ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

“ผม​ไม่​เคย​โดด​เดี่ยว​เลย”

“ผม​ไม่​เคย​โดด​เดี่ยว​เลย”

อาจ​มี​หลาย​สถานการณ์​ที่​ทำ​ให้​เรา​รู้สึก​โดด​เดี่ยว เช่น ตอน​ที่​เรา​สูญ​เสีย​คน​ที่​รัก ตอน​ที่​เรา​อยู่​ใน​ที่​ที่​ไม่​คุ้น​เคย และ​ตอน​ที่​เรา​ต้อง​อยู่​คน​เดียว ผม​เคย​เจอ​มัน​มา​หมด​แล้ว แต่​พอ​มอง​ย้อน​กลับ​ไป ผม​ก็​รู้สึก​เลย​ว่า​ผม​ไม่​เคย​โดด​เดี่ยว​เลย เดี๋ยว​ผม​จะ​เล่า​ให้​ฟัง​ว่า​ทำไม​ผม​ถึง​รู้สึก​แบบ​นั้น

ตัวอย่าง​ของ​พ่อ​แม่

พ่อ​กับ​แม่​ผม​เคย​เป็น​คาทอลิก​ที่​เคร่ง​มาก แต่​พอ​พวก​เขา​ได้​เรียน​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​ได้​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ชื่อ​ของ​พระเจ้า พวก​เขา​ก็​เลย​เลิก​เป็น​คาทอลิก​และ​กลาย​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​กระตือรือร้น พ่อ​ผม​เป็น​ช่าง​ไม้​และ​เคย​แกะ​สลัก​รูป​พระ​เยซู แต่​ตอน​นี้​พ่อ​ใช้​ความ​สามารถ​ของ​เขา​ใน​การ​เปลี่ยน​บ้าน​ชั้น​ล่าง​ของ​เรา​ให้​กลาย​เป็น​หอ​ประชุม​แห่ง​แรก​ใน​ซานฮวน เดล มอนเต ซึ่ง​อยู่​แถบ​ชาน​เมือง​ของ​กรุง​มะนิลา​เมือง​หลวง​ของ​ฟิลิปปินส์

กับ​พ่อ​แม่​และ​คน​อื่น ๆ ใน​ครอบครัว

ผม​เกิด​ใน​ปี 1952 พ่อ​กับ​แม่​สอน​ความ​จริง​ให้​กับ​ผม​และ​พี่​ชาย​อีก 4 คน​และ​พี่​สาว​อีก 3 คน พอ​ผม​โต​ขึ้น​พ่อ​ก็​สนับสนุน​ให้​ผม​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ทุก​วัน​วัน​ละ​บท และ​เขา​จะ​ใช้​หนังสือ​ของ​องค์การ​หลาย​เล่ม​เพื่อ​ศึกษา​กับ​ผม เวลา​ที่​มี​ผู้​ดู​แล​หมวด​หรือ​มี​ตัว​แทน​จาก​สำนักงาน​สาขา​มา​ที่​ประชาคม บาง​ครั้ง​พ่อ​กับ​แม่​ก็​จะ​ชวน​พวก​เขา​พัก​ที่​บ้าน​ของ​เรา พี่​น้อง​เหล่า​นี้​ชอบ​เล่า​ประสบการณ์​ดี ๆ ให้​เรา​ฟัง เรา​ชอบ​มาก​และ​รู้สึก​ได้​รับ​กำลังใจ​จริง ๆ นี่​ก็​เลย​ทำ​ให้​พวก​เรา​ทุก​คน​ตั้งใจ​ที่​จะ​ให้​งาน​รับใช้​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต

ผม​ได้​เรียน​หลาย​อย่าง​จาก​ตัวอย่าง​ของ​พ่อ​แม่ พวก​เขา​ซื่อสัตย์​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​มาก หลัง​จาก​ที่​แม่​ผม​ป่วย​และ​เสีย​ชีวิต ผม​กับ​พ่อ​ก็​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ด้วย​กัน​ใน​ปี 1971 แต่​พอ​มา​ปี 1973 ตอน​นั้น​ผม​อายุ 20 พ่อ​ก็​ตาย การ​สูญ​เสีย​ทั้ง​พ่อ​และ​แม่​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​เหงา​และ​โดด​เดี่ยว​มาก แต่​ความ​หวัง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เป็น​เหมือน​สมอ​เรือ​ของ​ชีวิต​ที่ “มั่นคง​แน่นอน” ก็​ช่วย​ยึด​ผม​ไว้ ทำ​ให้​ผม​ไม่​เศร้า​จน​เกิน​ไป​และ​ใกล้​ชิด​กับ​พระ​ยะโฮวา​เสมอ (ฮบ. 6:19) ไม่​นาน​หลัง​จาก​ที่​พ่อ​ผม​ตาย ผม​ก็​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ที่​เกาะ​โครอน​จังหวัด​ปา​ลา​วัน

รู้สึก​โดด​เดี่ยว​ใน​เขต​มอบหมาย​ที่​ไม่​ง่าย

ตอน​มา​ถึง​เกาะ​โครอน ผม​อายุ 21 ผม​เป็น​เด็ก​ที่​โต​มา​ใน​เมือง พอ​มา​ถึง​เกาะ​นี้​ผม​ก็​เลย​ตกใจ​มาก​ว่า​ทำไม​เกาะ​นี้​น้ำ​ไฟ​ก็​ไม่​ค่อย​จะ​มี และ​ไม่​ค่อย​มี​รถ​หรือ​มอเตอร์ไซค์​เลย ถึง​แม้​ที่​ประชาคม​นั้น​จะ​มี​พี่​น้อง​ชาย​อยู่​บ้าง แต่​ผม​ไม่​มี​คู่​ไพโอเนียร์​และ​บาง​ครั้ง​ก็​ต้อง​ไป​ประกาศ​คน​เดียว ใน​ช่วง​เดือน​แรก​ของ​งาน​มอบหมาย​ผม​คิด​ถึง​ครอบครัว​และ​เพื่อน ๆ มาก พอ​ตก​กลางคืน​ผม​มัก​จะ​มอง​ขึ้น​ไป​บน​ฟ้า ดู​ดวง​ดาว แล้ว​น้ำตา​ก็​ค่อย ๆ ไหล​ลง​บน​หน้า ผม​รู้สึก​ว่า​ไม่​อยาก​จะ​ทำ​งาน​มอบหมาย​นี้​อีก​ต่อ​ไป​แล้ว​และ​อยาก​กลับ​บ้าน

ใน​ช่วง​ที่​รู้สึก​โดด​เดี่ยว​แบบ​นั้น​ผม​จะ​ระบาย​ความ​รู้สึก​กับ​พระ​ยะโฮวา ผม​มัก​จะ​คิด​ถึง​สิ่ง​ที่​ได้​อ่าน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​ใน​หนังสือ​ของ​องค์การ​เรา เช่น สดุดี 19:14 มัก​จะ​เป็น​ข้อ​คัมภีร์​ที่​ผม​นึก​ถึง​บ่อย ๆ ถ้า​ผม​คิด​ใคร่ครวญ​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​พระ​ยะโฮวา​พอ​ใจ เช่น คุณลักษณะ​ของ​พระองค์​และ​สิ่ง​ที่​พระองค์​ทำ ผม​ก็​จะ​มอง​พระ​ยะโฮวา​ว่า​เป็น หิน​ที่​แข็ง​แกร่ง​และ​เป็น​ผู้​ไถ่​ของ​ผม” นอกจากนั้น มี​บทความ​หนึ่ง​ใน​หอสังเกตการณ์ ที่​ชื่อ​ว่า “คุณ​จะ​ไม่​โดด​เดี่ยว” a บทความ​นี้​ช่วย​ผม​ได้​เยอะ​มาก ผม​ชอบ​อ่าน​บทความ​นี้​ซ้ำ ๆ และ​ใน​ช่วง​เวลา​ที่​ผม​ต้อง​อยู่​คน​เดียว ผม​จะ​มอง​ว่า​นั่น​เป็น​ช่วง​เวลา​ที่​ได้​อยู่​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​เป็น​โอกาส​พิเศษ​ที่​ผม​จะ​ได้​อธิษฐาน ศึกษา​ส่วน​ตัว และ​คิด​ใคร่ครวญ

ไม่​นาน​หลัง​จาก​ที่​ผม​มา​ถึง​เกาะ​โครอน ผม​ก็​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล ผม​เป็น​ผู้​ดู​แล​คน​เดียว​ที่​อยู่​ที่​นั่น ทุก​อาทิตย์​ผม​ก็​เลย​ต้อง​นำ​การ​ประชุม​โรง​เรียน​การ​รับใช้​ตาม​ระบอบ​ของ​พระเจ้า การ​ประชุม​เพื่อ​การ​รับใช้ การ​ศึกษา​หนังสือ​ประจำ​ประชาคม และ​การ​ศึกษา​หอสังเกตการณ์ นอกจากนั้น ผม​ยัง​ต้อง​บรรยาย​สาธารณะ​ทุก​อาทิตย์​ด้วย ผม​ยุ่ง​มาก​จน​ไม่​มี​เวลา​รู้สึก​เหงา​เลย

งาน​ประกาศ​ที่​เกาะ​โครอน​ดี​มาก ผม​มี​ความ​สุข​ที่​ได้​รับใช้​ที่​นั่น มี​นัก​ศึกษา​ของ​ผม​บาง​คน​ก้าว​หน้า​จน​รับ​บัพติศมา​ด้วย แต่​ถึงอย่างนั้น​ผม​ก็​ต้อง​เจอ​ข้อ​ท้าทาย​บาง​อย่าง เช่น เวลา​ไป​ประกาศ บาง​ครั้ง​ผม​ต้อง​เดิน​ครึ่ง​วัน​กว่า​จะ​ถึง​เขต​ประกาศ แถม​ไม่​รู้​ด้วย​ซ้ำ​ว่า​ไป​ถึง​แล้ว​จะ​ได้​นอน​ที่​ไหน เขต​ของ​ประชาคม​เรา​ยัง​รวม​ถึง​เกาะ​เล็ก ๆ หลาย​เกาะ​ด้วย ผม​ก็​เลย​ต้อง​เดิน​ทาง​โดย​ใช้​เรือ​ยนต์​ผ่าน​ทะเล​ที่​มี​คลื่น​ลม​แรง​ทั้ง ๆ ที่​ตัว​เอง​ก็​ว่าย​น้ำ​ไม่​เป็น ถึง​แม้​จะ​เจอ​ข้อ​ท้าทาย​เหล่า​นี้ แต่​พระ​ยะโฮวา​ก็​คอย​คุ้มครอง​และ​ดู​แล​ผม ผม​ได้​มา​รู้​ที​หลัง​ว่า​นี่​เป็น​วิธี​ที่​พระ​ยะโฮวา​กำลัง​เตรียม​ตัว​ผม​ให้​พร้อม​สำหรับ​งาน​มอบหมาย​ถัด​ไป​ซึ่ง​จะ​มี​ข้อ​ท้าทาย​มาก​กว่า​นี้​อีก

ปาปัวนิวกินี

ใน​ปี 1978 ผม​ถูก​มอบหมาย​ไป​ที่​ประเทศ​ปาปัวนิวกินี ซึ่ง​อยู่​ทาง​ตอน​เหนือ​ของ​ออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี​เป็น​ประเทศ​ที่​มี​ภูเขา​เยอะ​และ​ประเทศ​นี้​ก็​ใหญ่​มาก​พอ ๆ กับ​สเปน ผม​แปลก​ใจ​มาก​ที่​ได้​รู้​ว่า​ที่​นั่น​มี​ประชากร​ประมาณ 3 ล้าน​คน แต่​มี​ภาษา​พูด​มาก​กว่า 800 ภาษา ภาษา​ที่​ผู้​คน​ส่วน​ใหญ่​พูด​กัน​ก็​คือ​เมลานีเซีย​พิดจิน ซึ่ง​มัก​จะ​เรียก​กัน​ว่า​ต๊อกพิซิน

ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ชั่ว​คราว​ให้​ไป​ที่​ประชาคม​ภาษา​อังกฤษ​ใน​พอร์ต​มอร์สบี ซึ่ง​เป็น​เมือง​หลวง​ของ​ปาปัวนิวกินี แต่​หลัง​จาก​นั้น​ผม​ก็​ย้าย​ไป​ที่​ประชาคม​ที่​ใช้​ภาษา​ต๊อกพิซิน​และ​เริ่ม​เรียน​ภาษา​นั้น ผม​เอา​สิ่ง​ที่​ได้​เรียน​ไป​ใช้​ใน​งาน​ประกาศ นี่​ช่วย​ให้​ผม​เรียน​ภาษา​ต๊อกพิซิน​ได้​เร็ว​ขึ้น ไม่​นาน​ผม​ก็​สามารถ​บรรยาย​สาธารณะ​ใน​ภาษา​ต๊อกพิซิน​ได้ หลัง​จาก​ที่​ผม​มา​อยู่​ที่​ปาปัวนิวกินี​ได้​ไม่​ถึง​ปี ผม​ตกใจ​มาก​ที่​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​และ​ไป​เยี่ยม​ใน​ประชาคม​ที่​ใช้​ภาษา​ต๊อกพิซิน​ตาม​จังหวัด​ต่าง ๆ

เนื่อง​จาก​แต่​ละ​ประชาคม​ที่​อยู่​ที่​นั่น​อยู่​ห่าง​ไกล​มาก ผม​เลย​ต้อง​จัด​การ​ประชุม​หมวด​หลาย​แห่ง​และ​เดิน​ทาง​บ่อย ๆ ตอน​แรก​ผม​รู้สึก​โดด​เดี่ยว​มาก​เลย​เพราะ​ทุก​อย่าง​มัน​ใหม่​สำหรับ​ผม​ไป​หมด ทั้ง​ที่​ที่​ผม​อยู่ ทั้ง​ภาษา และ​วัฒนธรรม ผม​ต้อง​เดิน​ทาง​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ โดย​เครื่องบิน​เพราะ​ที่​ปาปัวนิวกินี​มี​ภูเขา​เยอะ​และ​ไม่​ค่อย​มี​ถนน​ที่​เชื่อม​ต่อ​กัน​ระหว่าง​จังหวัด บาง​ครั้ง​ผม​ต้อง​ขึ้น​เครื่องบิน​คน​เดียว​และ​สภาพ​เครื่องบิน​นั้น​ก็​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไหร่ เวลา​ขึ้น​เครื่องบิน​ที​ไร​ผม​รู้สึก​ว่า​มัน​น่า​กลัว​พอ ๆ กับ​ตอน​ที่​ต้อง​ลง​เรือ​เลย

ที่​ปาปัวนิวกินี​มี​แค่​ไม่​กี่​คน​ที่​มี​โทรศัพท์ ผม​ก็​เลย​ต้อง​เขียน​จดหมาย​เพื่อ​ติด​ต่อ​กับ​ประชาคม​ต่าง ๆ หลาย​ครั้ง​ผม​มัก​จะ​ไป​ถึง​ที่​ประชาคม​ก่อน​ที่​จดหมาย​จะ​ไป​ถึง​ด้วย​ซ้ำ แล้ว​ผม​ก็​มัก​จะ​ต้อง​ถาม​ชาว​บ้าน​เพื่อ​จะ​รู้​ว่า​พี่​น้อง​อยู่​ที่​ไหน แต่​ทุก​ครั้ง​พอ​ผม​ได้​เจอ​พี่​น้อง พวก​เขา​ก็​ต้อนรับ​ผม​อย่าง​ดี​จน​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​ว่า​มัน​คุ้มค่า​จริง ๆ ที่​จะ​ตาม​หา​พวก​เขา ผม​ได้​เห็น​เลย​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ช่วย​ผม​ใน​หลาย​วิธี และ​นี่​ทำ​ให้​ผม​สนิท​กับ​พระองค์​มาก​ขึ้น

ตอน​ที่​ผม​ไป​ประชุม​ครั้ง​แรก​ที่​เกาะ​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ชื่อ​บูแกงวิล ผม​ได้​เจอ​กับ​สามี​ภรรยา​คู่​หนึ่ง พวก​เขา​เดิน​มา​หา​ผม​หน้า​ตา​ยิ้ม​แย้ม​แจ่ม​ใส แล้ว​ก็​ถาม​ผม​ว่า “คุณ​จำ​เรา​ได้​ไหม?” แล้ว​ผม​ก็​นึก​ออก​ว่า​ผม​เคย​ประกาศ​ให้​สามี​ภรรยา​คู่​นี้​ฟัง​ตอน​ที่​ผม​เพิ่ง​มา​ถึง​พอร์ต​มอร์สบี​ใหม่ ๆ ผม​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พวก​เขา แล้ว​หลัง​จาก​นั้น​ก็​ส่ง​ต่อ​ให้​กับ​พี่​น้อง​ชาย​ท้องถิ่น​คน​หนึ่ง​ที่​อยู่​ที่​นั่น ตอน​นี้​พวก​เขา​ทั้ง​สอง​คน​รับ​บัพติศมา​แล้ว นี่​เป็น​หนึ่ง​ใน​พร​มาก​มาย​ที่​ผม​ได้​รับ​ใน​ช่วง 3 ปี​ที่​รับใช้​ที่​ปาปัวนิวกินี

ครอบครัว​เล็ก ๆ ที่​ขยัน​ขันแข็ง

กับ​อเดล

ย้อน​กลับ​ไป​ใน​ปี 1978 ก่อน​ที่​ผม​จะ​ออก​จาก​เกาะ​โครอน ผม​ได้​รู้​จัก​กับ​พี่​น้อง​หญิง​ที่​น่า​รัก​คน​หนึ่ง​ที่​ชื่อ​อเดล เธอ​เป็น​คน​ที่​มี​น้ำใจ​เสีย​สละ เธอ​เป็น​แม่​เลี้ยง​เดี่ยว​ที่​ต้อง​ดู​แล​ลูก 2 คน​ที่​ชื่อ​ซามูเอล​กับ​เชอร์ลี่ และ​ใน​ขณะ​เดียว​กัน​เธอ​ก็​ต้อง​ดู​แล​แม่​ที่​สูง​อายุ​ด้วย ใน​เดือน​พฤษภาคม​ปี 1981 ผม​เดิน​ทาง​กลับ​ไป​ที่​ฟิลิปปินส์​เพื่อ​แต่งงาน​กับ​อเดล หลัง​จาก​ที่​เรา​แต่งงาน​กัน เรา​สอง​คน​ก็​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ​ด้วย​กัน​และ​ดู​แล​ครอบครัว​เล็ก ๆ ของ​เรา

รับใช้​ที่​ปาลาวัน​กับ​อเดล ซามูเอล และ​เชอร์ลี่

แม้​จะ​ต้อง​ดู​แล​ครอบครัว แต่​ใน​ปี 1983 ผม​ก็​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​กลับ​มา​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​อีก และ​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​รับใช้​ที่​เกาะ​ลินาปากัน​ใน​จังหวัด​ปาลาวัน ที่​เกาะ​นั้น​ไม่​มี​พยาน​ฯ เลย เรา​ทั้ง​ครอบครัว​ย้าย​ไป​อยู่​ด้วย​กัน​ที่​นั่น ประมาณ 1 ปี​ต่อ​มา​แม่​ขอ​งอ​เดล​ก็​เสีย​ชีวิต แต่​เรา​ขยัน​ทำ​งาน​รับใช้​ต่อ ๆ ไป​ซึ่ง​มัน​ช่วย​เรา​ได้​มาก​ให้​รับมือ​กับ​การ​สูญ​เสีย เรา​สอง​คน​เริ่ม​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​หลาย​ราย​ที่​เกาะ​ลินาปากัน จน​ใน​ที่​สุด​เรา​จำเป็น​ต้อง​มี​หอ​ประชุม เรา​ก็​เลย​สร้าง​หอ​ประชุม​เล็ก ๆ ขึ้น​มา​หลัง​หนึ่ง ประมาณ 3 ปี​หลัง​จาก​ที่​เรา​ย้าย​มา​อยู่​ที่​นั่น เรา​ก็​ดีใจ​มาก​ที่​ได้​เห็น 110 คน​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​อนุสรณ์ ซึ่ง​หลาย​คน​ที่​มา​ประชุม​ใน​ตอน​นั้น​ก็​ก้าว​หน้า​อย่าง​ดี​จน​รับ​บัพติศมา​หลัง​จาก​ที่​เรา​ย้าย​ออก​จาก​เกาะ​นี้​ไป​แล้ว

ใน​ปี 1986 ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​รับใช้​ที่​เกาะ​คูลิออน ซึ่ง​ที่​นั่น​มี​นิคม​โรค​เรื้อน หลัง​จาก​ย้าย​ไป​ที่​นั่น​ได้​ไม่​นาน อเดล​ก็​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ด้วย ตอน​แรก​ที่​เรา​รับใช้​ที่​นั่น เรา​รู้สึก​กังวล​ที่​จะ​ประกาศ​กับ​คน​ที่​ร่าง​กาย​ผิด​รูป​เพราะ​เป็น​โรค​เรื้อน แต่​ผู้​ประกาศ​ที่​นั่น​ก็​รับรอง​กับ​เรา​ว่า​คน​เหล่า​นั้น​กำลัง​ได้​รับ​การ​รักษา​อย่าง​ดี​และ​โอกาส​แพร่​เชื้อ​ไป​สู่​คน​อื่น​ก็​ไม่​ค่อย​จะ​มี คนไข้​ที่​อยู่​ใน​นิคม​โรค​เรื้อน​บาง​คน​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ที่​บ้าน​ของ​พี่​น้อง​หญิง​คน​หนึ่ง​ด้วย ไม่​นาน​เรา​สอง​คน​ก็​ปรับ​ตัว​ได้​และ​รู้สึก​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​ได้​พูด​ถึง​ความ​หวัง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​กับ​คน​ที่​คิด​ว่า​ตัว​เอง​ไม่​ได้​รับ​การ​ยอม​รับ​จาก​พระเจ้า​และ​คน​ทั่ว​ไป เรา​ดีใจ​จริง ๆ ที่​ได้​เห็น​ว่า​คน​ที่​ป่วย​เป็น​โรค​ร้ายแรง​แบบ​นั้น​มี​ความ​สุข​ที่​ได้​รู้​ว่า​ใน​อนาคต​พวก​เขา​จะ​มี​สุขภาพ​ที่​แข็งแรง​สมบูรณ์—ลก. 5:12, 13

แล้ว​เด็ก ๆ ปรับ​ตัว​เข้า​กับ​การ​ใช้​ชีวิต​บน​เกาะ​คูลิออน​ยังไง? ผม​กับ​อเดล​ชวน​พี่​น้อง​หญิง​วัยรุ่น 2 คน​จาก​เกาะ​โครอน​ให้​มา​อยู่​กับ​เรา​ที่​เกาะ​คูลิออน เพื่อ​ที่​เชอร์ลี่​กับ​ซามูเอล​จะ​มี​โอกาส​ได้​คบหา​กับ​พี่​น้อง นี่​เลย​ทำ​ให้​ซามูเอล เชอร์ลี่ และ​พี่​น้อง​วัยรุ่น 2 คน​นี้​ได้​มี​โอกาส​ทำ​งาน​รับใช้​อย่าง​มี​ความ​สุข พวก​เขา​นำ​การ​ศึกษา​กับ​เด็ก ๆ หลาย​คน​บน​เกาะ​นี้ ส่วน​ผม​กับ​อเดล​ก็​นำ​การ​ศึกษา​กับ​พ่อ​แม่​ของ​เด็ก ๆ เหล่า​นี้ มี​อยู่​ช่วง​หนึ่ง​พวก​เรา​นำ​การ​ศึกษา​กับ​คน​บน​เกาะ​ถึง 11 ครอบครัว และ​ต่อ​มา​ไม่​นาน​นัก​ศึกษา​ของ​เรา​หลาย​คน​ก็​ก้าว​หน้า​จน​เรา​สามารถ​ตั้ง​ประชาคม​ใหม่​ขึ้น​ที่​นั่น​ได้

ผม​เป็น​ผู้​ดู​แล​แค่​คน​เดียว​ใน​เขต​นั้น สำนักงาน​สาขา​ก็​เลย​ขอ​ให้​ผม​นำ​การ​ประชุม​ทุก​สัปดาห์​ที่​เกาะ​คูลิออน​ซึ่ง​มี​ผู้​ประกาศ 8 คน แล้ว​ผม​ก็​ต้อง​ไป​นำ​การ​ประชุม​ที่​หมู่​บ้าน​มาริลี​ซึ่ง​มี​ผู้​ประกาศ 9 คน​ด้วย เรา​ต้อง​เดิน​ทาง​ไป​หมู่​บ้าน​มา​ริ​ลี​โดย​ทาง​เรือ​ซึ่ง​ใช้​เวลา​ประมาณ 3 ชั่วโมง หลัง​จาก​นำ​การ​ประชุม​ที่​นั่น​เสร็จ ผม​กับ​ครอบครัว​ก็​จะ​เดิน​ขึ้น​เขา​ไป​ที่​หมู่​บ้าน​ฮาลซีย์​เพื่อ​ไป​นำ​การ​ศึกษา​กับ​หลาย​คน​ที่​นั่น

ใน​ที่​สุด​ก็​มี​ผู้​สนใจ​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ มาก​มาย​ใน​หมู่​บ้าน​มาริลี​และ​หมู่​บ้าน​ฮาลซีย์​จน​เรา​ต้อง​สร้าง​หอ​ประชุม​ขึ้น​ทั้ง 2 ที่ พี่​น้อง​ท้องถิ่น​รวม​ทั้ง​ผู้​สนใจ​ช่วย​กัน​บริจาค​เงิน​และ​มา​ช่วย​กัน​สร้าง​หอ​ประชุม​เหมือน​กับ​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​เกาะ​ลินาปากัน หอ​ประชุม​ที่​มาริลี​ใหญ่​มาก​จน​สามารถ​จุ​ผู้​เข้า​ร่วม​ประชุม​ได้​ถึง 200 คน​และ​สามารถ​ขยาย​เพิ่ม​ได้​ด้วย ซึ่ง​ทำ​ให้​เรา​สามารถ​ใช้​ที่​นั่น​จัด​การ​ประชุม​หมวด​ได้

เศร้า โดด​เดี่ยว แล้ว​ก็​กลับ​มา​มี​ความ​ยินดี​อีก

ใน​ปี 1993 พอ​ลูก ๆ โต​กัน​หมด​แล้ว ผม​กับ​อเดล​ก็​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ทำ​งาน​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​ใน​ประเทศ​ฟิลิปปินส์ และ​ใน​ปี 2000 ผม​ได้​เข้า​โรง​เรียน​ฝึก​อบรม​เพื่อ​งาน​รับใช้​เพื่อ​จะ​ฝึก​เป็น​ผู้​สอน​สำหรับ​โรง​เรียน​นั้น ผม​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​ไม่​มี​คุณสมบัติ​เพียง​พอ​ที่​จะ​ทำ​งาน​นี้ แต่​อเดล​ก็​คอย​ให้​กำลังใจ​ผม​เสมอ เธอ​บอก​ผม​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​ให้​กำลัง​กับ​ผม​เพื่อ​จะ​ทำ​งาน​มอบหมาย​ใหม่​นี้​ได้​สำเร็จ (ฟป. 4:13) อเดล​พูด​จาก​ประสบการณ์​ของ​ตัว​เอง​เพราะ​เธอ​เห็น​เลย​ว่า​เธอ​สามารถ​ทำ​งาน​รับใช้​ได้​สำเร็จ​แม้​จะ​มี​ปัญหา​สุขภาพ

ใน​ปี 2006 ตอน​ที่​ผม​ยัง​เป็น​ผู้​สอน​อยู่ อเดล​ก็​ล้ม​ป่วย หมอ​วินิจฉัย​ว่า​เธอ​เป็น​โรค​พาร์กินสัน เรา​สอง​คน​ตกใจ​มาก ผม​บอก​อเดล​ว่า​เรา​อาจ​จะ​ต้อง​หยุด​ทำ​งาน​มอบหมาย​นี้​ไป​ก่อน​เพื่อ​จะ​ดู​แล​เอา​ใจ​ใส่​เธอ แต่​อเดล​ก็​บอก​ว่า “เรา​ลอง​ไป​หา​หมอ​ที่​จะ​ช่วย​รักษา​ฉัน​ดี​ไหม? และ​ฉัน​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​ช่วย​ให้​เรา​สอง​คน​ยัง​คง​ทำ​งาน​มอบหมาย​ต่อ​ไป​ได้” ตลอด 6 ปี​ต่อ​มา อเดล​ก็​ทำ​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ต่อ​ไป​โดย​ไม่​บ่น​เลย แม้​เธอ​จะ​มี​อาการ​ทรุด​ลง​เรื่อย ๆ แต่​เธอ​ก็​ยัง​ขยัน​ขันแข็ง ตอน​ที่​อเดล​เดิน​ไม่​ได้ เธอ​ก็​จะ​ประกาศ​แม้​จะ​นั่ง​รถ​เข็น และ​พอ​อเดล​มา​ถึง​จุด​ที่​พูด​ไม่​ค่อย​ได้ เธอ​ก็​จะ​ออก​ความ​เห็น​ซัก 1 หรือ 2 คำ​ที่​การ​ประชุม พี่​น้อง​จะ​คอย​ส่ง​ข้อ​ความ​มา​ให้​กำลังใจ​อเดล​เสมอ​ว่า​เธอ​เป็น​ตัวอย่าง​ที่​ดี​ของ​ความ​อดทน​จน​เธอ​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 2013 เรา 2 คน​ใช้​ชีวิต​คู่​ร่วม​กัน​มา​นาน​มาก​กว่า 30 ปี เธอ​เป็น​คู่​ชีวิต​ที่​น่า​รัก​และ​ซื่อสัตย์ หลัง​จา​กอ​เดล​ตาย ผม​ก็​รู้สึก​เศร้า​และ​โดด​เดี่ยว​อีก​ครั้ง

อเดล​พูด​มา​ตลอด​ว่า​เธอ​อยาก​ให้​ผม​ทำ​งาน​ที่​ได้​รับ​มอบหมาย​ต่อ ๆ ไป ผม​ก็​ทำ​ตาม​ที่​เธอ​บอก ผม​พยายาม​ทำ​ตัว​ให้​ยุ่ง​อยู่​เสมอ​ซึ่ง​มัน​ช่วย​ให้​รับมือ​กับ​ความ​โดด​เดี่ยว​ได้ ตั้งแต่​ปี 2014 ถึง 2017 ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​ภาษา​ตากาล็อก​ใน​ประเทศ​ต่าง ๆ ที่​งาน​ของ​เรา​ถูก​สั่ง​ห้าม ต่อ​มา​ผม​ก็​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​ภาษา​ตากาล็อก​ที่​ไต้หวัน สหรัฐ และ​แคนาดา ใน​ปี 2019 ผม​ได้​ไป​สอน​โรง​เรียน​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร​ที่​อินเดีย​และ​ไทย​ใน​ชั้น​เรียน​ภาษา​อังกฤษ ผม​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​ได้​ทำ​งาน​มอบหมาย​เหล่า​นี้ การ​ทุ่มเท​ทำ​งาน​รับใช้​ให้​กับ​พระ​ยะโฮวา​ทำ​ให้​ผม​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​สุด

ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​ตลอด​มา

ใน​แต่​ละ​ครั้ง​ที่​ได้​รับ​งาน​มอบหมาย​ใหม่​และ​ได้​เจอ​กับ​พี่​น้อง​ที่​น่า​รัก ผม​ยิ่ง​รู้สึก​รัก​พี่​น้อง​มาก​ขึ้น ดังนั้น พอ​ถูก​เปลี่ยน​งาน​มอบหมาย​และ​ต้อง​ย้าย​ไป​ที่​อื่น มัน​ก็​ไม่​ง่าย​เลย​ที่​จะ​บอก​ลา​พี่​น้อง ใน​เวลา​แบบ​นั้น ผม​ได้​เรียน​รู้​ที่​จะ​ไว้​วางใจ​พระ​ยะโฮวา​สุด​หัวใจ ผม​ได้​เจอ​กับ​ตัว​เอง​มา​ตลอด​ว่า​พระ​ยะโฮวา​คอย​ช่วย​ผม และ​นี่​ช่วย​ผม​ให้​ยอม​รับ​การ​เปลี่ยน​แปลง​ทุก​อย่าง​ที่​เกิด​ขึ้น ตอน​นี้​ผม​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ใน​ประชาคม​หนึ่ง​ที่​ฟิลิปปินส์ และ​พี่​น้อง​ใน​ประชาคม​ใหม่​นี้​กลาย​มา​เป็น​ครอบครัว​ที่​คอย​ดู​แล​และ​ช่วยเหลือ​ผม​อย่าง​ดี นอกจากนั้น ผม​ยัง​ภูมิ​ใจ​ใน​ตัว​ซามูเอล​กับ​เชอร์ลี่​ที่​เลียน​แบบ​ความ​เชื่อ​ของ​แม่​ของ​พวก​เขา—3 ยน. 4

ประชาคม​เป็น​เหมือน​ครอบครัว​ของ​ผม

ก็​จริง​ครับ​ที่​ชีวิต​ผม​เจอ​ความ​ยาก​ลำบาก​หลาย​อย่าง ซึ่ง​รวม​ถึง​การ​ต้อง​ทน​ดู​ภรรยา​ที่​รัก​เจ็บ​ป่วย​และ​ตาย​เพราะ​โรค​ร้าย และ​ผม​ยัง​ต้อง​ปรับ​ตัว​กับ​การ​เปลี่ยน​แปลง​ใหม่ ๆ หลาย​อย่าง​ด้วย แต่​ผม​เห็น​เลย​ว่า​พระ​ยะโฮวา “ไม่​ได้​อยู่​ไกล​จาก​เรา​แต่​ละ​คน​เลย” (กจ. 17:27) มือ​ของ​พระ​ยะโฮวา “ไม่​ได้​สั้น​จน​ยื่น​มา” ช่วยเหลือ​และ​ให้​กำลัง​ผู้​รับใช้​ของ​พระองค์​ไม่​ได้ พระองค์​ช่วย​เรา​เสมอ​แม้​เรา​จะ​อยู่​ใน​เขต​ที่​ห่าง​ไกล​มาก (อสย. 59:1) ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​หิน​ที่​แข็ง​แกร่ง​ของ​ผม​จริง ๆ พระองค์​อยู่​กับ​ผม​ตลอด​ทั้ง​ชีวิต ผม​เลย​ไม่​เคย​รู้สึก​โดด​เดี่ยว​เลย