เหตุการณ์สำคัญ ๆ ในประเทศสหรัฐ
17 มิถุนายน 2002—ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐยืนตามคำตัดสินในช่วงทศวรรษปี 1940 ที่ให้สิทธิทางกฎหมายเพื่อปกป้องงานรับใช้สาธารณะของพยานพระยะโฮวา (คดี Watchtower Bible and Tract Society of New York, Inc. v. Village of Stratton)
สิงหาคม 1998—พยานพระยะโฮวาในสหรัฐมีจำนวนเกินหนึ่งล้านคน
15 เมษายน 1992—ในคดี Pater v. Pater ศาลสูงสุดแห่งรัฐโอไฮโอเห็นชอบกับคำตัดสินของศาลสูงที่ว่าศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจที่จะจำกัดสิทธิของพ่อหรือแม่ในการเลี้ยงดูลูกเพียงเพราะเรื่องศาสนา
30 ตุลาคม 1985—ศาลสูงสุดแห่งรัฐมิสซิสซิปปีตัดสินว่าสิทธิในการรับการรักษาโดยไม่ใช้เลือดได้รับการคุ้มครองโดยสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพในการนับถือศาสนา (In re Brown)
31 สิงหาคม 1972—ศาลอุทธรณ์เขตโคลัมเบียตัดสินว่ารัฐต้องเคารพสิทธิของผู้ใหญ่ที่จะปฏิเสธการถ่ายเลือดถ้าเขาเข้าใจเต็มที่ถึงผลอาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของเขา (In re Osborne)
30 พฤศจิกายน 1953—ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐตัดสินว่าพยานพระยะโฮวาคนใดคนหนึ่งที่เป็นผู้รับใช้เต็มเวลาไม่เข้าข่ายที่จะได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหารเพราะงานที่เขาทำ (คดี Dickinson v. United States)
ปี 1944—การข่มเหงพยานพระยะโฮวาค่อย ๆ ลดลง
14 มิถุนายน 1943—ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐแก้ไขคำตัดสินคดี Gobitis และตัดสินว่าการบังคับใช้นักเรียนที่เป็นพยานฯกล่าวคำปฏิญาณและเคารพธงเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการพูดและการนับถือศาสนาของพวกเขา (คดี West Virginia State Board of Education v. Barnette)
3 พฤษภาคม 1943—ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐมีคำสั่งยกเลิกกฎหมายที่เรียกร้องให้พยานพระยะโฮวาต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการอนุญาตให้แจกจ่ายเอกสารที่เกี่ยวข้องกับศาสนา (คดี Murdock v. Pennsylvania)
3 มิถุนายน 1940—ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐตัดสินเห็นชอบกับข้อบังคับที่ให้นักเรียนในโรงเรียนของรัฐต้องเคารพธงชาติ (คดี Minersville School District v. Gobitis) ทำให้เกิดกระแสการต่อต้านพยานฯตามมา
20 พฤษภาคม 1940—เป็นครั้งแรกที่ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐตัดสินว่าทั้งรัฐและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องทำตามรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 1 ที่ให้เสรีภาพในการทำกิจกรรมทางศาสนา นอกจากนั้น ศาลยังตัดสินด้วยว่างานรับใช้ของพยานพระยะโฮวาไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาใด ๆ (คดี Cantwell v. Connecticut)
28 มีนาคม 1938—ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐมีคำสั่งยกเลิกกฎหมายที่เรียกร้องให้พยานพระยะโฮวาต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการอนุญาตให้แจกจ่ายเอกสารที่เกี่ยวข้องกับศาสนา (คดี Lovell v. City of Griffin)
26 กรกฎาคม 1931—นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเปลี่ยนชื่อเป็นพยานพระยะโฮวา
14 พฤษภาคม 1919—มีการเปลี่ยนคำตัดสินความผิดของสมาชิกสำคัญของสมาคมวอชเทาเวอร์ไบเบิลแอนด์แทร็คท์แห่งเพนซิลเวเนีย หลังจากนั้นมีการประกาศว่าพวกเขาไม่มีความผิด
20 มิถุนายน 1918—สมาชิกสำคัญของสมาคมวอชเทาเวอร์ไบเบิลแอนด์แทร็คท์แห่งเพนซิลเวเนียถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกขังคุกเพราะจัดพิมพ์สิ่งพิมพ์ที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นการต่อต้านประเทศที่สนับสนุนสงคราม
4 มีนาคม 1909—มีการตั้งนิติบุคคล Peoples Pulpit Association ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นสมาคมวอชเทาเวอร์ไบเบิลแอนด์แทร็คท์แห่งนิวยอร์ก
31 มกราคม 1909—นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังบรุกลิน รัฐนิวยอร์ก
15 ธันวาคม 1884—มีการจดทะเบียนนิติบุคคลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งต่อมารู้จักกันในชื่อสมาคมวอชเทาเวอร์ไบเบิลแอนด์แทร็คท์แห่งเพนซิลเวเนีย
ทศวรรษปี 1880—นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตั้งสำนักงานใหญ่ในเมืองแอลเลเกนี รัฐเพนซิลเวเนีย
กรกฎาคม 1879—เริ่มพิมพ์วารสารฉบับแรกซึ่งปัจจุบันคือวาสาร หอสังเกตการณ์
ปี 1870—ชาลส์ เทซ รัสเซลล์และเพื่อน ๆ รวมตัวกันเพื่อศึกษาคัมภีร์ไบเบิลในเมืองแอลเลเกนี รัฐเพนซิลเวเนีย และต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อกลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล