บทความศึกษา 43
สติปัญญาแท้กำลังร้องเสียงดัง
“สติปัญญาแท้ร้องเสียงดังอยู่ตามถนน และส่งเสียงอยู่ตามลานสาธารณะ”—สภษ. 1:20
เพลง 88 โปรดสอนให้รู้จักแนวทางของพระองค์
ใจความสำคัญ *
1. หลายคนทำยังไงเมื่อได้ยินเสียงของสติปัญญา? (สุภาษิต 1:20, 21)
ในหลายประเทศ พยานพระยะโฮวายืนอยู่ตามถนนและเสนอหนังสือให้กับคนที่เดินผ่านไปมา คุณเองเคยเข้าร่วมการประกาศแบบนี้ไหม? ถ้าเคยคุณคงนึกถึงภาพเปรียบเทียบในหนังสือสุภาษิตที่พูดถึงสติปัญญาประกาศอยู่ตามถนนและที่สาธารณะ (อ่านสุภาษิต 1:20, 21) คัมภีร์ไบเบิลและหนังสือขององค์การมี “สติปัญญาแท้” ซึ่งก็คือสติปัญญาจากพระยะโฮวา นี่แหละคือสิ่งที่ผู้คนจำเป็นต้องมีเพื่อจะเป็นก้าวแรกที่ช่วยให้พวกเขาอยู่บนทางที่จะได้ชีวิตตลอดไป เวลาที่มีใครรับหนังสือ เราก็ดีใจ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะอยากได้หนังสือของเรา บางคนไม่สนใจสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอก ส่วนบางคนก็หัวเราะเยาะเพราะคิดว่าคัมภีร์ไบเบิลล้าสมัย และบางคนก็บอกว่าคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องศีลธรรมเข้มงวดมากและหาว่าพวกเราที่ทำตามมาตรฐานนั้นเป็นพวกเคร่งเกินไปและคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ถึงจะเป็นอย่างนั้นพระยะโฮวาก็ยังคงอยากให้สติปัญญาแท้กับทุกคน แล้วพระองค์ทำยังไง?
2. เราจะหาสติปัญญาแท้ได้จากที่ไหนในทุกวันนี้? แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะทำอะไร?
2 พระยะโฮวาให้ทุกคนมีโอกาสได้ฟังสติปัญญาแท้ ตอนนี้เกือบทุกคนบนโลกสามารถหาคัมภีร์ไบเบิลอ่านได้ และพระองค์ยังให้มีการแปลหนังสือและสื่อต่าง ๆ ที่อธิบายคัมภีร์ไบเบิลมากกว่า 1,000 ภาษาด้วย คนที่ฟังสติปัญญาก็คือคนที่อ่านและเอาคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ในชีวิตและได้ประโยชน์ แต่คนส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะไม่สนใจฟังสติปัญญาแท้ ตอนที่ตัดสินใจเรื่องอะไรพวกเขาก็จะพึ่งตัวเองและฟังมนุษย์ด้วยกัน พวก เขาอาจถึงกับดูถูกพวกเราเพราะเราทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล บทความนี้เราจะคุยกันว่าทำไมบางคนถึงเลือกแบบนั้น แต่ก่อนอื่นให้เรามาดูกันว่าเราจะได้สติปัญญาจากพระยะโฮวาได้ยังไง
ความรู้จากพระยะโฮวาทำให้ได้สติปัญญา
3. เราต้องทำอะไรเพื่อจะมีสติปัญญาแท้?
3 สติปัญญาหมายถึงการเอาความรู้ไปใช้ในชีวิตและตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง แต่สติปัญญาแท้เป็นอะไรที่มากกว่านั้น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความเกรงกลัวพระยะโฮวาเป็นจุดเริ่มต้นของสติปัญญา และความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ทำให้มีความเข้าใจ” (สภษ. 9:10) ดังนั้น เราต้องหา “ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าองค์บริสุทธิ์” นั่นหมายความว่าเราต้องรู้ว่าพระยะโฮวาคิดยังไงแล้วก็ตัดสินใจแบบพระองค์ วิธีหนึ่งที่เราจะทำแบบนั้นได้ก็คือค้นดูในคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือที่อธิบายคัมภีร์ไบเบิล เมื่อทำแบบนั้น เราก็มีสติปัญญาแท้—สภษ. 2:5-7
4. ทำไมพระยะโฮวาถึงเป็นผู้เดียวที่ให้สติปัญญาแท้กับเราได้?
4 สติปัญญามาจากพระยะโฮวา และพระองค์เป็นผู้เดียวที่ให้สติปัญญาแท้กับเราได้ (รม. 16:27) ทำไมเราถึงบอกแบบนั้น? อย่างแรกเพราะพระองค์เป็นผู้สร้าง พระองค์มีความรู้ไม่จำกัด พระยะโฮวารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พระองค์สร้าง (สด. 104:24) อย่างที่ 2 ทุกอย่างที่พระองค์ทำแสดงว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่ฉลาดมาก (รม. 11:33) อย่างที่ 3 คำแนะนำทุกอย่างที่มาจากพระยะโฮวาเป็นประโยชน์กับเราเสมอ (สภษ. 2:10-12) ถ้าเราอยากได้สติปัญญาแท้ เราต้องยอมรับความจริงทั้ง 3 อย่างนี้ และไม่ว่าเราจะตัดสินใจเรื่องอะไรหรือจะทำอะไร เราต้องคิดถึง 3 อย่างนี้ตลอด
5. เมื่อผู้คนไม่ยอมรับว่าพระยะโฮวาเท่านั้นเป็นผู้ที่ให้สติปัญญาแท้ ผลเป็นยังไง?
5 หลายคนที่เราเจอในเขตประกาศยอมรับว่าสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติน่ามหัศจรรย์จริง ๆ แต่พวกเขาไม่ยอมรับว่ามีผู้สร้าง และบางคนก็เชื่อเรื่องวิวัฒนาการด้วย ส่วนบางคนบอกว่าเชื่อพระเจ้าแต่พวกเขาคิดว่าคัมภีร์ไบเบิลล้าสมัย พวกเขาชอบคิดเองตัดสินใจเอง แต่เมื่อผู้คนพึ่งสติปัญญาของตัวเองแทนที่จะพึ่งพระเจ้า คุณเห็นว่าโลกนี้ดีขึ้นไหม? ผู้คนมีความสุขจริง ๆ ไหม? หรือพวกเขามีความหวังอะไรไหม? สิ่งที่เราเห็นยิ่งทำให้เรามั่นใจในความจริงจากคัมภีร์ไบเบิลที่บอกว่า “ไม่มีสติปัญญา ความเข้าใจ หรือคำแนะนำใด ๆ จะขัดขวางพระยะโฮวาได้” (สภษ. 21:30) เราเห็นเลยว่าไม่มีสติปัญญาหรือความรู้อะไรในโลกที่จะเทียบกับพระองค์ได้ นี่เลยทำให้เราต้องขอสติปัญญาแท้จากพระยะโฮวาอยู่เรื่อย ๆ แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำแบบนั้น เพราะอะไร?
ทำไมบางคนไม่สนใจสติปัญญาแท้?
6. อย่างที่บอกในสุภาษิต 1:22-25 ใครบ้างที่ไม่ฟังสติปัญญาแท้?
6 หลายคนไม่ฟังตอนที่สติปัญญาแท้ “ร้องเสียงดังอยู่ตามถนน” คัมภีร์ไบเบิลบอกว่ามีคน 3 กลุ่มที่ไม่สนใจสติปัญญาคือ “คนขาดประสบการณ์” “คนชอบเยาะเย้ย” และ “คนโง่” (อ่านสุภาษิต 1:22-25) ให้เรามาดูกันว่าคนเหล่านี้มีนิสัยอะไรที่ทำให้พวกเขาไม่สนใจสติปัญญาของพระเจ้า และดูว่าเราจะทำยังไงเพื่อจะไม่มีนิสัยแบบนี้
7. ทำไมบางคนถึงเลือกที่จะเป็น “คนขาดประสบการณ์” ต่อไป?
7 “คนขาดประสบการณ์” คือคนที่ถูกชักจูงง่ายและถูกหลอกง่าย (สภษ. 14:15) เราอาจเคยเจอคนแบบนี้บ่อย ๆ ตอนที่เราไปประกาศ ขอให้คิดถึงหลายล้านคนที่ถูกพวกผู้นำศาสนาและพวกนักการเมืองหลอก หลายคนตกใจมากพอได้รู้ว่าพวกผู้นำศาสนาและนักการเมืองเหล่านั้นโกหกพวกเขา แต่อย่างที่บอกในสุภาษิต 1:22 พวกเขาก็เลือกที่จะโดนหลอกต่อไปเพราะพวกเขาพอใจแบบนั้น (ยรม. 5:31) พวกเขาอยากทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ ไม่อยากรู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไร และไม่อยากใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระเจ้า หลายคนคิดเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เคร่งศาสนาในควิเบกประเทศแคนาดาซึ่งบอกกับพยานฯ ว่า “ถ้าบาทหลวงหลอกเรา เขานั่นแหละที่ผิด เราไม่ได้ผิด” พวกเราไม่อยากเป็นเหมือนคนพวกนั้นที่เต็มใจโดนหลอก—สภษ. 1:32; 27:12
8. เราจะทำยังไงเพื่อจะไม่เป็น “คนขาดประสบการณ์”?
8 คัมภีร์ไบเบิลสนับสนุนเรา “ให้คิดแบบคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว” ไม่ใช่เป็นคนขาดประสบการณ์ต่อไปเรื่อย ๆ (1 คร. 14:20) เราจะทำแบบนั้นได้โดยเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ในชีวิต แล้วเราก็จะได้เห็นว่าหลักการในคัมภีร์ไบเบิลช่วยยังไงให้ตัดสินใจอย่างฉลาดและไม่เจอเรื่องยุ่งยาก นอกจากนั้น เราต้องคอยเช็กดูอยู่เรื่อย ๆ ว่าเราตัดสินใจตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิลหรือยัง ถ้าเรากำลังศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอยู่และเข้าร่วมการประชุมมาระยะหนึ่งแล้ว เราอาจจะถามตัวเองว่าทำไมเราไม่อุทิศตัวและรับบัพติศมาสักที? และถ้าเรารับบัพติศมาแล้ว เราพยายามที่จะเป็นผู้ประกาศและผู้สอนที่ดีขึ้นไหม? เราตัดสินใจในแบบที่แสดงว่าเราเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลมาใช้แล้วไหม? เราแสดงคุณลักษณะแบบคริสเตียนกับคนอื่นไหม? ถ้าเห็นว่ามีตรงไหนที่เรายังปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก ก็ให้เราฟังข้อเตือนใจจากพระยะโฮวาซึ่ง “ทำให้คนขาดประสบการณ์ฉลาดขึ้น”—สด. 19:7
9. “คนชอบเยาะเย้ย” ไม่สนใจสติปัญญายังไง?
9 คนกลุ่มที่ 2 ที่ไม่สนใจสติปัญญาจากพระยะโฮวาก็คือ “คนชอบเยาะเย้ย” บางครั้งเราเองก็เจอคนแบบนี้ตอนที่เราไปประกาศ (สด. 123:4) คัมภีร์ไบเบิลเตือนว่าในสมัยสุดท้ายจะมีคนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ชอบเยาะเย้ย (2 ปต. 3:3, 4) คนแบบนี้เป็นเหมือนลูกเขยของโลท พวกเขาไม่สนใจคำเตือนของพระเจ้า (ปฐก. 19:14) หลายคนหัวเราะเยาะคนที่ใช้ชีวิตตามมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิล พวกเขา “ทำตามความต้องการชั่ว ๆ ของตัวเอง” (ยด. 7, 17, 18) คนชอบเยาะเย้ยที่คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงยังรวมถึงคนทรยศพระเจ้าและคนที่ไม่สนใจพระยะโฮวาด้วย
10. อย่างที่บอกไว้ในสดุดี 1:1 เราจะทำยังไงเพื่อจะไม่เป็นคนชอบเยาะเย้ย?
10 เราควรทำยังไงเพื่อจะไม่เป็นคนชอบเยาะเย้ย? วิธีหนึ่งก็คือเราจะไม่คบกับคนที่ชอบติชอบว่าไปซะทุกเรื่อง (อ่านสดุดี 1:1) เราจะไม่ฟังไม่อ่านสิ่งที่มาจากคนทรยศพระเจ้า นอกจากนั้น เรารู้ว่าถ้าเราไม่ระวัง เราอาจกลายเป็นคนชอบวิพากษ์วิจารณ์ เริ่มสงสัยวิธีของพระยะโฮวา และสงสัยการชี้นำจากองค์การของพระองค์ เพื่อจะไม่เป็นแบบนั้นเราต้องถามตัวเองว่า ‘ถ้ามีคำแนะนำหรือคำอธิบายใหม่ ๆ จากองค์การ ฉันชอบพูดในแง่ลบไหม? ฉันเอาแต่มองข้อผิดพลาดของคนที่นำหน้าในองค์การไหม?’ ถ้าเห็นว่าตัวเราเอง มีปัญหาแบบนี้แล้วรีบจัดการทันที พระยะโฮวาจะพอใจเรา—สภษ. 3:34, 35
11. “คนโง่” คิดยังไงกับมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระยะโฮวา?
11 คนกลุ่มที่ 3 ที่ไม่สนใจสติปัญญาก็คือ “คนโง่” ที่พวกเขาโง่ก็เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตตามมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระเจ้า พวกเขาคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำก็ดีอยู่แล้ว (สภษ. 12:15) พวกเขาไม่สนใจพระยะโฮวาผู้ให้สติปัญญาแท้ (สด. 53:1) เราอาจเคยเจอคนแบบนี้ตอนที่เราไปประกาศ พวกเขาจะชอบว่าเราแรง ๆ ที่เราทำตามมาตรฐานในคัมภีร์ไบเบิล แต่พวกเขาก็ไม่มีอะไรดี ๆ จะให้คนอื่นเหมือนกัน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนโง่ไม่อาจมีสติปัญญาแท้ได้ เขาไม่รู้จะพูดอะไรที่ประตูเมือง” (สภษ. 24:7) คนโง่ไม่มีคำแนะนำดี ๆ ให้คนอื่น เลยไม่แปลกที่พระยะโฮวาจะเตือนเราว่า “อยู่ให้ห่างคนโง่ไว้”—สภษ. 14:7
12. อะไรจะช่วยให้เราไม่เป็นเหมือน “คนโง่”?
12 พวกเราไม่เป็นเหมือนคนในโลกที่ไม่ชอบคำแนะนำของพระยะโฮวา เราอยากจะเรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าพระยะโฮวาคิดยังไงและอยากรู้เรื่องมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระองค์ สิ่งที่ช่วยให้เรารักมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระยะโฮวามากขึ้นก็คือให้เราเปรียบเทียบคนที่เชื่อฟังคำแนะนำของพระองค์กับคนที่ไม่ได้เชื่อฟัง ลองดูว่าชีวิตของพวกเขาแตกต่างกันยังไง หลายคนในทุกวันนี้โง่มากที่ไม่ได้เชื่อฟังคำแนะนำของพระยะโฮวาเลยทำให้ตัวเองต้องเจอกับปัญหาหลายอย่างในชีวิต แต่พอคุณดูตัวเอง คุณเห็นไหมว่าชีวิตของคุณดีกว่าพวกเขามากแค่ไหนเพราะคุณเชื่อฟังพระยะโฮวา?—สด. 32:8, 10
13. พระยะโฮวาบังคับเราให้เชื่อฟังคำแนะนำของพระองค์ไหม?
13 พระยะโฮวาให้สติปัญญาและคำแนะนำดี ๆ กับทุกคน ถึงพระองค์ไม่ได้บังคับใครให้ฟังคำแนะนำของพระองค์ แต่พระองค์ก็บอกไว้ว่าถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟัง พวกเขาจะได้ผลเสียอะไรบ้าง คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพวกเขาจะ “ต้องรับผลจากการกระทำของตัวเอง” (สภษ. 1:29-32) คนทุกวันนี้ใช้ชีวิตตามใจตัวเอง พวกเขาเลยต้องเจอความทุกข์ ความเครียด และปัญหาหลายอย่าง และในที่สุดพวกเขาก็จะถูกทำลาย แต่พระยะโฮวาสัญญากับคนที่ฟังคำแนะนำของพระองค์และทำตามว่า “คนที่ฟังเราจะอยู่อย่างปลอดภัย และจะไม่กลัวหายนะ”—สภษ. 1:33
สติปัญญาแท้เป็นประโยชน์กับเรา
14-15. เราได้เรียนอะไรจากสุภาษิต 4:23?
14 ถ้าเราฟังสติปัญญาและทำตามคำแนะนำของพระยะโฮวา เราจะได้ประโยชน์เสมอ เราได้เรียนกันแล้วว่าคำแนะนำของพระยะโฮวาหาได้ไม่ยากเลย ตัวอย่างเช่น หนังสือสุภาษิตทั้งเล่มมีคำแนะนำมากมาย และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คำแนะนำเหล่านั้นก็มีประโยชน์และช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นเสมอ ตอนนี้ให้เรามาดูคำแนะนำ 4 อย่างจากหนังสือสุภาษิตด้วยกัน
15 ปกป้องหัวใจของคุณ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ให้ปกป้องหัวใจของลูกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะชีวิตขึ้นอยู่กับหัวใจ” (สภษ. 4:23) ปกติแล้วเราทำอะไรเพื่อช่วยให้หัวใจของเราแข็งแรง? เราจะกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และจะไม่ทำอะไรที่มีผลเสียกับหัวใจ เหมือนกัน เพื่อที่เราจะปกป้องหัวใจที่พูดถึงในหนังสือสุภาษิต เราก็ต้องอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน เตรียมการประชุม ไปประชุมเป็นประจำ และตอบที่การประชุม และเหมือนกับที่เราออกกำลังกายสม่ำเสมอ เราก็ต้องไปประกาศเป็นประจำด้วย นอกจากนั้น เราต้องไม่ทำอะไรที่มีผลเสียต่อความคิดของเรา เช่น เราจะไม่ฟัง ไม่ดู หรือไม่อ่านอะไรที่ผิดศีลธรรม และจะไม่คบกับคนที่ไม่ดี
16. ทำไมคำแนะนำที่สุภาษิต 23:4, 5 ถึงมีประโยชน์มากในทุกวันนี้?
16 พอใจกับสิ่งที่คุณมี คัมภีร์ไบเบิลแนะนำว่า “อย่าหักโหมทำงานจนเหนื่อยล้าเพื่อจะมีทรัพย์สมบัติ . . . เมื่อคุณหันไปมอง ทรัพย์สมบัติก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว เพราะมันจะมีปีกงอกออกมาเหมือนนกอินทรีแล้วบินหายไปบนฟ้า” (สภษ. 23:4, 5) ทรัพย์สมบัติและความร่ำรวยไม่ใช่สิ่งที่คงอยู่ตลอดไป ที่จริง ทั้งคนรวยและคนจนหลายคนในทุกวันนี้ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินจนยอมทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียง เสียเพื่อน เสียครอบครัว และเสียสุขภาพ (สภษ. 28:20; 1 ทธ. 6:9, 10) แต่สติปัญญาช่วยให้เรามีความคิดที่สมดุลในเรื่องเงินซึ่งช่วยให้เราไม่เป็นคนโลภ แต่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่และมีความสุข—ปญจ. 7:12
17. สุภาษิต 12:18 พูดถึง “คำพูดของคนฉลาด” เราจะทำยังไงเพื่อให้คำพูดของเราเป็นแบบนี้?
17 คิดก่อนที่คุณจะพูด ถ้าเราไม่ระวังคำพูด เราอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คำพูดที่ไม่คิดเป็นเหมือนดาบที่ทิ่มแทง แต่คำพูดของคน ฉลาดจะช่วยเยียวยารักษา” (สภษ. 12:18) ถ้าเราไม่ซุบซิบนินทาคนอื่น เราก็จะไม่มีเรื่องกับใคร (สภษ. 20:19) และเพื่อที่คำพูดของเราจะช่วยเยียวยารักษาและไม่ทิ่มแทงคนอื่น เราต้องให้ใจของเราเต็มไปด้วยความรู้จากคัมภีร์ไบเบิล (ลก. 6:45) เมื่อเราคิดใคร่ครวญคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล คำพูดของเราจะเป็น “แหล่งของสติปัญญา [ซึ่ง] เป็นเหมือนสายน้ำไหล” ที่ทำให้คนอื่นสดชื่น—สภษ. 18:4
18. การเอาคำแนะนำที่สุภาษิต 24:6 ไปใช้จะช่วยให้เรารับใช้ดีขึ้นยังไง?
18 ทำตามคำแนะนำ คัมภีร์ไบเบิลให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ว่า “การทำสงครามต้องพึ่งคำแนะนำที่ฉลาด และการมีที่ปรึกษาหลายคนทำให้ได้ความสำเร็จ” (สภษ. 24:6, เชิงอรรถ) ลองคิดดูว่าถ้าเราเอาคำแนะนำนี้มาใช้ในงานประกาศและงานสอน เราจะทำงานรับใช้ได้ดีขนาดไหน? เราจะไม่ทำงานรับใช้ตามวิธีของเราเอง แต่จะทำตามคำแนะนำขององค์การ ที่การประชุมเรามี “ที่ปรึกษา” หลายคน เราได้คำแนะนำดี ๆ จากพี่น้องที่มีประสบการณ์ที่บรรยายและทำส่วนสาธิตในการประชุม นอกจากนั้น องค์การของพระเจ้ายังเตรียมเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ให้กับเราด้วย เช่น หนังสือและสื่อต่าง ๆ รวมถึงวีดีโอที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจคัมภีร์ไบเบิล คุณได้ฝึกใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้เก่งขึ้นไหม?
19. คุณรู้สึกยังไงกับสติปัญญาที่พระยะโฮวาให้? (สุภาษิต 3:13-18)
19 อ่านสุภาษิต 3:13-18 เราขอบคุณจริง ๆ ที่มีคำแนะนำดี ๆ จากคัมภีร์ไบเบิล ถ้าไม่มีคำแนะนำดี ๆ เหล่านี้ เราไม่รู้จริง ๆ ว่าชีวิตเราจะเป็นยังไง ในบทความนี้เราได้เห็นตัวอย่างของสติปัญญาจากหนังสือสุภาษิต แต่จริง ๆ แล้วพระยะโฮวาให้คำแนะนำดี ๆ มากมายในคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่ม ให้เราตั้งใจที่จะเอาคำแนะนำเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตเสมอ ถึงคนทั่วไปในโลกจะไม่สนใจสติปัญญาของพระยะโฮวา แต่เรามั่นใจว่า “คนที่ยึดมั่นในสติปัญญาจะมีชีวิตและมีความสุข”
เพลง 36 ปกป้องหัวใจของเรา
^ สติปัญญาที่พระยะโฮวาให้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในโลก ในบทความนี้เราจะมาดูภาพเปรียบเทียบในหนังสือสุภาษิตด้วยกัน ที่บอกว่าสติปัญญาร้องเสียงดังอยู่ตามลานสาธารณะ แล้วจะมาคุยกันว่าเราจะมีสติปัญญาแท้ได้ยังไง ทำไมบางคนถึงไม่สนใจฟังสติปัญญา และเราจะได้ประโยชน์ยังไงถ้าเราฟังสติปัญญา