ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ความ​อ่อนแอ​ของ​ผม​ทำ​ให้​ยิ่ง​เห็น​ว่า​พลัง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ช่วย​ผม​อยู่

ความ​อ่อนแอ​ของ​ผม​ทำ​ให้​ยิ่ง​เห็น​ว่า​พลัง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ช่วย​ผม​อยู่

ผม​กับ​ภรรยา​มา​ถึง​ที่​โคลอมเบีย​ใน​ปี 1985 ตอน​นั้น​ที่​นั่น​มี​แต่​ความ​รุนแรง​ภาย​ใน​ประเทศ รัฐบาล​ต้อง​ต่อ​สู้​กับ​กลุ่ม​ค้า​ยา​เสพ​ติด​ใน​เมือง​ต่าง ๆ และ​กองโจร​ภูเขา และ​ใน​เมือง​เมเดยิน​ที่​ที่​ตอน​หลัง​เรา​ไป​รับใช้​ก็​มี​แก๊ง​วัยรุ่น​อันธพาล​เดิน​อยู่​เต็ม​ถนน พวก​เขา​ขาย​ยา​เสพ​ติด ขู่​เอา​เงิน​จาก​คน​อื่น และ​เป็น​มือ​ปืน​รับจ้าง เด็ก​วัยรุ่น​พวก​นี้​ไม่​มี​ใคร​ได้​อยู่​จน​แก่ เพราะ​ตาย​ตั้งแต่​ยัง​เป็น​วัยรุ่น ตอน​อยู่​ที่​โคลอมเบีย​เรา​รู้สึก​เหมือน​กับ​ว่า​กำลัง​อยู่​อีก​โลก​หนึ่ง​เลย

คน​ธรรมดา ๆ 2 คน​จาก​ฟินแลนด์ ประเทศ​ที่​อยู่​ทาง​ตอน​เหนือ​ของ​โลก มา​อยู่​ที่​อเมริกา​ใต้​ได้​ยังไง? และ​ผม​ได้​เรียน​อะไร​บ้าง​ตลอด​ช่วง​ชีวิต​ที่​ผ่าน​มา?

ชีวิต​ใน​วัย​เด็ก​ที่​ฟินแลนด์

ผม​เกิด​ใน​ปี 1955 มี​พี่​ชาย 2 คน ผม​เป็น​คน​สุด​ท้อง ผม​โต​มา​ทาง​ตอน​ใต้​ของ​ฟินแลนด์ ใน​บริเวณ​ที่​ตอน​นี้​เรียก​กัน​ว่า​เมือง​วาน​ตา

แม่​รับ​บัพติศมา​และ​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ไม่​กี่​ปี​ก่อน​ที่​ผม​จะ​เกิด แต่​พ่อ​ต่อต้าน​ความ​จริง​และ​ไม่​ยอม​ให้​แม่​ศึกษา​กับ​ลูก ๆ หรือ​พา​เรา​ไป​ประชุม แม่​เลย​จะ​พยายาม​สอน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​กับ​เรา​ตอน​ที่​พ่อ​ไม่​อยู่

ผม​ตั้งใจ​เชื่อ​ฟัง​พระ​ยะโฮวา​ตั้งแต่​อายุ 7 ขวบ

ผม​ตั้งใจ​ที่​จะ​เชื่อ​ฟัง​พระ​ยะโฮวา​ตั้งแต่​เด็ก ตัวอย่าง​เช่น ตอน​ที่​ผม​อายุ 7 ขวบ ครู​ที่​โรง​เรียน​โกรธ​ผม​มาก​เพราะ​ผม​ไม่​ยอม​กิน​เวริลัตติยา (แพน​เค้ก​เลือด​ของ​ฟินแลนด์) ครู​ใช้​มือ​ข้าง​หนึ่ง​บีบ​หน้า​เพื่อ​ให้​ผม​อ้า​ปาก แล้ว​มือ​อีก​ข้าง​หนึ่ง ครู​ก็​พยายาม​ยัด​แพน​เค้ก​เลือด​ใส่​ปาก​ผม แต่​ผม​ก็​ใช้​มือ​ปัด​มัน​ออก​ไป​ได้

พ่อ​ของ​ผม​ตาย​ตอน​ที่​ผม​อายุ 12 หลัง​จาก​นั้น​ผม​เลย​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​เป็น​ประจำ​ได้ พี่​น้อง​ใน​ประชาคม​คอย​สนใจ​ผม​เลย​ทำ​ให้​ผม​อยาก​จะ​ก้าว​หน้า​มาก​ขึ้น ผม​เริ่ม​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ทุก​วัน​และ​ยัง​อ่าน​และ​ค้นคว้า​หนังสือ​ของ​องค์​การ​อย่าง​จริงจัง​ด้วย การ​มี​นิสัย​ศึกษา​ส่วน​ตัว​ที่​ดี​แบบ​นี้​เลย​ทำ​ให้​ผม​สามารถ​รับ​บัพติศมา​ได้​ตอน​อายุ 14 ใน​วัน​ที่ 8 สิงหาคม 1969

ไม่​นาน​หลัง​จาก​เรียน​จบ​มัธยม ผม​ก็​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ​ทันที และ​ไม่​กี่​อาทิตย์​หลัง​จาก​นั้น ผม​ก็​ย้าย​ไป​ที่​เมือง​ปิลาเวซี​ซึ่ง​อยู่​ภาค​กลาง​ของ​ฟินแลนด์ ซึ่ง​เป็น​ที่​ที่​ต้องการ​ผู้​ประกาศ​มาก​กว่า

ใน​เมือง​ปิลาเวซี ผม​ได้​เจอ​กับ​พี่​น้อง​หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​ชื่อ​ซีร์กกา ซึ่ง​ต่อ​มา​ผม​ก็​ได้​แต่งงาน​กับ​เธอ ผม​รู้สึก​ประทับใจ​ที่​เธอ​เป็น​คน​ถ่อม มี​ความ​เชื่อ​เข้มแข็ง และ​รัก​พระ​ยะโฮวา​มาก เธอ​ไม่​ได้​อยาก​มี​ชีวิต​สบาย ๆ หรือ​มี​เงิน​ทอง​เยอะ​แยะ และ​เรา​ทั้ง​คู่​อยาก​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​เต็ม​ที่​ให้​มาก​ที่​สุด​เท่า​ที่​จะ​ทำ​ได้​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​งาน​อะไร​ก็​ตาม เรา​แต่งงาน​กัน​ใน​วัน​ที่ 23 มีนาคม 1974 และ​แทน​ที่​เรา​จะ​ไป​ฮันนีมูน เรา​ก็​ย้าย​ไป​รับใช้​ใน​เมือง​การ์ตตูลา ซึ่ง​เป็น​เขต​ที่​ต้องการ​ผู้​ประกาศ​มาก​กว่า

บ้าน​ที่​เรา​เช่า​ใน​การ์ตตูลา​ประเทศ​ฟินแลนด์

พระ​ยะโฮวา​ดู​แล​เรา

รถ​ที่​พี่​ชาย​ทิ้ง​ไว้​ให้​เรา

หลัง​จาก​ที่​เรา​แต่งงาน พระ​ยะโฮวา​ก็​ทำ​ให้​เห็น​เลย​ว่า​พระองค์​จะ​ดู​แล​เรา​ให้​มี​สิ่ง​จำเป็น​เสมอ​ถ้า​เรา​ให้​การ​ปกครอง​ของ​พระองค์​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต (มธ. 6:33) ตัวอย่าง​เช่น ตอน​ที่​อยู่​ใน​เมือง​กา​ร์ตตูลา​เรา​ไม่​มี​รถ และ​ถ้า​จะ​ไป​ไหน​มา​ไหน​เรา​ก็​จะ​ปั่น​จักรยาน​เอา แต่​ใน​ฤดู​หนาว​อุณหภูมิ​จะ​ลด​ลง​จน​ติด​ลบ​ทำ​ให้​หนาว​มาก และ​ถ้า​อยาก​จะ​ไป​ประกาศ​ใน​เขต​ของ​ประชาคม​ที่​กว้าง​ใหญ่​เรา​ก็​ต้อง​มี​รถ แต่​ตอน​นั้น​เรา​ไม่​มี​เงิน​ที่​จะ​ซื้อ​รถ​เลย

จู่ ๆ พี่​ชาย​ของ​ผม​ก็​แวะ​มา​เยี่ยม​และ​บอก​ว่า​จะ​ให้​รถ​กับ​เรา ประกัน​รถ​ก็​จ่าย​ให้​แล้ว เรา​แค่​ต้อง​เติม​น้ำมัน​เท่า​นั้น ตั้งแต่​นั้น​มา​เรา​ก็​เลย​มี​รถ​ใช้

พระ​ยะโฮวา​ทำ​ให้​เรา​เห็น​เลย​ว่า การ​ดู​แล​ให้​เรา​มี​สิ่ง​จำเป็น​เป็น​หน้า​ที่​ของ​พระองค์ เรา​แค่​ต้อง​ให้​การ​ปกครอง​ของ​พระองค์​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​ของ​เรา

โรง​เรียน​กิเลียด

ชั้น​เรียน​โรง​เรียน​ไพโอเนียร์​ของ​เรา​ใน​ปี 1978

ตอน​ที่​เรา​กำลัง​เข้า​ชั้น​เรียน​ไพโอเนียร์​ใน​ปี 1978 ครู​สอน​คน​หนึ่ง​ใน​ชั้น​เรียน​นี้​ที่​ชื่อ​ไรโม โกกาเนน a ได้​ชวน​เรา​ให้​สมัคร​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด ดังนั้น เรา​เลย​เริ่ม​เรียน​ภาษา​อังกฤษ​เพื่อ​ที่​จะ​มี​คุณสมบัติ​เข้า​โรง​เรียน​นี้ ถึง​อย่าง​นั้น​ใน​ปี 1980 ก่อน​ที่​เรา​จะ​ส่ง​ใบ​สมัคร เรา​ได้​รับ​เชิญ​ให้​มา​รับใช้​ที่​สาขา​ฟินแลนด์ ตอน​นั้น​คน​ที่​รับใช้​ใน​เบเธล​ไม่​สามารถ​ส่ง​ใบ​สมัคร​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​ได้ แต่​เรา​ก็​อยาก​จะ​รับใช้​ตาม​ที่​พระ​ยะโฮวา​เห็น​ว่า​ดี​ที่​สุด ไม่​ใช่​ตาม​ที่​เรา​คิด​ว่า​ดี ดังนั้น เรา​เลย​ตอบรับ​คำ​เชิญ​ที่​ให้​มา​รับใช้​ที่​เบเธล แต่​เรา​ก็​ยัง​เรียน​ภาษา​อังกฤษ​ต่อ​ไป​เผื่อ​ว่า​สัก​วัน​หนึ่ง​จะ​ได้​ใช้​ตอน​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด

ไม่​กี่​ปี​ต่อ​มา คณะ​กรรมการ​ปกครอง​ก็​ให้​พี่​น้อง​ที่​ทำ​งาน​ที่​เบเธล​มี​โอกาส​ที่​จะ​ส่ง​ใบ​สมัคร​เพื่อ​จะ​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด เรา​เลย​ส่ง​ใบ​สมัคร​ทันที แต่​ที่​เรา​ทำ​อย่าง​นั้น​ไม่​ใช่​เพราะ​เรา​ไม่​มี​ความ​สุข​กับ​การ​รับใช้​ที่​เบเธล แต่​ตรง​กัน​ข้าม เรา​อยาก​จะ​ทำ​ตัว​ให้​พร้อม​เสมอ​ที่​จะ​รับใช้​ใน​ที่​ที่​มี​ความ​ต้องการ​มาก​กว่า​ถ้า​เรา​สามารถ​ทำ​แบบ​นั้น​ได้ เรา​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​ใน​ชั้น​เรียน​ที่ 79 และ​เรียน​จบ​ใน​เดือน​กันยายน 1985 เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​รับใช้​ที่​ประเทศ​โคลอมเบีย

งาน​มอบหมาย​แรก​ใน​ฐานะ​มิชชันนารี

ที่​ประเทศ​โคลอมเบีย งาน​มอบหมาย​แรก​ของ​เรา​ก็​คือ​ทำ​งาน​ที่​สำนักงาน​สาขา ผม​พยายาม​ทำ​งาน​มอบหมาย​ให้​ดี​ที่​สุด แต่​หลัง​จาก​รับ​ใช้​ได้ 1 ปี ผม​รู้สึก​ว่า​จำเป็น​ต้อง​ขอ​เปลี่ยน​งาน​มอบหมาย นี่​เป็น​ครั้ง​แรก​และ​ครั้ง​เดียว​ใน​ชีวิต​ที่​ผม​ขอ​เปลี่ยน​งาน​มอบหมาย หลัง​จาก​นั้น​เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​มิชชันนารี​ที่​เมือง​นีวา​ใน​เขต​ฮุยลา

ผม​ชอบ​ทำ​งาน​รับใช้​ใน​เขต​มาก ตอน​ที่​เป็น​โสด​และ​เป็น​ไพโอเนียร์​ใน​ฟินแลนด์ บาง​ครั้ง​ผม​ใช้​เวลา​ประกาศ​ทั้ง​วัน​ตั้งแต่​เช้า​จด​ค่ำ และ​ตอน​ที่​แต่งงาน​แล้ว​ผม​กับ​ซีร์กกา​ก็​ยัง​ใช้​เวลา​ทั้ง​วัน​เพื่อ​ประกาศ​ด้วย​กัน ตอน​ที่​เรา​ไป​ใน​เขต​ประกาศ​ที่​ห่าง​ไกล บาง​ครั้ง​เรา​จะ​นอน​ใน​รถ​เพื่อ​จะ​ไม่​ต้อง​เสีย​เวลา​เดิน​ทาง​และ​เพื่อ​จะ​พร้อม​ประกาศ​ได้​ตั้งแต่​เช้า

พอ​ได้​รับใช้​เป็น​มิชชันนารี​ใน​เขต​งาน เรา​ก็​กลับ​มา​มี​ความ​กระตือรือร้น​อีก​ครั้ง​ใน​งาน​รับใช้ ประชาคม​ของ​เรา​มี​คน​เข้า​มา​เยอะ​ขึ้น​และ​พี่​น้อง​ใน​ประชาคม​ก็​รัก​กัน ให้​เกียรติ​กัน และ​เห็น​ค่า​กัน​และ​กัน

พลัง​ของ​คำ​อธิษฐาน

ใกล้ ๆ เมือง​นีวา​ที่​ผม​รับใช้ มี​หลาย​เมือง​ที่​ไม่​มี​พยาน⁠ฯ อยู่​เลย ผม​เป็น​ห่วง​ว่า​คน​ที่​อยู่​ใน​เมือง​เหล่า​นั้น​จะ​ได้​ยิน​ข่าว​ดี​ได้​ยังไง แต่​เนื่อง​จาก​มี​สงคราม​ระหว่าง​กองโจร คน​ที่​ไม่​ใช่​คน​ท้องถิ่น​จะ​ไม่​ปลอด​ภัย​ถ้า​ไป​ใน​เมือง​เหล่า​นั้น ดังนั้น ผม​เลย​อธิษฐาน​ขอ​ใคร​สัก​คน​ที่​อยู่​ใน​เมือง​เหล่า​นั้น​เข้า​มา​เป็น​พยาน⁠ฯ ผม​คิด​ว่า​คน​นั้น​ต้อง​เรียน​ความ​จริง​ใน​เมือง​นีวา ผม​ก็​เลย​อธิษฐาน​ด้วย​ว่า​หลัง​จาก​ที่​คน​นั้น​รับ​บัพติศมา ขอ​ให้​เขา​มี​ความ​เชื่อ​ที่​เข้มแข็ง​และ​กลับ​ไป​ประกาศ​ที่​บ้าน​เกิด​ของ​เขา แต่​ผม​ไม่​รู้​เลย​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​มี​วิธี​แก้ไข​ปัญหา​ดี​กว่า​ที่​ผม​คิด​ไว้

ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น ผม​ได้​นำ​การ​ศึกษา​กับ​วัยรุ่น​คน​หนึ่ง​ที่​ชื่อ​เฟอร์นันโด กอนซาเลซ เขา​มา​จาก​เมือง​อัลเคซีรัส​ซึ่ง​เป็น​เมือง​หนึ่ง​ที่​ไม่​มี​พยาน⁠ฯ เลย เฟอร์นันโด​เดิน​ทาง​มาก​กว่า 50 กิโลเมตร​เพื่อ​มา​ทำ​งาน​ที่​เมือง​นีวา แต่​ละ​ครั้ง​ที่​ศึกษา​ด้วย​กัน​เขา​จะ​เตรียม​ตัวอย่าง​ดี และ​หลัง​จาก​ศึกษา​ด้วย​กัน​แค่​ครั้ง​แรก​เขา​ก็​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ทุก​รายการ​ทันที ตั้งแต่​สัปดาห์​แรก​ที่​เฟอร์นันโด​ศึกษา เขา​ชวน​คน​ใน​เมือง​ที่​เขา​อยู่​มา​ฟัง​ว่า​เขา​ได้​เรียน​อะไร​บ้าง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล

กับ​เฟอร์นันโด​ใน​ปี 1993

หลัง​จาก​เฟอร์นันโด​ศึกษา​ได้ 6 เดือน เขา​ก็​รับ​บัพติศมา​ใน​เดือน​มกราคม 1990 หลัง​จาก​นั้น​เขา​ก็​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ และ​พอ​มี​พี่​น้อง​ท้องถิ่น 1 คน​ใน​เมือง​อัลเคซีรัส สำนักงาน​สาขา​ก็​เลย​รู้สึก​ว่า​ปลอด​ภัย​พอ​ที่​จะ​ส่ง​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ไป​ที่​นั่น และ​ใน​เดือน​กุมภาพันธ์ 1992 ก็​มี​การ​ตั้ง​ประชาคม​หนึ่ง​ขึ้น​ใน​เมือง​อัลเคซีรัส

เฟอร์นันโด​ประกาศ​แค่​ใน​เมือง​ที่​เขา​อยู่​ไหม? ไม่ หลัง​จาก​ที่​เขา​แต่งงาน เขา​กับ​ภรรยา​ย้าย​ไป​ที่​เมือง​ซาน วีเซนเต เดล คา​วาน ซึ่ง​เป็น​อีก​เมือง​หนึ่ง​ที่​ไม่​มี​พยาน⁠ฯ เลย พวก​เขา​ช่วย​ตั้ง​ประชาคม​หนึ่ง​ที่​นั่น และ​ใน​ปี 2002 เฟอร์นาโด​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด เขา​กับ​ภรรยา​ของ​เขา​ที่​ชื่อ​โอลก้า​ยัง​คง​รับใช้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้

จาก​ประสบการณ์​นี้​ผม​ได้​เรียน​ว่า​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​มาก​ที่​เรา​ต้อง​อธิษฐาน​เจาะจง​เกี่ยว​กับ​งาน​มอบหมาย​ของ​เรา​เอง แล้ว​พระ​ยะโฮวา​จะ​จัด​การ​ใน​สิ่ง​ที่​เกิน​กำลัง​ของ​เรา เพราะ​งาน​เกี่ยว​เป็น​งาน​ของ​พระ​ยะโฮวา ไม่​ใช่​ของ​เรา—มธ. 9:38

พระ​ยะโฮวา​กระตุ้น​ให้​เรา​มี​ทั้ง“ความ​ต้องการ​และ​กำลัง”

ใน​ปี 1990 เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด หมวด​แรก​ของ​เรา​คือ​เมือง​โบโกตา​ซึ่ง​เป็น​เมือง​หลวง​ของ​ประเทศ​โคลอมเบีย แต่​เรา​กลัว​ว่า​จะ​ทำ​งาน​นี้​ออก​มา​ได้​ไม่​ดี ผม​กับ​ภรรยา​เป็น​แค่​คน​ธรรมดา ไม่​ได้​มี​ความ​สามารถ​พิเศษ​อะไร และ​เรา​สอง​คน​ก็​ไม่​ค่อย​ชิน​กับ​การ​ใช้​ชีวิต​ใน​เมือง​หลวง​ที่​มี​แต่​ความ​วุ่นวาย ถึง​อย่าง​นั้น​พระ​ยะโฮวา​ก็​ทำ​อย่าง​ที่​พระองค์​สัญญา​ไว้​ที่​ฟีลิปปี 2:13 จริง ๆ ข้อ​นั้น​บอก​ว่า “พระเจ้า​เป็น​ผู้​ที่​กระตุ้น​พวก​คุณ​ให้​มี​ทั้ง​ความ​ต้องการ​และ​กำลัง​เพื่อ​จะ​ทำ​สิ่ง​ที่​พระองค์​พอ​ใจ”

ต่อ​มา​เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​ที่​เขต​เมือง​เมเดยิน​ซึ่ง​เป็น​เมือง​ที่​ผม​ได้​พูด​ถึง​ตอน​ต้น ผู้​คน​ที่​นั่น​ชินชา​กับ​ความ​รุนแรง​ตาม​ท้องถนน เช่น วัน​หนึ่ง​ตอน​ที่​ผม​ศึกษา​กับ​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง มี​การ​ยิง​กัน​ที่​หน้า​บ้าน​เขา ผม​กำลัง​จะ​หมอบ​ลง​กับ​พื้น แต่​นัก​ศึกษา​ยัง​นั่ง​อ่าน​ต่อ​ไป​จน​จบ​วรรค​เหมือน​ไม่​มี​อะไร​เกิด​ขึ้น พอ​อ่าน​จบ​เขา​ก็​ขอ​ตัว​ออก​ไป​นอก​บ้าน แล้ว​ก็​อุ้ม​ลูก​เล็ก ๆ 2 คน​เข้า​มา เขา​บอก​ผม​ว่า “ขอ​โทษ​ครับ พอ​ดี​ต้อง​ไป​พา​ลูก ๆ เข้า​บ้าน​น่ะ​ครับ”

เรา​ยัง​เจอ​เรื่อง​น่า​กลัว​อีก​หลาย​ครั้ง เช่น ครั้ง​หนึ่ง​ตอน​ที่​เรา​กำลัง​ประกาศ​ตาม​บ้าน จู่ ๆ ภรรยา​ผม​ก็​วิ่ง​หน้า​ตา​ตื่น​เข้า​มา​หา​ผม เธอ​หน้า​ซีด​เผือด​และ​บอก​ว่า​มี​คน​ยิง​ปืน​ใส่​เธอ ผม​แทบ​จะ​หัวใจ​หยุด​เต้น แต่​ตอน​หลัง​เรา​ก็​มา​รู้​ว่า​มือ​ปืน​ไม่​ได้​ตั้งใจ​จะ​ยิง​ซีร์กกา แต่​จะ​ยิง​คน​ที่​ยืน​อยู่​ใกล้ ๆ เธอ

พอ​เวลา​ผ่าน​ไป เรา​ก็​เรียน​รู้​ที่​จะ​รับมือ​กับ​ความ​รุนแรง​ตาม​ท้องถนน เรา​ได้​กำลังใจ​จาก​ความ​เข้มแข็ง​ของ​พี่​น้อง​ท้องถิ่น​ที่​เคย​เจอ​แบบ​เรา​และ​บาง​คน​ก็​เจอ​หนัก​กว่า​เรา​ด้วย​ซ้ำ เรา​มั่น​ใจ​ว่า​ถ้า​พระ​ยะโฮวา​ช่วย​พวก​เขา พระองค์​ก็​จะ​ช่วย​เรา​ด้วย เรา​เชื่อ​ฟัง​คำ​แนะ​นำ​ของ​ผู้​ดู​แล​เสมอ คอย​ระวัง​ตัว และ​ไว้​วางใจ​พระ​ยะโฮวา

บาง​ครั้ง​เหตุ​การณ์​บาง​อย่าง​ก็​ไม่​ได้​ร้ายแรง​เหมือน​ที่​เรา​คิด เช่น ครั้ง​หนึ่ง​ผม​ได้​ยิน​เสียง​เหมือน​กับ​ผู้​หญิง 2 คน​ทะเลาะ​กัน​ดัง​ลั่น​หน้า​บ้าน​คน​ที่​ผม​ไป​เยี่ยม แต่​ผม​ไม่​ได้​สนใจ​จะ​ออก​ไป​ดู แต่​เจ้า​ของ​บ้าน​ก็​เรียก​ผม​ให้​ออก​มา​ที่​ระเบียง ปรากฏ​ว่า​เสียง​ทะเลาะ​กัน​จริง ๆ แล้ว​เป็น​เสียง​นก​แก้ว 2 ตัว​เลียน​แบบ​เพื่อน​บ้าน

สิทธิ​พิเศษ​ที่​เพิ่ม​เข้า​มา​และ​ข้อ​อ่อนแอ​ที่​ต้อง​รับมือ

ใน​ปี 1997 ผม​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​สอน​ใน​โรง​เรียน​ฝึก​อบรม​เพื่อ​การ​รับใช้ b ผม​ชอบ​เรียน​ใน​โรง​เรียน​ต่าง ๆ ของ​องค์การ​มาก แต่​ก็​ไม่​นึก​ไม่​ฝัน​เลย​ว่า​จะ​ได้​สิทธิ​พิเศษ​เป็น​ครู​สอน

ต่อ​มา​ผม​ได้​รับ​งาน​มอบหมาย​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​ภาค และ​พอ​หน้า​ที่​นี้​ถูก​ยก​เลิก​ไป ผม​ก็​กลับ​มา​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​อีก ตลอด 30 ปี​ที่​ผ่าน​มา​ผม​มี​ความ​สุข​มาก​กับ​การ​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​และ​เป็น​ผู้​สอน งาน​เหล่า​นี้​ทำ​ให้​ผม​ได้​พร​หลาย​อย่าง​จริง ๆ แต่​ชีวิต​ผม​ก็​ไม่​ได้​โรย​ด้วย​กลีบ​กุหลาบ​ตลอด

ผม​เป็น​คน​แข็ง ๆ และ​มั่น​ใจ​ใน​ตัว​เอง ซึ่ง​มัน​ก็​ช่วย​ให้​ผม​รับมือ​ตอน​เจอ​ปัญหา​ยาก ๆ ได้ แต่​บาง​ครั้ง​ผม​ก็​มุ่ง​มั่น​เกิน​ไป​ที่​จะ​จัด​การ​บาง​เรื่อง​ใน​ประชาคม​ให้​ได้ เช่น ครั้ง​หนึ่ง​ผม​ให้​คำ​แนะ​นำ​อย่าง​หนักแน่น​กับ​พี่​น้อง​บาง​คน​ให้​เขา​แสดง​ความ​รัก​และ​ความ​มี​เหตุ​ผล​มาก​ขึ้น แต่​จริง ๆ แล้ว​ตอน​นั้น​ตัว​ผม​เอง​ต่าง​หาก​ที่​ไม่​ได้​แสดง​ความ​รัก​และ​ความ​มี​เหตุ​ผล​เลย—รม. 7:21-23

ตอน​ที่​ผม​ทำ​ผิด​พลาด​บาง​ครั้ง​ผม​ก็​รู้สึก​ท้อ​มาก (รม. 7:24) ครั้ง​หนึ่ง​ผม​อธิษฐาน​บอก​พระ​ยะโฮวา​ว่า​ผม​จะ​ออก​จาก​งาน​มิชชันนารี​แล้ว​กลับ​ฟินแลนด์​ดี​กว่า​ไหม แต่​ค่ำ​วัน​นั้น​ผม​ไป​ประชุม ส่วน​ที่​ได้​ฟัง​วัน​นั้น​ทำ​ให้​ผม​ได้​กำลังใจ​และ​มั่น​ใจ​ว่า​ผม​ควร​ทำ​งาน​มอบหมาย​ต่อ​ไป​และ​พยายาม​ปรับ​ปรุง​ตัว​เอง​ให้​ดี​ขึ้น คำ​ตอบ​ที่​พระ​ยะโฮวา​ให้​ใน​วัน​นั้น​ยัง​ประทับใจ​ผม​จน​ถึง​ตอน​นี้ และ​ผม​ก็​รู้สึก​ขอบคุณ​มาก ๆ ที่​พระองค์​ช่วย​ให้​ผม​เอา​ชนะ​ข้อ​อ่อนแอ​ของ​ตัว​เอง​ได้

มอง​ไป​ข้าง​หน้า​ด้วย​ความ​มั่น​ใจ

ผม​กับ​ซีร์กกา​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​จริง ๆ ที่​พระองค์​ให้​สิทธิ​พิเศษ​เรา​ได้​รับใช้​เต็ม​เวลา​เกือบ​ทั้ง​ชีวิต และ​ผม​ยัง​ขอบคุณ​พระองค์​ด้วย​ที่​ให้​ผม​มี​ภรรยา​ที่​น่า​รัก​และ​ซื่อสัตย์

อีก​ไม่​นาน​ผม​ก็​จะ​อายุ 70 และ​ไม่​ได้​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​ผู้​สอน​และ​ผู้​ดู​แล​หมวด​อีก​ต่อ​ไป แต่​ผม​ไม่​เสียใจ​เลย เพราะ​ผม​เชื่อ​ว่า​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​พระ​ยะโฮวา​ได้​รับ​เกียรติ​ที่​สุด​ก็​คือ​การ​ที่​เรา​รับใช้​พระองค์​ด้วย​ความ​เจียม​ตัว ยกย่อง​สรรเสริญ​พระองค์​ด้วย​ความ​รู้สึก​ขอบคุณ และ​รัก​พระองค์​สุด​หัวใจ (มคา. 6:8; มก. 12:32-34) เรา​ไม่​จำเป็น​ต้อง​มี​หน้า​ที่​มอบหมาย​สำคัญ​ถึง​จะ​ยกย่อง​สรรเสริญ​พระ​ยะโฮวา​ได้

เมื่อ​คิด​ถึง​งาน​รับใช้​ต่าง ๆ ที่​ผ่าน​มา ผม​รู้​เลย​ว่า​ที่​ผม​ได้​สิทธิ​พิเศษ​ไม่​ใช่​เป็น​เพราะ​ผม​ดี​หรือ​มี​ความ​สามารถ​มาก​กว่า​คน​อื่น แต่​เป็น​เพราะ​พระ​ยะโฮวา​แสดง​ความ​กรุณา​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​ต่อ​ผม​ทั้ง ๆ ที่​ผม​มี​ข้อ​อ่อนแอ​และ​ต้อง​ปรับ​ปรุง​ตัว​เอง​หลาย​อย่าง ผม​รู้​ดี​ว่า​ถ้า​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ช่วย ผม​ไม่​มี​ทาง​ทำ​งาน​มอบหมาย​ของ​ตัว​เอง​ได้​สำเร็จ ผม​เห็น​ชัด​เลย​ว่า​เมื่อ​ผม​อ่อนแอ ผม​ก็​ได้​เห็น​พลัง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ช่วย​ผม​อยู่​จริง ๆ—2 คร. 12:9

a เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง​ของ​ไรโม โกกาเนน “ตั้งใจ​แน่วแน่​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา” อยู่​ใน​หอสังเกตการณ์ 1 เมษายน 2006

b ปัจจุบัน​โรง​เรียน​นี้​คือ​โรง​เรียน​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร