่ใช้ได้จริงว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำเพื่อเราจะยังคงรับใช้พระยะโฮวาได้ต่อไป
^ วรรค 59 คำอธิบายภาพ ทุกภาพคือพยานฯที่รับใช้ในประเทศที่งานของพวกเขาไม่มีอิสระเต็มที่ ในภาพนี้พี่น้องกำลังประชุมกลุ่มเล็ก ๆ ในห้องเก็บของ
^ วรรค 61 คำอธิบายภาพ พี่น้องหญิง (ด้านซ้าย) คุยกันถูกคอกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เธอกำลังหาโอกาสที่จะคุยเรื่องพระยะโฮวา
^ วรรค 63 คำอธิบายภาพ พี่น้องชายถูกตำรวจสอบสวน เขาไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับประชาคมของเขา
หอสังเกตการณ์ (ฉบับศึกษา)