บทความศึกษา 40
การกลับใจจริง ๆ หมายถึงอะไร?
“ผมมา . . . ช่วยคนบาปให้กลับใจ”—ลก. 5:32
เพลง 36 ปกป้องหัวใจของเรา
ใจความสำคัญ *
1-2. กษัตริย์ 2 องค์ต่างกันยังไง? และเราจะตอบคำถามอะไรในบทความนี้?
ให้เรามาดูชีวิตของกษัตริย์ 2 องค์ในอดีต องค์แรกเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล 10 ตระกูล องค์ที่ 2 เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ 2 ตระกูล ถึงทั้งสองคนจะมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ต่างกันแต่พวกเขาก็มีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน พวกเขาไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาทำให้ประชาชนที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขาทำบาป พวกเขานมัสการรูปเคารพและฆ่าคน แต่มีอย่างหนึ่งที่ทำให้กษัตริย์ 2 องค์นี้ต่างกัน กษัตริย์องค์หนึ่งทำชั่วจนถึงวันที่เขาตาย แต่กษัตริย์อีกองค์กลับใจและพระยะโฮวาก็ให้อภัยเขา สองคนนี้คือใคร?
2 สองคนนี้คืออาหับกับมนัสเสห์ สิ่งที่ทำให้สองคนนี้ไม่เหมือนกันก็คือการกลับใจ (กจ. 17:30; รม. 3:23) การกลับใจคืออะไร? และทำยังไงถึงจะเรียกว่ากลับใจจริง ๆ? เราอยากรู้เรื่องนี้เพราะเราอยากให้พระยะโฮวาให้อภัยเราตอนที่เราทำผิด เราจะเรียนเรื่องนี้จากอาหับกับมนัสเสห์ จากนั้นเราจะดูว่าพระเยซูสอนเรายังไงในเรื่องการกลับใจ
เราเรียนอะไรได้จากกษัตริย์อาหับ?
3. อาหับเป็นกษัตริย์แบบไหน?
3 อาหับเป็นกษัตริย์องค์ที่ 7 ของอิสราเอลสิบตระกูล เขาแต่งงานกับเยเซเบลลูกสาวของกษัตริย์ไซดอนที่อยู่ทางเหนือ ถึงการแต่งงานครั้งนี้จะทำให้อิสราเอลร่ำรวยขึ้นแต่มันก็ทำให้ประชาชนห่างจากพระยะโฮวายิ่งกว่าเดิม เยเซเบลนมัสการพระบาอัลและยังชวนอาหับไปนมัสการพระนี้ด้วย นี่เป็นการนมัสการที่น่ารังเกียจมากเพราะมีทั้งโสเภณีประจำวิหาร1 พก. 18:13) พระยะโฮวาเห็นทุกอย่างที่ทั้งสองคนนี้ทำ พระองค์เห็นว่าอาหับ “ชั่วยิ่งกว่าทุกคนที่เคยอยู่ก่อนเขา” (1 พก. 16:30) พระองค์ไม่ได้อยู่เฉย ๆ พระองค์ส่งผู้พยากรณ์เอลียาห์ไปเตือนชาวอิสราเอลทุกคนให้เปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนจะสายเกินไป พระองค์เมตตาพวกเขามาก แต่อาหับกับเยเซเบลก็ไม่ยอมฟัง
และการเผาบูชายัญเด็ก ตอนที่เยเซเบลเป็นราชินี เธอสั่งฆ่าผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาหลายคน ตอนนั้นผู้พยากรณ์ทุกคนตกอยู่ในอันตราย (4. พระยะโฮวาบอกว่าจะลงโทษอาหับยังไง? และเขาทำยังไง?
4 ในที่สุดพระยะโฮวาก็หมดความอดทน พระองค์ส่งเอลียาห์ไปบอกอาหับกับเยเซเบลว่าพวกเขาจะถูกลงโทษ พระองค์จะจัดการกับทุกคนในตระกูลของพวกเขา คำพูดของเอลียาห์ทำให้อาหับสะเทือนใจมาก คนที่เคยหยิ่งผยองกลับ “ถ่อมตัวลง” อย่างไม่น่าเชื่อ—1 พก. 21:19-29
กษัตริย์อาหับไม่ได้กลับใจจริง ๆ เขาจับผู้พยากรณ์ของพระเจ้าไปขังคุก (ดูข้อ 5-6) *
5-6. อะไรทำให้เห็นว่าอาหับไม่ได้กลับใจจริง ๆ?
5 ถึงอาหับจะถ่อมตัวลงในตอนนั้น แต่สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้นทำให้เห็นว่าเขาไม่ได้กลับใจจริง ๆ เขาไม่ได้พยายามกำจัดการนมัสการพระบาอัลและเขาไม่ได้สนับสนุนประชาชนให้นมัสการพระยะโฮวา ยังมีอย่างอื่นอีกที่ทำให้เห็นว่าอาหับไม่ได้กลับใจจริง ๆ
6 ตอนที่อาหับชวนกษัตริย์เยโฮชาฟัทไปสู้กับซีเรีย เยโฮชาฟัทเสนอว่าน่าจะถามผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาก่อน ตอนแรกอาหับไม่อยากทำอย่างนั้น เขาบอกว่า “ยังมีอีกคนหนึ่งที่เราจะถามพระยะโฮวาผ่านทางเขาได้ แต่เราเกลียดเขา เพราะเขาไม่เคยพยากรณ์เรื่องดี ๆ เกี่ยวกับเราเลย มีแต่เรื่องร้าย ๆ ทั้งนั้น” แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเรียกผู้พยากรณ์มีคายาห์มา และมีคายาห์ก็บอกว่าอาหับจะต้องเจอเรื่องร้ายจริง ๆ แทนที่อาหับจะกลับใจและขอพระยะโฮวายกโทษให้เขา เขากลับเอาผู้พยากรณ์มีคายาห์ไปขังคุก (1 พก. 22:7-9, 23, 27) ถึงมีคายาห์จะอยู่ในคุก แต่อาหับยังต้องเจอเรื่องร้ายเหมือนที่มีคายาห์พยากรณ์ไว้อยู่ดี สุดท้ายอาหับก็ตายในการสู้รบครั้งนั้น—1 พก. 22:34-38
7. พระยะโฮวาพูดถึงอาหับยังไง?
7 หลังจากที่อาหับตาย เราก็รู้ว่าพระยะโฮวาคิดยังไงกับเขาจริง ๆ ตอนที่เยโฮชาฟัทกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย พระยะโฮวาส่งผู้พยากรณ์เยฮูให้ไปว่าเยโฮชาฟัทที่ไปช่วยอาหับ เยฮูบอกว่า “ท่านทำถูกแล้วหรือที่ไปช่วยคนชั่วและรักคนที่เกลียดพระยะโฮวา?” (2 พศ. 19:1, 2) ลองคิดดูว่าถ้าอาหับกลับใจจริง ๆ เยฮูจะเรียกเขาว่าคนชั่วที่เกลียดพระยะโฮวาไหม เห็นชัดเลยว่าถึงอาหับจะเสียใจกับสิ่งที่เขาทำไป แต่เขาไม่ได้กลับใจจริง ๆ
8. เรื่องของอาหับสอนอะไรเราเกี่ยวกับการกลับใจ?
8 เราเรียนอะไรได้จากเรื่องของอาหับ? ตอนที่เอลียาห์บอกเขาว่าทั้งตระกูลของอาหับจะถูกกำจัด ตอนแรกอาหับถ่อมตัวลง มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้กลับใจจริง ๆ นี่แสดงว่าการกลับใจไม่ใช่แค่การที่เราบอกว่าเราเสียใจกับสิ่งที่ทำไป ให้เรามาดูอีกตัวอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เห็นว่าการกลับใจจริง ๆ หมายถึงอะไร
เราเรียนอะไรได้จากกษัตริย์มนัสเสห์?
9. มนัสเสห์เป็นกษัตริย์แบบไหน?
9 ประมาณ 200 ปีหลังจากนั้น มนัสเสห์ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ แต่เขาชั่วยิ่งกว่าอาหับอีก “เขาทำ2 พศ. 33:1-9) เขาสร้างแท่นบูชาเพื่อนมัสการพระเท็จและถึงกับตั้งเสาศักดิ์สิทธิ์แกะสลักซึ่งอาจจะเป็นเทพธิดาแห่งการเจริญพันธุ์ในวิหารของพระยะโฮวา เขาใช้เวทมนตร์ พึ่งการทำนายโชคชะตา และใช้วิชาอาคม “เขายังฆ่าคนบริสุทธิ์มากมายจนเลือดไหลนอง” และถึงกับ “เผาบูชายัญลูกชายตัวเอง” ให้กับพระเท็จ—2 พก. 21:6, 7, 10, 11, 16
สิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วช้าเลวทรามมากและทำให้พระองค์โกรธ” (10. พระยะโฮวาสั่งสอนมนัสเสห์ยังไง? แล้วเขาทำยังไง?
10 ตอนแรก มนัสเสห์ก็เหมือนกับอาหับ เขาไม่ฟังคำเตือนของผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาเลย พระองค์ “จึงส่งแม่ทัพของกษัตริย์อัสซีเรียมาโจมตี [ยูดาห์] พวกเขาจับมนัสเสห์และเอาตะขอเกี่ยวเขา แล้วใส่ตรวนทองแดง 2 อันพาไปที่บาบิโลน” ตอนอยู่ในคุก เขาคิดอย่างจริงจังถึงสิ่งที่เขาทำลงไป มนัสเสห์ “ถ่อมตัวลงอย่างมากต่อพระเจ้าของปู่ย่าตายาย” เขาถึงกับ “อ้อนวอนขอความเมตตาจากพระยะโฮวาพระเจ้าของเขา” และ “อธิษฐานถึงพระเจ้าหลายครั้งหลายหน” มนัสเสห์จากที่เคยชั่วช้าตอนนี้ก็เริ่มเปลี่ยน เขาเริ่มมองว่าพระยะโฮวาเป็น “พระเจ้าของเขา” และอธิษฐานถึงพระองค์ไม่หยุด—2 พศ. 33:10-13
กษัตริย์มนัสเสห์กลับใจจริง ๆ เขาทำลายการนมัสการเท็จ (ดูข้อ 11) *
11. จาก 2 พงศาวดาร 33:15, 16 มนัสเสห์ทำให้เห็นยังไงว่าเขากลับใจจริง ๆ?
11 คำอธิษฐานของมนัสเสห์ทำให้พระยะโฮวาเห็นว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วจริง ๆ พระองค์เลยตอบคำอธิษฐานของเขาและให้เขาเป็นกษัตริย์อีกครั้ง มนัสเสห์ทำหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเขากลับใจจริง ๆ เขาทำสิ่งที่อาหับไม่ได้ทำ เขาทำลายการนมัสการพระเท็จและสนับสนุนประชาชนให้นมัสการพระยะโฮวา (อ่าน 2 พงศาวดาร 33:15, 16) การทำอย่างนี้ต้องใช้ความกล้าและความเชื่อมาก เพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับครอบครัว พวกเจ้านาย และประชาชนมานานหลายสิบปี แต่ตอนนี้มนัสเสห์ใช้ช่วงท้ายชีวิตของเขาพยายามแก้ไขสิ่งไม่ดีที่เขาทำไป และเขาก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้โยสิยาห์หลานของเขาด้วย เพราะในที่สุดโยสิยาห์โตมาเป็นกษัตริย์ที่ดี—2 พก. 22:1, 2
12. เรื่องของมนัสเสห์สอนอะไรเราเกี่ยวกับการกลับใจ?
12 เราเรียนอะไรได้จากเรื่องของมนัสเสห์? เขาไม่ได้แค่ถ่อมตัวลงเท่านั้น แต่เขาอธิษฐานอ้อนวอนขอความเมตตาและเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาพยายามแก้ไขสิ่งไม่ดีที่เคยทำลงไป และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะนมัสการพระยะโฮวาและยังช่วยคนอื่นให้ทำอย่างนั้นเหมือนกัน เรื่องของมนัสเสห์ทำให้เราเห็นว่าสด. 86:5) พระยะโฮวาให้อภัยคนที่กลับใจจริง ๆ
แม้แต่คนที่ทำบาปเลวร้ายที่สุดก็ยังมีหวัง เราเห็นหลักฐานชัดเจนว่าพระยะโฮวา “ดีจริง ๆ และพร้อมจะให้อภัย” (13. ขอยกตัวอย่างที่สอนเรื่องการกลับใจ
13 ตัวอย่างของมนัสเสห์สอนให้เรารู้ว่าการกลับใจไม่ใช่แค่การรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำไปเท่านั้น ลองคิดถึงตัวอย่างนี้ สมมุติว่าคุณอยากได้เค้กก้อนหนึ่งก็เลยไปร้านเค้ก แต่แทนที่คนขายจะเอาเค้กให้คุณ เขากลับยื่นไข่ฟองหนึ่งให้ ถ้าเขาทำอย่างนั้น คุณจะรู้สึกยังไง? ถึงเขาจะบอกว่ามีแค่ไข่ก็พอแล้ว มันเป็นส่วนผสมหลักของเค้กเลยนะ คุณจะโอเคไหม? เหมือนกันพระยะโฮวาอยากให้คนที่ทำบาปกลับใจ และที่เขาจะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปก็เป็นอย่างหนึ่งที่สำคัญ แต่แค่นั้นยังไม่พอ พระยะโฮวาอยากให้เขาทำมากกว่านั้น เขาต้องทำอะไรอีก? ตัวอย่างเปรียบเทียบที่พระเยซูสอนจะช่วยให้เราเข้าใจเรื่องนี้
จะรู้ได้ยังไงว่ากลับใจจริง ๆ?
พอลูกที่หลงหายสำนึกผิด เขาก็เดินทางไกลเพื่อจะกลับบ้าน (ดูข้อ 14-15) *
14. เรารู้ได้ยังไงว่าลูกที่หลงหายในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูเริ่มกลับใจ?
14 พระเยซูเล่าตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องลูกที่หลงหายในลูกา 15:11-32 เรื่องนั้นมีอยู่ว่า ลูกคนหนึ่งไม่เชื่อฟังพ่อ เขาตัดสินใจออกจากบ้านแล้วก็ “เดินทางไปเมืองไกล” เขาใช้ชีวิตเสเพลและใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แต่พอชีวิตลำบาก เขาก็มานั่งคิดว่าตัวเองทำอะไรลงไป เขาคิดถึงตอนที่อยู่กับพ่อว่ามีความสุขมากแค่ไหน พระเยซูบอกว่าลูกคนนี้ “เริ่มสำนึกตัว” ในที่สุดลูกคนนี้ก็ตัดสินใจกลับไปหาพ่อ แล้วขอให้พ่อให้อภัยเขา เป็นเรื่องสำคัญที่ลูกคนนี้จะสำนึกผิด แต่แค่นั้นยังไม่พอ เขาต้องลงมือทำอะไรบางอย่างด้วย
15. ลูกที่หลงหายในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูแสดงให้เห็นยังไงว่าเขากลับใจจริง ๆ?
15 ลูกที่หลงหายคนนี้ทำบางอย่างที่แสดงว่าเขากลับใจจริง ๆ เขาเดินทางไกลเพื่อจะกลับบ้าน แล้วพอเจอพ่อ เขาก็พูดกับพ่อว่า “ผมได้ทำบาปต่อพระเจ้าและต่อพ่อด้วย ผมไม่สมควรจะเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป” (ลก. 15:21) คำพูดของเขาแสดงว่าเขาสำนึกจริง ๆ ว่าสิ่งที่เขาทำมีผลกับสายสัมพันธ์ของเขากับพระยะโฮวาและเขาอยากกลับมาสนิทกับพระองค์เหมือนเดิม เขารู้ด้วยว่าเขาทำให้พ่อเจ็บปวด เขาอยากจะกลับมาเป็นลูกที่น่ารักของพ่ออีกครั้ง เขาถึงกับบอกพ่อว่าเขายอมเป็นลูกจ้างของพ่อด้วยซ้ำ (ลก. 15:19) ตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจเท่านั้น แต่ยังช่วยผู้ดูแลให้ดูออกว่าคนที่ทำผิดร้ายแรงกลับใจจริง ๆ ไหม
16. ทำไมถึงยากสำหรับผู้ดูแลที่จะรู้ว่าคนที่ทำบาปกลับใจจริงหรือเปล่า?
16 เป็นเรื่องยากที่ผู้ดูแลจะตัดสินว่าคนที่ทำบาปร้ายแรงกลับใจจริงหรือเปล่า ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าผู้ดูแลอ่านหัวใจคนอื่นไม่ได้ พวกเขาทำได้แค่สังเกตว่าคนนั้นเปลี่ยนความคิดและเกลียดความผิดที่เคยทำจริง ๆ ไหม และในบางครั้ง คนที่ทำบาปร้ายแรงอาจจะทำสิ่งที่เลวร้ายมากถึงขนาดที่ผู้ดูแลไม่มั่นใจว่าคนนั้นกลับใจจริงหรือเปล่า
17. (ก) ตัวอย่างอะไรที่ทำให้เห็นว่าการเสียใจอย่างเดียวไม่พอที่จะแสดงว่ากลับใจจริง ๆ? (ข) จาก 2 โครินธ์ 7:11 คนที่กลับใจจริง ๆ ต้องทำอะไร?
17 ให้เรามาดูตัวอย่างนี้ พี่น้องชายคนหนึ่งเล่นชู้มานานหลายปี แทนที่เขาจะขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแล เขากลับปกปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ภรรยา เพื่อน ๆ และผู้ดูแลรู้ แต่ในที่สุดเรื่องก็แดงขึ้นมา พอผู้ดูแลไปคุยกับเขา เขาก็ยอมรับผิดและดูเหมือนเสียใจกับสิ่งที่ทำ แต่นี่แสดงว่าเขากลับใจจริง ๆ แล้วไหม? ไม่ใช่ แค่เสียใจอย่างเดียวไม่พอ เพราะเขาไม่ได้พลาดทำผิดแค่ครั้งเดียว แต่เขาทำผิดร้ายแรงหลายครั้งและทำมานานหลายปี นอกจากนั้น เขาไม่ได้สารภาพเอง แต่มีบางคนที่รู้เรื่องนี้ไปบอกผู้ดูแล เขาเลยยอมรับสารภาพ ฉะนั้น ผู้ดูแลต้องเห็นหลักฐานว่าเขาเปลี่ยนทั้งความคิด ความรู้สึก และการกระทำของเขาแล้วจริง ๆ (อ่าน 2 โครินธ์ 7:11) เพื่อคนที่ทำผิดจะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องใช้เวลา และเขาคงต้องถูกตัดสัมพันธ์อย่างน้อยช่วงหนึ่ง—1 คร. 5:11-13; 6:9, 10
18. คนที่ถูกตัดสัมพันธ์จะแสดงยังไงว่าเขากลับใจจริง ๆ? และถ้าเขาทำอย่างนั้นผลจะเป็นยังไง?
18 คนที่ถูกตัดสัมพันธ์จะแสดงว่าเขากลับใจจริง ๆ ได้โดยไปประชุมเป็นประจำ และทำตามคำแนะนำของผู้ดูแลที่ให้อธิษฐานและศึกษาส่วนตัวเป็นประจำ นอกจากนั้น เขาต้องระวังอะไรก็ตามที่จะทำให้เขาถูกล่อใจให้กลับไปทำผิดซ้ำอีก ถ้าเขาพยายามจริง ๆ ที่จะทำให้สายสัมพันธ์ของเขากับพระยะโฮวากลับมาดีเหมือนเดิม เขามั่นใจได้เลยว่าพระองค์จะให้อภัยเขาแน่นอน และผู้ดูแลจะช่วยให้เขากลับมาในประชาคมได้อีก ตอนที่ผู้ดูแลจะตัดสินว่าคนที่ทำผิดกลับใจจริง ๆ หรือเปล่า พวกเขาต้องจำไว้ว่าแต่ละกรณีไม่เหมือนกัน และพวกเขาต้องตัดสินอย่างมีเหตุผลและไม่คาดหมายจากคนนั้นมากเกินไป
19. การกลับใจจริง ๆ หมายถึงอะไรบ้าง? (เอเสเคียล 33:14-16)
19 อย่างที่เราคุยกันมาแล้ว การกลับใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่การพูดว่าเสียใจเท่านั้น แต่คนที่ทำผิดต้องเปลี่ยนเอเสเคียล 33:14-16) สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาต้องเป็นการทำให้สายสัมพันธ์ของเขากับพระยะโฮวากลับมาดีอีกครั้ง
ตัวเองทั้งความคิด ความรู้สึก และการกระทำของเขา เขาต้องเลิกทำบาปและกลับมาทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวา (อ่านช่วยคนบาปให้กลับใจ
20-21. เราจะช่วยคนที่ทำบาปร้ายแรงได้ยังไง?
20 พระเยซูพูดถึงงานสำคัญอย่างหนึ่งที่ท่านทำว่า “ผมมา . . . ช่วยคนบาปให้กลับใจ” (ลก. 5:32) เราก็ควรอยากทำแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าเรามารู้ว่าเพื่อนสนิทของเราทำบาปร้ายแรง เราควรทำยังไง?
21 ถ้าเรารู้ว่าเพื่อนทำบาปและเราก็ช่วยปกปิดเรื่องนั้น เราก็กำลังทำร้ายเขา และถึงเราจะพยายามปกปิดยังไง เราก็ไม่มีทางทำสำเร็จ เพราะพระยะโฮวาเห็นทุกอย่าง (สภษ. 5:21, 22; 28:13) คุณจะช่วยเพื่อนของคุณได้ ถ้าคุณบอกเขาว่าผู้ดูแลอยากช่วยเขาจริง ๆ แต่ถ้าเพื่อนของคุณไม่ยอมไปสารภาพกับผู้ดูแล คุณเองต้องไปบอกผู้ดูแล ถ้าคุณทำอย่างนี้ก็แสดงว่าคุณรักเขาและอยากช่วยเขาจริง ๆ เรื่องนี้สำคัญเพราะความสัมพันธ์ของเขากับพระยะโฮวากำลังแย่มาก
22. เราจะเรียนอะไรในบทความถัดไป?
22 ถ้าคนหนึ่งทำบาปร้ายแรงมากและทำมาเป็นเวลานานจนผู้ดูแลตัดสินว่าเขาต้องถูกตัดสัมพันธ์ นี่หมายความว่าผู้ดูแลไม่ได้เมตตาเขาไหม? ในบทความหน้าเราจะมาดูกันว่าพระยะโฮวาสั่งสอนคนที่ทำบาปด้วยความเมตตายังไง และเราจะเลียนแบบพระองค์ได้ยังไง
เพลง 103 ผู้ดูแลเป็นของขวัญจากพระเจ้า
^ วรรค 5 การกลับใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่พูดว่าเสียใจกับสิ่งที่ทำผิด ในบทความนี้เราจะดูตัวอย่างของกษัตริย์อาหับ กษัตริย์มนัสเสห์ และลูกที่หลงหายในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซู ตัวอย่างเหล่านี้จะสอนเราว่าการกลับใจหมายถึงอะไร นอกจากนั้นบทความนี้จะพูดถึงว่าผู้ดูแลต้องคิดถึงเรื่องอะไรบ้างเมื่อเขาตัดสินว่าคนที่ทำบาปร้ายแรงนั้นกลับใจจริงหรือเปล่า
^ วรรค 60 คำอธิบายภาพ กษัตริย์อาหับโมโหมาก เขาให้คนจับมีคายาห์ผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาไปขังคุก
^ วรรค 62 คำอธิบายภาพ กษัตริย์มนัสเสห์สั่งให้คนทำลายรูปเคารพที่เขาเคยตั้งไว้ในวิหาร
^ วรรค 64 คำอธิบายภาพ ลูกที่หลงหายเดินทางไกลมากจนหมดแรง แต่พอมองเห็นบ้าน เขาก็รู้สึกดีขึ้นและหายเหนื่อย