เรื่องราวชีวิตจริง
พระยะโฮวาอวยพรการตัดสินใจของผมมากจริง ๆ
ตอนนั้นเป็นปี 1939 เราตื่นตอนกลางดึกแล้วก็ใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมงขับรถไปที่เมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อจ๊อปลินซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา พอไปถึงเราก็ค่อย ๆ เอาแผ่นพับแอบสอดไว้ใต้ประตูบ้านทุกหลังในเขตนั้น พอทำเสร็จเราก็ขึ้นรถและขับออกไปเจอกับพี่น้องกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งปกติก็จะเช้าพอดี แต่ทำไมเราถึงไปประกาศที่เขตนั้นก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นและต้องรีบออกจากเขต? เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
ผมเกิดในปี 1934 พ่อแม่ของผมชื่อเฟรดกับเอ็ดนา มอลาแฮน พวกเขาเป็นสมาชิกของกลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล (พยานพระยะโฮวา) มา 20 ปีแล้ว ผมขอบคุณจริง ๆ ที่พ่อกับแม่สอนผมให้รักพระยะโฮวา ครอบครัวเราอาศัยอยู่ในเมืองพาร์สันส์ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐแคนซัส เกือบทุกคนในประชาคมของเราเป็นผู้ถูกเจิม ครอบครัวเราไปประชุมกับไปประกาศเป็นประจำ วันเสาร์ตอนบ่ายเราจะประกาศตามถนนซึ่งสมัยนี้เรียกกันว่าประกาศในที่สาธารณะ บางครั้งเราก็เหนื่อย แต่พ่อชอบพาเราไปกินไอศกรีมทุกครั้งหลังประกาศ
ประชาคมเล็ก ๆ ของเรามีเขตประกาศที่กว้างใหญ่มาก เขตประกาศของเรามีเมืองเล็ก ๆ หลายเมืองและฟาร์มหลายฟาร์ม ตอนที่เราเสนอหนังสือ แทนที่เจ้าของบ้านจะให้เงินกับเรา บางคนจะให้ผักในสวน ไข่ไก่สด ๆ (ที่เพิ่งเก็บมาจากเล้า) หรือแม้แต่ไก่เป็น ๆ ครอบครัวเราไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่ และพ่อก็บริจาคเงินค่าหนังสือพวกนี้ไปก่อนแล้ว ของที่ได้มาก็เลยเป็นอาหารของครอบครัวเรา
รณรงค์ประกาศ
พ่อกับแม่ได้เครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบกระเป๋าหิ้วมาเครื่องหนึ่ง พวกเขาใช้มันในการประกาศ ผมยังเล็กเกินไปที่จะใช้เครื่องนี้ แต่ผมก็ชอบช่วยพ่อกับแม่เปิดแผ่นเสียงคำบรรยายของพี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดตอนเรากลับเยี่ยมและนำการศึกษา
ผมกับพ่อแม่ยืนอยู่ข้างรถกระจายเสียง
พ่อผมติดลำโพงขนาดใหญ่บนหลังคารถซึ่งเป็นรถฟอร์ดรุ่นปี 1936 รถของเราก็เลยกลายเป็นรถกระจายเสียง มันช่วยในงานประกาศได้ดีมาก ปกติแล้วเรามักจะเปิดเพลงก่อนเพื่อจะให้ผู้คนสนใจ แล้วค่อยเปิดคำบรรยายเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล หลังจากนั้น เราจะเสนอหนังสือให้กับคนที่สนใจ
ที่เมืองเล็ก ๆ ชื่อเชอรีเวล รัฐแคนซัส พ่อจะขับรถกระจายเสียงเข้าไปในสวนสาธารณะของเมืองซึ่งเป็นที่ที่ผู้คนชอบมาพักผ่อนกันในวันอาทิตย์ แต่แล้วตำรวจก็มาบอกให้พ่อขับไปจอดนอกสวนสาธารณะและจอดที่นั่นได้เท่านั้น พ่อก็เลยขับรถออกไปจอดที่ถนนข้าง ๆ สวนนั้นเพื่อที่ผู้คนจะยังคงได้ยินเสียงคำบรรยายชัด ๆ ผมรู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ ที่ได้อยู่กับพ่อและพี่เจอร์รี่ในช่วงเวลานั้น
เตรียมการกระจายเสียงจากห้องออกอากาศของสถานีวิทยุ WBBR
ตลอดหลายปี เราได้เข้าร่วมการรณรงค์พิเศษในเขตที่ผู้คนต่อต้านงานประกาศของเรา อย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่ต้น เราต้องตื่นตอนกลางดึกแล้วแอบเอาแผ่นพับหรือหนังสือเล่มเล็ก ๆ ไปสอดไว้ใต้ประตูบ้านของผู้คน และหลังจากนั้นเราก็จะไปเจอกับคนอื่น ๆ นอกเมืองเพื่อดูว่ามีพี่น้องคนไหนโดนตำรวจจับไปบ้าง
เราแจกใบปลิวนี้เพื่อโฆษณาสถานีวิทยุ WBBR
งานรับใช้ที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่งของผมคืองานรับใช้ที่เราเรียกกันว่า การเดินขบวนแจ้งข่าว เราจะแขวนแผ่นป้ายขนาดใหญ่ประกบหน้าหลังและเดินรอบเมือง ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งพี่น้องมาเดินในเมืองของเราและแขวนป้ายที่เขียนว่า “ศาสนาเป็นบ่วงแร้วและกลลวง” พี่น้องเริ่มเดินขบวนจากบ้านเรา พวกเขาเดินประมาณหนึ่งกิโลครึ่งผ่านกลางเมือง แล้วก็กลับมาที่บ้านเรา น่าดีใจที่ไม่มีใครขัดขวางพวกเขา และหลายคนก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เตรียมประกาศนียบัตรของนักเรียนกิเลียดก่อนวันสำเร็จการศึกษา
การประชุมใหญ่ตอนผมเด็ก ๆ
ครอบครัวเราเดินทางไปรัฐเท็กซัสบ่อย ๆ เพื่อเข้าร่วมการประชุมใหญ่ พ่อผมทำงานที่บริษัทรถไฟ เราเลยได้นั่งรถไฟฟรีไปเข้าร่วมการประชุมเหล่านั้นและไปเยี่ยมญาติ พี่ชายของแม่ที่ชื่อเฟรด วิสมาร์กับภรรยาที่ชื่อยูลาลีอาศัยอยู่ในเมืองเทมเปิล รัฐเท็กซัส ช่วงหลังปี 1900 ตอนนั้นลุงเฟรดยังเป็นหนุ่ม เขาได้เรียนความจริงและรับบัพติศมา แล้วก็เล่าสิ่งที่เรียนจากคัมภีร์ไบเบิลให้น้อง ๆ ฟังรวมทั้งแม่ของผมด้วย พี่น้องในรัฐเท็กซัสตอนกลางรู้จักลุงเฟรดดีเพราะเขาเคยเป็นผู้รับใช้โซน (ตอนนี้คือผู้ดูแลหมวด) ลุงเฟรดเป็นคนใจดี มีความสุข และกระตือรือร้นมาก เขาเป็นตัวอย่างที่ดีให้ผมจริง ๆ
ในปี 1941 เรานั่งรถไฟไปที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรีเพื่อเข้าร่วมการประชุมใหญ่ เด็กและวัยรุ่นทุกคนได้รับเชิญให้มานั่งรวมกันหน้าเวทีเพื่อจะฟังคำบรรยายของพี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดที่ชื่อ “เด็กทั้งหลายของพระมหากษัตริย์” พอพี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดบรรยายจบ ก็มีการออกหนังสือเล่มใหม่ที่ชื่อเด็กทั้งหลาย พี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดกับพวกผู้ช่วยให้หนังสือนี้กับเด็กและวัยรุ่นทั้ง 15,000 คนด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้พวกเราตื่นเต้นดีใจมาก
ในเดือนเมษายนปี 1943 ครอบครัวเราเข้าร่วมการประชุมใหญ่ที่ชื่อ “ลงมือทำงาน” ที่เมืองคอฟฟีวิลล์ รัฐแคนซัส ในการประชุมนั้นเราได้ยินคำประกาศที่บอกว่าจะมีโรงเรียนใหม่ที่ชื่อโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าในทุกประชาคม นอกจากนั้น ยังมีการออกหนังสือเล่มเล็กที่มีบทเรียน 52 บทซึ่งจะใช้ในโรงเรียนนั้น ต่อมาในปีเดียวกัน ผมได้มีโอกาสทำส่วนนักเรียนเป็นครั้ง
แรก การประชุมใหญ่ครั้งนั้นพิเศษมากสำหรับผมรวมทั้งคนอื่น ๆ บางคนด้วย เพราะมันเป็นปีที่ผมรับบัพติศมาในสระของฟาร์มใกล้ที่ประชุมที่มีน้ำเย็นเจี๊ยบผมอยากรับใช้ที่เบเธล
ผมจบชั้นมัธยมปลายในปี 1951 และต้องตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับชีวิต พี่เจอร์รี่ซึ่งเป็นพี่ชายของผมกำลังรับใช้ที่เบเธลในตอนนั้น ผมเองก็อยากไปรับใช้ที่นั่นมาก เลยส่งใบสมัครไป ไม่นานผมก็ได้รับเชิญให้มาทำงานที่เบเธลโดยเริ่มทำงานในวันที่ 10 มีนาคม 1952 นี่เป็นการตัดสินใจที่ดีจริง ๆ เพราะมันช่วยให้ผมรับใช้พระยะโฮวาได้เต็มที่มากขึ้น
ผมอยากทำงานที่โรงพิมพ์มาก ผมอยากช่วยผลิตวารสารและหนังสืออื่น ๆ ขององค์การ แต่ก็ไม่เคยได้ทำงานนั้นเลย ผมได้รับมอบหมายให้ทำงานเสิร์ฟอาหารและต่อมาก็ทำงานในครัว ผมชอบงานนี้มากและได้เรียนรู้หลายอย่างจริง ๆ ที่แผนกครัวเราทำงานกันเป็นกะ บางครั้งผมได้หยุดพักระหว่างวันด้วย ช่วงไหนที่หยุดพักผมจะไปที่ห้องสมุดของเบเธลและใช้หนังสือที่นั่นศึกษาส่วนตัว การทำแบบนี้ช่วยให้ความเชื่อของผมเข้มแข็งขึ้นและสนิทกับพระยะโฮวา และมันยังช่วยให้ผมตั้งใจมากขึ้นที่จะรับใช้พระองค์ที่เบเธลให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พี่เจอร์รี่ออกจากเบเธลในปี 1949 และแต่งงานกับแพทริเซีย แต่พี่เจอร์รี่กับภรรยาก็ยังอยู่ที่บรุกลินใกล้ ๆ เบเธลและช่วยให้กำลังใจผมตอนที่ผมยังเป็นเด็กใหม่ในเบเธล
หลังจากที่ผมเข้าเบเธลได้ไม่นาน ผู้ดูแลในเบเธลก็เริ่มมองหาคนที่จะเพิ่มเข้าไปในรายชื่อของผู้บรรยายของเบเธล คนที่อยู่ในรายชื่อนี้จะได้รับมอบหมายให้ไปบรรยายในประชาคมต่าง ๆ ที่อยู่ไกลจากบรุกลินไม่เกิน 320 กิโลเมตร พี่น้องที่ได้รับมอบหมายจะต้องบรรยายสาธารณะและทำงานประกาศร่วมกับพี่น้องในประชาคมนั้น ผมเป็นหนึ่งในพี่น้องที่ถูกเลือก ครั้งแรกที่ผมไปเยี่ยมและบรรยาย ผมตื่นเต้นมาก สมัยนั้นคำบรรยายสาธารณะใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง ตามปกติแล้วผมจะนั่งรถไฟไปประชาคมต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมาย ผมจำได้แม่นเลยว่าบ่ายวันอาทิตย์วันหนึ่งในช่วงฤดูหนาวของปี 1954 ผมนั่งรถไฟกลับมาที่นิวยอร์กและคิดว่าคงจะถึงเบเธลเย็นวันอาทิตย์ แต่ปรากฏว่าพายุเข้า ลมพัดแรงมาก และหิมะก็ตกหนัก เครื่องยนต์ของรถไฟที่ผมนั่งถึงกับดับสนิท ทำให้ผมต้องกลับมาถึงนิวยอร์กตอนตี 5 ของวันจันทร์ ผมต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปที่เบเธลและรีบเข้าไปทำงานที่ห้องครัว ผมมาสายนิดหน่อยและรู้สึกเหนื่อยมากเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ผมมีความสุขมากที่ได้รับใช้กับพี่น้องในประชาคมและได้เจอพี่น้องใหม่ ๆ หลายคน ทั้งหมดนี้มันคุ้มยิ่งกว่าสิ่งที่ผมต้องเสียสละซะอีก
ช่วงปีแรก ๆ ที่ผมทำงานในเบเธล ผมได้มีโอกาสร่วมทำรายการหนึ่งที่สถานีวิทยุ WBBR ซึ่งเป็นรายการที่สาธิตการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นกลุ่ม รายการนี้ออกอากาศทุกสัปดาห์ ห้องออกอากาศของสถานีวิทยุนี้อยู่ที่ชั้น 2 ของอาคารเลขที่ 124 ถนนโคลัมเบีย ไฮตส์ พี่น้องอเล็กซานเดอร์ เอ็ช. แมคมิลลันซึ่งทำงานที่เบเธลมาหลายปีได้เข้าร่วมรายการที่สถานีวิทยุนี้เป็นประจำ เราชอบเรียกเขาว่าพี่น้องแม็ค เขาเป็นตัวอย่างที่ดีมากให้กับพวกเราซึ่งเป็นพี่น้องหนุ่มในเบเธลเพราะเขารักษาความซื่อสัตย์แม้จะเจอความยากลำบากหลายอย่าง
ปี 1958 ผมได้รับงานมอบหมายใหม่ งานใหม่นี้เกี่ยวข้องกับพี่น้องที่จบจากโรงเรียนกิเลียด ผมจะช่วยพี่น้องที่กระตือรือร้นเหล่านี้ให้ได้วีซ่า ผมยังจัดการเรื่องการเดินทางให้พวกเขาด้วย การเดินทางด้วยเครื่องบินสมัยนั้นแพงมาก ดังนั้น นักเรียนส่วนใหญ่ที่ได้รับมอบหมายให้ไปที่แอฟริกาหรือเอเชียจะต้องเดินทางโดยเรือขนส่งสินค้า แต่พอหลายปีผ่านไปราคาค่าโดยสารเครื่องบินก็ถูกลง มิชชันนารีส่วนใหญ่จึงเดินทางไปยังเขตมอบหมายโดยเครื่องบิน
เดินทางไปประชุมใหญ่
ในปี 1960 ผมทำหน้าที่จัดหาตั๋วเครื่องบินจากสหรัฐไปยุโรปสำหรับคนที่เข้าร่วมการประชุมนานาชาติใน
ปี 1961 ตัวผมเองบินไปประชุมนานาชาติแห่งหนึ่งที่เมืองฮัมบูร์กประเทศเยอรมนี หลังจบการประชุม ผมกับพี่น้องเบเธลอีก 3 คนเช่ารถและขับจากเยอรมนีไปอิตาลีและไปเยี่ยมสำนักงานสาขาที่กรุงโรม และจากอิตาลีเราก็เดินทางข้ามเทือกเขาพีเรนีสเข้าไปที่สเปนซึ่งเป็นประเทศที่งานประกาศถูกสั่งห้าม เราสามารถเอาหนังสือบางอย่างไปให้พี่น้องที่เมืองบาร์เซโลนาได้ เราห่อหนังสือเหล่านั้นอย่างดีมันเลยดูเหมือนห่อของขวัญ เราดีใจมากที่ได้เจอพี่น้องที่นั่น จากบาร์เซโลนาเราก็ขับรถไปที่อัมสเตอร์ดัม และบินกลับนิวยอร์กปี 1962 ผมได้รับมอบหมายให้เตรียมการเดินทางสำหรับพี่น้อง 583 คนซึ่งจะไปเข้าร่วมการประชุมนานาชาติพิเศษที่จัดขึ้นต่อเนื่องกันทั่วโลก การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในปี 1963 มีชื่อว่า “ข่าวดีนิรันดร์” ผู้เข้าร่วมประชุมกลุ่มนี้จะได้เข้าร่วมการประชุมนานาชาติซึ่งจัดขึ้นที่ยุโรป เอเชีย แปซิฟิกใต้ เมืองฮอนโนลูลูในรัฐฮาวาย และสุดท้ายที่เมืองพาซาดีนาในรัฐแคลิฟอร์เนีย นอกจากนั้น พวกเขาจะได้ไปเที่ยวเลบานอนและจอร์แดน ซึ่งเป็นทัวร์พิเศษเพื่อเยี่ยมชมดินแดนต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิล แผนกของเราต้องจัดเตรียมตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม และเตรียมทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการขอวีซ่า
คู่ร่วมเดินทางคนใหม่
อีกเหตุผลหนึ่งที่ปี 1963 เป็นปีที่พิเศษมากสำหรับผม เพราะวันที่ 29 มิถุนายน 1963 ผมได้แต่งงานกับไลลา โรเจอร์ซึ่งมาจากรัฐมิสซูรี ไลลาเข้ามาทำงานที่เบเธลในปี 1960 หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เราแต่งงานกัน ผมกับไลลาได้เข้าร่วมการประชุมนานาชาติพิเศษที่จัดขึ้นต่อเนื่องกันทั่วโลกนั้นด้วย และได้ไปที่กรีซ อียิปต์ และเลบานอน จากเบรุตเราขึ้นเครื่องบินไปที่จอร์แดน แต่เนื่องจากงานของเราที่นั่นถูกสั่งห้ามและเจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้วีซ่ากับพยานพระยะโฮวา เราเลยไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น พอไปถึงจอร์แดน เราตื่นเต้นดีใจมากที่เห็นพี่น้องชายหญิงกลุ่มหนึ่งยืนบนดาดฟ้าของสนามบินเล็ก ๆ และถือป้ายขนาดใหญ่ที่บอกว่า “ยินดีต้อนรับพยานพระยะโฮวา” มันเยี่ยมจริง ๆ ที่เราได้ไปเที่ยวดินแดนต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลและเห็นสถานที่ต่าง ๆ ที่อับราฮัม อิสอัค และยาโคบเคยอยู่ รวมทั้งที่ต่าง ๆ ที่พระเยซูกับอัครสาวกประกาศ และที่ต่าง ๆ ซึ่งคริสเตียนเริ่มแพร่ขยายออก “ไปจนถึงสุดขอบโลก”—กิจการ 13:47
ไลลาเป็นคู่ชีวิตที่ซื่อสัตย์ภักดีซึ่งทำงานมอบหมายกับผมมาตลอด 55 ปี เราไปที่สเปนกับโปรตุเกสหลายครั้งในสมัยที่งานประกาศที่นั่นถูกสั่งห้าม เราได้มีโอกาสให้กำลังใจพี่น้องและเอาหนังสือกับสิ่งจำเป็นต่าง ๆ ไปให้ เราถึงกับได้ไปเยี่ยมพี่น้องบางคนที่ติดคุกที่เมืองกาดิซในประเทศสเปน ผมมีความสุขจริง ๆ ที่ได้ไปบรรยายให้กำลังใจพวกเขา
เราสองคนกับแพทริเซียและเจอร์รี่ มอลาแฮน ตอนเดินทางไปประชุมใหญ่ “สันติสุขบนแผ่นดินโลก” ในปี 1969
ตั้งแต่ปี 1963 ผมได้มีโอกาสเตรียมการเดินทางให้กับผู้เข้าร่วมการประชุมนานาชาติที่จัดขึ้นในแอฟริกา ออสเตรเลีย อเมริกากลาง อเมริกาใต้ ยุโรป ตะวัน
ออกไกล ฮาวาย นิวซีแลนด์ และเปอร์โตริโก ผมกับไลลามีโอกาสเข้าร่วมการประชุมใหญ่หลายแห่งที่พวกเรารู้สึกประทับใจไม่รู้ลืม เช่น ในปี 1989 มีการประชุมที่จัดขึ้นในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ พี่น้องหลายคนจากรัสเซียสามารถเข้าร่วมการประชุมใหญ่ที่นั่นได้ ซึ่งมันเป็นการประชุมครั้งแรกในชีวิตของพวกเขา เราได้เจอพี่น้องหลายคนที่ติดคุกในสหภาพโซเวียตหลายปีเพราะความเชื่องานมอบหมายอีกอย่างหนึ่ง ที่ผมชอบมากก็คือการไปเยี่ยมและให้กำลังใจสมาชิกครอบครัวเบเธลและมิชชันนารีทั่วโลก ในการเยี่ยมครั้งสุดท้ายของเรา เราได้ไปที่เกาหลีใต้และไปเยี่ยมพี่น้องชาย 50 คนที่ติดคุกอยู่ที่เมืองซูวอน พวกเขามีความคิดในแง่ดีมาก ๆ และรอคอยที่จะได้รับใช้พระยะโฮวาอีกครั้งหลังออกจากคุก การได้เจอพวกเขาทำให้เราได้กำลังใจมากจริง ๆ—โรม 1:11, 12
การเพิ่มจำนวนขึ้นทำให้มีความสุข
ผมได้เห็นมาแล้วว่าพระยะโฮวาอวยพรประชาชนของพระองค์ยังไงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตอนที่ผมรับบัพติศมาในปี 1943 มีผู้ประกาศทั่วโลกประมาณหนึ่งแสนคน แต่ตอนนี้มีผู้รับใช้ของพระยะโฮวามากกว่า 8 ล้านคนใน 240 ดินแดน พี่น้องที่จบจากโรงเรียนกิเลียดทำงานหนักจริง ๆ และมีส่วนช่วยอย่างมากในการทำให้จำนวนผู้ประกาศเพิ่มขึ้น นี่ทำให้ผมมีความสุขมากที่ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับมิชชันนารีหลายคนและช่วยพวกเขาให้ไปทำงานมอบหมายได้
ผมดีใจมากที่ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตเพื่อรับใช้พระยะโฮวาและเข้ามาทำงานที่เบเธลตั้งแต่อายุยังน้อย พระองค์อวยพรผมมากจริง ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากความสุขที่เราได้จากการทำงานในเบเธลแล้ว ผมกับไลลายังมีความสุขที่ได้สมทบกับหลายประชาคมในบรุกลินมากกว่า 50 ปี และมีเพื่อนแท้หลายคน
ตอนนี้ผมยังรับใช้อยู่ที่เบเธล และไลลาก็สนับสนุนผมอย่างซื่อสัตย์ทุกวัน ถึงจะอายุ 84 แล้วแต่ผมก็มีความสุขที่ยังมีโอกาสทำงานดี ๆ และช่วยตอบจดหมายจากสาขาต่าง ๆ
ผมกับไลลาตอนนี้
ผมมีความสุขมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์การที่ยอดเยี่ยมของพระยะโฮวา และเห็นคำพยากรณ์ที่มาลาคี 3:18 เป็นจริงที่ว่า “พวกเจ้าจะเห็นอีกครั้งหนึ่งถึงความแตกต่างระหว่างคนดีและคนชั่ว ระหว่างคนที่รับใช้พระเจ้าและคนที่ไม่ได้รับใช้พระองค์” ทุกวันเราเห็นโลกของซาตานกำลังแย่ลงเรื่อย ๆ ผู้คนไม่มีความหวังและแทบไม่มีความสุขเลย แต่คนที่รักและรับใช้พระยะโฮวามีชีวิตที่มีความสุขแม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่มีแต่ความยุ่งยากลำบาก นอกจากนั้น พวกเขายังมีความหวังสำหรับอนาคต ผมรู้สึกว่าเป็นสิทธิพิเศษมากที่มีโอกาสได้บอกข่าวดีเรื่องนี้ (มัทธิว 24:14) อีกหน่อยรัฐบาลของพระเจ้าจะเข้ามาแทนที่โลกที่แย่ลงนี้และทำให้โลกทั้งหมดเป็นสวนอุทยาน เราอยากให้วันนั้นมาถึงจริง ๆ แล้วทุกคนบนโลกจะมีสุขภาพดี มีความสุข และมีชีวิตตลอดไป