บทความศึกษา 37
“อย่าหยุด”
“ให้หว่านพืชในตอนเช้าและอย่าหยุดจนกว่าจะถึงตอนเย็น”—ปญจ. 11:6
เพลง 68 หว่านเมล็ดของรัฐบาลพระเจ้า
ใจความสำคัญ *
1-2. ปัญญาจารย์ 11:6 เกี่ยวข้องกับการประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าอย่างไร?
ในบางประเทศผู้คนสนใจและอยากเรียนข่าวดีมากตอนที่พี่น้องไปประกาศ เรื่องที่พวกเขาได้ยินเป็นเหมือนกับอะไรที่พวกเขารอคอยมานาน ส่วนในบางประเทศผู้คนไม่ค่อยสนใจเรื่องพระเจ้าหรือคัมภีร์ไบเบิลเท่าไร แล้วเขตของคุณล่ะเป็นอย่างไร? ไม่ว่าผู้คนจะสนใจหรือไม่สนใจ พระยะโฮวาก็อยากให้เราทำงานประกาศต่อ ๆ ไปจนกว่าพระองค์จะบอกว่างานนี้เสร็จแล้ว
2 พระยะโฮวาคิดไว้แล้วว่างานประกาศจะต้องสิ้นสุดลงเมื่อไร และพองานนี้เสร็จแล้ว “จุดจบก็จะมาถึง” (มธ. 24:14, 36) แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เราจะทำตามคำพูดที่บอกให้เรา “อย่าหยุด” ได้อย่างไร? *—อ่านปัญญาจารย์ 11:6
3. เราจะคุยอะไรกันในบทความนี้?
3 บทความที่แล้วพูดถึง 4 อย่างที่เราต้องทำเพื่อจะประกาศหรือ “หาคน” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (มธ. 4:19) บทความนี้เราจะมาดู 3 อย่างที่ช่วยให้เราตั้งใจประกาศต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม เราจะได้เรียนว่าทำไมถึงสำคัญที่เราจะ (1) ให้งานประกาศสำคัญที่สุดในชีวิตเสมอ (2) อดทน (3) รักษาความเชื่อให้เข็มแข็ง
ให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเสมอ
4. ทำไมเราต้องพยายามให้งานมอบหมายที่พระยะโฮวาให้เราทำเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตอยู่เสมอ?
4 พระเยซูบอกล่วงหน้าเกี่ยวกับสมัยสุดท้ายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างและผู้คนจะเป็นอย่างไร ซึ่งนี่อาจดึงความสนใจสาวกของท่านและทำให้พวกเขาไม่มธ. 24:42) ในสมัยของโนอาห์มีหลายอย่างที่ทำให้ผู้คนไม่สนใจคำเตือนของเขา ซึ่งสิ่งเหล่านั้นอาจดึงความสนใจของเราในทุกวันนี้ได้ด้วยเหมือนกัน (มธ. 24:37-39; 2 ปต. 2:5) ดังนั้นเราจะพยายามให้งานมอบหมายที่พระยะโฮวาให้เราทำเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราอยู่เสมอ
ได้ให้งานประกาศเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ท่านเลยบอกให้สาวกของท่าน “เฝ้าระวังอยู่เสมอ” (5. กิจการ 1:6-8 บอกว่าจะมีการประกาศข่าวดีไปไกลแค่ไหน?
5 ทุกวันนี้เราต้องให้งานประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต พระเยซูบอกล่วงหน้าว่าสาวกของท่านจะประกาศต่อไปหลังจากที่ท่านตาย และพวกเขาจะทำงานนี้มากกว่าที่ท่านทำอีก (ยน. 14:12) แต่สาวกของท่านกลับไปทำงานหาปลาหลังจากที่ท่านตาย แล้วพระเยซูทำอย่างไร? หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย ท่านก็ทำการอัศจรรย์โดยให้พวกเขาจับปลาได้เยอะมาก ท่านใช้เหตุการณ์นี้เพื่อเน้นว่างาน “หาคน” เป็นงานที่สำคัญมากกว่างานอื่น ๆ ทั้งหมด (ยน. 21:15-17) ก่อนที่ท่านจะขึ้นไปบนสวรรค์ ท่านบอกสาวกของท่านว่างานประกาศที่ท่านได้เริ่มไว้จะขยายออกไปมากกว่าแค่ในอิสราเอลเท่านั้น (อ่านกิจการ 1:6-8) หลายปีต่อมาพระเยซูให้อัครสาวกยอห์นเห็นนิมิตเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน “วันของผู้เป็นนาย” * ในนิมิตนั้นยอห์นเห็นทูตสวรรค์กำลังชี้นำงานประกาศ “ข่าวดีที่จะคงอยู่ตลอดไป” ใน “ทุกประเทศทุกตระกูลทุกภาษาและทุกชนชาติ” (วว. 1:10; 14:6) เห็นได้ชัดว่าพระยะโฮวาอยากให้เราทุกคนมีส่วนร่วมในการประกาศข่าวดีทั่วโลกในทุกวันนี้และทำจนกว่างานนี้จะเสร็จ
6. อะไรจะช่วยเราทำให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราเสมอ?
6 เราจะให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเสมอถ้าเราคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยะโฮวาทำเพื่อช่วยมธ. 24:45-47) ทั้ง ๆ ที่โลกมีแต่ความแตกแยกทางการเมืองและศาสนา ผู้คนก็แบ่งแยกกันเพราะความรวยความจน แต่ผู้รับใช้ของพระเจ้ามากกว่า 8 ล้านคนก็ยังเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก ตัวอย่างเช่น ในวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2019 พยานพระยะโฮวาเป็นหนึ่งเดียวกันเพราะพวกเขาดูวีดีโอการอธิบายข้อคัมภีร์ประจำวันเหมือนกันทั่วโลก และในเย็นวันนั้นมี 20,919,041 คนที่เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงการตายของพระเยซู เมื่อเราคิดถึงสิทธิพิเศษที่ได้เห็นและได้เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งเป็นเหมือนการอัศจรรย์ในทุกวันนี้ เราก็อยากทำให้งานประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราเสมอ
เรา ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาให้เรามีหนังสือทั้งแบบที่เป็นเล่มและแบบดิจิตอล ไฟล์เสียงและวีดีโอ รวมทั้งรายการโทรทัศน์ด้วย ลองคิดดูสิในเว็บไซต์ของเราตอนนี้มีมากกว่า 1,000 ภาษา! (7. ตัวอย่างของพระเยซูช่วยเราทำให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเสมอได้อย่างไร?
7 อีกวิธีหนึ่งที่เราจะทำให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราเสมอก็คือการทำตามตัวอย่างของพระเยซู ท่านไม่ยอมให้อะไรมาดึงความสนใจของท่านไปจากการประกาศความจริง (ยน. 18:37) ตัวอย่างเช่น ตอนที่ซาตานมาล่อใจท่าน มันเสนอ “ประเทศทั้งหมดในโลกและความยิ่งใหญ่ของประเทศเหล่านั้น” ให้กับท่าน แต่ท่านปฏิเสธมัน และตอนที่ผู้คนพยายามตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ ท่านก็ไม่สนใจ (มธ. 4:8, 9; ยน. 6:15) ท่านไม่ได้สนใจความร่ำรวย และถึงแม้จะเจอการข่มเหงอย่างหนัก แต่ท่านก็ยังให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของท่านเสมอ (ลก. 9:58; ยน. 8:59) เมื่อความเชื่อของเราถูกทดสอบ เราจะยังทำให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราเสมอได้ ถ้าเราจำคำแนะนำของอัครสาวกเปาโลที่บอกคริสเตียนให้ทำตามตัวอย่างของพระเยซูเพื่อ “จะได้ไม่ท้อถอยและยอมแพ้”—ฮบ. 12:3
อดทน
8. ความอดทนคืออะไร? และทำไมความอดทนถึงสำคัญเป็นพิเศษในตอนนี้?
8 ความอดทนคือการรอคอยอย่างสงบใจจนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป อาจมีอะไรดี ๆ บางอย่างที่เรากำลังรอมานานแล้วหรือเราอาจกำลังรอให้สิ่งไม่ดีและปัญหาต่าง ๆ หมดไป ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเราก็ต้องมีความอดทน ผู้พยากรณ์ฮาบากุกก็รอคอยวันที่ความรุนแรงจะหมดไปจากยูดาห์ (ฮบก. 1:2) สาวกของพระเยซูก็ “คิดว่ารัฐบาลของพระเจ้าใกล้จะมาแล้ว” และหวังว่ารัฐบาลนี้จะช่วยพวกเขาให้เป็นอิสระจากการปกครองของพวกโรมัน (ลก. 19:11) เราก็รอคอยวันที่รัฐบาลของพระเจ้าจะกำจัดความชั่วให้หมดไปและรอคอยโลกใหม่ที่จะมีแต่คนที่เชื่อฟังพระองค์ (2 ปต. 3:13) แต่เราต้องมีความอดทนและรอคอยเวลาที่พระยะโฮวากำหนดไว้ ตอนนี้ให้เรามาดูวิธีที่พระยะโฮวาสอนเราให้เป็นคนอดทน
9. มีตัวอย่างอะไรบ้างที่แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาอดทน?
9 พระยะโฮวาเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบในการแสดงความอดทน พระองค์ให้โนอาห์มีเวลาพอที่จะสร้างเรือและเตือนผู้คนเกี่ยวกับน้ำท่วมที่กำลังจะมา (2 ปต. 2:5; 1 ปต. 3:20) ถึงอับราฮัมจะถามพระยะโฮวาไม่หยุดเกี่ยวกับการทำลายคนชั่วในเมืองโสโดมและโกโมราห์ พระองค์ก็ยังอดทนฟังเขา (ปฐก. 18:20-33) ทั้ง ๆ ที่ชาวอิสราเอลไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาเป็นเวลาหลายร้อยปี พระองค์ก็ยังอดทนกับพวกเขามาก (นหม. 9:30, 31) ในทุกวันนี้ เราเห็นหลักฐาน ชัดเจนว่าพระยะโฮวาก็กำลังอดทนโดยให้เวลาทุกคน “กลับตัวกลับใจ” เพื่อมาหาพระองค์ (2 ปต. 3:9; ยน. 6:44; 1 ทธ. 2:3, 4) ตัวอย่างของพระยะโฮวาทำให้เราเห็นว่าเราควรอดทนตอนที่เราประกาศและสอนคนอื่นต่อ ๆ ไป นอกจากนั้น พระองค์ยังให้ตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อสอนเราให้เป็นคนอดทนด้วย
10. ตัวอย่างของชาวไร่ชาวนาในยากอบ 5:7, 8 สอนอะไรเรา?
10 อ่านยากอบ 5:7, 8 ตัวอย่างของชาวไร่ชาวนาที่ปลูกพืชสอนเราให้เป็นคนอดทน ก็จริงที่พืชบางชนิดโตเร็วมาก แต่พืชส่วนใหญ่ต้องใช้เวลานานกว่ามันจะโตและเกิดดอกออกผลให้เก็บเกี่ยวได้ ในประเทศอิสราเอลชาวไร่ชาวนาจะเริ่มหว่านเมล็ดในช่วงที่เริ่มมีฝนประมาณกลางเดือนตุลาคม แล้วพวกเขาก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวในช่วงปลายฝนประมาณกลางเดือนเมษายน ดังนั้นช่วงเวลาที่พืชเติบโตจะกินเวลาประมาณ 6 เดือน (มก. 4:28) ขอให้เราตั้งใจเลียนแบบความอดทนของชาวไร่ชาวนา แต่บางครั้งการอดทนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
11. ความอดทนช่วยเราอย่างไรในงานรับใช้?
11 ปกติแล้วเวลามนุษย์ไม่สมบูรณ์ทำอะไรก็อยากจะเห็นผลเร็ว ๆ แต่ถ้าเราอยากปลูกอะไรให้ได้ผล เราต้องดูแลเอาใจใส่มันอย่างดีและต้องอดทน เราต้องหมั่นรดน้ำพรวนดินและถอนวัชพืช งานสอนคนให้เป็นสาวกก็ต้องใช้ความพยายามและความอดทนเหมือนกัน เราต้องใช้เวลาเพื่อช่วยนักศึกษาให้ขจัดอคติที่เป็นเหมือนวัชพืชในใจของเขา ความอดทนจะช่วยให้เราไม่ท้อตอนที่คนไม่ฟังเรา แต่ถึงจะมีคนที่อยากฟังและอยากศึกษา เราก็ต้องอดทนอยู่ดี เราไม่สามารถบังคับนักศึกษาให้ก้าวหน้าและมีความเชื่อได้ แม้แต่สาวกของพระเยซูก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจบางเรื่องที่ท่านสอน (ยน. 14:9) จำไว้ว่าเราอาจจะเป็นคนปลูกและรดน้ำ แต่พระเจ้าเป็นผู้ที่ทำให้เติบโต—1 คร. 3:6
12. เราจะอดทนตอนที่ประกาศกับญาติที่ไม่มีความเชื่อได้อย่างไร?
ปัญญาจารย์ 3:1, 7 ช่วยเราได้ ที่นั่นบอกว่า “มีเวลา . . . เงียบและเวลาพูด” ความประพฤติที่ดีอาจช่วยให้ญาติฟังเรา แต่เราก็ต้องพยายามพูดเรื่องพระยะโฮวากับพวกเขาทุกครั้งที่มีโอกาส (1 ปต. 3:1, 2) เราต้องประกาศและสอนอย่างกระตือรือร้น แต่เราต้องอดทนเสมอกับทุกคนรวมถึงญาติของเราด้วย
12 สถานการณ์หนึ่งที่อาจทำให้เรารู้สึกว่ายากที่จะแสดงความอดทนก็คือ ตอนที่ประกาศกับญาติที่ไม่มีความเชื่อ หลักการที่13-14. มีตัวอย่างของใครบ้างที่เราเลียนแบบได้ในเรื่องความอดทน?
13 เราสามารถเรียนรู้ที่จะอดทนได้จากตัวอย่างของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลและในสมัยปัจจุบันด้วย เช่น ฮาบากุกอยากให้ความชั่วหมดไปเร็ว ๆ แต่เขาก็แสดงความอดทนโดยบอกว่า “ผมจะยืนเฝ้าประจำที่ต่อไป” (ฮบก. 2:1) อัครสาวกเปาโลอยากทำงานมอบหมายของเขาให้สำเร็จและได้รับรางวัลในสวรรค์ แต่เขาก็อดทนต่อไปที่จะ “ประกาศข่าวดีเรื่องความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าให้ทั่วถึง”—กจ. 20:24
14 ให้เรามาดูตัวอย่างของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่จบจากโรงเรียนกิเลียด พวกเขาถูกมอบหมายไปในประเทศที่ไม่ค่อยมีพยานฯ ผู้คนส่วนใหญ่ที่นั่นไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์และไม่ค่อยอยากศึกษาคัมภีร์ไบเบิล แต่พวกเขากลับได้ยินเพื่อนร่วมชั้นที่รับใช้ในประเทศอื่นเล่าให้ฟังว่ามีนักศึกษาหลายคนที่กำลังก้าวหน้า ถึงจะเป็นอย่างนั้น สามีภรรยาคู่นี้ก็ยังอดทนรับใช้ต่อไปถึงคนในเขตของพวกเขาจะไม่ค่อยฟัง และหลังจากที่ประกาศมา 8 ปีในเขตที่ดูเหมือนไม่ค่อยเกิดผล พวกเขาก็มีความสุขที่ได้เห็นนักศึกษาคนหนึ่งของพวกเขารับบัพติศมา เราได้เรียนอะไรจากตัวอย่างของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลและในสมัยปัจจุบัน? พวกเขายังกระตือรือร้นเสมอและไม่หยุดทำงานรับใช้ และพระยะโฮวาก็ให้รางวัลที่พวกเขาอดทน ขอให้เรา “เลียนแบบคนที่ได้รับสิ่งที่พระเจ้าสัญญาเป็นรางวัลเพราะพวกเขามีความเชื่อและความอดทน”—ฮบ. 6:10-12
รักษาความเชื่อให้เข้มแข็ง
15. ความเชื่อช่วยเราอย่างไรให้ตั้งใจที่จะประกาศต่อ ๆ ไป?
15 เรามีความเชื่อในสิ่งที่เราประกาศ เราก็เลยอยากบอกเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเราเชื่อคำสัญญาของพระยะโฮวาในคัมภีร์ไบเบิล (สด. 119:42; อสย. 40:8) และเราได้เห็นคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเกิดขึ้นจริงในสมัยของเรา นอกจากนั้นเรายังได้เห็นกับตาว่าชีวิตผู้คนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากตอนที่เขาทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล ทั้งหมดนี้ทำให้เรามีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น และทำให้เราอยากไปบอกคนอื่น ๆ เกี่ยวกับข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า
16. สดุดี 46:1-3 ช่วยเราอย่างไรให้เข้าใจว่าถ้าเรามีความเชื่อในพระยะโฮวา เราจะตั้งใจประกาศต่อ ๆ ไป? และความเชื่อในพระเยซูช่วยเราอย่างไรด้วยในเรื่องนี้?
16 นอกจากนั้น เราเชื่อในพระยะโฮวา สิ่งที่เราประกาศมาจากพระองค์ และเราเชื่อในพระเยซูผู้ที่พระองค์แต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ในรัฐบาลของพระองค์ (ยน. 14:1) ไม่ว่าเราจะเจอกับอะไรก็ตาม พระยะโฮวาจะเป็นที่หลบภัยและเป็นกำลังให้เราเสมอ (อ่านสดุดี 46:1-3) นอกจากนั้น เรามั่นใจว่าพระเยซูกำลังชี้นำงานประกาศในทุกวันนี้จากสวรรค์ด้วยพลังและอำนาจที่ท่านได้จากพระยะโฮวา—มธ. 28:18-20
17. ขอให้ยกตัวอย่างว่าทำไมเราถึงต้องประกาศต่อ ๆ ไป
17 ความเชื่อช่วยให้เรามั่นใจว่าพระเจ้าจะอวยพรปญจ. 11:6) ตัวอย่างเช่น ทุกวันมีหลายพันคนที่เดินผ่านรถเข็นและโต๊ะแสดงหนังสือของเรา การประกาศแบบนี้ได้ผลจริง ๆ ไหม? แน่นอน งานรับใช้พระเจ้า เดือนพฤศจิกายน 2014 พูดถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งที่อยากจะเขียนรายงานเกี่ยวกับพยานพระยะโฮวา เธอหาหอประชุมไม่เจอ แต่เธอเห็นโต๊ะแสดงหนังสือของพยานพระยะโฮวาที่มหาวิทยาลัยซึ่งมีข้อมูลที่จะช่วยให้เธอเขียนรายงานได้ ในที่สุดเธอก็รับบัพติศมาและตอนนี้เป็นไพโอเนียร์ประจำ ประสบการณ์แบบนี้ทำให้เห็นว่ายังมีคนที่ต้องได้เห็นและได้ยินข่าวสารเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า และนี่ทำให้เราอยากจะประกาศต่อ ๆ ไป
ความพยายามของเรา และบางครั้งพระองค์อวยพรในแบบที่เราคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ (ตั้งใจที่จะไม่หยุดประกาศ
18. ทำไมเราถึงมั่นใจได้ว่างานประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าจะเสร็จตามที่พระยะโฮวาต้องการ?
18 เรามั่นใจได้ว่างานประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าจะเสร็จตามเวลาที่กำหนดแน่นอน ให้เราลองคิดถึงสิ่งที่พระยะโฮวาทำในสมัยของโนอาห์ สิ่งที่พระองค์ทำในตอนนั้นช่วยให้เราเห็นว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่รักษาเวลาและทำสิ่งต่าง ๆ ในเวลาที่เหมาะสมที่สุด เช่น พระองค์กำหนดเวลาที่น้ำจะท่วมโลกเอาไว้แล้วก่อนหน้านั้น 120 ปี หลายปีหลังจากนั้นพระองค์ก็สั่งให้โนอาห์สร้างเรือ และเขาอาจจะใช้เวลา 40 หรือ 50 ปีทำงานอย่างหนักก่อนที่น้ำจะท่วมโลก ถึงจะไม่มีใครฟังเขาเลยแต่โนอาห์ก็ยังประกาศคำเตือนต่อไปจนพระยะโฮวาบอกเขาให้เอาสัตว์เข้าไปในเรือ แล้วเมื่อถึงเวลา “พระยะโฮวาก็ปิดประตูเรือ”—ปฐก. 6:3; 7:1, 2, 16
19. เราจะได้เห็นเหตุการณ์อะไรถ้าเราไม่หยุดประกาศ?
19 อีกไม่นานพระยะโฮวาจะบอกเราว่างานประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระองค์เสร็จแล้ว แล้วพระองค์จะ “ปิดประตู” และทำลายโลกของซาตาน พระองค์จะพาเราเข้าสู่โลกใหม่ที่มีแต่คนที่เชื่อฟังพระองค์ กว่าจะถึงตอนนั้น ขอให้เราเลียนแบบโนอาห์ ฮาบากุก และคนอื่น ๆ ที่ไม่หยุดทำงานรับใช้ของเขา ขอให้เราทำให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเสมอ อดทน และรักษาความเชื่อในพระยะโฮวาและคำสัญญาของพระองค์เสมอ
เพลง 75 ‘ส่งฉันไปเถอะ’
^ วรรค 5 บทความที่แล้วกระตุ้นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่ก้าวหน้าให้ตอบรับคำเชิญของพระเยซูให้ทำงาน “หาคน” บทความนี้เราจะดูว่ามี 3 อย่างอะไรที่จะช่วยผู้ประกาศทุกคนทั้งคนที่เป็นผู้ประกาศใหม่และคนที่เป็นผู้ประกาศมานานแล้วให้มีความตั้งใจที่จะทำงานประกาศต่อ ๆ ไปจนกว่าพระยะโฮวาจะบอกว่างานนี้เสร็จแล้ว
^ วรรค 2 อธิบายคำศัพท์ ในบทความนี้ คำว่า “อย่าหยุด” หมายความว่าเราต้องตั้งใจที่จะประกาศข่าวดีต่อ ๆ ไปจนกว่าพระยะโฮวาจะบอกว่างานนี้เสร็จแล้ว
^ วรรค 5 “วันของผู้เป็นนาย” เริ่มตอนที่พระเยซูเป็นกษัตริย์ในปี 1914 และจะจบลงในตอนสิ้นสุดสมัยพันปี