คัมภีร์ไบเบิลเปลี่ยนชีวิตคน

คัมภีร์ไบเบิลเปลี่ยนชีวิตคน

คัมภีร์​ไบเบิล​เปลี่ยน​ชีวิต​คน

อะไร​เป็น​แรง​จูง​ใจ​ที่​ทำ​ให้​พังก์​ร็อก​คน​หนึ่ง​ที่​ต่อ​ต้าน​สังคม​เรียน​รู้​ที่​จะ​รัก​และ​พยายาม​ช่วยเหลือ​คน​อื่น? อะไร​เป็น​แรง​กระตุ้น​ที่​ทำ​ให้​ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​เม็กซิโก​เลิก​ใช้​ชีวิต​อย่าง​ผิด​ศีลธรรม? ทำไม​นัก​แข่ง​จักรยาน​ที่​มี​ชื่อเสียง​ใน​ญี่ปุ่น​จึง​ทิ้ง​อาชีพ​นัก​แข่ง​ไว้​เบื้อง​หลัง​แล้ว​หัน​มา​รับใช้​พระเจ้า? เชิญ​อ่าน​เรื่อง​ที่​พวก​เขา​จะ​เล่า​ต่อ​ไป​นี้.

‘ผม​เคย​เป็น​คน​หยาบคาย หยิ่ง​ยโส และ​ก้าวร้าว.’—เดนนิส โอไบร์น

ปี​เกิด: 1958

ประเทศ​บ้าน​เกิด: อังกฤษ

อดีต: พังก์ร็อก​ที่​ต่อ​ต้าน​สังคม

ชีวิต​ที่​ผ่าน​มา: พ่อ​ของ​ผม​เป็น​ชาว​ไอร์แลนด์ ผม​จึง​เติบโต​ขึ้น​เป็น​ชาว​คาทอลิก. โดย​ปกติ​แล้ว​ผม​มัก​ต้อง​ไป​โบสถ์​เอง และ​ผม​ก็​ไม่​อยาก​ไป. ถึง​กระนั้น ผม​ก็​อยาก​รู้​เรื่อง​ต่าง ๆ เกี่ยว​กับ​พระเจ้า. ผม​ท่อง​คำ​อธิษฐาน​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เป็น​ประจำ และ​ยัง​จำ​ได้​ว่า​ผม​มัก​จะ​นอน​คิด​ถึง​ความ​หมาย​ของ​คำ​อธิษฐาน​นี้​ใน​ตอน​กลางคืน. ผม​เคย​แยก​คำ​อธิษฐาน​นี้​ออก​เป็น​ประโยค ๆ และ​พยายาม​คิด​ว่า​แต่​ละ​ประโยค​หมาย​ความ​ว่า​อย่าง​ไร.

ตอน​เป็น​วัยรุ่น ผม​ได้​เข้า​ร่วม​กับ​ขบวนการ​ราสตาฟาเรียน. และ​ผม​ยัง​สนใจ​แนว​คิด​ทาง​การ​เมือง​ของ​กลุ่ม​ต่อ​ต้าน​ลัทธิ​นาซี​ด้วย. แต่​ผม​คลั่งไคล้​แนว​คิด​แบบ​ขืน​อำนาจ​ของ​พวก​พังก์​ร็อก. ผม​เสพ​ยา​โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​กัญชา ซึ่ง​ผม​สูบ​แทบ​ทุก​วัน. เนื่อง​จาก​มี​ความ​คิด​แบบ “ไม่​สนใจ​อะไร​ทั้ง​นั้น” ผม​จึง​ดื่ม​จัด ใช้​ชีวิต​แบบ​ไม่​กลัว​ตาย และ​แทบ​ไม่​สนใจ​คน​อื่น​เลย. ผม​เป็น​คน​ที่​ต่อ​ต้าน​สังคม ไม่​ยอม​พูด​จา​กับ​ใคร​เว้น​แต่​ผม​จะ​เห็น​ว่า​เป็น​เรื่อง​ที่​น่า​คุย​เท่า​นั้น. ผม​ถึง​กับ​ไม่​ยอม​ให้​ใคร​ถ่าย​รูป. ตอน​นี้​เมื่อ​มอง​ย้อน​กลับ​ไป ผม​บอก​ได้​เลย​ว่า​ผม​เป็น​คน​หยาบคาย หยิ่ง​ยโส และ​ก้าวร้าว. ผม​จะ​ทำ​ดี​และ​มี​น้ำใจ​กับ​คน​ที่​ใกล้​ชิด​กับ​ผม​เท่า​นั้น.

เมื่อ​อายุ​ราว ๆ 20 ปี ผม​เริ่ม​สนใจ​คัมภีร์​ไบเบิล. เพื่อน​คน​หนึ่ง​ที่​ค้า​ยา​เสพ​ติด​ได้​เริ่ม​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ตอน​ที่​อยู่​ใน​คุก เรา​คุย​กัน​ยืด​ยาว​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ศาสนา คริสตจักร และ​อิทธิพล​ที่​ซาตาน​มี​ต่อ​โลก​นี้. ผม​ซื้อ​คัมภีร์​ไบเบิล​มา​และ​เริ่ม​ศึกษา​ด้วย​ตัว​เอง. ผม​กับ​เพื่อน​จะ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ตอน​ต่าง ๆ แล้ว​มา​พูด​คุย​กัน​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​อ่าน จาก​นั้น​ก็​หา​ข้อ​สรุป​ร่วม​กัน. เรา​ทำ​อย่าง​นี้​อยู่​หลาย​เดือน.

ข้อ​สรุป​บาง​ประการ​ที่​เรา​ได้​จาก​การ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​คือ เรา​กำลัง​อยู่​ใน​สมัย​สุด​ท้าย, คริสเตียน​ควร​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า, พวก​เขา​ต้อง​ไม่​เป็น​ส่วน​ของ​โลก​และ​การ​เมือง, และ​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​คำ​แนะ​นำ​ที่​มี​เหตุ​ผล​ใน​เรื่อง​ศีลธรรม. เรา​เห็น​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ความ​จริง​และ​ต้อง​มี​ศาสนา​แท้. แต่​ศาสนา​ไหน​ล่ะ? เรา​คิด​ถึง​คริสตจักร​ใหญ่ ๆ ซึ่ง​มี​พิธี​การ​ใหญ่​โต​หรูหรา​รวม​ถึง​เรื่อง​ที่​พวก​เขา​เข้า​ไป​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​การ​เมือง และ​เรา​ก็​เห็น​ว่า​พระ​เยซู​ไม่​ได้​ทำ​เช่น​นั้น. เรา​รู้​ว่า​พระเจ้า​ไม่​ได้​ใช้​คริสตจักร​เหล่า​นั้น เรา​จึง​ตัดสิน​ใจ​มอง​หา​ศาสนา​ที่​ไม่​ค่อย​มี​ใคร​รู้​จัก​มาก​นัก​เพื่อ​ดู​ว่า​พวก​เขา​สอน​อย่าง​ไร.

เรา​ไป​หา​ผู้​ที่​นับถือ​ศาสนา​เหล่า​นั้น​แล้ว​ถาม​เขา​ด้วย​คำ​ถาม​หลาย​ข้อ. เรา​รู้​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​ตอบ​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​คำ​ถาม​เหล่า​นั้น ดัง​นั้น เรา​จึง​รู้​ทันที​ว่า​คำ​ตอบ​ของ​พวก​เขา​สอดคล้อง​กับ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​หรือ​ไม่. หลัง​จาก​ไป​พบ​ปะ​กับ​คน​เหล่า​นั้น​แล้ว ผม​มัก​จะ​อธิษฐาน​กับ​พระเจ้า​เสมอ​ว่า ‘ถ้า​ศาสนา​ของ​คน​เหล่า​นั้น​เป็น​ศาสนา​แท้ ขอ​โปรด​ดล​ใจ​ผม​ให้​อยาก​กลับ​ไป​พบ​พวก​เขา​อีก.’ แต่​หลัง​จาก​ทำ​อย่าง​นั้น​อยู่​หลาย​เดือน ผม​ก็​ยัง​ไม่​พบ​กลุ่ม​ไหน​เลย​ที่​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​เรา​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล และ​ผม​เอง​ก็​ไม่​รู้สึก​อยาก​กลับ​ไป​พบ​พวก​เขา​อีก.

ใน​ที่​สุด ผม​กับ​เพื่อน​ได้​พบ​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เรา​ถาม​คำ​ถาม​แบบ​ที่​เรา​เคย​ถาม​กลุ่ม​อื่น ๆ มา​แล้ว แต่​พยาน​ฯ ให้​คำ​ตอบ​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล. สิ่ง​ที่​พวก​เขา​พูด​ตรง​กัน​กับ​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​เรียน​รู้​แล้ว. ดัง​นั้น เรา​จึง​ถาม​คำ​ถาม​อื่น ๆ ที่​ยัง​ไม่​พบ​คำ​ตอบ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล เช่น พระเจ้า​มี​ทัศนะ​อย่าง​ไร​เรื่อง​การ​สูบ​บุหรี่​และ​การ​ใช้​ยา​เสพ​ติด. อีก​ครั้ง​หนึ่ง พวก​เขา​สามารถ​ใช้​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ตอบ​เรา​ได้. เรา​ตก​ลง​ใจ​จะ​ไป​ร่วม​ประชุม​ที่​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร.

การ​ไป​ประชุม​เป็น​เรื่อง​ยาก​สำหรับ​ผม. ผม​เป็น​คน​ที่​ต่อ​ต้าน​สังคม​อย่าง​หนัก ผม​ไม่​ชอบ​เมื่อ​มี​คน​แต่ง​ตัว​ดี ๆ ท่า​ทาง​เป็น​มิตร​เข้า​มา​ทักทาย. ผม​คิด​ว่า​บาง​คน​ที่​เข้า​มา​ทักทาย​คง​ต้อง​มี​เจตนา​ไม่​ดี​แน่ ๆ ผม​ก็​เลย​ไม่​อยาก​ไป​ประชุม​อีก. แต่​ก็​อย่าง​ที่​แล้ว ๆ มา ผม​อธิษฐาน​ถึง​พระเจ้า​ว่า​ถ้า​ศาสนา​ของ​คน​เหล่า​นี้​เป็น​ศาสนา​แท้​ก็​ขอ​พระองค์​ดล​ใจ​ผม​ให้​อยาก​กลับ​ไป​หา​พวก​เขา​อีก แล้ว​ผม​ก็​รู้สึก​ว่า​อยาก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​ฯ เหลือ​เกิน.

คัมภีร์​ไบเบิล​เปลี่ยน​ชีวิต​ผม​อย่าง​ไร: ผม​รู้​ว่า​ผม​ต้อง​เลิก​เสพ​ยา​และ​ผม​ก็​เลิก​ได้​ทันที. แต่​ที่​ยาก​จริง ๆ ก็​คือ​บุหรี่. ผม​พยายาม​เลิก​บุหรี่​หลาย​ครั้ง​แต่​ไม่​สำเร็จ. เมื่อ​ผม​ได้​ยิน​คน​อื่น​บอก​ว่า​พวก​เขา​แค่​โยน​บุหรี่​ทิ้ง​ไป​แล้ว​ก็​เลิก​ได้​เลย ผม​จึง​ทูล​พระ​ยะโฮวา​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้. หลัง​จาก​นั้น ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา ผม​ก็​เลิก​บุหรี่​ได้. ผม​ได้​เรียน​รู้​ว่า​การ​อธิษฐาน​ถึง​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​จริง​ใจ​และ​ตรง​ไป​ตรง​มา​ช่วย​ได้​มาก​จริง ๆ.

การ​เปลี่ยน​แปลง​ครั้ง​ใหญ่​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ของ​ผม​ก็​คือ​เรื่อง​เสื้อ​ผ้า​และ​การ​แต่ง​กาย. ตอน​ที่​ผม​ไป​ประชุม​ที่​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร​ครั้ง​แรก ผม​ตัด​ผม​ทรง​พังก์ ย้อม​ผม​เป็น​สี​น้ำเงิน​อม​เขียว​และ​ตรง​ปลาย​เป็น​สี​ส้ม​สด. ผม​นุ่ง​กางเกง​ยีนส์​และ​สวม​เสื้อ​แจ็กเกต​หนัง​ที่​มี​คำ​ขวัญ​ติด​อยู่​บน​เสื้อ. ผม​ไม่​เห็น​ความ​จำเป็น​ที่​ต้อง​เปลี่ยน​แปลง​อะไร แม้​พยาน​ฯ จะ​พยายาม​อธิบาย​เหตุ​ผล​ให้​ผม​ทราบ​ด้วย​ความ​กรุณา​ก็​ตาม. แต่​ใน​ที่​สุด ผม​คิด​ถึง​ข้อ​คัมภีร์​ที่ 1 โยฮัน 2:15-17 ซึ่ง​กล่าว​ว่า “อย่า​รัก​โลก​หรือ​สิ่ง​ของ​ใน​โลก. ถ้า​ผู้​ใด​รัก​โลก ความ​รัก​ต่อ​พระ​บิดา​ไม่​มี​อยู่​ใน​คน​นั้น.” ผม​ได้​ข้อ​สรุป​ว่า​โดย​วิธี​แต่ง​กาย​ของ​ผม ผม​กำลัง​แสดง​ความ​รัก​ต่อ​โลก​แทน​ที่​จะ​แสดง​ความ​รัก​ต่อ​พระเจ้า ผม​จะ​ต้อง​เปลี่ยน​ตัว​เอง และ​ผม​ก็​ทำ​เช่น​นั้น.

ต่อ​มา ผม​ได้​เข้าใจ​ว่า​ไม่​ใช่​พยาน​ฯ เท่า​นั้น​ที่​อยาก​ให้​ผม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน. ฮีบรู 10:24, 25 แสดง​ให้​เห็น​ว่า​พระเจ้า​ทรง​ประสงค์​ให้​ผม​เข้า​ร่วม​ประชุม. หลัง​จาก​ผม​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ทุก​รายการ​และ​รู้​จัก​คน​ที่​หอ​ประชุม​จริง ๆ ผม​ก็​ตัดสิน​ใจ​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​การ​รับ​บัพติสมา.

ประโยชน์​ที่​ได้​รับ: ผม​รู้สึก​ประทับใจ​อย่าง​ยิ่ง​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ยอม​ให้​เรา​เข้า​มา​มี​สัมพันธภาพ​ที่​ใกล้​ชิด​กับ​พระองค์. ความ​เมตตา​กรุณา​และ​ความ​ใฝ่​พระทัย​ของ​พระเจ้า​ทำ​ให้​ผม​อยาก​เลียน​แบบ​พระองค์​และ​ปฏิบัติ​ตาม​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระองค์ ผู้​เป็น​แบบ​อย่าง​ใน​ชีวิต​ของ​ผม. (1 เปโตร 2:21) ผม​ได้​เรียน​รู้​ว่า​ใน​ขณะ​ที่​ผม​พยายาม​พัฒนา​บุคลิกภาพ​แบบ​คริสเตียน ผม​ก็​ยัง​เป็น​ตัว​ของ​ตัว​เอง​ได้. ผม​พยายาม​ปลูกฝัง​ความ​รัก​และ​ความ​ห่วงใย​ต่อ​ผู้​อื่น. ผม​พยายาม​จะ​เลียน​แบบ​พระ​คริสต์​โดย​ปฏิบัติ​ต่อ​ภรรยา​และ​ลูก​ด้วย​ความ​รัก. และ​ผม​มี​ความ​ห่วงใย​อย่าง​แท้​จริง​ต่อ​พี่​น้อง​คริสเตียน. การ​ปฏิบัติ​ตาม​พระ​คริสต์​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​มี​เกียรติ นับถือ​ตัว​เอง และ​สามารถ​แสดง​ความ​รัก​ต่อ​คน​อื่น ๆ.

“พวก​เขา​ให้​เกียรติ​ผม.”—กวาดาลูเป บิลยาเรอัล

ปี​เกิด: 1964

ประเทศ​บ้าน​เกิด: เม็กซิโก

อดีต: ใช้​ชีวิต​แบบ​ผิด​ศีลธรรม

ชีวิต​ที่​ผ่าน​มา: ผม​เป็น​ลูก​คน​หนึ่ง​ใน​เจ็ด​คน​ที่​เติบโต​ขึ้น​ใน​เมือง​เอร์โมซีโย รัฐ​โซโนรา ประเทศ​เม็กซิโก ซึ่ง​เป็น​เมือง​ที่​ยาก​จน​ข้นแค้น​มาก. พ่อ​ของ​ผม​เสีย​ชีวิต​ตอน​ที่​ผม​ยัง​เล็ก​มาก ดัง​นั้น แม่​จึง​ต้อง​ทำ​งาน​หา​เลี้ยง​พวก​เรา. ผม​มัก​จะ​เดิน​ไป​ไหน​มา​ไหน​ด้วย​เท้า​เปล่า​เพราะ​เรา​ไม่​มี​เงิน​ซื้อ​รอง​เท้า. ตั้ง​แต่​ยัง​เด็ก​ผม​เริ่ม​ทำ​งาน​หา​เงิน​มา​ช่วย​ค่า​ใช้​จ่าย​ใน​ครอบครัว. เช่น​เดียว​กับ​อีก​หลาย​ครอบครัว เรา​อยู่​รวม​กัน​อย่าง​แออัด.

แทบ​ทั้ง​วัน​เรา​อยู่​กัน​ตาม​ลำพัง​โดย​ไม่​มี​แม่​คอย​ปก​ป้อง. ตอน​อายุ 6 ขวบ ผม​เริ่ม​ถูก​ทำ​ร้าย​ทาง​เพศ​โดย​เด็ก​หนุ่ม​อายุ 15 ปี​คน​หนึ่ง และ​ถูก​กระทำ​อย่าง​นี้​ติด​ต่อ​กัน​เป็น​เวลา​นาน. ผล​อย่าง​หนึ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​ก็​คือ​ผม​มี​ความ​สับสน​ทาง​เพศ​อย่าง​มาก. ผม​คิด​ว่า​เป็น​เรื่อง​ปกติ​ที่​จะ​ชอบ​ผู้​ชาย​ด้วย​กัน. เมื่อ​ผม​ไป​ปรึกษา​แพทย์​หรือ​นัก​เทศน์​นัก​บวช​เพื่อ​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ พวก​เขา​ยืน​ยัน​ว่า​ผม​ไม่​ได้​มี​ปัญหา​อะไร และ​บอก​ว่า​ความ​รู้สึก​ที่​ชอบ​ผู้​ชาย​ด้วย​กัน​เป็น​เรื่อง​ปกติ.

เมื่อ​อายุ 14 ปี ผม​ตัดสิน​ใจ​ใช้​ชีวิต​แบบ​พวก​รัก​ร่วม​เพศ​โดย​ไม่​รู้สึก​ว่า​เป็น​เรื่อง​ที่​ต้อง​ปก​ปิด​อีก​ต่อ​ไป. ผม​ใช้​ชีวิต​อย่าง​นั้น​ต่อ​ไป​อีก 11 ปี และ​ถึง​กับ​อยู่​กิน​กับ​เพื่อน​ชาย​หลาย​คน​ตลอด​ช่วง​เวลา​นั้น. ใน​ที่​สุด ผม​ไป​เรียน​เป็น​นัก​ออก​แบบ​ทรง​ผม​และ​เปิด​ร้าน​เสริม​สวย. แต่​ผม​ไม่​มี​ความ​สุข. ผม​มี​ชีวิต​ที่​ขมขื่น​และ​มัก​ถูก​ทรยศ​หัก​หลัง. ผม​รู้สึก​ว่า​สิ่ง​ที่​ผม​กำลัง​ทำ​อยู่​นั้น​ไม่​ถูก​ต้อง. ผม​เริ่ม​ถาม​ตัว​เอง​ว่า ‘จะ​มี​คน​ดี​ที่​น่า​คบ​อยู่​บ้าง​ไหม?’

ผม​คิด​ถึง​พี่​สาว​ของ​ผม. เธอ​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​ใน​ที่​สุด​ก็​รับ​บัพติสมา. พี่​สาว​มัก​จะ​เล่า​ให้​ผม​ฟัง​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​เธอ​ได้​เรียน​รู้ แต่​ผม​ไม่​สนใจ. ถึง​กระนั้น ผม​ก็​ชื่นชม​ใน​ตัว​พี่​สาว​และ​ชีวิต​สมรส​ของ​เธอ. ผม​สังเกต​ว่า​พี่​สาว​กับ​สามี​รัก​และ​นับถือ​กัน​จริง ๆ. ทั้ง​สอง​แสดง​ความ​กรุณา​ต่อ​กัน. ต่อ​มา พยาน​พระ​ยะโฮวา​คน​หนึ่ง​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​ผม. ตอน​แรก​ผม​ศึกษา​ไป​อย่าง​นั้น​เอง​โดย​ไม่​ได้​กระตือรือร้น​อะไร​มาก​นัก. แต่​แล้ว​เหตุ​การณ์​ก็​เปลี่ยน​ไป.

คัมภีร์​ไบเบิล​เปลี่ยน​ชีวิต​ผม​อย่าง​ไร: ครั้ง​หนึ่ง​พยาน​ฯ เชิญ​ผม​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​พวก​เขา ผม​ก็​ไป​ตาม​คำ​เชิญ. ผม​ได้​เห็น​สิ่ง​ที่​ไม่​เคย​เห็น​มา​ก่อน. ผู้​คน​ส่วน​ใหญ่​มัก​จะ​เยาะเย้ย​ผม แต่​พยาน​ฯ ไม่​ได้​ทำ​เช่น​นั้น. พวก​เขา​ทักทาย​ผม​อย่าง​เป็น​กัน​เอง​และ​พวก​เขา​ให้​เกียรติ​ผม. ผม​รู้สึก​ซึ้ง​ใจ​มาก.

ผม​ยิ่ง​ประทับใจ​พยาน​ฯ มาก​ขึ้น​เมื่อ​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่. ผม​เห็น​ว่า​แม้​แต่​เมื่อ​อยู่​กัน​เป็น​กลุ่ม​ใหญ่ ผู้​คน​เหล่า​นี้​ก็​เป็น​เหมือน​พี่​สาว​ของ​ผม​คือ​มี​ความ​รัก​และ​ความ​จริง​ใจ​อย่าง​แท้​จริง. ผม​ถาม​ตัว​เอง​ว่า เป็น​ไป​ได้​ไหม​ที่​คน​กลุ่ม​นี้​อาจ​เป็น​คน​ดี​ที่​น่า​คบ​ซึ่ง​ผม​เสาะ​หา​มา​นาน. ความ​รัก​และ​ความ​เป็น​เอกภาพ​ของ​พวก​เขา​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​ทึ่ง​เช่น​เดียว​กับ​ที่​พวก​เขา​ใช้​คัมภีร์​ไบเบิล​ตอบ​คำ​ถาม​ทุก​ข้อ​ของ​ผม. ผม​เข้าใจ​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​นั่น​เอง​เป็น​พลัง​ที่​ทำ​ให้​คน​เหล่า​นี้​ทำ​สิ่ง​ดี ๆ ใน​ชีวิต​ของ​เขา. และ​ผม​ยัง​รู้​ด้วย​ว่า​ผม​จะ​ต้อง​ทำ​การ​เปลี่ยน​แปลง​หลาย​อย่าง​เพื่อ​จะ​มา​เป็น​พยาน​ฯ คน​หนึ่ง.

ที่​จริง ผม​ต้อง​เปลี่ยน​ตัว​เอง​ทั้ง​หมด เพราะ​ผม​ได้​ใช้​ชีวิต​แบบ​ผู้​หญิง. การ​พูด กิริยา​ท่า​ทาง เสื้อ​ผ้า ทรง​ผม และ​เรื่อง​การ​เลือก​คบ​เพื่อน​ก็​ต้อง​เปลี่ยน​ใหม่​หมด. เพื่อน​เก่า ๆ ของ​ผม​เริ่ม​หัวเราะ​เยาะ​และ​บอก​ว่า “ทำไม​แก​ต้อง​ทำ​แบบ​นี้? แก​เป็น​อย่าง​นี้​ก็​ดี​อยู่​แล้ว. อย่า​เรียน​คัมภีร์​ไบเบิล​เลย. แก​มี​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​แล้ว.” แต่​สิ่ง​ที่​ยาก​ที่​สุด​สำหรับ​ผม​ก็​คือ​การ​เลิก​ใช้​ชีวิต​แบบ​ผิด​ศีลธรรม.

กระนั้น ผม​รู้​ว่า​เป็น​ไป​ได้​ที่​จะ​ทำ​การ​เปลี่ยน​แปลง​ชีวิต​ครั้ง​ใหญ่​นี้ เพราะ​ถ้อย​คำ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่ 1 โครินท์ 6:9-11 กระทบ​ใจ​ผม​อย่าง​มาก. ข้อ​นั้น​บอก​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​คน​อธรรม​จะ​ไม่​ได้​รับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า? อย่า​หลง​ผิด​เลย. คน​ผิด​ประเวณี คน​ไหว้​รูป​เคารพ คน​เล่นชู้ ชาย​ที่​บำเรอ​ชาย ชาย​รัก​ร่วม​เพศ . . . จะ​ไม่​ได้​รับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า. พวก​ท่าน​บาง​คน​เคย​เป็น​อย่าง​นั้น. แต่ . . . พระเจ้า​ทรง​ชำระ​พวก​ท่าน​ให้​สะอาด​แล้ว.” พระ​ยะโฮวา​ทรง​ช่วย​ผู้​คน​สมัย​นั้น​ให้​ทำ​การ​เปลี่ยน​แปลง​ชีวิต​และ​พระองค์​ได้​ช่วย​ผม​ด้วย. การ​เปลี่ยน​แปลง​ที่​ว่า​นั้น​ต้อง​ใช้​เวลา​หลาย​ปี​และ​บากบั่น​พยายาม​อย่าง​มาก แต่​คำ​แนะ​นำ​พร้อม​ด้วย​ความ​รัก​ที่​พยาน​ฯ แสดง​ต่อ​ผม​ช่วย​ผม​ได้​มาก​จริง ๆ.

ประโยชน์​ที่​ได้​รับ: ทุก​วัน​นี้ ผม​ใช้​ชีวิต​ปกติ​แบบ​ผู้​ชาย. ผม​แต่งงาน​แล้ว และ​ผม​กับ​ภรรยา​กำลัง​สอน​ลูก ๆ ของ​เรา​ให้​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. ตอน​นี้​ผม​หัน​หลัง​ให้​ชีวิต​แบบ​เก่า​แล้ว และ​ผม​ได้​รับ​สิ่ง​ดี ๆ และ​สิทธิ​พิเศษ​ใน​งาน​รับใช้​พระเจ้า​มาก​มาย. ผม​เป็น​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​และ​สามารถ​ช่วย​คน​อื่น​ให้​เรียน​รู้​จัก​ความ​จริง​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า. การ​เปลี่ยน​แปลง​ใน​ชีวิต​ของ​ผม​ทำ​ให้​แม่​มี​ความ​สุข​มาก​จน​ท่าน​ยินดี​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล และ​ภาย​หลัง​ได้​เข้า​มา​เป็น​คริสเตียน​ที่​รับ​บัพติสมา​แล้ว. น้อง​สาว​คน​หนึ่ง​ที่​เคย​ใช้​ชีวิต​อย่าง​ผิด​ศีลธรรม​ก็​ได้​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เช่น​กัน.

แม้​แต่​บาง​คน​ที่​เคย​รู้​เกี่ยว​กับ​อดีต​ของ​ผม ตอน​นี้​ก็​เห็น​ว่า​ผม​ได้​เปลี่ยน​แปลง​ไป​ใน​ทาง​ที่​ดี​ขึ้น. และ​ผม​รู้​ว่า​อะไร​เป็น​แรง​กระตุ้น​ที่​ทำ​ให้​ผม​เปลี่ยน​แปลง​เช่น​นั้น. ใน​อดีต ผม​เคย​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​แพทย์​และ​นัก​เทศน์​นัก​บวช แต่​ผม​กลับ​ได้​รับ​คำ​แนะ​นำ​ที่​ไม่​ถูก​ต้อง. อย่าง​ไร​ก็​ตาม พระ​ยะโฮวา​ทรง​ช่วย​ผม​มาก​จริง ๆ. แม้​ตอน​นั้น​ผม​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​ไร้​ค่า​แต่​พระองค์​ก็​ยัง​มอง​เห็น​ผม ทั้ง​ได้​แสดง​ความ​รัก​และ​ความ​อด​ทน​ต่อ​ผม​ด้วย. ความ​จริง​ที่​ว่า​พระเจ้า​ผู้​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก สติ​ปัญญา และ​คุณ​ความ​ดี​ทรง​ใฝ่​พระทัย​ใน​ตัว​ผม​และ​ต้องการ​ให้​ผม​มี​ชีวิต​ที่​ดี​ขึ้น​นั่น​แหละ​ที่​เปลี่ยน​ชีวิต​ผม.

“ผม​ไม่​มี​ความ​พอ​ใจ​ใน​ชีวิต เหงา และ​ว่าง​เปล่า.”—คาซุฮิโร คุนิโมชิ

ปี​เกิด: 1951

ประเทศ​บ้าน​เกิด: ญี่ปุ่น

อดีต: นัก​ปั่น​จักรยาน​ผู้​รัก​การ​แข่งขัน

ชีวิต​ที่​ผ่าน​มา: ผม​เติบโต​ขึ้น​ใน​เมือง​ท่า​ที่​ซบเซา​ใน​จังหวัด​ชิซุโอกะ​ของ​ญี่ปุ่น. ครอบครัว​ของ​เรา​มี​กัน​แปด​คน พวก​เรา​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​หลัง​เล็ก ๆ หลัง​หนึ่ง. พ่อ​ของ​ผม​เปิด​ร้าน​ขาย​และ​ซ่อม​จักรยาน. ตั้ง​แต่​วัย​เด็ก​พ่อ​ชอบ​พา​ผม​ไป​ดู​การ​แข่ง​จักรยาน​และ​ทำ​ให้​ผม​เริ่ม​สนใจ​กีฬา​นี้. แล้ว​พ่อ​ก็​เริ่ม​ปู​ทาง​ให้​ผม​เป็น​นัก​แข่ง​จักรยาน​อาชีพ. ตอน​ที่​ผม​ยัง​เรียน​อยู่​ชั้น​มัธยม​ต้น พ่อ​เริ่ม​ฝึก​สอน​ผม​อย่าง​เอา​จริง​เอา​จัง. พอ​อยู่​ชั้น​มัธยม​ปลาย ผม​ชนะ​การ​แข่งขัน​กีฬา​ระดับ​ประเทศ​สาม​ปี​ซ้อน. ผม​ได้​รับ​ข้อ​เสนอ​ให้​เข้า​มหาวิทยาลัย​แต่​ผม​ตัดสิน​ใจ​ที่​จะ​เข้า​โรง​เรียน​กีฬา​โดย​ตรง. เมื่อ​อายุ 19 ปี ผม​ก็​ได้​เป็น​นัก​ปั่น​จักรยาน​อาชีพ.

เป้าหมาย​ชีวิต​ของ​ผม​ใน​ตอน​นั้น​ก็​คือ​เป็น​นัก​ปั่น​จักรยาน​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ญี่ปุ่น. ผม​คิด​จะ​หา​เงิน​ให้​ได้​มาก ๆ เพื่อ​ครอบครัว​ของ​ผม​จะ​ได้​มั่นคง​และ​เป็น​หลัก​เป็น​ฐาน. ผม​ทุ่มเท​ตัว​เอง​ให้​กับ​การ​ฝึก​ซ้อม. เมื่อ​ไร​ก็​ตาม​ที่​ผม​รู้สึก​ท้อ​กับ​การ​ฝึก​ซ้อม​อย่าง​เข้มงวด​หรือ​การ​แข่งขัน​บาง​ช่วง​ที่​ยาก​ลำบาก ผม​มัก​จะ​บอก​ตัว​เอง​เสมอ​ว่า​ผม​เกิด​มา​เพื่อ​แข่ง​จักรยาน​และ​ไม่​ว่า​อย่าง​ไร​ผม​ก็​จะ​ต้อง​ทำ​ให้​ได้! และ​ผม​ก็​ทำ​อย่าง​นั้น​จริง. ความ​พยายาม​ของ​ผม​เริ่ม​ได้​รับ​ผล​ตอบ​แทน​ที่​ดี. ใน​ปี​แรก ผม​ชนะ​การ​แข่งขัน​ที่​จัด​ขึ้น​สำหรับ​นัก​แข่ง​จักรยาน​หน้า​ใหม่. ใน​ปี​ที่​สอง ผม​มี​คุณสมบัติ​ที่​จะ​เข้า​แข่งขัน​เพื่อ​เฟ้น​หา​นัก​ปั่น​จักรยาน​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ญี่ปุ่น. หลัง​จาก​ลง​แข่ง​เก็บ​คะแนน​หก​ครั้ง ผม​มา​เป็น​อันดับ​สอง.

เนื่อง​จาก​ผม​เป็น​นัก​ปั่น​จักรยาน​คน​หนึ่ง​ที่​ทำ​ราย​ได้​สูง​มาก ผู้​คน​จึง​ให้​ฉายา​ผม​ว่า​นัก​ปั่น​น่อง​เหล็ก​แห่ง​โทไก. ผม​ชอบ​แข่งขัน​เป็น​ชีวิต​จิตใจ. ต่อ​มา ผม​กลาย​เป็น​คู่​แข่ง​ที่​น่า​กลัว​สำหรับ​นัก​แข่ง​คน​อื่น ๆ เพราะ​ผม​ไม่​เคย​ยอม​อ่อนข้อ​ให้​ใคร​เลย. ผม​หา​เงิน​ได้​เยอะ​มาก​และ​สามารถ​ซื้อ​ทุก​สิ่ง​ที่​ผม​อยาก​ได้. ผม​ซื้อ​บ้าน​ที่​มี​ห้อง​ออก​กำลัง​กาย​พร้อม​กับ​ติด​ตั้ง​อุปกรณ์​กีฬา​ที่​ดี​ที่​สุด. ผม​ซื้อ​รถ​นำ​เข้า​ซึ่ง​มี​ราคา​แพง​เกือบ​เท่า​กับ​บ้าน​หลัง​หนึ่ง. เพื่อ​ทำ​ให้​ชีวิต​มั่นคง ผม​เริ่ม​ลง​ทุน​โดย​การ​ซื้อ​อสังหาริมทรัพย์​และ​เล่น​หุ้น.

ถึง​กระนั้น ผม​รู้สึก​ว่า​ผม​ไม่​มี​ความ​พอ​ใจ​ใน​ชีวิต เหงา และ​ว่าง​เปล่า. เวลา​นั้น​ผม​แต่งงาน​และ​มี​ลูก แต่​ผม​มัก​ไม่​มี​ความ​อด​ทน​กับ​คน​ใน​ครอบครัว. ผม​จะ​อารมณ์​เสีย​ใส่​ภรรยา​และ​ลูก​ด้วย​เรื่อง​เล็ก ๆ น้อย ๆ. เมื่อ​พวก​เขา​เห็น​สี​หน้า​ผม​เริ่ม​แสดง​ความ​ไม่​พอ​ใจ​ออก​มา พวก​เขา​ก็​จะ​กลัว​จน​ลน​ลาน.

แต่​ต่อ​มา ภรรยา​ของ​ผม​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. การ​ศึกษา​นั้น​ก่อ​ให้​เกิด​การ​เปลี่ยน​แปลง​หลาย​อย่าง. ภรรยา​ผม​บอก​ว่า​เธอ​ต้องการ​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​พยาน​ฯ ดัง​นั้น ผม​จึง​ตัดสิน​ใจ​ว่า​เรา​ควร​ไป​ด้วย​กัน​ทั้ง​ครอบครัว. ผม​ยัง​จำ​คืน​นั้น​ได้​ที่​ผู้​ปกครอง​มา​เยี่ยม​ผม​ที่​บ้าน​และ​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​ผม. ผม​ประทับใจ​มาก​กับ​สิ่ง​ที่​ผม​ได้​เรียน​รู้.

คัมภีร์​ไบเบิล​เปลี่ยน​ชีวิต​ผม​อย่าง​ไร: ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​ความ​รู้สึก​ที่​เกิด​ขึ้น​กับ​ผม​เมื่อ​อ่าน​ข้อ​คัมภีร์​ที่​เอเฟโซส์ 5:5. ข้อ​นั้น​อ่าน​ว่า “คน​ผิด​ประเวณี คน​ที่​ประพฤติ​ไม่​สะอาด หรือ​คน​โลภ​ซึ่ง​เท่า​กับ​เป็น​คน​ไหว้​รูป​เคารพ จะ​ไม่​ได้​รับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระ​คริสต์​และ​ของ​พระเจ้า.” ผม​มอง​เห็น​ว่า​การ​แข่ง​จักรยาน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​พนัน​และ​เป็น​กีฬา​ที่​ส่ง​เสริม​ความ​โลภ. สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​เริ่ม​รบกวน​จิตใจ​ผม. ผม​รู้สึก​ว่า​ถ้า​ผม​ต้องการ​ให้​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​พอ​พระทัย ผม​ต้อง​เลิก​แข่ง​จักรยาน. แต่​นั่น​เป็น​การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​ยาก​สำหรับ​ผม.

ปี​นั้น​เป็น​ปี​ที่​ผม​ประสบ​ความ​สำเร็จ​มาก​ที่​สุด​ใน​อาชีพ​นัก​ปั่น และ​ผม​ก็​ยัง​อยาก​แข่ง​ต่อ​ไป​อีก. แต่​ผม​รู้สึก​ว่า​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ทำ​ให้​ผม​มี​ใจ​สงบ​และ​ไม่​คิด​ที่​จะ​เอา​ชนะ​ใคร ซึ่ง​ถ้า​ผม​ต้องการ​จะ​เป็น​ผู้​ชนะ​ผม​จะ​คิด​อย่าง​นี้​ไม่​ได้​เลย! หลัง​จาก​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ผม​ลง​แข่ง​จักรยาน​แค่​สาม​ครั้ง แต่​ผม​ก็​ยัง​ตัดใจ​เลิก​อาชีพ​นัก​แข่ง​ไม่​ได้. นอก​จาก​นี้ ผม​ยัง​คิด​ไม่​ออก​ว่า​จะ​หา​เลี้ยง​ครอบครัว​ได้​อย่าง​ไร. ผม​รู้สึก​จน​มุม จะ​ไป​ข้าง​หน้า​ก็​ไม่​ได้ จะ​ถอย​ก็​ไม่​ได้ และ​พวก​ญาติ ๆ ก็​เริ่ม​กดดัน​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​ใหม่​ของ​ผม. พ่อ​ผิด​หวัง​ใน​ตัว​ผม​มาก. เรื่อง​นี้​ทำ​ให้​ผม​ยิ่ง​เครียด​หนัก​ขึ้น​จน​ป่วย​เป็น​โรค​กระเพาะ.

สิ่ง​ที่​ช่วย​ผม​ให้​ผ่าน​ความ​ยาก​ลำบาก​ใน​ครั้ง​นี้​ก็​คือ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​การ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​โดย​ไม่​ขาด. ผม​เริ่ม​มี​ความ​เชื่อ​มาก​ขึ้น. ผม​ขอ​ให้​พระ​ยะโฮวา​รับ​ฟัง​คำ​อธิษฐาน​และ​ช่วย​ให้​ผม​เห็น​ว่า​พระองค์​ทรง​ฟัง​ผม. ผม​รู้สึก​เบา​ใจ​ขึ้น​เมื่อ​ภรรยา​ยืน​ยัน​กับ​ผม​ว่า​เธอ​ไม่​จำเป็น​ต้อง​อยู่​บ้าน​หลัง​ใหญ่​เพื่อ​จะ​มี​ความ​สุข. ต่อ​มา​ผม​ก็​ค่อย ๆ ก้าว​หน้า​ขึ้น.

ประโยชน์​ที่​ได้​รับ: ผม​ได้​เรียน​รู้​ว่า​ถ้อย​คำ​ของ​พระ​เยซู​ที่​บันทึก​ใน​มัดธาย 6:33 เป็น​ความ​จริง​ที​เดียว. พระองค์​ตรัส​ว่า “ดัง​นั้น จง​แสวง​หา​ราชอาณาจักร​และ​ความ​ชอบธรรม​ของ​พระองค์​ก่อน​เสมอ​ไป แล้ว​พระองค์​จะ​ทรง​ให้​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​นี้​แก่​พวก​เจ้า.” เรา​ไม่​เคย​ขาด “สิ่ง​ทั้ง​ปวง” ที่​พระ​เยซู​กล่าว​ถึง​ซึ่ง​ก็​คือ​สิ่ง​จำเป็น​พื้น​ฐาน​ใน​ชีวิต. แม้​ว่า​ราย​ได้​ของ​ผม​จะ​น้อย​กว่า​ตอน​ที่​เป็น​นัก​แข่ง​จักรยาน​ราว ๆ 30 เท่า แต่​ผม​และ​ครอบครัว​ไม่​เคย​ขาด​สิ่ง​ใด​เลย​ตลอด 20 ปี​ที่​ผ่าน​มา​นี้.

ที่​ดี​เยี่ยม​กว่า​นั้น​คือ เมื่อ​ผม​ทำ​งาน​หรือ​รับใช้​ร่วม​กับ​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ ผม​มี​ความ​สุข​และ​ความ​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ​อย่าง​ที่​ไม่​เคย​ได้​สัมผัส​มา​ก่อน. วัน​เวลา​ผ่าน​ไป​อย่าง​รวด​เร็ว. ครอบครัว​ของ​เรา​มี​ความ​สุข​กัน​มาก​ขึ้น. ลูก​ชาย​สาม​คน​ของ​ผม​เข้า​มา​เป็น​ผู้​รับใช้​ที่​ซื่อ​สัตย์​ของ​พระ​ยะโฮวา​พร้อม​กับ​ภรรยา​ของ​พวก​เขา.