ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ผมชอบเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาและสอนเรื่องพระองค์

ผมชอบเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาและสอนเรื่องพระองค์

ผม​เกิด​และ​โต​ที่​เมือง​อีสตัน รัฐ​เพนซิลเวเนีย สหรัฐ​อเมริกา ผม​ตั้งใจ​ว่า​จะ​เรียน​มหาวิทยาลัย​เพื่อ​จะ​ได้​มี​หน้า​มี​ตา​กับ​เขา ผม​ชอบ​เรียน​หนังสือ โดย​เฉพาะ​ชอบ​เรียน​เลข​กับ​วิทยาศาสตร์​มาก​ที่​สุด​และ​ทำ​คะแนน​ได้​ดี​ด้วย ใน​ปี 1956 ผม​ได้​ทุน​เรียน​จาก​องค์กร​สิทธิ​พลเรือน 25 ดอลลาร์​เพราะ​ผม​สอบ​ได้​ที่​หนึ่ง​ใน​กลุ่ม​นัก​เรียน​ผิว​สี แต่​ต่อ​มา​เป้าหมาย​ชีวิต​ผม​ก็​เปลี่ยน​ไป เพราะ​อะไร​น่ะ​เหรอ? เดี๋ยว​ผม​จะ​เล่า​ให้​ฟัง

ผม​มา​รู้​จัก​พระ​ยะโฮวา​ได้​ยังไง

ไม่​นาน​หลัง​จาก​ปี 1940 พ่อ​แม่​ผม​ได้​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา ต่อ​มา​พวก​เขา​ก็​เลิก​ศึกษา แต่​แม่​ก็​ยัง​รับ​วารสาร​หอสังเกตการณ์ และ​ตื่นเถิด! อยู่ ใน​ปี 1950 มี​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ที่​นคร​นิวยอร์ก พยาน​ฯ ก็​ชวน​เรา​ไป​ประชุม​ที่​นั่น​ด้วย

หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน​พี่​น้อง​ลอเรนซ์ เจฟฟรีย์​ก็​เริ่ม​มา​เยี่ยม​ครอบครัว​เรา​เป็น​ประจำ เขา​อยาก​ช่วย​ผม​เป็น​พิเศษ ตอน​แรก​ผม​ไม่​เห็น​ด้วย​กับ​เขา​เรื่อง​ที่​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ยุ่ง​กับ​การ​เมือง​และ​ไม่​ยอม​เป็น​ทหาร ผม​บอก​เขา​ว่า​ถ้า​คน​อเมริกัน​ไม่​เป็น​ทหาร​กัน​สัก​คน​และ​ไม่​มี​ใคร​ไป​สู้​ใน​สนาม​รบ ศัตรู​ก็​คง​ยึด​ประเทศ​เรา​สิ พี่​น้อง​ลอเรนซ์​คุย​กับ​ผม​อย่าง​ใจ​เย็น​ว่า “ถ้า​คน​อเมริกัน​ทุก​คน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา แล้ว​ถ้า​มี​ศัตรู​มา​โจมตี คุณ​คิด​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​ทำ​ยังไง?” คำ​พูด​นี้​ของ​เขา​และ​เรื่อง​อื่น ๆ ที่​เขา​คุย​กับ​ผม​ทำ​ให้​เห็น​เลย​ว่า​ผม​ไม่​มี​อะไร​ที่​จะ​ค้าน​เขา​ได้​เลย ผม​ก็​เลย​สนใจ​อยาก​รู้​มาก​ขึ้น

ตอน​ที่​ผม​รับ​บัพติศมา

ผม​ไล่​อ่าน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ กับ​ตื่นเถิด! เล่ม​เก่า​ที่​แม่​เก็บ​ไว้​ใน​ห้อง​ใต้​ดิน ใน​ที่​สุด​ผม​ก็​ยอม​รับ​ว่า​นี่​เป็น​ความ​จริง ผม​เลย​ตก​ลง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พี่​น้อง​ลอเรนซ์​และ​ยัง​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​เป็น​ประจำ​ด้วย ผม​ชอบ​สิ่ง​ที่​ได้​เรียน​มาก และ​ก็​ได้​มา​เป็น​ผู้​ประกาศ​ข่าว​ดี แล้ว​พอ​ผม​ได้​รู้​ว่า ‘วัน​ใหญ่​ของ​พระ​ยะโฮวา​ใกล้​เข้า​มา​แล้ว’ เป้าหมาย​ใน​ชีวิต​ของ​ผม​ก็​เปลี่ยน​ไป​เลย ผม​ไม่​อยาก​ไป​มหาวิทยาลัย​แล้ว ผม​อยาก​ช่วย​คน​อื่น​ให้​เรียน​ความ​จริง—ศฟย. 1:14

ผม​เรียน​จบ​มัธยม​ปลาย​วัน​ที่ 13 มิถุนายน 1956 และ 3 วัน​ต่อ​มา​ผม​ก็​รับ​บัพติศมา​ที่​การ​ประชุม​หมวด ผม​ไม่​คิด​มา​ก่อน​เลย​ว่า​การ​ทุ่มเท​เพื่อ​จะ​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​สอน​คน​อื่น​เรื่อง​พระองค์​จะ​ทำ​ให้​ชีวิต​ผม​ได้​พร​มาก​มาย​ขนาด​นี้

เรียน​รู้​และ​สอน​เรื่อง​พระ​ยะโฮวา​ตอน​เป็น​ไพโอเนียร์

หก​เดือน​หลัง​จาก​ผม​รับ​บัพติศมา​ผม​ก็​สมัคร​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ ตอน​ที่​ผม​อ่าน​พระ​ราชกิจ (ภาษา​อังกฤษ) เดือน​ธันวาคม 1956 ใน​บทความ​ชื่อ “คุณ​จะ​ไป​รับใช้​ใน​เขต​ที่​มี​ความ​จำเป็น​มาก​กว่า​ได้​ไหม?” ผม​รู้สึก​เลย​ว่า​นี่​เป็น​คำ​เชิญ​สำหรับ​ผม ผม​อยาก​ไป​ช่วย​ใน​ที่ ๆ ไม่​ค่อย​มี​พี่​น้อง​ประกาศ—มธ. 24:14

ผม​ย้าย​ไป​ที่​เมือง​เอดจ์ฟิลด์ รัฐ​เซาท์แคโรไลนา ประชาคม​ที่​นั่น​มี​ผู้​ประกาศ​แค่ 4 คน พอ​ผม​ไป​ก็​เลย​กลาย​เป็น 5 คน เรา​จัด​การ​ประชุม​ที่​ห้อง​รับ​แขก​ของ​บ้าน​พี่​น้อง ทุก​เดือน​ผม​จะ​ประกาศ​ประมาณ 100 ชั่วโมง นำ​การ​ประชุม​เพื่อ​การ​ประกาศ​และ​ทำ​ส่วน​ต่าง ๆ ใน​ประชาคม​เยอะ​มาก ผม​มี​ความ​สุข​จริง ๆ เพราะ​ยิ่ง​ทำ​ก็​ยิ่ง​ได้​เรียน​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา​มาก​ขึ้น

ผม​มี​นัก​ศึกษา​คน​หนึ่ง​เป็น​ผู้​หญิง​อยู่​ที่​เมือง​จอห์นสัน​ซึ่ง​อยู่​ไม่​ไกล​จาก​เมือง​ที่​ผม​อยู่ เธอ​เป็น​เจ้า​ของ​บริษัท​บริการ​จัด​งาน​ศพ เธอ​ให้​ผม​ทำ​งาน​ที่​บริษัท​นี้​บาง​วัน​ซึ่ง​ช่วย​ค่า​ใช้​จ่าย​ผม​ได้​เยอะ​มาก และ​ยัง​ให้​ใช้​ตึก​เล็ก ๆ ของ​เธอ​เป็น​หอ​ประชุม​ด้วย

ต่อ​มา​ผม​ได้​คู่​ไพโอเนียร์​คน​หนึ่ง​คือ​พี่​น้อง​จอลลี่ เจฟฟรีย์ เขา​เป็น​ลูก​ชาย​ของ​พี่​น้อง​ลอเรนซ์ เจฟฟรีย์​ที่​เคย​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​ผม จอลลี่​ย้าย​มา​จาก​บรุกลิน นิวยอร์ก เรา​พัก​อยู่​ด้วย​กัน​ใน​รถ​บ้าน​คัน​เล็ก ๆ ที่​พี่​น้อง​คน​หนึ่ง​ให้​ยืม

ที่​ภาค​ใต้​ของ​สหรัฐ​ค่า​แรง​ถูก​มาก เรา​ทำ​งาน​ได้​ค่า​จ้าง​แค่​วัน​ละ 2-3 ดอลลาร์​เท่า​นั้น มี​อยู่​วัน​หนึ่ง ผม​มี​เงิน​เหลือ​ติด​กระเป๋า​แค่​ไม่​กี่​เหรียญ แล้ว​ผม​ก็​เอา​ไป​ซื้อ​อาหาร​ที่​ร้าน​ขาย​ของชำ​จน​หมด ตอน​เดิน​ออก​มา​จาก​ร้าน​มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​เดิน​มา​หา​ผม​แล้ว​ถาม​ว่า “คุณ​อยาก​ได้​งาน​ทำ​ไหม? ผม​จะ​จ้าง​คุณ​ชั่วโมง​ละ 1 ดอลลาร์” ผู้​ชาย​คน​นี้​จ้าง​ผม​ทำ​ความ​สะอาด​ไซต์​ก่อ​สร้าง​สัปดาห์​ละ 3 วัน ผม​รู้​เลย​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ช่วย​ผม​ให้​สามารถ​รับใช้​ที่​เอดจ์ฟิลด์​ต่อ​ได้ ถึง​ผม​จะ​ไม่​ค่อย​มี​เงิน​เท่าไหร่ แต่​ใน​ปี 1958 ผม​ก็​ได้​ไป​ประชุม​นานา​ชาติ​ที่​นคร​นิวยอร์ก

วัน​แต่งงาน​ของ​เรา

วัน​ที่ 2 ของ​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ผม​ได้​เจอ​อะไร​ที่​พิเศษ​มาก ๆ ผม​ได้​พบ​กับ​รูบี้ เวดลิงตัน​ซึ่ง​เป็น​ไพโอเนียร์​ที่​เมือง​กัลลาติน รัฐ​เทนเนสซี เรา​สอง​คน​สนใจ​งาน​มิชชันนารี​เหมือน​กัน​ก็​เลย​ได้​ไป​ประชุม​สำหรับ​คน​ที่​สนใจ​ไป​โรง​เรียน​กิเลียด​ด้วย​กัน ต่อ​มา​เรา​สอง​คน​เขียน​จดหมาย​ติด​ต่อ​กัน และ​ผม​ก็​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ไป​บรรยาย​สาธารณะ​ที่​ประชาคม​ใน​กัลลาติน ผม​ได้​ขอ​รูบี้​แต่งงาน​ใน​วัน​นั้น และ​ต่อ​มา​ผม​ก็​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​ประชาคม​เดียว​กับ​รูบี้​แล้ว​เรา​ก็​แต่งงาน​กัน​ใน​ปี 1959

เรียน​รู้​และ​สอน​เรื่อง​พระ​ยะโฮวา​ใน​ประชาคม

ตอน​อายุ 23 ผม​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​รับใช้​ประชาคม​กัลลาติน (ปัจจุบัน​คือ​ผู้​ประสาน​งาน​คณะ​ผู้​ดู​แล) เรา​เป็น​ประชาคม​แรก​ที่​พี่​น้อง​ชาลส์ ทอมป์สัน​มา​เยี่ยม​ตอน​ที่​เขา​เพิ่ง​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​ใหม่ ชาลส์​เป็น​พี่​น้อง​ที่​มี​ประสบการณ์​มาก แต่​ก็​ยัง​ถาม​ความ​เห็น​ผม​ว่า​พี่​น้อง​ต้องการ​ความ​ช่วยเหลือ​อะไร และ​ผู้​ดู​แล​หมวด​คน​อื่น​ช่วย​พี่​น้อง​ยังไง ผม​ได้​เรียน​จาก​เขา​ว่า​เรา​ควร​ถาม​ความ​เห็น​ของ​คน​อื่น​ก่อน​และ​เมื่อ​ได้​ข้อมูล​มาก​พอ​ค่อย​ตัดสิน​ใจ

เดือน​พฤษภาคม​ปี 1964 ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​โรง​เรียน​พระ​ราชกิจ​ที่​จัด​ขึ้น​ที่​เซาท์แลนซิง นิวยอร์ก​เป็น​เวลา 1 เดือน โรง​เรียน​นี้​ยิ่ง​ทำ​ให้​ผม​อยาก​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​สนิท​กับ​พระองค์​ให้​มาก​ขึ้น​ด้วย

เรียน​รู้​และ​สอน​เรื่อง​พระ​ยะโฮวา​ตอน​ที่​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​และ​ผู้​ดู​แล​ภาค

ใน​เดือน​มกราคม 1965 ผม​กับ​รูบี้​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ทำ​งาน​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด หมวด​แรก​ที่​เรา​เยี่ยม​ครอบ​คลุม​พื้น​ที่​กว้าง​มาก​ตั้งแต่​น็อกซ์วิลล์ รัฐ​เทนเนสซี​จน​เกือบ​ถึง​ริชมอนด์ รัฐ​เวอร์จิเนีย และ​ยัง​รวม​ถึง​ประชาคม​ใน​นอร์ทแคโรไลนา เคนทักกี และ​เวสต์เวอร์จิเนีย​ด้วย ผม​ไป​เยี่ยม​แค่​เฉพาะ​ประชาคม​พี่​น้อง​ผิว​สี​เพราะ​สมัย​นั้น​ภาค​ใต้​ของ​สหรัฐ​มี​กฎหมาย​เรื่อง​การ​แบ่ง​แยก​สี​ผิว พี่​น้อง​ผิว​สี​เลย​ประชุม​ร่วม​กับ​พี่​น้อง​ผิว​ขาว​ไม่​ได้ พี่​น้อง​ส่วน​ใหญ่​ที่​เรา​ไป​เยี่ยม​ไม่​ค่อย​มี​เงิน เรา​เลย​อยาก​แบ่ง​ปัน​สิ่ง​ที่​เรา​มี​กับ​พี่​น้อง​ที่​ขัดสน พี่​น้อง​คน​หนึ่ง​ที่​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​มา​นาน​สอน​บทเรียน​ที่​สำคัญ​มาก​เรื่อง​หนึ่ง​กับ​ผม เขา​บอก​ว่า “เวลา​ที่​คุณ​เยี่ยม​ประชาคม​ไหน ให้​ทำ​ตัว​เป็น​พี่​น้อง​ของ​เขา ไม่​ใช่​เจ้านาย คุณ​จะ​ช่วย​พวก​เขา​ได้​ถ้า​พวก​เขา​รู้สึก​ได้​ว่า​คุณ​คือ​พี่​น้อง​ของ​เขา”

ครั้ง​หนึ่ง​ตอน​ที่​เรา​เยี่ยม​ประชาคม​เล็ก ๆ แห่ง​หนึ่ง รูบี้​เริ่ม​การ​ศึกษา​กับ​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​มี​ลูก​สาว​เล็ก ๆ อายุ 1 ขวบ แต่​ปรากฏ​ว่า​ไม่​มี​พี่​น้อง​หญิง​คน​ไหน​ใน​ประชาคม​ช่วย​สาน​ต่อ​เพื่อ​จะ​ศึกษา​กับ​เธอ​ได้ รูบี้​ก็​เลย​เขียน​จดหมาย​ศึกษา​กับ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​เอง ครั้ง​ถัด​มา​ที่​เรา​มา​เยี่ยม​ประชาคม​นี้ เธอ​ก็​มา​ประชุม​ทุก​รายการ​เลย ต่อ​มา​ได้​มี​การ​ส่ง​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ที่​เป็น​พี่​น้อง​หญิง 2 คน​ให้​มา​รับใช้​ที่​ประชาคม​นี้ พวก​เขา​ก็​เลย​สามารถ​ศึกษา​กับ​ผู้​หญิง​คน​นี้​ได้ ใน​ที่​สุด​เธอ​ก็​รับ​บัพติศมา​เป็น​พี่​น้อง แล้ว​ประมาณ 30 ปี​ต่อ​มา​ใน​ปี 1995 มี​พี่​น้อง​หญิง​คน​หนึ่ง​มา​หา​รูบี้​ที่​เบเธล​ที่​แพตเทอร์สัน เธอ​บอก​ว่า​เธอ​เป็น​ลูก​สาว​ของ​พี่​น้อง​หญิง​คน​นั้น​ที่​เคย​ศึกษา​กับ​รูบี้ เธอ​กับ​สามี​มา​ที่​แพตเทอร์สัน​เพื่อ​จะ​มา​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​ชั้น​เรียน​ที่ 100

หมวด​ที่ 2 ที่​เรา​ทำ​งาน​รับใช้​ครอบ​คลุม​รัฐ​ฟลอริดา​ตอน​กลาง เรา​เลย​คิด​ว่า​จำเป็น​ต้อง​มี​รถ​แล้ว เรา​ซื้อ​รถ​คัน​หนึ่ง​มา​ด้วย​ราคา​ที่​ไม่​แพง แต่​พอ​ใช้​ไป​แค่​สัปดาห์​แรก​ปั๊ม​น้ำ​ของ​รถ​ก็​เสีย​และ​เรา​ไม่​มี​เงิน​พอ​ที่​จะ​ซ่อม เรา​โทร​หา​พี่​น้อง​คน​หนึ่ง​ที่​คิด​ว่า​จะ​ช่วย​เรา​ได้​เพราะ​เขา​มี​คน​งาน​คน​หนึ่ง​ที่​ซ่อม​รถ​เป็น พี่​น้อง​คน​นี้​ไม่​คิด​เงิน​เรา​เลย แล้ว​บอก​เรา​ว่า “ไม่​เป็น​ไร ผม​จัด​การ​เอง” ไม่​ใช่​แค่​นั้น เขา​ถึง​กับ​ให้​เงิน​เรา​ด้วย นั่น​เป็น​ตัวอย่าง​ที่​ทำ​ให้​เห็น​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ดู​แล​คน​ของ​พระองค์​เสมอ และ​ทำ​ให้​เรา​อยาก​ช่วยเหลือ​พี่​น้อง​คน​อื่น​ด้วย

ทุก​ครั้ง​ที่​เรา​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ เรา​จะ​พัก​กับ​พี่​น้อง เรา​เลย​มี​เพื่อน​ดี ๆ หลาย​คน ครั้ง​หนึ่ง​ตอน​ที่​เรา​พัก​อยู่​กับ​พี่​น้อง ผม​ใช้​เครื่อง​พิมพ์ดีด​พิมพ์​รายงาน​เกี่ยว​กับ​ประชาคม แต่​ผม​ยัง​พิมพ์​ไม่​เสร็จ​ก็​เลย​ทิ้ง​รายงาน​ไว้​บน​เครื่อง​แล้ว​ก็​ออก​ไป​ข้าง​นอก เย็น​วัน​นั้น​พอ​กลับ​มา​ถึง​ที่​พัก​ผม​เพิ่ง​รู้​ว่า​ลูก​ชาย​วัย 3 ขวบ​ของ​พี่​น้อง​ที่​เป็น​เจ้า​ของ​บ้าน​มา​ช่วย “พิมพ์” รายงาน​ให้​ผม​จน​เสร็จ ผม​ยัง​เอา​เรื่อง​นี้​มา​แกล้ง​แซว​เด็ก​คน​นี้​ไป​อีก​หลาย​ปี

ใน​ปี 1971 ผม​ได้​รับ​จดหมาย​ที่​มอบหมาย​ให้​ผม​เป็น​ผู้​ดู​แล​ภาค​ที่​นคร​นิวยอร์ก ผม​กับ​รูบี้​ตกใจ​มาก ตอน​ที่​เรา​ย้าย​ไป​ที่​นั่น​ผม​อายุ​แค่ 34 พี่​น้อง​ที่​นั่น​ต้อนรับ​ผม​ซึ่ง​เป็น​ผู้​ดู​แล​ภาค​ผิว​สี​คน​แรก​อย่าง​อบอุ่น

ช่วง​ที่​รับใช้​เป็น​ผู้​ดู​แล​ภาค​ผม​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​ได้​สอน​เรื่อง​พระ​ยะโฮวา​ทุก​สุด​สัปดาห์​ใน​การ​ประชุม​หมวด ผู้​ดู​แล​หมวด​หลาย​คน​มี​ประสบการณ์​มาก​กว่า​ผม เช่น คน​หนึ่ง​เคย​บรรยาย​บัพติศมา​ให้​ผม ส่วน​อีก​คน​หนึ่ง​ก็​คือ​พี่​น้อง​ทีโอดอร์ จารัซ​ซึ่ง​ตอน​หลัง​ได้​เป็น​คณะ​กรรมการ​ปกครอง นอกจากนั้น​ยัง​มี​พี่​น้อง​อีก​หลาย​คน​ที่​รับใช้​ใน​เบเธล​บรุกลิน​ด้วย ผม​ขอบคุณ​ที่​ผู้​ดู​แล​หมวด​และ​พี่​น้อง​เบเธล​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​สบาย​ใจ ผม​เห็น​เลย​ว่า​พี่​น้อง​เหล่า​นี้​เป็น​ผู้​ดู​แล​ฝูง​แกะ​ที่​รัก​พี่​น้อง พึ่ง​คัมภีร์​ไบเบิล​เสมอ และ​สนับสนุน​องค์การ​ของ​พระเจ้า​อย่าง​ภักดี ความ​ถ่อม​ของ​พวก​เขา​ช่วย​ให้​ผม​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​ภาค​อย่าง​มี​ความ​สุข

กลับ​ไป​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด

ใน​ปี 1974 คณะ​กรรมการ​ปกครอง​ได้​แต่ง​ตั้ง​ผู้​ดู​แล​หมวด​อีก​กลุ่ม​หนึ่ง​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​ภาค ส่วน​ผม​ก็​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​กลับ​ไป​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​อีก​ครั้ง คราว​นี้​ผม​กับ​รูบี้​รับใช้​ใน​แถบ​เซาท์แคโรไลนา น่า​ดีใจ​ที่​ตอน​นั้น​ไม่​มี​การ​แบ่ง​ประชาคม​และ​แบ่ง​หมวด​เป็น​พี่​น้อง​ผิว​ขาว​และ​ผิว​สี​อีก​แล้ว พี่​น้อง​ทุก​คน​เลย​มี​ความ​สุข​มาก

ปลาย​ปี 1976 ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​เยี่ยม​หมวด​ที่​รัฐ​จอร์เจีย​ซึ่ง​อยู่​ระหว่าง​รัฐ​แอตแลนตา​และ​โคลัมบัส ผม​ยัง​จำ​ได้​ไม่​ลืม​ตอน​ที่​บรรยาย​งาน​ศพ​ให้​กับ​เด็ก ๆ ผิว​สี 5 คน พวก​เขา​ตาย​เพราะ​มี​คน​ร้าย​มา​เผา​บ้าน​พวก​เขา ส่วน​คน​ที่​เป็น​แม่​ก็​ต้อง​เข้า​โรง​พยาบาล​เพราะ​บาดเจ็บ พี่​น้อง​ทั้ง​ผิว​ขาว​และ​ผิว​สี​ต่าง​ก็​ไป​ให้​กำลังใจ​พ่อ​แม่​ของ​เด็ก ๆ ที่​โรง​พยาบาล​อย่าง​ไม่​ขาด​สาย ผม​เห็น​ความ​รัก​ของ​พี่​น้อง​ชัดเจน​จริง ๆ การ​ที่​พี่​น้อง​สงสาร​และ​เห็น​อก​เห็น​ใจ​กัน​แบบ​นี้​ช่วย​ให้​พวก​เขา​สามารถ​รับมือ​กับ​ความ​ยาก​ลำบาก​ได้

เรียน​รู้​และ​สอน​เรื่อง​พระ​ยะโฮวา​ที่​เบเธล

ใน​ปี 1977 ผม​ถูก​ขอ​ให้​มา​ช่วย​งาน​ที่​เบเธล​บรุกลิน​ใน​โครงการ​หนึ่ง​ซึ่ง​ใช้​เวลา​แค่​ไม่​กี่​เดือน ตอน​ที่​โครงการ​นั้น​ใกล้​จะ​เสร็จ คณะ​กรรมการ​ปกครอง 2 คน​ได้​มา​คุย​กับ​ผม​และ​ถาม​ว่า​ผม​กับ​รูบี้​จะ​มา​รับใช้​ที่​เบเธล​ถาวร​เลย​ได้​ไหม เรา​ตอบ​ว่า​ยินดี​มาก

ผม​ทำ​งาน​ใน​แผนก​การ​รับใช้​มา 24 ปี​แล้ว พี่​น้อง​แผนก​นี้​มัก​ต้อง​ตอบ​คำ​ถาม​ที่​ยาก​และ​ละเอียดอ่อน​หลาย​เรื่อง คณะ​กรรมการ​ปกครอง​ได้​ช่วย​ให้​คำ​แนะ​นำ​ที่​สอดคล้อง​กับ​หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ซึ่ง​ช่วย​ให้​แผนก​การ​รับใช้​สามารถ​ตอบ​คำ​ถาม​พี่​น้อง​ได้ และ​ยัง​เอา​ไป​ใช้​ทำ​เป็น​หลัก​สูตร​สำหรับ​ฝึก​อบรม​ผู้​ดู​แล​หมวด ผู้​ดู​แล​ประชาคม และ​ไพโอเนียร์​ด้วย หลัก​สูตร​นี้​ช่วย​ให้​พี่​น้อง​หลาย​คน​เป็น​คริสเตียน​ที่​มี​ความ​เป็น​ผู้​ใหญ่​มาก​ขึ้น​ซึ่ง​ส่ง​ผล​ดี​ต่อ​องค์การ​ของ​พระเจ้า​อย่าง​มาก

ตั้งแต่​ปี 1995-2018 ผม​มี​โอกาส​ได้​เป็น​ตัว​แทน​ของ​สำนักงาน​ใหญ่​ไป​เยี่ยม​สำนักงาน​สาขา​ต่าง ๆ ซึ่ง​คน​ที่​ทำ​งาน​นี้​เมื่อ​ก่อน​เรียก​ว่า​ผู้​ดู​แล​โซน ผม​ได้​พบ​กับ​คณะ​กรรมการ​สาขา พี่​น้อง​เบเธล และ​มิชชันนารี​มาก​มาย และ​มี​โอกาส​ให้​กำลังใจ​และ​ช่วย​พวก​เขา​รับมือ​กับ​เรื่อง​ที่​กังวล ส่วน​ผม​กับ​รูบี้​ก็​ได้​กำลังใจ​เหมือน​กัน​จาก​ประสบการณ์​ของ​พวก​เขา เช่น ตอน​ที่​เรา​ไป​เยี่ยม​ที่​รวันดา​ใน​ปี 2000 เรา​ประทับใจ​ที่​ได้​ฟัง​ประสบการณ์​ของ​พี่​น้อง​ที่​รับมือ​กับ​การ​ฆ่า​ล้าง​เผ่า​พันธุ์​ใน​ปี 1994 พี่​น้อง​หลาย​คน​สูญ​เสีย​คน​ที่​พวก​เขา​รัก แม้​พวก​เขา​ต้อง​อดทน​หลาย​อย่าง​แต่​พวก​เขา​ก็​ยัง​แสดง​ความ​เชื่อ มี​ความ​หวัง และ​มี​ความ​สุข

วัน​ครบ​รอบ​แต่งงาน​ปี​ที่ 50 ของ​เรา

ตอน​นี้​ผม​กับ​รูบี้​อายุ 80 กว่า ผม​เป็น​คณะ​กรรมการ​สาขา​สหรัฐ​มา 20 ปี​แล้ว ถึง​ผม​จะ​ไม่​เคย​เรียน​มหาวิทยาลัย​แต่​ผม​ก็​ได้​รับ​การ​ศึกษา​ที่​ดี​ที่​สุด​จาก​พระ​ยะโฮวา​และ​องค์การ​ของ​พระองค์ นี่​ทำ​ให้​ผม​สามารถ​สอน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​คน​อื่น​ซึ่ง​ทำ​ให้​พวก​เขา​ได้​ประโยชน์​ตลอด​ไป (2 คร. 3:5; 2 ทธ. 2:2) ผม​ได้​เห็น​มา​ตลอด​ชีวิต​ว่า​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ช่วย​ให้​ผู้​คน​มี​ชีวิต​ที่​ดี​ขึ้น​และ​สนิท​กับ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ผู้​สร้าง (ยก. 4:8) ผม​กับ​รูบี้​พยายาม​เสมอ​ที่​จะ​สนับสนุน​ทุก​คน​ให้​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​สอน​ความ​จริง​ให้​คน​อื่น เพราะ​นี่​แหละ​คือ​สิทธิ​พิเศษ​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด​ของ​ผู้​รับใช้​พระเจ้า​ทุก​คน