ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ชีวิต​ที่​น่า​ตื่นเต้น​และ​มี​ความ​สุข​จาก​การ​ได้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา

ชีวิต​ที่​น่า​ตื่นเต้น​และ​มี​ความ​สุข​จาก​การ​ได้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา

ใน​ปี 1951 ผม​เพิ่ง​มา​ถึง​ที่​เมือง​รูน​ซึ่ง​เป็น​เมือง​เล็ก ๆ ที่​อยู่​ใน​ควิเบก​ประเทศ​แคนาดา ผม​เคาะ​ประตู​บ้าน​หลัง​หนึ่ง​ตาม​ที่​ผม​ได้​ที่​อยู่​มา แล้ว​ผม​ก็​ได้​เจอ​กับ​มาร์เซล ฟิล​โท a ซึ่ง​จบ​จาก​โรง​เรียน​กิเลียด​และ​เป็น​มิชชันนารี เขา​อายุ 23 และ​ตัว​สูง​มาก ส่วน​ผม​อายุ 16 และ​ตัว​เล็ก​กว่า​เขา ผม​ให้​เขา​ดู​จดหมาย​แต่ง​ตั้ง​ไพโอเนียร์​ของ​ผม เขา​อ่าน​จดหมาย​นั้น​แล้ว​มอง​หน้า​ผม และ​ถาม​ผม​ว่า “แม่​รู้​ไหม​เนี่ย​ว่า​มา​ที่​นี่?”

โต​มา​ใน​ครอบครัว​ที่​นับถือ​ศาสนา​ต่าง​กัน

ผม​เกิด​ใน​ปี 1934 พ่อ​กับ​แม่​เป็น​คน​สวิตเซอร์แลนด์​ซึ่ง​ย้าย​มา​อยู่​ที่​เมือง​ทิม​มินส์​ซึ่ง​เป็น​เมือง​ที่​มี​การ​ทำ​เหมือง​แร่​ใน​ออนแทรีโอ​ประเทศ​แคนาดา ประมาณ​ปี 1939 แม่​ของ​ผม​เริ่ม​อ่าน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ และ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา แม่​พา​ผม​และ​พี่ ๆ น้อง ๆ อีก 6 คน​ไป​ประชุม​ด้วย ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น แม่​ก็​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา

พ่อ​ไม่​ชอบ​เลย​ที่​แม่​เข้า​มา​เป็น​พยานฯ แต่​แม่​รัก​ความ​จริง​และ​ตั้งใจ​ที่​จะ​ซื่อสัตย์​ต่อ​พระ​ยะโฮวา แม่​ทำ​แบบ​นี้​แม้​แต่​อยู่​ใน​ช่วง​ที่​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ถูก​สั่ง​ห้าม​ใน​ประเทศ​แคนาดา​ใน​ช่วง​ต้น​ทศวรรษ 1940 และ​แม่​ก็​ทำ​ดี​และ​นับถือ​พ่อ​เสมอ​ถึง​แม้​ว่า​พ่อ​จะ​พูด​ไม่​ดี​กับ​แม่​เลย ตัวอย่าง​ที่​ดี​ของ​แม่​ช่วย​ผม​และ​พี่ ๆ น้อง ๆ เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ด้วย น่า​ดีใจ​ที่​ต่อ​มา​พ่อ​เปลี่ยน​ความ​คิด​และ​เริ่ม​ทำ​ดี​กับ​ครอบครัว​ของ​เรา​มาก​ขึ้น

เริ่ม​รับใช้​เต็ม​เวลา

ใน​ช่วง​ฤดู​ร้อน​ปี 1950 ผม​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​การ​เพิ่ม​พูน​แห่ง​ระบอบ​ของ​พระเจ้า​ที่​นิวยอร์ก ผม​อยาก​จะ​รับใช้​เต็ม​เวลา​มาก​ขึ้น​หลัง​จาก​ที่​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​กับ​พี่​น้อง​จาก​ทั่ว​โลก​และ​ฟัง​การ​สัมภาษณ์​ของ​นัก​เรียน​ที่​จบ​จาก​โรง​เรียน​กิเลียด ทันที​ที่​กลับ​มา​บ้าน​ผม​ก็​กรอก​ใบ​สมัคร​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ แต่​สาขา​แคนาดา​ตอบ​กลับ​มา​ว่า​ขอ​ให้​ผม​รับ​บัพติศมา​ก่อน แล้ว​ผม​ก็​รับ​บัพติศมา​ใน​วัน​ที่ 1 ตุลาคม 1950 หลัง​จาก​นั้น 1 เดือน​ต่อ​มา​ผม​ก็​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ และ​เขต​มอบหมาย​แรก​ของ​ผม​ก็​คือ​เมือง​คาพุสคาซิง​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​ไกล​จาก​บ้าน​ของ​ผม​มาก

รับใช้​ที่​ควิเบก

ใน​ฤดู​ใบ​ไม้​ผลิ​ปี 1951 สาขา​เชิญ​คน​ที่​พูด​ภาษา​ฝรั่งเศส​ได้​ให้​ย้าย​ไป​รับใช้​ใน​เขต​ที่​มี​คน​พูด​ภาษา​ฝรั่งเศส​ใน​ควิเบก​ซึ่ง​เป็น​ที่​ที่​มี​ความ​ต้องการ​ผู้​ประกาศ​มาก​กว่า ผม​โต​มา​ใน​ครอบครัว​ที่​พูด​ทั้ง​ภาษา​ฝรั่งเศส​และ​ภาษา​อังกฤษ ดังนั้น ผม​ก็​เลย​อาสา​ย้าย​ไป​ที่​นั่น​และ​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​ที่​เมือง​รูน ผม​ไม่​รู้​จัก​ใคร​ที่​นั่น​เลย ผม​มี​แค่​ที่​อยู่​ที่​ได้​พูด​ถึง​ไป​แล้ว​ตอน​ต้น แต่​พอ​ได้​อยู่​ที่​นั่น​ทุก​อย่าง​ก็​ลง​ตัว ผม​กับ​มาร์เซล​กลาย​เป็น​เพื่อน​สนิท​กัน ผม​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​ได้​รับใช้​ใน​ควิเบก 4 ปี และ​ใน​ที่​สุด​ผม​ก็​ได้​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ

กิเลียด​และ​ความ​คาด​หวัง​ที่​ถูก​เลื่อน​ออก​ไป

ตอน​ที่​อยู่​ควิเบก ผม​ตื่นเต้น​มาก​ที่​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​ใน​ชั้น​เรียน​ที่ 26 ที่​เซาท์แลนซิง นิวยอร์ก ผม​จบ​ชั้น​เรียน​นี้​ใน​วัน​ที่ 12 กุมภาพันธ์ 1956 และ​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​รับใช้​ใน​ประเทศ​ที่​ทุก​วัน​นี้​เรียก​ว่า​กานา b ซึ่ง​อยู่​แอฟริกา​ตะวัน​ตก แต่​ก่อน​ที่​ผม​จะ​ไป ผม​ต้อง​กลับ​ไป​ที่​แคนาดา​สัก “2-3 สัปดาห์” เพื่อ​ทำ​วีซ่า​ไป​ประเทศ​กานา

แต่​ปรากฏ​ว่า​ผม​ต้อง​รอ​ที่​โทรอนโต​นาน​ถึง 7 เดือน ใน​ช่วง​นั้น​ครอบครัว​คริปส์​ให้​ผม​อยู่​ที่​บ้าน​ของ​พวก​เขา และ​ผม​ได้​รู้​จัก​กับ​ชีล่า​ลูก​สาว​ของ​พวก​เขา เรา​ตก​หลุม​รัก​กัน ตอน​ที่​ผม​จะ​ขอ​เธอ​แต่งงาน ผม​ก็​ได้​รับ​วีซ่า​พอ​ดี ผม​กับ​ชีล่า​อธิษฐาน​เรื่อง​นี้​และ​ตัดสิน​ใจ​ว่า​ผม​ควร​ที่​จะ​ไป​ทำ​งาน​มอบ​หมาย​ของ​ผม​ก่อน แต่​เรา​ก็​จะ​เขียน​จดหมาย​ติด​ต่อ​กัน​เพื่อ​ดู​ว่า​เป็น​ไป​ได้​ไหม​ที่​ใน​อนาคต​เรา​จะ​แต่งงาน​กัน นี่​เป็น​การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​ยาก​มาก แต่​เมื่อ​มอง​ย้อน​กลับ​ไป​แล้ว​ก็​เห็น​ว่า​มัน​เป็น​การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​ดี​จริง ๆ

หลัง​จาก​ที่​เดิน​ทาง 1 เดือน​โดย​รถไฟ เรือ​ขน​สินค้า และ​เครื่องบิน ผม​มา​ถึง​ที่​เมือง​อักกรา​ประเทศ​กานา ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​ภาค​ที่​นั่น งาน​นี้​ทำ​ให้​ผม​ต้อง​เดิน​ทาง​ทั่ว​ประเทศ​กานา รวม​ถึง​ประเทศ​เพื่อน​บ้าน เช่น ไอวอรีโคสต์ (ปัจจุบัน​คือ​โกตดิวัวร์) และ​โตโกแลนด์ (ปัจจุบัน​คือ​โตโก) โดย​ส่วน​ใหญ่​แล้ว​ผม​ต้อง​เดิน​ทาง​คน​เดียว​โดย​ใช้​รถ​จี๊ป​ของ​สาขา ผม​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​ได้​เดิน​ทาง​ไป​เยี่ยม​พี่​น้อง​ใน​ที่​ต่าง ๆ

ช่วง​สุด​สัปดาห์ ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​จัด​การ​ประชุม​หมวด เรา​ไม่​มี​หอ​ประชุม​สำหรับ​จัด​การ​ประชุม​ใหญ่ ดังนั้น พี่​น้อง​เลย​สร้าง​ที่​ประชุม​ชั่ว​คราว​โดย​ใช้​ไม้​ไผ่​มุง​ด้วย​ใบ​มะพร้าว​เพื่อ​ทำ​หลังคา​ป้องกัน​แดด​ให้​กับ​พี่​น้อง และ​เนื่อง​จาก​ที่​นั่น​ไม่​มี​ตู้​เย็น พี่​น้อง​เลย​เอา​สัตว์​ตัว​เป็น ๆ มา​เพื่อ​จะ​เอา​มา​ทำ​เป็น​อาหาร​สำหรับ​เลี้ยง​ผู้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม

มี​เรื่อง​ที่​น่า​ตลก​เกิด​ขึ้น​ใน​การ​ประชุม​หมวด​ด้วย เช่น ตอน​ที่​พี่​น้อง​เฮิร์บ เจนนิงส์ c เพื่อน​มิชชันนารี​กำลัง​บรรยาย จู่ ๆ ก็​มี​วัว​ตัว​หนึ่ง​หลุด​ออก​มา​และ​วิ่ง​มา​หยุด​อยู่​ตรง​กลาง​ระหว่าง​เวที​กับ​ผู้​ฟัง พี่​น้อง​เฮิร์บ​ก็​เลย​หยุด​บรรยาย วัว​ตัว​นั้น​ยืน​ดู​งง ๆ แล้ว​ก็​มี​พี่​น้อง​ชาย 4 คน​ที่​แข็งแรง​เข้า​มา​จับ​วัว​ตัว​นั้น​กลับ​ไป​ที่​เดิม​ท่ามกลาง​เสียง​เชียร์​ของ​ผู้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม

ใน​ช่วง​ที่​มี​การ​ประชุม​หมวด วัน​ธรรมดา​ผม​จะ​ไป​ฉาย​ภาพยนตร์​สมาคม​โลก​ใหม่​ใน​ภาค​ปฏิบัติ ตาม​หมู่​บ้าน​แถว ๆ นั้น ผม​ต้อง​ฉาย​ภาพยนตร์​นี้​บน​ผ้า​ใบ​สี​ขาว​ที่​ขึง​อยู่​ระหว่าง​เสา 2 ต้น​หรือ​ต้น​ไม้ 2 ต้น ชาว​บ้าน​ชอบ​มาก สำหรับ​พวก​เขา​หลาย​คน นี่​เป็น​ครั้ง​แรก​ใน​ชีวิต​ที่​ได้​ดู​หนัง พวก​เขา​ปรบ​มือ​ดัง​มาก​ตอน​ที่​ได้​ดู​ฉาก​คน​รับ​บัพติศมา ภาพยนตร์​นี้​ช่วย​ให้​พวก​เขา​รู้​ว่า​เรา​เป็น​องค์การ​ระดับ​โลก​ที่​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน

เรา​แต่งงาน​ที่​กานา​ใน​ปี 1959

หลัง​จาก​อยู่​ที่​แอฟริกา​ประมาณ 2 ปี ผม​ตื่นเต้น​มาก​ที่​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ที่​นิวยอร์ก​ใน​ปี 1958 ผม​ดีใจ​มาก​ที่​ได้​เจอ​กับ​ชีล่า​อีก​ครั้ง เธอ​เดิน​ทาง​มา​จาก​ควิเบก​ซึ่ง​เป็น​ที่​ที่​เธอ​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ ที่​ผ่าน​มา​เรา​เขียน​จดหมาย​ติด​ต่อ​กัน แต่​ตอน​นี้​เรา​ได้​เจอ​กัน​แล้ว ผม​ถาม​เธอ​ว่า​แต่งงาน​กับ​ผม​ไหม แล้ว​เธอ​ก็​ตอบ​ตก​ลง ผม​เขียน​จดหมาย​ถึง​พี่​น้อง​นอร์ d และ​ถาม​เขา​ว่า​ขอ​ให้​ชีล่า​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​และ​มา​รับใช้​กับ​ผม​ที่​แอฟริกา​ได้​ไหม เขา​ตก​ลง ใน​ที่​สุด​ชีล่า​ก็​ได้​มา​ที่​กานา​และ​เรา​แต่งงาน​กัน​ที่​เมือง​อักกรา​ใน​วัน​ที่ 3 ตุลาคม 1959 เรา​รู้สึก​ว่า​พระ​ยะโฮวา​อวยพร​เรา​จริง ๆ เพราะ​เรา​ให้​พระองค์​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต

รับใช้​ด้วย​กัน​ที่​แคเมอรูน

ทำ​งาน​ที่​สำนักงาน​สาขา​แคเมอรูน

ใน​ปี 1961 เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​ที่​แคเมอรูน งาน​มอบหมาย​ของ​ผม​ก็​คือ​ช่วย​ตั้ง​สำนักงาน​สาขา​แห่ง​ใหม่​ขึ้น​ที่​นั่น ผม​เลย​มี​งาน​ยุ่ง​มาก และ​ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​ผู้​รับใช้​สาขา​ก็​เลย​มี​หลาย​อย่าง​ที่​ต้อง​เรียน​รู้ ใน​ปี 1965 ชีล่า​ตั้ง​ท้อง ผม​ยอม​รับ​เลย​ว่า​ไม่​คิด​มา​ก่อน​ว่า​จะ​ได้​เป็น​พ่อ​คน แต่​ตอน​ที่​เรา​สอง​คน​กำลัง​ตื่นเต้น​กับ​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ใหม่​และ​กำลัง​วาง​แผน​จะ​กลับ​แคนาดา เรา​กลับ​ต้อง​เจอ​การ​สูญ​เสีย​ครั้ง​ใหญ่

ชีล่า​แท้ง​ลูก และ​หมอ​ก็​บอก​ว่า​ลูก​ใน​ท้อง​เป็น​ผู้​ชาย แม้​เรื่อง​นี้​จะ​ผ่าน​ไป​มาก​กว่า 50 ปี​แล้ว แต่​เรา​สอง​คน​ไม่​เคย​ลืม​เลย ถึง​เรา​จะ​เสียใจ​มาก​แต่​เรา​ก็​ยัง​ทำ​งาน​รับใช้​ใน​ต่าง​ประเทศ​ต่อ​ไป​ซึ่ง​เป็น​งาน​ที่​เรา​รัก​มาก

กับ​ชีล่า​ที่​แคเมอรูน​ใน​ปี 1965

พี่​น้อง​ใน​แคเมอรูน​เจอ​การ​ข่มเหง​บ่อย ๆ เพราะ​พวก​เขา​รักษา​ความ​เป็น​กลาง​ทาง​การ​เมือง และ​พวก​เขา​ยิ่ง​ถูก​กดดัน​เป็น​พิเศษ​ใน​ช่วง​เลือก​ตั้ง​ประธานาธิบดี ใน​ที่​สุด​สิ่ง​ที่​เรา​กลัว​ก็​มา​ถึง วัน​ที่ 13 พฤษภาคม 1970 พยาน​พระ​ยะโฮวา​ถูก​สั่ง​ห้าม​อย่าง​เป็น​ทาง​การ​ใน​ประเทศ​แคเมอรูน สำนักงาน​สาขา​ที่​เพิ่ง​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​ที่​เรา​ย้าย​ไป​อยู่​ได้​แค่ 5 เดือน​ก็​ถูก​รัฐบาล​ยึด หลัง​จาก​นั้น​แค่​อาทิตย์​เดียว​มิชชันนารี​ทุก​คน​รวม​ถึง​ผม​กับ​ชีล่า​ถูก​ไล่​ออก​นอก​ประเทศ เรา​เสียใจ​ที่​ต้อง​จาก​พี่​น้อง​เพราะ​เรา​เป็น​ห่วง​มาก​ว่า​พวก​เขา​จะ​ทำ​ยังไง​ต่อ​ไป

หลัง​จาก​ที่​เรา​ออก​มา​จาก​ประเทศ​แคเมอรูน เรา​ก็​ไป​อยู่​ที่​สำนักงาน​สาขา​ฝรั่งเศส 6 เดือน ผม​พยายาม​ทำ​ทุก​อย่าง​ที่​ทำ​ได้​เพื่อ​จะ​ดู​แล​พี่​น้อง​ใน​แคเมอรูน ใน​เดือน​ธันวาคม​ของ​ปี​นั้น​เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​รับใช้​ที่​สำนักงาน​สาขา​ไนจีเรีย​ซึ่ง​ที่​นั่น​เริ่ม​ดู​แล​งาน​ใน​แคเมอรูน​ด้วย พี่​น้อง​ที่​ไนจีเรีย​ต้อนรับ​เรา​ดี​มาก เรา​มี​ความ​สุข​จริง ๆ ที่​ได้​รับใช้​ที่​นั่น​นาน​หลาย​ปี

การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​ยาก

ใน​ปี 1973 เรา​ต้อง​ตัดสิน​ใจ​เรื่อง​ที่​ยาก​มาก ๆ เรื่อง​หนึ่ง ชีล่า​มี​ปัญหา​สุขภาพ​ค่อนข้าง​หนัก ตอน​ที่​เรา​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ที่​นิวยอร์ก ชีล่า​ร้องไห้​และ​บอก​ผม​ว่า “ฉัน​ไม่​ไหว​แล้ว ไม่​รู้​ทำไม​ฉัน​ถึง​ป่วย​ตลอด​เวลา ฉัน​ไม่​มี​แรง​เลย” ชีล่า​รับใช้​กับ​ผม​ที่​แอฟริกา​ตะวัน​ตก​มาก​กว่า 14 ปี ผม​ภูมิ​ใจ​ใน​ตัว​เธอ​มาก แต่​เรา​ก็​จำเป็น​ต้อง​ปรับ​เปลี่ยน หลัง​จาก​ที่​เรา​คุย​กัน​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้​และ​อธิษฐาน​เยอะ​มาก เรา​ตัดสิน​ใจ​ว่า​ควร​จะ​กลับ​ไป​แคนาดา​ซึ่ง​จะ​เป็น​ที่​ที่​ชีล่า​จะ​ได้​รับ​การ​รักษา​ที่​ดี​กว่า การ​ตัดสิน​ใจ​ออก​จาก​งาน​มิชชันนารี​และ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​เป็น​การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​ยาก​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​ของ​เรา 2 คน

หลัง​จาก​มา​ถึง​แคนาดา ผม​ก็​ทำ​งาน​กับ​เพื่อน​เก่า​ที่​เปิด​ธุรกิจ​ขาย​รถยนต์​ใน​หมู่​บ้าน​แห่ง​หนึ่ง​ทาง​ตอน​เหนือ​ของ​โทรอนโต ผม​กับ​ชีล่า​ไม่​อยาก​เป็น​หนี้ เรา​เลย​เช่า​อพาร์ตเมนต์​และ​ซื้อ​เฟอร์นิเจอร์​มือ​สอง เรา​อยาก​ใช้​ชีวิต​แบบ​เรียบ​ง่าย​ต่อ​ไป​เพราะ​หวัง​ว่า​สัก​วัน​หนึ่ง​เรา​จะ​กลับ​ไป​ทำ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​ได้​อีก ปรากฏ​ว่า​เรา​ได้​กลับ​ไป​ทำ​งาน​ที่​เรา​รัก​เร็ว​กว่า​ที่​คิด​ด้วย​ซ้ำ

วัน​เสาร์​ผม​เริ่ม​อาสา​สมัคร​ไป​ช่วย​โครงการ​ก่อ​สร้าง​หอ​ประชุม​ใหญ่​แห่ง​ใหม่​ที่​นอร์วัล ใน​ออนแทรีโอ และ​ต่อ​มา​ผม​ก็​ถูก​ขอ​ให้​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​ผู้​ดู​แล​หอ​ประชุม​ใหญ่​แห่ง​นี้ ตอน​นั้น​สุขภาพ​ของ​ชีล่า​ค่อย ๆ ดี​ขึ้น และ​เรา​ก็​รู้สึก​ว่า​เธอ​สามารถ​รับ​งาน​มอบหมาย​ใหม่​นี้​ได้ เรา​เลย​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​ห้อง​พัก​ของ​หอ​ประชุม​ใหม่​แห่ง​นี้​ใน​เดือน​มิถุนายน​ปี 1974 เรา​มี​ความ​สุข​เหลือ​เกิน​ที่​ได้​กลับ​มา​ทำ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​อีก​ครั้ง

น่า​ดีใจ​ที่​สุขภาพ​ของ​ชีล่า​ดี​ขึ้น​เรื่อย ๆ 2 ปี​ต่อ​มา​เรา​ก็​สามารถ​ตอบรับ​งาน​มอบหมาย​ที่​จะ​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​ได้ หมวด​ของ​เรา​อยู่​ที่​แมนิโทบา​ซึ่ง​เป็น​จังหวัด​หนึ่ง​ใน​แคนาดา​ที่​ขึ้น​ชื่อ​ว่า​อากาศ​เย็น​จัด​ใน​ช่วง​ฤดู​หนาว ถึง​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น เรา​ก็​มี​ความ​สุข​กับ​มิตรภาพ​ที่​อบอุ่น​ของ​พี่​น้อง​ที่​นั่น เรา​ได้​รู้​ว่า​ไม่​ว่า​เรา​จะ​รับใช้​ที่​ไหน สิ่ง​สำคัญ​ก็​คือ​ให้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ต่อ ๆ ไป

ได้​เรียน​บทเรียน​สำคัญ

หลัง​จาก​เดิน​หมวด​ได้​ไม่​กี่​ปี เรา​ก็​ถูก​เชิญ​ให้​เข้า​เบเธล​ที่​แคนาดา​ใน​ปี 1978 ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น ผม​ก็​ได้​รับ​บทเรียน​สำคัญ​ซึ่ง​เป็น​เรื่อง​ที่​ไม่​ง่าย​สำหรับ​ผม​เลย ตอน​นั้น​ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​บรรยาย​ใน​การ​ประชุม​พิเศษ​ภาษา​ฝรั่งเศส​ที่​มอนทรีออล เป็น​คำ​บรรยาย​ประมาณ 1 ชั่วโมง​ครึ่ง แต่​ตอน​นั้น​คำ​บรรยาย​ของ​ผม​จับ​ความ​สนใจ​ของ​ผู้​ฟัง​ไม่​ได้​เลย พี่​น้อง​คน​หนึ่ง​จาก​แผนก​การ​รับใช้​ได้​มา​ให้​คำ​แนะ​นำ​ผม จริง ๆ ตอน​นั้น​ผม​น่า​จะ​รู้​ตัว​ว่า​ผม​ไม่​มี​พรสวรรค์​ด้าน​การ​บรรยาย แต่​ผม​ไม่​ยอม​รับ​คำ​แนะ​นำ​ของ​พี่​น้อง​คน​นั้น เรา​คุย​กัน​แบบ​ใช้​อารมณ์ ผม​รู้สึก​ว่า​เขา​เอา​แต่​ตำหนิ​และ​ไม่​ได้​ชม​ผม​เลย ผม​ทำ​ผิด​พลาด​เอง​ที่​มี​อคติ​กับ​พี่​น้อง​ที่​ให้​คำ​แนะ​นำ​และ​ไม่​ชอบ​วิธี​ที่​เขา​ให้​คำ​แนะ​นำ

ผม​ได้​เรียน​บทเรียน​สำคัญ​หลัง​จาก​บรรยาย​ภาษา​ฝรั่งเศส

สอง​สาม​วัน​ต่อ​มา คณะ​กรรมการ​สาขา​คน​หนึ่ง​มา​คุย​กับ​ผม​เรื่อง​นี้ ผม​ยอม​รับ​เลย​ว่า​ผม​ไม่​ได้​ฟัง​คำ​แนะ​นำ​ของ​พี่​น้อง​คน​นั้น​และ​รู้สึก​เสียใจ​มาก จาก​นั้น​ผม​ก็​ไป​หา​พี่​น้อง​ที่​ให้​คำ​แนะ​นำ​กับ​ผม​และ​ขอ​โทษ​เขา แล้ว​เขา​ก็​ยก​โทษ​ให้ ประสบการณ์​นี้​สอน​เรื่อง​ความ​ถ่อม​ใจ​ให้​กับ​ผม​ซึ่ง​ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​เลย (สภษ. 16:18) ผม​อธิษฐาน​ถึง​พระ​ยะโฮวา​หลาย​ครั้ง​ขอ​พระองค์​ช่วย​ผม​ให้​ถ่อม​ใจ และ​ผม​ตั้งใจ​ที่​จะ​ไม่​มอง​คำ​แนะ​นำ​ใน​แง่​ลบ​อีก​เลย

ตอน​นี้​ผม​อยู่​ที่​สาขา​แคนาดา​มา​มาก​กว่า 40 ปี​แล้ว และ​ตั้งแต่​ปี 1985 ผม​ก็​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​ที่​จะ​รับใช้​ใน​คณะ​กรรมการ​สาขา​ด้วย ใน​เดือน​กุมภาพันธ์​ปี 2021 ชีล่า​ภรรยา​ของ​ผม​เสีย​ชีวิต นอกจาก​ผม​ต้อง​รับมือ​กับ​การ​สูญ​เสีย​เธอ​แล้ว ผม​ยัง​ต้อง​รับมือ​กับ​ปัญหา​สุขภาพ​ของ​ตัว​เอง​ด้วย แต่​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ก็​ทำ​ให้​ผม​ยุ่ง​อยู่​ตลอด​และ​ทำ​ให้​ผม​มี​ความ​สุข​มาก​จน “ไม่​คิด​ถึง​ปัญหา​ใน​ชีวิต​อัน​แสน​สั้น” มาก​เกิน​ไป (ปญจ. 5:20) ถึง​แม้​ผม​จะ​เจอ​ปัญหา​บ้าง แต่​ชีวิต​ผม​ก็​มี​ความ​สุข​มาก​กว่า​ความ​ทุกข์ การ​ให้​พระ​ยะโฮวา​มา​เป็น​อันดับ​แรก​ใน​ชีวิต​และ​การ​รับใช้​เต็ม​เวลา 70 ปี​ทำ​ให้​ผม​มี​ความ​สุข​จริง ๆ ผม​อธิษฐาน​ขอ​พระ​ยะโฮวา​ช่วย​พี่​น้อง​วัยรุ่น​ให้​คิด​ถึง​พระองค์​เป็น​อันดับ​แรก​ใน​ชีวิต เพราะ​ผม​มั่น​ใจ​ว่า​พวก​เขา​ก็​จะ​มี​ชีวิต​ที่​มี​ความ​สุข​และ​น่า​ตื่นเต้น​เหมือน​กัน ซึ่ง​มี​แค่​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เท่า​นั้น​ที่​ทำ​ให้​เรา​มี​ชีวิต​แบบ​นี้​ได้

a ดู​เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง​ของ​มาร์เซล ฟิล​โท ใน​บทความ “พระ​ยะโฮวา​เป็น​ที่​พึ่ง​พำนัก​และ​เป็น​กำลัง​ของ​ผม” ใน​หอสังเกตการณ์ 1 กุมภาพันธ์ 2000

b ภูมิภาค​นี้​ของ​แอฟริกา​เคย​ถูก​เรียก​ว่า​โกลด์โคสต์ อยู่​ใน​อาณานิคม​ของ​อังกฤษ​จน​ถึง​ปี 1957

c ดู​เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง​ของ​เฮอร์เบิร์ต เจนนิงส์ ใน​บทความ “ท่าน​ไม่​รู้​ว่า ชีวิต​ของ​ท่าน​จะ​เป็น​อย่างไร​ใน​วัน​พรุ่ง​นี้” ใน​หอสังเกตการณ์ 1 ธันวาคม 2000

d นาธาน นอร์​นำ​หน้า​งาน​ของ​องค์การ​ใน​สมัย​นั้น