เลียนแบบความเชื่อและการเชื่อฟังของโนอาห์ ดาเนียล และโยบ
“โนอาห์ ดาเนียล และโยบ . . . จะช่วยแต่ตัวเองให้รอดเท่านั้นเพราะพวกเขามีความถูกต้องชอบธรรม”—เอเสเคียล 14:14
1, 2. (ก) ทำไมการเรียนรู้เรื่องราวของโนอาห์ ดาเนียล และโยบถึงให้กำลังใจเรา? (ข) สภาพการณ์เป็นอย่างไรตอนที่ผู้พยากรณ์เอเสเคียลเขียนเอเสเคียล 14:14?
คุณกำลังทนกับปัญหาและความยากลำบากเพราะเจ็บป่วย มีปัญหาเรื่องเงิน หรือถูกข่มเหงไหม? บางครั้ง สิ่งที่คุณเจอทำให้คุณรับใช้พระยะโฮวาอย่างไม่มีความสุขไหม? ถ้าคุณรู้สึกอย่างนั้น การเรียนรู้เรื่องราวของโนอาห์ ดาเนียล และโยบจะให้กำลังใจคุณ พวกเขาก็เป็นคนไม่สมบูรณ์แบบซึ่งมีปัญหาและข้อท้าทายเหมือนกับเราในทุกวันนี้ บางครั้งชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตรายด้วยซ้ำ แต่พวกเขายังคงซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา และพระองค์มองว่าพวกเขาเป็นตัวอย่างในเรื่องความเชื่อและการเชื่อฟัง—อ่านเอเสเคียล 14:12-14
2 ในปี 612 ก่อนคริสต์ศักราช *ตอนที่เอเสเคียลเขียนเอเสเคียล 14:14 ซึ่งเป็นข้อคัมภีร์หลักของบทความนี้ เขาอยู่ที่บาบิโลน (เอเสเคียล 1:1; 8:1) ตอนนั้นเป็นเวลา 5 ปีก่อนที่กรุงเยรูซาเล็มจะถูกทำลายในปี 607 ก่อน ค.ศ. และมีเพียงไม่กี่คนในกรุงเยรูซาเล็มที่มีความเชื่อและเชื่อฟังเหมือนกับโนอาห์ ดาเนียล และโยบ พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่จะรอดชีวิต (เอเสเคียล 9:1-5) ในจำนวนนี้มีเยเรมีย์ บารุค เอเบดเมเลค และพวกลูกหลานเรคาบด้วย
3. เราจะเรียนอะไรในบทความนี้?
3 ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เฉพาะคนทำสิ่งที่ดีและถูกต้องในสายตาพระเจ้าเหมือนโนอาห์ ดาเนียล และโยบเท่านั้นจะรอดชีวิตผ่านจุดจบของโลกชั่วนี้ (วิวรณ์ 7:9, 14) เราจะคุยกันว่าทำไมพระยะโฮวาใช้ 3 คนนี้เป็นตัวอย่างของคนที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง และเราจะดูว่า (1) พวกเขาเจอปัญหากับข้อท้าทายอะไรบ้าง และ (2) เราจะเลียนแบบความเชื่อและการเชื่อฟังของพวกเขาได้อย่างไร
โนอาห์แสดงความเชื่อและเชื่อฟังมากกว่า 900 ปี
4, 5. โนอาห์เจอปัญหาและข้อท้าทายอะไรบ้าง? และอะไรที่ทำให้เรารู้สึกทึ่งเกี่ยวกับตัวเขา?
4 โนอาห์เจอปัญหาและข้อท้าทายอะไรบ้าง? ในสมัยของเอโนคปู่ทวดของโนอาห์ ผู้คนทำชั่วกันมากอยู่แล้ว พวกเขา “พูดหยาบช้า” ต่อพระยะโฮวา (ยูดา 14, 15) เวลาผ่านไปโลกก็ยิ่งมีแต่ความรุนแรงมากขึ้น พอถึงสมัยของโนอาห์ “โลกมีแต่ความเสื่อมทรามและความรุนแรง” ทูตสวรรค์ชั่วลงมาบนโลก แปลงร่างเป็นมนุษย์ และแต่งงานกับผู้หญิงแล้วก็มีลูกที่ชั่วร้ายและชอบใช้ความรุนแรง (ปฐมกาล 6:2-4, 11, 12) แต่โนอาห์แตกต่างอย่างชัดเจน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “พระยะโฮวาชื่นชอบโนอาห์ . . . เขาไม่เหมือนกับคนในสมัยนั้นเพราะเขาเป็นคนดีพร้อมไม่มีที่ติ โนอาห์ใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าเที่ยงแท้พอใจ”—ปฐมกาล 6:8, 9
5 เรื่องนี้บอกอะไรเราเกี่ยวกับโนอาห์? อย่างแรก ลองคิดถึงระยะเวลาที่โนอาห์รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ในโลกชั่วก่อนน้ำท่วมโลก เขารับใช้ไม่ใช่แค่ 70 หรือ 80 ปี แต่เกือบ 600 ปี! (ปฐมกาล 7:11) อย่างที่สอง โนอาห์ไม่มีประชาคมที่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจเขาเหมือนทุกวันนี้ เขาไม่มีแม้แต่พี่หรือน้องที่จะสนับสนุนเขาเลย *
6. โนอาห์แสดงอย่างไรว่าเขากล้าหาญมาก?
6 โนอาห์ไม่ได้คิดว่าแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว เขากล้าบอกคนอื่นเรื่องความเชื่อของเขาเกี่ยวกับพระยะโฮวา คัมภีร์ไบเบิลเรียกเขาว่า “ผู้ประกาศแนวทางที่ถูกต้อง” (2 เปโตร 2:5) อัครสาวกเปาโลพูดถึงโนอาห์ว่า “เพราะเขามีความเชื่อ เขาจึงทำให้เห็นว่าโลกในสมัยนั้นควรถูกทำลาย” (ฮีบรู 11:7) ผู้คนต้องเยาะเย้ยและต่อต้านโนอาห์แน่ ๆ บางทีคนเหล่านั้นอาจถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายเขาด้วยซ้ำ แต่โนอาห์ไม่กลัว (สุภาษิต 29:25) แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เพราะเขามีความเชื่อ พระยะโฮวาเลยช่วยให้เขามีความกล้าหาญ และพระองค์ก็ให้ความกล้าหาญแบบเดียวกันนี้กับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ทุกคนในทุกวันนี้
7. โนอาห์เจอปัญหาอะไรตอนที่เขาสร้างเรือ?
7 ตอนที่พระยะโฮวาสั่งให้โนอาห์สร้างเรือใหญ่เพื่อช่วยชีวิตคนและสัตว์ เขาก็ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวามามากกว่า 500 ปีแล้ว (ปฐมกาล 5:32; 6:14) โนอาห์คงรู้สึกว่าการสร้างเรือใหญ่เป็นเรื่องยากมาก และรู้ว่าเขาจะโดนเยาะเย้ยมากขึ้นซึ่งจะทำให้ชีวิตเขาลำบากมากแน่ ๆ แต่โนอาห์ก็ยังมีความเชื่อและเชื่อฟังพระยะโฮวา “เขาทำตามทุกอย่าง” ที่พระองค์สั่ง—ปฐมกาล 6:22
8. อะไรที่แสดงว่าโนอาห์ไว้ใจพระยะโฮวาว่าจะเลี้ยงดูครอบครัวของเขา?
8 โนอาห์เจอข้อท้าทายอีกอย่างหนึ่ง เขาต้องเลี้ยงดูภรรยากับลูก ๆ ก่อนน้ำท่วมโลกการเพาะปลูกเป็นงานที่หนักมาก โนอาห์ก็ต้องเจอแบบนั้นเหมือนกัน (ปฐมกาล 5:28, 29) ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เขาเป็นห่วงและให้ความสำคัญที่สุดไม่ใช่การเลี้ยงดูครอบครัว แต่เป็นการรับใช้พระยะโฮวา แม้โนอาห์จะยุ่งมากกับการสร้างเรือซึ่งอาจใช้เวลา 40 หรือ 50 ปี แต่เขาคิดถึงพระยะโฮวาเสมอและให้สายสัมพันธ์ของเขากับพระองค์สำคัญที่สุด และหลังจากน้ำท่วมโลกเขาก็ยังทำอย่างนั้นต่อไปอีก 350 ปี (ปฐมกาล 9:28) โนอาห์เป็นตัวอย่างที่ดีจริง ๆ ในเรื่องความเชื่อและการเชื่อฟัง
9, 10. (ก) เราจะเลียนแบบความเชื่อและการเชื่อฟังของโนอาห์ได้อย่างไร? (ข) ถ้าคุณตั้งใจที่จะเชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้า คุณจะมั่นใจอะไรได้?
9 เราจะเลียนแบบความเชื่อและการเชื่อฟังของโนอาห์ได้อย่างไร? โดยการทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวาเสมอ ไม่เป็นคนของโลกซาตาน และให้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิตเรา (มัทธิว 6:33; ยอห์น 15:19) เรารู้ว่าการทำแบบนี้ทำให้ผู้คนในโลกไม่ชอบเรา เช่น หลายคนอาจพูดถึงเราในแง่ลบออกสื่อต่าง ๆ เพราะเราตั้งใจเชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้าเรื่องเพศและการแต่งงาน (อ่านมาลาคี 3:17, 18) เราทำเหมือนกับโนอาห์ เราเกรงกลัวพระยะโฮวาแต่เราไม่กลัวคน เรานับถือพระองค์มากและไม่อยากให้พระองค์ผิดหวัง เรารู้ว่ามีพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่ให้ชีวิตตลอดไปกับเราได้—ลูกา 12:4, 5
10 ให้ถามตัวเองว่า ‘แม้ว่าคนอื่นจะเยาะเย้ยหรือพูดไม่ดีเกี่ยวกับฉัน ฉันจะทำสิ่งที่ถูกในสายตาของพระยะโฮวาอยู่ไหม? ฉันไว้ใจไหมว่าพระยะโฮวาจะดูแลครอบครัวของฉันแม้การทำมาหากินจะไม่ง่าย?’ ถ้าคุณไว้ใจพระยะโฮวาและเชื่อฟังพระองค์เหมือนโนอาห์ คุณก็จะมั่นใจได้ว่าพระองค์จะดูแลคุณ—ฟีลิปปี 4:6, 7
ดาเนียลแสดงความเชื่อและเชื่อฟังทั้ง ๆ ที่อยู่ในเมืองที่ชั่วช้า
11. ตอนที่ดาเนียลและเพื่อน 3 คนอยู่ที่บาบิโลน พวกเขาเจอข้อท้าทายอะไรบ้างที่เป็นเรื่องยากมาก? (ดูภาพแรก)
11 ดาเนียลเจอปัญหาและข้อท้าทายอะไรบ้าง? ดาเนียลถูกบังคับให้ไปอยู่ที่บาบิโลนซึ่งเต็มไปด้วยพระเท็จและสิ่งที่เกี่ยวกับผีปีศาจ คนที่นั่นไม่ชอบชาวยิวแถมยังเยาะเย้ยพวกเขากับพระยะโฮวา (สดุดี 137:1, 3) นี่คงทำให้ดาเนียลและชาวยิวหลายคนที่รักพระยะโฮวารู้สึกเจ็บปวดมาก นอกจากนั้น หลายคนที่นั่นคงจับตาดูดาเนียลและเพื่อน 3 คนคือ ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์เพราะพวกเขาได้ไปฝึกทำงานให้กษัตริย์บาบิโลน นอกจากนั้น ยังมีการจัดอาหารของกษัตริย์ให้พวกเขากิน แต่ดาเนียล “ตั้งใจว่าจะไม่กินอาหารและเหล้าองุ่นของกษัตริย์ เพราะมีของที่ไม่สะอาดตามกฎหมายของพระเจ้า”—ดาเนียล 1:5-8, 14-17
12. (ก) ดาเนียลเป็นคนแบบไหน? (ข) พระยะโฮวามองดาเนียลอย่างไร?
12 มีข้อท้าทายอีกอย่างหนึ่งสำหรับดาเนียลซึ่งตอนแรกดูเหมือนไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เขาเป็นคนมีความสามารถ และนี่ทำให้เขาได้รับสิทธิพิเศษจากกษัตริย์ (ดาเนียล 1:19, 20) แต่ดาเนียลไม่ได้กลายเป็นคนหยิ่งและไม่ได้รู้สึกว่าความคิดของเขาถูกตลอด เขายังเป็นคนถ่อมและเจียมตัว เขาพูดเสมอว่าพระยะโฮวาต่างหากที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ (ดาเนียล 2:30) ลองคิดถึงเรื่องนี้ ในหนังสือเอเสเคียลพระยะโฮวาพูดถึงดาเนียลกับโนอาห์และโยบว่าพวกเขาทั้ง 3 คนเป็นตัวอย่างที่น่าเลียนแบบ แต่ในตอนนั้นโนอาห์กับโยบตายไปแล้วและพวกเขารับใช้อย่างซื่อสัตย์ตลอดชีวิต ส่วนดาเนียลยังเป็นเด็กวัยรุ่น นี่แสดงว่าพระองค์มั่นใจในตัวดาเนียลจริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ทำให้พระองค์ผิดหวังเพราะเขาซื่อสัตย์และเชื่อฟังพระเจ้าตลอดชีวิต ตอนที่เขาอายุเกือบ 100 ปี ทูตสวรรค์ของพระเจ้าชมเขาว่า “ดาเนียล คุณเป็นคนที่พระเจ้าถือว่ามีค่ามาก”—ดาเนียล 10:11
13. อะไรอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่พระยะโฮวาช่วยดาเนียลให้มีตำแหน่งสูง?
13 เพราะความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา ดาเนียลได้กลายมาเป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งสำคัญมากในจักรวรรดิบาบิโลน และต่อมาเขาก็มีตำแหน่งสูงในจักรวรรดิมีเดีย-เปอร์เซียด้วย (ดาเนียล 1:21; 6:1, 2) บางทีการที่พระยะโฮวาช่วยให้ดาเนียลมีตำแหน่งสูงก็เพื่อให้เขาช่วยประชาชนของพระองค์ เหมือนกับโยเซฟตอนที่อยู่ในอียิปต์และ เหมือนเอสเธอร์กับโมร์เดคัยตอนที่อยู่ในเปอร์เซีย * (ดาเนียล 2:48) คุณนึกออกไหมว่าเอเสเคียลและเชลยชาวยิวคนอื่น ๆ จะรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นวิธีที่พระยะโฮวาใช้ดาเนียลช่วยพวกเขา? นี่คงต้องให้กำลังใจพวกเขามากจริง ๆ
14, 15. (ก) สภาพการณ์ของเราคล้ายดาเนียลอย่างไร? (ข) พ่อแม่ในทุกวันนี้เรียนอะไรได้จากพ่อแม่ของดาเนียล?
14 เราจะเลียนแบบความเชื่อและการเชื่อฟังของดาเนียลได้อย่างไร? โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยการผิดศีลธรรมและการนมัสการเท็จ ผู้คนได้รับอิทธิพลจากบาบิโลนใหญ่ซึ่งก็คือกลุ่มศาสนาเท็จทั้งหมดในโลกที่คัมภีร์ไบเบิลเรียกว่า “ที่อาศัยของพวกปีศาจ” (วิวรณ์ 18:2) แต่เราเป็นเหมือนคนต่างประเทศของโลกนี้ คนทั่วไปเลยมองว่าเราเป็นตัวประหลาดและเยาะเย้ยเรา (มาระโก 13:13) ดังนั้น ให้เราเป็นเหมือนดาเนียลโดยสนิทกับพระยะโฮวาพระเจ้า และถ้าเราถ่อมตัว ไว้ใจ และเชื่อฟังพระองค์ พระองค์ก็จะมองว่าเรามีค่าด้วยเหมือนกัน—ฮักกัย 2:7
15 คนที่เป็นพ่อแม่สามารถเลียนแบบพ่อแม่ของดาเนียลได้ด้วย ตอนดาเนียลเด็ก ๆ เขาอยู่ที่ยูดาห์ ผู้คนส่วนใหญ่สมัยนั้นชั่วมาก แต่เขาก็รักพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเรื่องบังเอิญไหม? ไม่ใช่ พ่อแม่ของดาเนียลต้องสอนเขาเกี่ยวกับพระยะโฮวาแน่ ๆ (สุภาษิต 22:6) แม้แต่ชื่อดาเนียลยังมีความหมายว่า “พระเจ้าเป็นผู้พิพากษาของฉัน” นี่แสดงว่าพ่อแม่ของเขาต้องรักพระยะโฮวา (ดาเนียล 1:6, เชิงอรรถ) ดังนั้น คุณที่เป็นพ่อแม่ คุณต้องสอนลูกเกี่ยวกับพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป คุณต้องอดทน อย่ายอมแพ้ (เอเฟซัส 6:4) คุณต้องอธิษฐานกับลูก อธิษฐานเพื่อลูก และพยายามเต็มที่ที่จะสอนลูกให้รักสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยะโฮวา ถ้าทำอย่างนั้น พระองค์จะอวยพรคุณแน่นอน—สดุดี 37:5
โยบแสดงความเชื่อและเชื่อฟังไม่ว่าเขาจะรวยหรือจน
16, 17. โยบเจอข้อท้าทายอะไรบ้าง (ก) ตอนที่เขารวยและใคร ๆ ก็นับถือ? (ข) ตอนที่เขาเจอความทุกข์?
16 โยบเจอปัญหาและข้อท้าทายอะไรบ้าง? โยบต้องเจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ตอนแรก โยบ “ร่ำรวยกว่าใครในดินแดนทางตะวันออกทั้งหมด” (โยบ 1:3) เขารวยมาก ใคร ๆ ก็รู้จักและนับถือเขามาก (โยบ 29:7-16) ถึงอย่างนั้น โยบไม่ได้คิดว่าเขาดีกว่าคนอื่น และไม่ได้รู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีพระเจ้า เรารู้อย่างนี้เพราะพระยะโฮวาเรียกเขาว่า “ผู้รับใช้ของเรา” และบอกว่าเขา “ทั้งดีทั้งซื่อสัตย์ เป็นคนเกรงกลัวพระเจ้าและไม่ทำชั่ว”—โยบ 1:8
17 แต่จู่ ๆ ชีวิตของโยบก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาสูญเสียทุกอย่าง เขารู้สึกหดหู่จนอยากตาย เรารู้ว่าสาเหตุโยบ 1:9, 10) พระยะโฮวาไม่ได้มองข้ามเรื่องนี้ พระองค์ให้โอกาสโยบพิสูจน์ว่าเขาซื่อสัตย์ภักดีและรับใช้พระองค์เพราะรักพระองค์
ของปัญหาที่เกิดกับโยบมาจากซาตาน มันบอกว่าโยบรับใช้พระยะโฮวาด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัว (อ่าน18. (ก) คุณประทับใจอะไรเกี่ยวกับโยบ? (ข) เราเรียนอะไรได้จากวิธีที่พระยะโฮวาดูแลโยบ?
18 ซาตานเล่นงานโยบอย่างชั่วร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า มันทำให้เขาคิดว่าสิ่งที่เขาเจอมาจากพระเจ้า (โยบ 1:13-21) หลังจากนั้นผู้ชาย 3 คนซึ่งอ้างว่าเป็นเพื่อนที่ดีของโยบก็พูดทำร้ายจิตใจโยบ พวกเขาบอกว่าโยบทำชั่วเลยถูกพระเจ้าลงโทษ (โยบ 2:11; 22:1, 5-10) ถึงโยบจะเจอเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้ เขายังซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวาแม้จะพูดอะไรโง่ ๆ ไปบ้าง (โยบ 6:1-3) พระยะโฮวาเข้าใจโยบว่าที่เขาทำแบบนี้เป็นเพราะเขารู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกแย่มาก พระองค์รู้ว่าถึงซาตานจะเล่นงานโยบอย่างหนักทั้งกล่าวหาและทำร้ายเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เขาก็ไม่เคยทิ้งพระองค์ หลังจากที่เหตุการณ์แย่ ๆ จบลง พระยะโฮวาเอาสิ่งที่โยบเคยมีคืนให้กับเขา 2 เท่า และให้เขามีชีวิตต่อไปอีก 140 ปี ในช่วงนั้น โยบรับใช้พระยะโฮวาต่อไปอย่างสุดหัวใจ (ยากอบ 5:11) เรารู้ได้อย่างไร? เพราะข้อคัมภีร์หลักที่เอเสเคียล 14:14 ถูกเขียนหลังจากโยบตายไปแล้วหลายร้อยปี
19, 20. (ก) เราจะเลียนแบบความเชื่อและการเชื่อฟังของโยบได้อย่างไร? (ข) เราจะแสดงความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ๆ เหมือนพระยะโฮวาได้อย่างไร?
19 เราจะเลียนแบบความเชื่อและการเชื่อฟังของโยบได้อย่างไร? ไม่ว่าสภาพการณ์จะเป็นอย่างไร เราต้องให้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิตเสมอ เราต้องไว้ใจและเชื่อฟังพระองค์สุดหัวใจ ที่จริง เรามีเหตุผลที่จะทำแบบนั้นมากกว่าโยบ ลองนึกดูซิ ตอนนี้เรารู้เยอะมากเกี่ยวกับซาตานและวิธีของมัน (2 โครินธ์ 2:11) นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลโดยเฉพาะหนังสือโยบทำให้เรารู้ว่าทำไมพระเจ้ายอมให้มีความทุกข์ และคำพยากรณ์ของดาเนียลทำให้เรารู้ว่ารัฐบาลของพระเจ้าคือรัฐบาลที่ปกครองโดยพระเยซูคริสต์ (ดาเนียล 7:13, 14) และเรารู้ว่ารัฐบาลนี้จะปกครองทั้งโลกและทำให้ความทุกข์หมดไปเร็ว ๆ นี้
20 เรื่องที่เกิดกับโยบยังสอนเราด้วยว่าเราต้องแสดงความเห็นอกเห็นใจเมื่อพี่น้องเจอความทุกข์ พวกเขาอาจพูดอะไรไม่คิดเหมือนโยบ (ปัญญาจารย์ 7:7) เราอย่าคิดไม่ดีกับเขาหรือกล่าวหาเขาว่าไปทำอะไรผิดมาถึงต้องเจอเรื่องร้าย ๆ แบบนี้ แทนที่จะทำแบบนั้น เราน่าจะพยายามเข้าใจคนอื่น ถ้าเราทำอย่างนั้น เราจะเป็นเหมือนพระยะโฮวาพ่อที่รักของเราซึ่งเป็นพระเจ้าผู้เมตตาสงสาร—สดุดี 103:8
พระยะโฮวา “จะทำให้พวกคุณเข้มแข็ง”
21. ข้อคัมภีร์ที่ 1 เปโตร 5:10 ทำให้เราคิดถึงประสบการณ์ของโนอาห์ ดาเนียล และโยบอย่างไร?
21 โนอาห์ ดาเนียล และโยบมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาและสภาพการณ์ที่ต่างกันมาก แต่ทั้ง 3 คนอดทนกับปัญหาและข้อท้าทายได้ ชีวิตของพวกเขาทำให้เราคิดถึงคำพูดของเปโตรที่ว่า “หลังจากพวกคุณทนทุกข์อยู่ช่วงสั้น ๆ แล้ว พระเจ้าซึ่งเต็มไปด้วยความกรุณาที่ยิ่งใหญ่จะทำให้การฝึกอบรมพวกคุณสำเร็จลุล่วง . . . พระองค์จะทำให้พวกคุณมั่นคง พระองค์จะทำให้พวกคุณเข้มแข็งและไม่หวั่นไหว”—1 เปโตร 5:10
22. เราจะเรียนอะไรในบทความหน้า?
22 ข้อคัมภีร์ที่ 1 เปโตร 5:10 หมายถึงผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในทุกวันนี้ด้วย พระยะโฮวารับรองกับเราว่าพระองค์จะช่วยให้ผู้รับใช้ของพระองค์มั่นคงและเข้มแข็ง เราทุกคนอยากให้พระยะโฮวาช่วยเราให้เข้มแข็งไม่หวั่นไหวและเราอยากจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์ นี่เป็นเหตุผลที่เราอยากเลียนแบบความเชื่อและการเชื่อฟังของโนอาห์ ดาเนียล และโยบ ในบทความหน้าเราจะเรียนว่าที่พวกเขาสามารถรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาได้ก็เพราะพวกเขารู้จักพระองค์จริง ๆ พวกเขา “เข้าใจทุกอย่าง” ที่พระองค์ต้องการให้ทำ (สุภาษิต 28:5) เราก็เป็นเหมือนพวกเขาได้
^ วรรค 2 เอเสเคียลถูกพาไปเป็นเชลยที่บาบิโลนในปี 617 ก่อน ค.ศ. เขาเขียนเอเสเคียล 8:1-19:14 ใน “ปีที่ 6” หลังจากเขาถูกพาไปที่บาบิโลน ดังนั้น ปีที่เขาเขียนจึงเป็นปี 612 ก่อน ค.ศ.
^ วรรค 5 ลาเมคพ่อของโนอาห์มีความเชื่อในพระเจ้า เขาตายก่อนน้ำท่วมโลกประมาณ 5 ปี เราไม่รู้ว่าแม่กับพี่น้องของโนอาห์ตายตอนไหน แต่ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่จนถึงน้ำท่วมโลก ก็แสดงว่าพวกเขาต้องตายตอนนั้น
^ วรรค 13 ที่ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์มีตำแหน่งสูงอาจเป็นเพราะพระยะโฮวาทำให้เป็นแบบนั้นเพื่อให้พวกเขาช่วยชาวยิว—ดาเนียล 2:49