เลียนแบบพระยะโฮวาโดยคิดถึงความรู้สึกคนอื่น
“คนที่เห็นใจคนต่ำต้อยก็มีความสุข”—สดุดี 41:1
1. ผู้นมัสการพระยะโฮวารักกันอย่างไร?
ผู้นมัสการพระยะโฮวาทั่วโลกเป็นเหมือนครอบครัวเดียว พวกเขาเป็นพี่น้องที่รักกัน (1 ยอห์น 4:16, 21) บางครั้งพวกเขาก็เสียสละมากเพื่อกันและกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาแสดงความรักโดยทำสิ่งดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กัน เช่น พวกเขาจะใช้คำพูดดี ๆ ชมกัน หรือทำอะไรดี ๆ ให้กัน เมื่อเราคิดถึงความรู้สึกคนอื่น เราก็เลียนแบบพระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นพ่อในสวรรค์—เอเฟซัส 5:1
2. พระเยซูเลียนแบบความรักของพระยะโฮวาอย่างไร?
2 พระเยซูเลียนแบบพระยะโฮวาพ่อของท่านอย่างสมบูรณ์แบบ ท่านทำดีและอ่อนโยนกับคนอื่นเสมอ ท่านบอกว่า “ทุกคนที่ทำงานหนักเหน็ดเหนื่อยและมีภาระมาก มาหาผมสิ แล้วผมจะทำให้คุณสดชื่นหายเหนื่อย” (มัทธิว 11:28, 29) ถ้าเราเลียนแบบพระเยซูโดยคิดถึงความรู้สึกและ “เห็นใจคนต่ำต้อย” เราก็ทำให้พระยะโฮวามีความสุขและเราก็จะมีความสุข ด้วย (สดุดี 41:1) ในบทความนี้เราจะดูกันว่าเราจะทำอย่างไรที่แสดงว่าเราคิดถึงความรู้สึกของคนในครอบครัว พี่น้อง และคนในเขตประกาศ
คิดถึงความรู้สึกคนในครอบครัว
3. สามีจะแสดงอย่างไรว่าคิดถึงความรู้สึกของภรรยา? (ดูภาพแรก)
3 สามีต้องวางตัวอย่างที่ดี และแสดงว่าเขารักและเป็นห่วงครอบครัวของเขา (เอเฟซัส 5:25; 6:4) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าสามีต้องคิดถึงความรู้สึกและเข้าใจภรรยา (1 เปโตร 3:7) สามีที่เข้าใจภรรยาจะรู้ว่าแม้เขามีหลายอย่างที่ต่างกับภรรยามาก แต่ไม่ใช่ว่าเขาดีกว่าภรรยา (ปฐมกาล 2:18) เขาต้องเข้าใจความรู้สึก คำนึงถึงศักดิ์ศรี และให้เกียรติเธอ ภรรยาคนหนึ่งในแคนาดาพูดถึงสามีว่า “เขาใส่ใจความรู้สึกฉันเสมอ ไม่เคยบอกว่า ‘คิดอย่างนี้ได้ยังไง?’ เขาเป็นผู้ฟังที่ดี และตอนที่ฉันคิดอะไรไม่ค่อยถูกต้อง เขาจะค่อย ๆ พูดค่อย ๆ ปรับความคิดของฉัน”
4. สามีจะแสดงอย่างไรว่าคิดถึงความรู้สึกของภรรยาตอนที่ติดต่อเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนอื่น?
4 สามีที่รักภรรยาจะที่คิดถึงความรู้สึกของภรรยาตอนที่เขาติดต่อเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนอื่น เขาจะไม่จีบผู้หญิงอื่นเล่น ๆ หรือสนใจคนอื่นในแบบที่ไม่เหมาะสม นอกจากนั้น เขาจะไม่ดูเว็บไซต์ที่ไม่ดี และจะไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นในโซเชียลมีเดียหรือในอินเทอร์เน็ต (โยบ 31:1) เขาซื่อสัตย์กับภรรยาไม่ใช่แค่เพราะเขารักเธอ แต่เพราะรักพระยะโฮวาและเกลียดสิ่งชั่ว—อ่านสดุดี 19:14; 97:10
5. ภรรยาจะแสดงอย่างไรว่าคิดถึงความรู้สึกของสามี?
5 ถ้าสามีเลียนแบบพระเยซูผู้นำที่แสดงความรัก มันก็ทำให้ภรรยารู้สึกว่าง่ายที่จะ “นับถือสามีจากใจ” (เอเฟซัส 5:22-25, 33) และเมื่อภรรยานับถือสามี เธอจะพยายามเข้าใจและคิดถึงความรู้สึกของเขาตอนที่เขายุ่งอยู่กับงานประชาคมหรือต้องจัดการปัญหาอื่น ๆ สามีคนหนึ่งในบริเตนบอกว่า “บางครั้ง ถ้าผมมีสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไป ภรรยาจะดูออกว่ามีอะไรบางอย่างทำให้ผมไม่สบายใจ เธอจะใช้หลักการในสุภาษิต 20:5 ซึ่งบางทีเธออาจต้องรอจังหวะดี ๆ ที่จะ ‘ตักความคิดผมขึ้นมา’ และถึงตอนนั้นผมก็จะเล่าให้เธอฟังถ้าเป็นเรื่องที่ผมเล่าได้”
6. เราทุกคนจะช่วยเด็ก ๆ ให้คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นได้อย่างไร? และเด็ก ๆ จะได้รับประโยชน์อะไร?
6 ถ้าพ่อแม่คิดถึงความรู้สึกของกันและกัน ลูก ๆ ก็จะเลียนแบบ นอกจากนั้น พ่อแม่ต้องสอนลูกให้คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นด้วย เช่น พวกเขาต้องสอนลูกไม่ให้วิ่งในหอประชุม และสอนลูกตอนไปกินเลี้ยงสังสรรค์ว่าต้องรอให้คนที่อายุมากไปตักข้าวก่อน ทุกคนในประชาคมสามารถสนับสนุนพ่อแม่ได้ ดังนั้น เราควรชมเมื่อเด็กทำสิ่งดี ๆ เช่น เปิดประตูให้เรา นี่จะทำให้เด็กรู้สึกดี และเรียนรู้ว่า “การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ”—กิจการ 20:35
คิดถึงความรู้สึกพี่น้อง
7. พระเยซูคิดถึงความรู้สึกของผู้ชายหูหนวกคนหนึ่งอย่างไร? และเราเรียนอะไรได้จากเรื่องนี้?
7 วันหนึ่งพระเยซูเดินทางผ่านเขตเดคาโปลิส มีคน “พาผู้ชายคนหนึ่งที่หูหนวกและพูดไม่ค่อยได้” มาหาท่าน (มาระโก 7:31-35) ท่านไม่ได้รักษาเขาต่อหน้าคนมากมาย ทำไม? เพราะเขาหูหนวก เขาเลยอาจรู้สึกอึดอัดถ้ามีคนเยอะ ๆ พระเยซูเข้าใจความรู้สึกเขา ท่าน “พาเขาแยกออกมาจากฝูงชน” พาไปในที่ที่ไม่มีใครและรักษาเขาที่นั่น ถึงเราจะทำการอัศจรรย์ไม่ได้ แต่เราก็คิดถึงความรู้สึกและ ความจำเป็นของพี่น้องได้ เปาโลเขียนว่า “ให้เราสนใจกัน เราจะได้กระตุ้นกันให้มีความรักและทำความดี” (ฮีบรู 10:24) พระเยซูเข้าใจว่าคนหูหนวกคนนี้รู้สึกอย่างไรและคิดถึงความรู้สึกของเขา ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีให้เราจริง ๆ
8, 9. เราจะแสดงอย่างไรว่าเราคิดถึงความรู้สึกของพี่น้องสูงอายุ เจ็บป่วย และพิการ? ขอยกตัวอย่าง
8 คิดถึงความรู้สึกของพี่น้องที่สูงอายุ ป่วย และพิการ ลักษณะเด่นของประชาคมคริสเตียนคือทุกคนรักกัน ไม่ใช่การทำผลงานให้ได้มาก ๆ (ยอห์น 13:34, 35) ความรักทำให้เราพยายามเต็มที่ที่จะช่วยเหลือพี่น้องสูงอายุ เจ็บป่วย หรือพิการ เพื่อพวกเขาจะไปประชุมและไปประกาศได้ เราเต็มใจช่วยพวกเขาแม้เราจะไม่สะดวก หรือมันอาจทำให้เรารับใช้ไม่ได้มากเหมือนปกติ หรือพี่น้องเหล่านั้นอาจทำอะไรได้ไม่ค่อยมาก (มัทธิว 13:23) ไมเคิลซึ่งนั่งรถเข็นบอกว่า เขาเห็นค่าครอบครัวกับพี่น้องจริง ๆ ที่ช่วยเขา ไมเคิลบอกว่า “เพราะทุกคนช่วย ผมเลยไปประชุมได้แทบทุกครั้ง ผมยังไปประกาศเป็นประจำได้ด้วย ผมชอบประกาศสาธารณะเป็นพิเศษครับ”
9 ในเบเธลหลายแห่ง มีพี่น้องสูงอายุ ป่วย หรือพิการ ผู้ดูแลหลายคนที่รักและเอาใจใส่พี่น้องเหล่านี้จะดูแลให้พวกเขาสามารถประกาศทางจดหมายหรือโทรศัพท์ได้ เช่น บิลซึ่งอายุ 86 เขียนจดหมายไปหาผู้คนในเขตที่ห่างไกลมาก เขาบอกว่า “เราขอบคุณมากจริง ๆ สำหรับสิทธิพิเศษที่ยังมีโอกาสได้ประกาศทางจดหมาย” แนนซีซึ่งอายุเกือบ 90 ปีแล้วบอกว่า “ฉันไม่ได้มองว่าการเขียนจดหมายเป็นแค่การสักแต่ว่าเขียนอะไร ๆ ใส่ซอง มันเป็นงานรับใช้ ผู้คนต้องรู้ความจริง” เอเธลซึ่งเกิดในปี 1921 บอกว่า “ความเจ็บปวดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน บางวันแค่จะแต่งตัวก็ยังแทบไม่ไหว” แต่เธอยังชอบประกาศทางโทรศัพท์และมีรายเยี่ยมดี ๆ ด้วย บาร์บาราอายุ 85 เล่าว่า “ฉันสุขภาพไม่ดี ไปประกาศเป็นประจำไม่ค่อยไหว การประกาศทางโทรศัพท์ทำให้ฉันมีโอกาสได้คุยกับผู้คน ฉันขอบคุณพระยะโฮวาจริง ๆ ค่ะ” ในช่วงไม่ถึงหนึ่งปี พี่น้องสูงอายุที่มีค่าเหล่านี้กับพี่น้องสูงอายุอีกหลายคนในเบเธลแห่งหนึ่งมีจำนวนชั่วโมงการประกาศรวมกันถึง 1,228 ชั่วโมง เขียนจดหมาย 6,265 ฉบับ คุยโทรศัพท์กับผู้คนมากกว่า 2,000 ครั้ง ให้หนังสือและสื่อต่าง ๆ เป็นจำนวนถึง 6,315 ชิ้น! เรามั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวามีความสุขมากที่พวกเขาพยายามขนาดนี้—สุภาษิต 27:11
10. เราจะช่วยพี่น้องให้ได้ประโยชน์เต็มที่จากการประชุมได้อย่างไร?
10 คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นที่การประชุม เมื่อเราคิดถึงความรู้สึกของพี่น้อง พวกเขาจะได้ประโยชน์จากการประชุมเต็มที่ วิธีหนึ่งที่เราทำได้คือมาประชุมตรงเวลา นี่จะช่วยไม่ให้พี่น้องเสียสมาธิในการประชุม แต่บางครั้งก็อาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่ทำให้เราต้องมาสาย แต่ถ้าเรามาสายบ่อย ๆ เราต้องคิดว่ามันอาจส่งผลต่อพี่น้องอย่างไร เราจะปรับปรุงตัวได้ไหมเพื่อแสดงว่าเราคิดถึงความรู้สึกของพวกเขา จำไว้ว่าพระยะโฮวาและพระเยซูเป็นเจ้าภาพเชิญเรามาประชุม (มัทธิว 18:20) เราต้องแสดงว่านับถือและให้เกียรติพระองค์ทั้งสองโดยไม่มาสาย
11. ทำไมพี่น้องที่มีส่วนในการประชุมต้องทำตามคำแนะนำที่ 1 โครินธ์ 14:40?
11 ถ้าเราคิดถึงความรู้สึกของพี่น้อง เราจะทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า “ให้ทำทุกสิ่งอย่างเหมาะสมและเป็นระเบียบเรียบร้อย” (1 โครินธ์ 14:40) พี่น้องที่มีส่วนในการประชุมควรทำส่วนจบตรงเวลา การทำแบบนี้แสดงว่าเขาไม่ใช่ แค่คิดถึงคนที่ทำส่วนต่อไปเท่านั้น แต่ยังคิดถึงพี่น้องทั้งประชาคมด้วย คิดดูสิ ถ้าการประชุมจบเลยเวลามันจะเป็นอย่างไร พี่น้องบางคนอยู่ไกลและต้องขับรถมาไกล บางคนอาจต้องขึ้นรถเมล์หรือรถไฟ ส่วนพี่น้องบางคนก็มีสามีหรือภรรยาที่ไม่เป็นพยานฯ
12. ทำไมผู้ดูแลสมควรได้รับความรักและความนับถือจากเรา? (ดูกรอบ “คิดถึงความรู้สึกของพี่น้องที่นำหน้า”)
12 ผู้ดูแลทำงานหนักในประชาคมและในเขตประกาศ พวกเขาสมควรได้รับความรักและความนับถือจากเรา (อ่าน 1 เธสะโลนิกา 5:12, 13) คุณคงเห็นค่าสิ่งที่พวกเขาทำมากแน่ ๆ คุณสามารถแสดงว่าคุณเห็นค่าพวกเขาด้วยการเต็มใจเชื่อฟังและให้ความร่วมมือ เพราะ “พวกเขาคอยดูแลพวกคุณอยู่เหมือนกับคนที่ต้องรายงานต่อนาย”—ฮีบรู 13:7, 17
คิดถึงความรู้สึกคนที่เราประกาศ
13. เราเรียนอะไรได้จากพระเยซู?
13 คำพยากรณ์ของอิสยาห์เกี่ยวกับพระเยซูบอกว่า “ต้นอ้อที่ช้ำแล้ว เขาจะไม่หัก ไส้ตะเกียงที่มีไฟริบหรี่ เขาจะไม่ดับ” (อิสยาห์ 42:3) พระเยซูรักผู้คน ท่านเลยเห็นอกเห็นใจพวกเขา ท่านเข้าใจความรู้สึกของคนที่ท้อและหมดแรง พวกเขาเป็นเหมือน “ต้นอ้อที่ช้ำ” หรือ “ไส้ตะเกียงที่มีไฟริบหรี่” ท่านเลยคิดถึงความรู้สึกของพวกเขา อดทนและอ่อนโยนกับพวกเขา แม้แต่เด็ก ๆ ก็อยากอยู่ใกล้พระเยซู (มาระโก 10:14) เราไม่สามารถเข้าใจผู้คนได้เหมือนพระเยซูและสอนไม่ได้ขนาดท่าน แต่เราสามารถคิดถึงความรู้สึกของคนในเขตทำงานของเราได้โดยคิดว่าเราควรจะพูด กับเขาอย่างไร ไปหาเขาตอนไหน และจะคุยกับเขานานเท่าไร
14. ทำไมควรคิดให้ดีว่าจะพูดอย่างไร?
14 พูดอย่างไร? หลายล้านคนในทุกวันนี้ “ถูกขูดรีดและถูกทอดทิ้ง” เพราะอยู่ภายใต้ระบบของโลกที่มีแต่การคดโกงและชั่วร้าย ไม่ว่าจะเป็นการค้า การเมือง และศาสนาต่าง ๆ (มัทธิว 9:36) ผลก็คือหลายคนรู้สึกไม่ไว้ใจใครและสิ้นหวัง ดังนั้น เวลาเราพูดกับพวกเขา คำพูดและน้ำเสียงของเราควรอ่อนโยนและแสดงว่าเป็นห่วงเขาจริง ๆ หลายคนชอบฟังเรา ไม่ใช่แค่เพราะเราใช้คัมภีร์ไบเบิลเก่ง แต่เราสนใจ นับถือ และให้เกียรติเขาจริง ๆ
15. เราจะคิดถึงความรู้สึกของผู้คนในเขตประกาศอย่างไรบ้าง?
15 มีหลายวิธีที่เราจะคิดถึงความรู้สึกของผู้คนในเขตประกาศ ตอนที่เราถามคำถาม เราต้องคิดถึงความรู้สึกของผู้ฟัง เราต้องนับถือและให้เกียรติเขา ไพโอเนียร์คนหนึ่งประกาศในเขตที่ผู้คนขี้อาย เขาเลยไม่ใช้คำถามที่ทำให้อึดอัดและไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เช่น เขาจะไม่ถามว่า “คุณรู้จักชื่อพระเจ้าไหม?” หรือ “คุณรู้ไหมว่ารัฐบาลของพระเจ้าคืออะไร?” แต่จะพูดว่า “ผมเรียนจากคัมภีร์ไบเบิลว่าพระเจ้ามีชื่อ ผมอยากให้คุณดูได้ไหมว่าพระองค์ชื่ออะไร?” วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้ทุกเขตเพราะคนเราแตกต่างกันและวัฒนธรรมก็แตกต่างกัน แต่เราควรให้เกียรติและนับถือคนอื่น รวมทั้งคิดถึงความรู้สึกผู้คนเสมอ เพื่อเราจะทำแบบนั้นได้ เราต้องรู้จักพวกเขาอย่างดี
16, 17. เราจะคิดถึงความรู้สึกของเจ้าของบ้านได้อย่างไร (ก) ตอนที่คิดว่าจะไปหาเขาตอนไหน? (ข) ตอนที่คิดว่าจะคุยกับเขานานเท่าไร?
16 ไปตอนไหน? ตอนไปประกาศตามบ้าน เจ้าของบ้านไม่คิดว่าเราจะมาหาเพราะเขาไม่ได้เชิญเรา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องไปหาเขาตอนที่เขาอาจพร้อมจะคุยมากกว่า (มัทธิว 7:12) เช่น คนในเขตของคุณชอบนอนตื่นสายในวันเสาร์หรืออาทิตย์ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ช่วงเสาร์อาทิตย์คุณอาจต้องเริ่มงานรับใช้โดยใช้วิธีอื่นแทน เช่น ประกาศตามถนน ประกาศในที่สาธารณะ และกลับเยี่ยมคนที่สะดวกจะคุย
17 คุยนานเท่าไร? ผู้คนในทุกวันนี้ยุ่งมาก ดังนั้น คุณอาจคุยสั้น ๆ กับพวกเขาโดยเฉพาะครั้งแรก การคุยสั้น ๆ ดีกว่าคุยนานเกินไป (1 โครินธ์ 9:20-23) เมื่อเจ้าของบ้านกำลังยุ่งและเราก็แสดงให้เขาเห็นว่าเราเข้าใจ คราวหน้าเขาอาจพร้อมจะคุยกับเราก็ได้ ถ้าเราแสดงผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า เราก็เป็น “เพื่อนร่วมงานของพระเจ้า” และพระองค์อาจใช้เราช่วยบางคนให้เรียนคัมภีร์ไบเบิลก็ได้—1 โครินธ์ 3:6, 7, 9
18. เมื่อเราคิดถึงความรู้สึกคนอื่น เราจะได้รับพรอะไร?
18 ให้เราพยายามเต็มที่ที่จะคิดถึงความรู้สึกของคนในครอบครัว พี่น้อง และคนในเขตประกาศ เมื่อเราทำอย่างนั้น เราจะได้พรมากมายทั้งในตอนนี้และตลอดไป สดุดี 41:1, 2 บอกว่า “คนที่เห็นใจคนต่ำต้อยก็มีความสุข พระยะโฮวาจะช่วยเขาในวันที่เขาเจอหายนะ พระยะโฮวาจะปกป้องเขาและช่วยเขาให้รอดชีวิต ผู้คนจะประกาศไปทั่วโลกว่าเขามีความสุข”