บทความศึกษา 32
เลียนแบบพระยะโฮวาเรื่องการเป็นคนมีเหตุผล
“ให้คนอื่นเห็นว่าพวกคุณเป็นคนมีเหตุผล”—ฟป. 4:5
เพลง 89 ฟัง ทำตาม แล้วจะได้พร
ใจความสำคัญ a
1. คริสเตียนต้องเป็นเหมือนต้นไม้ยังไง? (ดูภาพด้วย)
มีภาษิตหนึ่งบอกว่า “ต้นไม้ที่ลู่ลมจะไม่หัก” ภาษิตนี้เน้นคุณลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ต้นไม้ยังคงอยู่รอดตอนเจอพายุ นั่นคือความยืดหยุ่น เราเองก็เหมือนกัน เราต้องเป็นคนยืดหยุ่นเพื่อที่เราจะรับใช้พระยะโฮวาต่อไปได้และยังคงมีความสุข เราจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? เราต้องเป็นคนมีเหตุผลโดยพร้อมจะปรับเปลี่ยนเมื่อสภาพการณ์ในชีวิตเราเปลี่ยนไป และโดยเคารพความคิดเห็นและการตัดสินใจของคนอื่น
2. คุณลักษณะอะไรบ้างจะช่วยให้เราปรับตัวได้เมื่อสถานการณ์ในชีวิตเราเปลี่ยนไป? และเราจะคุยเรื่องอะไรบ้างในบทความนี้?
2 เราเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวา เราเลยอยากเป็นคนมีเหตุผล นอกจากนั้น เราอยากเป็นคนถ่อมและเห็นอกเห็นใจคนอื่นด้วย ในบทความนี้เราจะดูกันว่าคุณลักษณะเหล่านี้ช่วยพี่น้องบางคนยังไงให้รับมือได้เมื่อเจอการเปลี่ยนแปลงในชีวิต และคุณลักษณะเหล่านี้จะช่วยเรายังไง แต่ก่อนอื่น เราจะมาดูกันว่าพระยะโฮวากับพระเยซูเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบยังไงในเรื่องการเป็นคนมีเหตุผล
พระยะโฮวากับพระเยซูเป็นคนมีเหตุผล
3. เรารู้ได้ยังไงว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่มีเหตุผล?
3 คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวาเป็นเหมือน “หินที่แข็งแกร่ง” เพราะพระองค์มั่นคงไม่หวั่นไหว (ฉธบ. 32:4) ถึงจะเป็นอย่างนั้น พระองค์ก็เป็นพระเจ้าที่มีเหตุผลด้วย เมื่อสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้เปลี่ยนไปพระยะโฮวาก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้ความประสงค์ของพระองค์เป็นจริง พระยะโฮวาสร้างมนุษย์ตามแบบพระองค์ เราเลยสามารถปรับตัวได้เมื่อสภาพการณ์ในชีวิตของเราเปลี่ยนไป นอกจากนั้น พระองค์ให้หลักการที่ชัดเจนใน คัมภีร์ไบเบิลเพื่อช่วยให้เราตัดสินใจอย่างฉลาดไม่ว่าเราจะเจอปัญหาอะไร ตัวอย่างของพระยะโฮวาเองและหลักการที่พระองค์ให้เราเป็นหลักฐานว่าแม้พระยะโฮวาจะเป็นเหมือน “หินที่แข็งแกร่ง” แต่พระองค์ก็เป็นพระเจ้าที่มีเหตุผลด้วย
4. ตัวอย่างอะไรแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่มีเหตุผล? (เลวีนิติ 5:7, 11)
4 สิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาทำดีเยี่ยมสมบูรณ์แบบและมีเหตุผล พระองค์ไม่ได้เอาแต่ยืนกรานและเข้มงวดเกินไป ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาแสดงความมีเหตุผลกับชาติอิสราเอลมาก ให้เรามาดูว่าพระยะโฮวาแสดงความมีเหตุผลกับชาติอิสราเอลยังไง ตัวอย่างเช่น ในเลวีนิติ 5:7, 11 (อ่าน) พระยะโฮวาให้แต่ละคนถวายเครื่องบูชาตามสภาพการณ์ของตัวเองได้ พระองค์ไม่ได้เรียกร้องให้ทุกคนทั้งคนรวยและคนจนต้องถวายเครื่องบูชาเหมือนกัน
5. ตัวอย่างอะไรที่แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ถ่อมและเห็นอกเห็นใจ?
5 พระยะโฮวาถ่อมและเห็นอกเห็นใจ นี่เลยทำให้พระองค์เป็นพระเจ้าที่มีเหตุผล ตัวอย่างเช่น พระองค์แสดงความถ่อมจริง ๆ ตอนที่จะทำลายเมืองโสโดม พระยะโฮวาใช้ทูตสวรรค์ไปสั่งโลทให้หนีไปที่เขตเทือกเขา แต่โลทกลัวมาก เขาเลยขอพระองค์ว่าให้เขากับครอบครัวไปที่เมืองโศอาร์ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้วพระยะโฮวาก็ตั้งใจว่าจะทำลายเมืองนั้นเหมือนกัน ที่จริงพระองค์อาจยืนกรานก็ได้ว่ายังไงโลทก็ต้องทำตามที่พระองค์สั่ง แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พระยะโฮวายอมทำตามคำขอของโลทซึ่งนั่นหมายความว่าพระองค์จะไม่ทำลายเมืองโศอาร์อย่างที่ตั้งใจไว้ (ปฐก. 19:18-22) หลายร้อยปีต่อมาพระยะโฮวาเมตตาชาวเมืองนีนะเวห์ พระองค์ส่งผู้พยากรณ์โยนาห์ไปประกาศว่าพระองค์จะทำลายเมืองนีนะเวห์ แต่พอชาวนีนะเวห์กลับใจพระองค์ก็เห็นอกเห็นใจและสงสารพวกเขา พระองค์เลยไม่ทำลายเมืองนี้อย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก—ยนา. 3:1, 10; 4:10, 11
6. พระเยซูแสดงความมีเหตุผลเหมือนพระยะโฮวายังไง?
6 พระเยซูแสดงความมีเหตุผลเหมือนพระยะโฮวา ถึงพระเยซูจะถูกส่งมายังโลกเพื่อประกาศเฉพาะกับ “คนอิสราเอลเท่านั้น” แต่ท่านก็แสดงความมีเหตุผล ครั้งหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่ชาวอิสราเอลมาขอให้ท่านช่วยรักษาลูกสาวของเธอซึ่ง “ถูกปีศาจสิง” และ “เจ็บปวดทรมานมาก” พระเยซูเห็นอกเห็นใจเธอเลยทำตามที่เธอขอ ท่านรักษาลูกสาวของเธอจนหาย (มธ. 15:21-28) ให้เรามาดูอีกตัวอย่างหนึ่งด้วย พระเยซูเคยบอกว่า “ถ้าใครปฏิเสธผม . . . ผมก็จะปฏิเสธเขา” (มธ. 10:33) แล้วตอนที่เปโตรปฏิเสธท่านถึง 3 ครั้ง ท่านปฏิเสธเปโตรไหม? ไม่เลย พระเยซูรู้ว่าเปโตรกลับใจจริง ๆ และมีความเชื่อ และหลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตายแล้ว ท่านก็มาหาเปโตรและยืนยันว่าท่านรักเขาและให้อภัยเขาแล้ว—ลก. 24:33, 34
7. อย่างที่บอกไว้ในฟีลิปปี 4:5 เราอยากให้คนอื่นมองว่าเราเป็นคนแบบไหน?
7 เราเห็นแล้วว่าพระยะโฮวากับพระเยซูเป็นคนมีเหตุผล แล้วเราล่ะ? พระยะโฮวาก็อยากให้เราเป็นคนมีเหตุผลด้วย (อ่านฟีลิปปี 4:5) คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลหนึ่งแปลข้อนี้ว่า “ให้มีชื่อเสียงว่าเป็นคนมีเหตุผล” ให้เราถามตัวเองว่า ‘ใคร ๆ รู้สึกไหมว่าฉันเป็นคนมีเหตุผลและยอมคนอื่น หรือพวกเขามองว่าฉันเป็นคนเข้มงวดยืนกรานและไม่ยอมใคร? ฉันยืนกรานให้คนอื่นทำตามสิ่งที่ฉันคิด หรือฉันฟังความเห็นคนอื่นและยอมทำตามที่เขาขอถ้ายอมได้?’ ยิ่งเราเป็นคนมีเหตุผลก็ยิ่งแสดงว่าเราเลียนแบบพระยะโฮวากับพระเยซู ให้เรามาดูสถานการณ์ 2 อย่างที่แสดงให้เห็นว่าการเป็นคนมีเหตุผลเป็นเรื่องสำคัญมาก นั่นคือเมื่อสภาพการณ์ในชีวิตเราเปลี่ยนไป และเมื่อคนอื่นคิดและตัดสินใจไม่เหมือนกับเรา
เป็นคนมีเหตุผลเมื่อสภาพการณ์ในชีวิตเปลี่ยนไป
8. อะไรจะช่วยให้เราเป็นคนมีเหตุผลเมื่อสภาพการณ์ในชีวิตเราเปลี่ยนไป? (ดูเชิงอรรถด้วย)
8 เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องเป็นคนมีเหตุผลและยืดหยุ่นเมื่อสภาพการณ์ในชีวิตเราเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงในชีวิตอาจทำให้เราลำบากขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว เช่น เราอาจเจ็บป่วยกะทันหัน หรือประเทศที่เราอยู่มีวิกฤติเศรษฐกิจหรือมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองซึ่งส่งผลต่อชีวิตเราโดยตรง (ปญจ. 9:11; 1 คร. 7:31) และแม้แต่การที่เราถูกเปลี่ยนงานมอบหมายหรือต้องย้ายไปทำงานมอบหมายที่อื่นก็อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเราด้วย แต่ไม่ว่าเราจะเจอการเปลี่ยนแปลงอะไร เราก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนได้ถ้าเราทำตาม 4 ขั้นตอนต่อไปนี้ (1) ยอมรับความจริง (2) มองไปข้างหน้า (3) พยายามมองในแง่บวก และ (4) ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อคนอื่น b ให้เรามาดูตัวอย่างชีวิตจริงของพี่น้องบางคนที่แสดงให้เห็นว่าขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยพวกเขาได้
9. มิชชันนารีคู่หนึ่งรับมือกับปัญหาที่ไม่คาดคิดยังไง?
9 ยอมรับความจริง เอมานูเอเล่กับฟรานเชสก้าได้รับมอบหมายให้เป็นมิชชันนารีที่ต่างประเทศ แต่พอพวกเขาย้ายไปประเทศใหม่และเริ่มเรียนภาษาใหม่ และเพิ่งเริ่มรู้จักพี่น้องในประชาคมก็เกิดการระบาดของโควิด-19 พวกเขาเลยต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้าน แต่แล้วจู่ ๆ แม่ของฟรานเชสก้าก็ตายกะทันหัน เธออยากไปอยู่กับครอบครัวมากแต่ไม่สามารถเดินทางได้เพราะเกิดโรคระบาด แล้วอะไรช่วยฟรานเชสก้าให้รับมือกับปัญหาทั้งหมดนี้? อย่างแรกที่พวกเขาทำก็คืออธิษฐานขอสติปัญญาจากพระยะโฮวาให้รับมือเป็นวัน ๆ ไป แล้วพระยะโฮวาก็ตอบคำอธิษฐานได้ถูกเวลาพอดีโดยผ่านทางองค์การของพระองค์ เช่น พวกเขาได้กำลังใจจากวีดีโอเรื่องหนึ่งที่มีการสัมภาษณ์พี่น้องชายคนหนึ่ง พี่น้องชายคนนั้นบอกว่า “ถ้าเรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะกลับมามีความสุขได้เร็วเท่านั้น และเราก็จะใช้โอกาสนี้เพื่อหาวิธีรับใช้พระยะโฮวาและช่วยคนอื่น” c อย่างที่ 2 พวกเขาตั้งใจว่าจะฝึกประกาศทางโทรศัพท์ให้เก่งขึ้น พวกเขาถึงกับเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้ 1 ราย และอย่างที่ 3 พวกเขายอมรับความช่วยเหลือจากพี่น้องและเห็นค่าพี่น้องที่แสดงความรักต่อพวกเขา พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ใส่ใจและเป็นห่วงพวกเขาได้ส่งข้อความและข้อคัมภีร์ 1 ข้อ มาให้พวกเขาทุกวันตลอด 1 ปี พวกเราในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เมื่อเรายอมรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เราก็จะมีความสุขกับสิ่งที่เราสามารถทำได้
10. พี่น้องหญิงคนหนึ่งรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตยังไง?
10 มองไปข้างหน้าและพยายามมองในแง่บวก คริสติน่าพี่น้องหญิงชาวโรมาเนียอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น เธอเสียใจมากตอนที่มีการยุบประชาคมภาษาอังกฤษที่เธอไปเป็นประจำ ถึงจะเป็นอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้จมอยู่กับอดีต เธอตัดสินใจไปประชาคมภาษาญี่ปุ่นและพยายามประกาศในภาษาญี่ปุ่นเท่าที่เธอทำได้ คริสติน่าขอให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยทำงานด้วยกันสอนภาษาญี่ปุ่นให้เธอโดยใช้คัมภีร์ไบเบิลและหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป ผู้หญิงคนนั้นก็ตกลง การทำแบบนี้ช่วยให้คริสติน่าพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีขึ้นและยังทำให้ผู้หญิงคนนั้นเริ่มสนใจคัมภีร์ไบเบิลด้วย ดังนั้น เมื่อเรามองไปข้างหน้าและพยายามคิดในแง่บวก การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดอาจทำให้เกิดสิ่งดี ๆ ที่เราคิดไม่ถึงก็ได้
11. พี่น้องสามีภรรยาคู่หนึ่งรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจยังไง?
11 ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อคนอื่น พี่น้องสามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในประเทศที่งานของเราถูกสั่งห้าม พวกเขาเริ่มมีปัญหาเรื่องเงินตอนที่ประเทศนั้นล้มละลาย แล้วพวกเขาปรับตัวยังไง? อย่างแรก พวกเขาพยายามมองหาวิธีที่จะใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พยายามสนใจช่วยเหลือคนอื่นโดยการประกาศข่าวดีมากกว่าจะสนใจที่ปัญหาของตัวเอง (กจ. 20:35) พี่น้องที่เป็นสามีบอกว่า “การยุ่งอยู่กับงานรับใช้ทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาคิดลบเกี่ยวกับปัญหาของตัวเอง และทำให้เรามีเวลามากขึ้นที่จะทำสิ่งที่พระยะโฮวาอยากให้ทำ” ดังนั้น เมื่อสถานการณ์ในชีวิตของเราเปลี่ยนไป เราต้องจำไว้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องช่วยคนอื่นต่อไปโดยเฉพาะการทำงานประกาศ
12. ตัวอย่างของอัครสาวกเปาโลช่วยเรายังไงให้พร้อมจะปรับเปลี่ยนในการประกาศ?
12 เมื่อเราทำงานรับใช้ เราต้องยืดหยุ่นและพร้อมจะปรับเปลี่ยน เราเจอกับคนที่มีความเชื่อแตกต่างกัน คิดไม่เหมือนกัน มีภูมิหลังและวัฒนธรรมแตกต่างกัน อัครสาวกเปาโลก็เป็นคนที่พร้อมจะปรับเปลี่ยน และเราก็เรียนจากตัวอย่างของเขาได้ พระเยซูแต่งตั้งให้เปาโลเป็น “อัครสาวกที่ถูกส่งไปหาคนต่างชาติ” (รม. 11:13) เขาเลยประกาศกับทั้งชาวยิว ชาวกรีก คนที่มีการศึกษา ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่รัฐ และกษัตริย์ เพื่อที่เปาโลจะประกาศอย่างที่เข้าถึงหัวใจของคนที่มีความแตกต่างหลากหลายขนาดนั้นได้ เขา “ยอมปรับตัวเป็นคนทุกชนิด” (1 คร. 9:19-23) เปาโลคิดถึงความเชื่อ ภูมิหลัง และวัฒนธรรมของผู้คนที่เขาเจอ นี่เลยช่วยให้เขาพร้อมจะปรับเปลี่ยนและหาวิธีพูดคุยกับทุกคนในแบบที่จะทำให้พวกเขาสนใจเรื่องพระยะโฮวา เราก็ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน เพื่อที่เราจะทำงานรับใช้ได้เก่งขึ้น เราก็ต้องพร้อมจะปรับเปลี่ยนและพยายามหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะประกาศให้เหมาะกับผู้ฟังแต่ละคน
เคารพความคิดเห็นและการตัดสินใจของคนอื่น
13. ถ้าเราเคารพความคิดเห็นและการตัดสินใจของคนอื่น มันจะไม่เกิดอะไรขึ้นอย่างที่ 1 โครินธ์ 8:9 บอก?
13 ความมีเหตุผลจะช่วยให้เราเคารพความคิดเห็นและการตัดสินใจของคนอื่น ตัวอย่างเช่น พี่น้องหญิงบางคนชอบแต่งหน้า แต่บางคนก็ไม่ชอบ พี่น้องบางคนดื่มแอลกอฮอล์บ้าง ส่วนบางคนก็ตัดสินใจที่จะไม่ดื่มเลย นอกจากนั้น เราทุกคนอยากมีสุขภาพดี แต่เราก็เลือกวิธีดูแลสุขภาพของเราไม่เหมือนกัน ถ้าเราคิดว่าความคิดของเราดีที่สุดและพยายามทำให้คนอื่นในประชาคมทำตามแบบเรา เราก็อาจทำให้บางคนไม่สบายใจและทำให้ประชาคมแตกแยก เราคงไม่ อยากให้เป็นอย่างนั้นแน่ ๆ (อ่าน 1 โครินธ์ 8:9; 10:23, 24) ตอนนี้ให้เราไปดู 2 ตัวอย่างด้วยกันว่าการเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลมาใช้จะช่วยเรายังไงให้เป็นคนสมดุลและทำให้เกิดสันติสุข
14. หลักการในคัมภีร์ไบเบิลข้อไหนช่วยเราตัดสินใจเรื่องการแต่งตัวและทรงผม?
14 การแต่งตัวและทรงผม พระยะโฮวาไม่ได้ตั้งกฎที่เข้มงวดในเรื่องนี้แต่พระองค์ให้หลักการกับเรา เราต้องแต่งตัวแบบที่เหมาะกับการเป็นผู้รับใช้พระเจ้า การแต่งตัวของเราควรทำให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นคนมีเหตุผล เราต้องแต่งตัวแบบสุภาพเรียบร้อยและ “แบบคนที่มีสติดี” (1 ทธ. 2:9, 10; 1 ปต. 3:3) เราจะไม่แต่งตัวแบบที่ทำให้คนอื่นสนใจตัวเรามากเกินไป นอกจากนั้น หลักการในคัมภีร์ไบเบิลยังช่วยให้ผู้ดูแลไม่ตั้งกฎขึ้นมาเองว่าพี่น้องต้องแต่งตัวยังไงและมีทรงผมแบบไหน ตัวอย่างเช่น ในประชาคมหนึ่งมีพี่น้องชายที่เป็นวัยรุ่นหลายคนตัดผมทรงที่กำลังฮิต ถึงมันจะสั้นแต่ก็ดูยุ่งมากและไม่เรียบร้อย พวกผู้ดูแลอยากจะช่วยพวกเขา แต่ผู้ดูแลจะทำยังไงเพื่อจะไม่เป็นการตั้งกฎ? ผู้ดูแลหมวดแนะนำพวกผู้ดูแลว่าพวกเขาอาจจะคุยกับวัยรุ่นแบบนี้ว่า “ถ้าคุณทำส่วนบนเวที แล้วพี่น้องเอาแต่มองการแต่งตัวและทรงผมของคุณ แทนที่จะสนใจสิ่งที่คุณพูด มันก็แสดงว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องการแต่งตัวและทรงผมแล้ว” การอธิบายง่าย ๆ แบบนี้ช่วยพี่น้องวัยรุ่นให้รู้ว่าพวกเขาควรทำอะไรและพวกผู้ดูแลก็ไม่ต้องตั้งกฎขึ้นมาด้วย d
15. กฎและหลักการในคัมภีร์ไบเบิลข้อไหนช่วยเราให้ตัดสินใจเรื่องการดูแลสุขภาพ? (โรม 14:5)
15 การดูแลสุขภาพ คริสเตียนแต่ละคนต้องตัดสินใจเองว่าจะดูแลสุขภาพของตัวเองยังไง (กท. 6:5) คัมภีร์ไบเบิลมีกฎแค่ไม่กี่ข้อเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ เราต้องงดเว้นจากเลือดและไม่ยุ่งเกี่ยวกับผีปีศาจ (กจ. 15:20; กท. 5:19, 20) นอกจากเรื่องเหล่านี้แล้ว เราก็ต้องตัดสินใจเองว่าเราจะดูแลสุขภาพของเรายังไง พี่น้องบางคนชอบรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน ส่วนคนอื่นก็ชอบรักษาแบบแพทย์ทางเลือก ตัวเราเองอาจชอบแบบหนึ่งเป็นพิเศษและไม่ชอบอีกแบบหนึ่ง แต่เราต้องเคารพสิทธิ์ของพี่น้องที่จะเลือกเองว่าจะรักษาแบบไหน เราต้องจำไว้ว่า (1) รัฐบาลของพระเจ้าเท่านั้นที่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ อย่างหายขาดและถาวร (อสย. 33:24) (2) คริสเตียนแต่ละคนต้อง “มั่นใจ” ว่าวิธีการรักษาที่เขาเลือกเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขา (อ่านโรม 14:5) (3) เราต้องไม่ตัดสินคนอื่นหรือทำให้พี่น้องรู้สึกไม่สบายใจ (รม. 14:13) (4) คริสเตียนจะแสดงความรักกับพี่น้อง และถึงเราจะมีสิทธิ์ที่จะเลือกการดูแลสุขภาพของเราเอง แต่เราจะไม่ให้เรื่องนี้สำคัญกว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันของประชาคม (รม. 14:15, 19, 20) ถ้าเราจำจุดสำคัญเหล่านี้ไว้เสมอ เราก็จะสนิทกับพี่น้องและทำให้ประชาคมมีสันติสุข
16. ผู้ดูแลจะแสดงว่าเขาเป็นคนมีเหตุผลยังไงตอนที่ทำงานกับผู้ดูแลคนอื่น? (ดูภาพด้วย)
16 ผู้ดูแลต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการเป็นคนมีเหตุผล (1 ทธ. 3:2, 3) ตัวอย่างเช่น เขาจะไม่คิดว่าผู้ดูแลคนอื่นต้องเห็นด้วยกับความคิดของเขาเพราะเขาอายุมากกว่าหรือมีประสบการณ์มากกว่า ผู้ดูแลต้องจำไว้ว่าพระยะโฮวาสามารถใช้พลังบริสุทธิ์เพื่อช่วยผู้ดูแลคนไหนก็ได้ให้พูดในสิ่งที่จะช่วยให้ผู้ดูแลทั้งคณะตัดสินใจอย่างฉลาด และถ้าผู้ดูแลส่วนใหญ่ในคณะเห็นด้วยกับเรื่องหนึ่งซึ่งไม่ได้ผิดหลักการในคัมภีร์ไบเบิล ผู้ดูแลที่มีเหตุผลก็จะเต็มใจสนับสนุนการตัดสินใจนั้น ถึงแม้เขาเองจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
การเป็นคนมีเหตุผลมีประโยชน์ยังไง?
17. ถ้าเราเป็นคนมีเหตุผลเราจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง?
17 ถ้าเราเป็นคนมีเหตุผล เราจะได้ประโยชน์หลายอย่าง เราจะสนิทกับพี่น้องมากขึ้น และประชาคมจะมีสันติสุข นอกจากนั้น เรามีความสุขที่ได้นมัสการอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันกับพี่น้องที่มีวัฒนธรรมหลากหลายและบุคลิกที่แตกต่างกัน และที่สำคัญที่สุด เรามีความสุขที่รู้ว่าเรากำลังเลียนแบบพระยะโฮวาพระเจ้าที่มีเหตุผล
เพลง 90 ให้กำลังใจกัน
a พระยะโฮวากับพระเยซูเป็นคนมีเหตุผล และพระองค์ก็อยากให้เราเป็นแบบนั้นด้วย ถ้าเราเป็นคนมีเหตุผล มันก็เป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับเราที่จะปรับตัวได้เมื่อเจอการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น เมื่อเรามีปัญหาสุขภาพหรือมีปัญหาเรื่องการเงิน นอกจากนั้น ประชาคมก็จะมีความสงบสุขและเป็นหนึ่งเดียวกัน
b ดูบทความ “ฉันจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?” ในตื่นเถิด! ฉบับที่ 4 2016
c ดูวีดีโอสัมภาษณ์พี่น้องดมิตรี มิไฮลอฟ ที่อยู่ในบทความ “พระยะโฮวาเปลี่ยนการข่มเหงเป็นการประกาศ” ในคู่มือประชุมชีวิตและงานรับใช้ของคริสเตียน มีนาคม-เมษายน 2021
d ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแต่งตัวและทรงผม ในบท 52 ของหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป