“ผมมีความหวังในพระเจ้า”
“อาดัมคนหลังซึ่งมีร่างกายสำหรับสวรรค์นั้นเป็นผู้ให้ชีวิต”—1 โครินธ์ 15:45
1-3. (ก) คำสอนอะไรเป็นหนึ่งในคำสอนหลักที่เราเชื่อ? (ข) ทำไมการฟื้นขึ้นจากตายจึงสำคัญมาก? (ดูภาพแรก)
ถ้ามีคนถามคุณว่าหลัก ๆ แล้วศาสนาคุณสอนเรื่องอะไร คุณจะตอบอย่างไร? คุณคงจะตอบว่า คุณเชื่อว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สร้างและเป็นผู้ให้ชีวิตเรา คุณคงบอกว่าคุณเชื่อในพระเยซูคริสต์ที่สละชีวิตเพื่อเป็นค่าไถ่ และแน่นอน คุณคงต้องพูดถึงโลกที่จะเป็นสวนอุทยานในอนาคตที่ประชาชนของพระเจ้าจะอยู่ที่นั่นตลอดไป แต่คุณจะพูดถึงการฟื้นขึ้นจากตายว่าเป็นหนึ่งในคำสอนที่คุณชอบที่สุดไหม?
2 แม้เราหวังว่าจะรอดผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่และจะอยู่บนโลกตลอดไป แต่เรามีเหตุผลที่ดีที่จะพูดว่าการฟื้นขึ้นจากตายเป็นหนึ่งในคำสอนหลักที่เราเชื่อ อัครสาวกเปาโลแสดงให้เห็นว่าทำไมการฟื้นขึ้นจากตายจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เขาบอกว่า “ถ้าการฟื้นขึ้นจากตายไม่มีจริง พระคริสต์ก็ไม่ได้ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมา” ถ้าพระเยซูไม่ได้ฟื้นขึ้นจากตาย ท่านก็ไม่สามารถที่จะปกครองในฐานะกษัตริย์ในสวรรค์ได้ และงานประกาศของเราก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย (อ่าน 1 โครินธ์ 15:12-19) แต่เรารู้ว่าพระเยซูฟื้นขึ้นมาแล้ว เรามั่นใจในเรื่องนี้ เราจึงไม่เหมือนชาวยิวที่เป็นพวกสะดูสีซึ่งไม่เชื่อเลยว่าคนตายไปแล้วจะสามารถกลับ มามีชีวิตอีก แม้ว่าหลายคนจะเยาะเย้ยเรา เราก็ยังเชื่อมั่นอยู่เสมอว่าพระเจ้าสามารถปลุกคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้—มาระโก 12:18; กิจการ 4:2, 3; 17:32; 23:6-8
3 เปาโลบอกว่าคำสอนเรื่อง “การฟื้นขึ้นจากตาย” เป็นส่วนหนึ่งของ “หลักคำสอนเบื้องต้นเกี่ยวกับพระคริสต์” (ฮีบรู 6:1, 2) เปาโลได้เน้นว่าการฟื้นขึ้นจากตายเป็นเรื่องหนึ่งที่เขาเชื่อ (กิจการ 24:10, 15, 24, 25) แม้เรื่องนี้เป็นคำสอนเบื้องต้นหรือเป็นคำสอนพื้นฐานที่เราได้เรียนจากคัมภีร์ไบเบิล แต่เราก็ยังต้องเรียนเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายอย่างละเอียด (ฮีบรู 5:12) ทำไม?
4. มีคำถามอะไรบ้างที่เราอาจสงสัยเกี่ยวกับการฟื้นขึ้นจากตาย?
4 ปกติคนที่เริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลจะได้อ่านเกี่ยวกับการฟื้นขึ้นจากตายที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต อย่างเช่น การฟื้นขึ้นจากตายของลาซารัส และคงได้เรียนว่าอับราฮัม โยบ กับดาเนียลมั่นใจว่าในอนาคตคนที่ตายไปแล้วจะกลับมีชีวิตอีก แต่ถ้ามีบางคนขอให้คุณพิสูจน์จากคัมภีร์ไบเบิลว่าทำไมคุณถึงเชื่อคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายที่บอกไว้หลายร้อยปีมาแล้ว คุณจะอธิบายอย่างไร? และคัมภีร์ไบเบิลบอกไหมว่าการฟื้นขึ้นจากตายจะเกิดขึ้นเมื่อไร? การรู้คำตอบเหล่านี้จะช่วยเราให้มีความเชื่อมากขึ้น
การฟื้นขึ้นจากตายที่บอกล่วงหน้ามาหลายร้อยปี
5. เราจะคุยกันเรื่องอะไรก่อน?
5 คงนึกภาพได้ไม่ยากว่าการปลุกคนที่เพิ่งตายให้กลับมามีชีวิตอีกจะเป็นอย่างไร (ยอห์น 11:11; กิจการ 20:9, 10) แต่เราจะมั่นใจได้ไหมว่าจะมีการฟื้นขึ้นจากตายของบางคนแม้จะมีการสัญญาเรื่องนั้นเมื่อหลายปีหรือหลายร้อยปีมาแล้ว? เราจะมั่นใจได้ไหมว่าคำสัญญานี้จะเกิดขึ้นจริงไม่ว่าคนนั้นจะตายมานานแล้วหรือเพิ่งตายไม่นาน? ที่จริง มีคำสัญญาเกี่ยวกับการฟื้นขึ้นจากตายของคนคนหนึ่งที่บอกล่วงหน้าไว้หลายร้อยปี ซึ่งคุณก็เชื่อว่าเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นจริงไปแล้ว คุณรู้ไหมว่าเป็นการฟื้นขึ้นจากตายของใคร? และเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไรกับความหวังของคุณเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายในอนาคต?
6. พระเยซูเกี่ยวข้องอย่างไรกับคำพยากรณ์ที่สดุดีบท 118?
6 ตอนนี้ให้เรามาคุยกันเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายของคนคนหนึ่ง มีการบอกไว้ล่วงหน้านานหลายร้อยปีว่าเขาจะถูกปลุก ในสดุดีบท 118 ซึ่งดาวิดอาจเป็นผู้เขียนบอกว่า “พระยะโฮวา พวกเราขอร้องพระองค์ให้ช่วยพวกเราให้รอด” และ “ขอให้ผู้ที่มาในนามของพระยะโฮวาได้รับพร” นี่เป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์ ผู้คนยกคำพยากรณ์นี้ขึ้นมาพูดตอนที่พระเยซูขี่หลังลาเข้ามาในกรุงเยรูซาเล็มในวันที่ 9 เดือนนิสาน ซึ่งเป็นเวลาไม่กี่วันก่อนที่ท่านจะตาย (สดุดี 118:25, 26; มัทธิว 21:7-9) แต่ที่สดุดีบท 118 ได้พูดถึงการฟื้นขึ้นจากตายที่จะเกิดขึ้นอีกหลายร้อยปีต่อมาอย่างไร? ขอสังเกตคำพยากรณ์อีกข้อหนึ่งที่สดุดีได้บอกไว้ “หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งไปแล้วกลายมาเป็นหินหัวมุมหลัก”—สดุดี 118:22
7. ชาวยิวหลายคน “ทิ้ง” พระเยซูอย่างไร?
7 “ช่างก่อสร้าง” ที่ “ทิ้ง” เมสสิยาห์คือพวกผู้นำชาวยิว พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สนใจหรือไม่ยอมรับพระเยซูในฐานะพระคริสต์เท่านั้น ชาวยิวหลายคน “ทิ้ง” ท่านโดยเรียกร้องให้ปีลาตฆ่าท่าน (ลูกา 23:18-23) พวกเขาต้องรับผิดชอบการตายของพระเยซู
8. พระเยซูมาเป็น “หินหัวมุมหลัก” ได้อย่างไร?
8 ถ้าพระเยซูถูก “ทิ้ง” และถูกฆ่า ท่านจะมาเป็น “หินหัวมุมหลัก” ได้อย่างไร? สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อท่านถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายเท่านั้น พระเยซูช่วยให้เข้าใจเรื่องนี้โดยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าของสวนที่ส่งคนไปหาคนเช่าสวน แต่คนเช่าสวนทำไม่ดีกับคนพวกนั้น เมื่อรู้เรื่องนี้ เจ้าของสวนจึงส่งลูกชายไปและหวังว่าคนเช่าสวนจะฟัง สดุดี 118:22 ขึ้นมาพูด (ลูกา 20:9-17) อัครสาวกเปโตรก็ใช้คำพยากรณ์ข้อเดียวกันนี้พูดกับคนยิวที่เป็น ‘พวกหัวหน้าประชาชนกับพวกผู้นำชาวยิวและพวกครูสอนศาสนาซึ่งมาประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม’ เปโตรบอกพวกเขาว่า ‘พระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธที่พวกคุณได้ประหารท่านบนเสาแต่พระเจ้าได้ปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายแล้ว’ หลังจากนั้น เขาก็บอกว่า “พระเยซูผู้นี้เป็น ‘หินที่พวกคุณซึ่งเป็นช่างก่อสร้างถือว่าไม่มีค่า หินก้อนนี้กลายมาเป็นหินหัวมุมหลัก’”—กิจการ 3:15; 4:5-11; 1 เปโตร 2:5-7
แต่คนเช่าสวนกลับฆ่าลูกชายของเจ้าของสวน หลังจากที่เล่าเรื่องนี้ พระเยซูยกคำพยากรณ์ที่9. เหตุการณ์ที่สำคัญอะไรที่บอกล่วงหน้าในสดุดี 118:22?
9 เราเห็นอย่างชัดเจนว่าคำพยากรณ์ที่สดุดี 118:22 บอกล่วงหน้าว่าคนคนหนึ่งจะฟื้นขึ้นจากตายในอีกหลายร้อยปีต่อมา เมสสิยาห์จะถูก “ทิ้ง” และถูกฆ่า แต่จะฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกและจะได้เป็นหินหัวมุมหลัก ทันทีที่พระเยซูได้ฟื้นขึ้นจากตาย ท่านจะเป็นผู้เดียวที่ชื่อของท่านจะ “ช่วยพวกเราให้รอดได้”—กิจการ 4:12; เอเฟซัส 1:20
10. (ก) สดุดี 16:10 บอกล่วงหน้าเกี่ยวกับอะไร? (ข) ทำไมเราจึงมั่นใจได้ว่าสดุดี 16:10 ไม่ได้พูดถึงดาวิด?
10 ตอนนี้ให้เรามาดูข้อคัมภีร์อีกข้อหนึ่งที่พูดถึงการฟื้นขึ้นจากตาย คำพยากรณ์ข้อนี้เกิดขึ้นจริงในอีกมากกว่าหนึ่งพันปีต่อมา นี่น่าจะทำให้เรามั่นใจว่าการฟื้นขึ้นจากตายสามารถเกิดขึ้นได้แม้จะมีการสัญญาไว้นานมาแล้ว คำพยากรณ์ข้อนี้อยู่ที่สดุดีบท 16 ซึ่งดาวิดเขียนว่า “พระองค์จะไม่ทิ้งผมไว้ในหลุมศพ พระองค์จะไม่ปล่อยให้คนที่ภักดีต่อพระองค์ต้องลงหลุม” (สดุดี 16:10) ดาวิดไม่ได้บอกว่าเขาเองจะไม่ตายและจะไม่ได้ลงไปอยู่ในหลุมศพ คัมภีร์ไบเบิลบอกชัดเจนว่าดาวิดแก่ลงและ “ตายไปตามปู่ย่าตายายและถูกฝังไว้ที่เมืองของดาวิด” (1 พงศ์กษัตริย์ 2:1, 10) ถ้าอย่างนั้น คำสัญญานี้พูดถึงใคร?
11. เมื่อไรที่เปโตรอธิบายเกี่ยวกับคำพยากรณ์ที่สดุดี 16:10?
11 มากกว่าหนึ่งพันปีผ่านไปหลังจากที่ดาวิดเขียนข้อความที่สดุดี 16:10 เปโตรได้อธิบายว่าข้อนั้นหมายถึงใคร ไม่กี่สัปดาห์หลังจากพระเยซูตายและถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย เปโตรได้พูดกับหลายพันคนซึ่งมีทั้งชาวยิวและคนที่เปลี่ยนมาเป็นยิว (อ่านกิจการ 2:29-32) เปโตรย้ำกับพวกเขาว่าดาวิดตายและถูกฝัง และตอนที่เปโตรพูดว่าดาวิด “รู้ล่วงหน้าและบอกเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย” ของเมสสิยาห์ คัมภีร์ไบเบิลก็ไม่ได้บอกว่ามีใครไม่เห็นด้วย
12. คำพยากรณ์ที่สดุดี 16:10 เกิดขึ้นจริงอย่างไร และนี่ทำให้เรามั่นใจอย่างไรในคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย?
12 เปโตรยืนยันเรื่องที่เขาพูดโดยยกคำพูดของดาวิดที่สดุดี 110:1 (อ่านกิจการ 2:33-36) การที่เขาได้ยกเหตุผลต่าง ๆ จากพระคัมภีร์ช่วยให้คนเหล่านั้นมั่นใจว่าพระเยซู “เป็นทั้งนายและพระคริสต์” พวกเขาจึงยอมรับว่าสดุดี 16:10 เกิดขึ้นจริงกับพระเยซูตอนที่ท่านถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย ต่อมา อัครสาวกเปาโลก็ยกเหตุผลแบบเดียวกันตอนที่เขาพูดกับชาวยิวในเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย การยกเหตุผลแบบนี้ทำให้คนเหล่านั้นประทับใจ และทำให้พวกเขาอยากจะฟังเปาโลพูดต่อ (อ่านกิจการ 13:32-37, 42) นี่น่าจะทำให้เราประทับใจด้วยเหมือนกันเมื่อเห็นว่าคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลที่พูดถึงการฟื้นขึ้นจากตายได้เกิดขึ้นจริง แม้ว่าจะมีการบอกล่วงหน้ามานานหลายร้อยปี
การฟื้นขึ้นจากตายจะเกิดขึ้นเมื่อไร?
13. มีคำถามอะไรบ้างที่เราอาจถามเกี่ยวกับการฟื้นขึ้นจากตาย?
13 เป็นเรื่องที่ให้กำลังใจที่รู้ว่าเป็นไปได้ที่จะมีการฟื้นขึ้นจากตายแม้ว่ามีการบอกล่วงหน้าหลายร้อยปีมาแล้ว แต่บางคนอาจถามว่า ‘งั้นแปลว่าฉันจะต้องรออีกนานกว่าจะได้เจอคนที่ฉันรักเหรอ? แล้วการฟื้นขึ้นจากตายจะเกิดกิจการ 1:6, 7; ยอห์น 16:12) แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับเวลาที่การฟื้นขึ้นจากตายจะเกิดขึ้น
ขึ้นเมื่อไหร่ล่ะ?’ พระเยซูเคยบอกพวกอัครสาวกว่ามีบางอย่างที่พวกเขายังไม่รู้และไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย และท่านยังบอกอีกว่า “พระเจ้าผู้เป็นพ่อเป็นผู้กำหนดวันเวลา” มีรายละเอียดบางอย่างที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้ (14. การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูต่างจากการฟื้นขึ้นจากตายของคนอื่นอย่างไร?
14 การฟื้นขึ้นจากตายที่สำคัญที่สุดที่มีบอกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลคือการฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซู ถ้าพระเยซูไม่ได้ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมา เราคงไม่มีความหวังที่จะได้เจอคนที่เรารักที่ตายไปแล้วอีกครั้งหนึ่ง คนที่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมาก่อนพระเยซูอย่างเช่นคนที่ถูกเอลียาห์กับเอลีชาปลุกก็ไม่ได้มีชีวิตตลอดไป พวกเขาต้องตายอีกและกลายเป็นดิน แต่พระเยซู “ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย” และท่าน “จะไม่ตายอีก ความตายจะไม่มีอำนาจเหนือท่านอีกเลย” ท่านอยู่ในสวรรค์และ “มีชีวิตอยู่ตลอดไป”—โรม 6:9; วิวรณ์ 1:5, 18; โคโลสี 1:18; 1 เปโตร 3:18
15. ทำไมพระเยซูถูกเรียกว่า “คนแรกที่ถูกปลุกให้ฟื้นจากตาย”?
15 การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูเป็นการฟื้นขึ้นจากตายไปสวรรค์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งที่สำคัญที่สุด (กิจการ 26:23) แต่ท่านไม่ใช่คนเดียวที่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายไปสวรรค์ ท่านได้สัญญากับอัครสาวกที่ซื่อสัตย์ว่าพวกเขาจะได้ร่วมปกครองกับท่านในสวรรค์ (ลูกา 22:28-30) แต่พวกเขาต้องตายก่อนถึงจะได้รับรางวัลนั้น พวกเขาจะได้รับการปลุกให้ฟื้นขึ้นมามีร่างกายสำหรับสวรรค์เหมือนกับพระเยซู เปาโลเขียนว่า “พระคริสต์ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายแล้ว และเป็นคนแรกที่ถูกปลุกให้ฟื้นจากตาย” แล้วเปาโลก็บอกว่าจะมีคนอื่นอีกที่จะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายไปสวรรค์ เขาบอกว่า “แต่จะเป็นไปตามลำดับ คือ พระคริสต์เป็นคนแรก จากนั้นก็เป็นคนของพระคริสต์ที่จะมีชีวิตอีกในช่วงการประทับของท่าน”—1 โครินธ์ 15:20, 23
16. มีข้อมูลอะไรบ้างที่ช่วยให้เราพอบอกได้ว่าการฟื้นขึ้นจากตายไปสวรรค์จะเกิดขึ้นเมื่อไร?
16 คำพูดของเปาโลมีข้อมูลบางอย่างที่ช่วยให้เราพอบอกได้ว่าการฟื้นขึ้นจากตายไปสวรรค์เกิดขึ้นเมื่อไร การฟื้นขึ้นจากตายนี้เกิดขึ้นในช่วงการประทับของพระคริสต์ หลายปีมาแล้วที่พยานพระยะโฮวาได้ใช้คัมภีร์ไบเบิลพิสูจน์ว่า “การประทับ” ของพระคริสต์เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1914 ตอนนี้เรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วง “การประทับ” ของท่าน และใกล้ถึงเวลาที่โลกชั่วนี้จะจบลงแล้ว
17, 18. จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ถูกเจิมบางคนในช่วงการประทับของพระคริสต์?
17 คัมภีร์ไบเบิลอธิบายมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นขึ้นจากตายไปสวรรค์ว่า “เราอยากให้พวกคุณเข้าใจเกี่ยวกับคนที่ตายไปแล้ว . . . ถ้าเราเชื่อว่าพระเยซูตายแล้วฟื้นขึ้นมาอีก เราก็เชื่อด้วยว่าพระเจ้าจะปลุกสาวกให้ฟื้นขึ้นมา . . . พวกเราที่มีชีวิตอยู่ในช่วงการประทับของผู้เป็นนายจะไม่ถูกรับไปก่อนสาวกที่ตายไปแล้ว เพราะผู้เป็นนายจะลงมาจากสวรรค์พร้อมกับออกคำสั่ง . . . แล้วสาวกที่ตายไปแล้วของพระคริสต์จะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้น พวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่จะถูกรับไปในเมฆให้อยู่ร่วมกับคนเหล่านั้นเพื่อไปพบผู้เป็นนายในท้องฟ้า และเราก็จะได้อยู่กับผู้เป็นนายตลอดไป”—18 การฟื้นขึ้นจากตายอันดับแรกซึ่งก็คือการฟื้นขึ้นจากตายไปสวรรค์เริ่มขึ้นไม่นานหลังจากการประทับของพระคริสต์เริ่มต้น ผู้ถูกเจิมที่ยังอยู่บนโลกในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จะ “ถูกรับไปในเมฆ” (มัทธิว 24:31) นั่นหมายความอย่างไร? คนเหล่านั้นที่ “ถูกรับไป” จะ “ไม่ต้องหลับอยู่ในความตาย” คือพวกเขาจะไม่ตายอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พอพวกเขาตาย พวกเขาก็ “จะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด ในช่วงสั้น ๆ แค่พริบตาเดียว ระหว่างการเป่าแตรครั้งสุดท้าย”—1 โครินธ์ 15:51, 52
19. ‘การฟื้นขึ้นจากตายแบบที่ดีกว่า’ คืออะไร?
19 ในทุกวันนี้ คริสเตียนที่ซื่อสัตย์ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ถูกเจิมและไม่ได้ถูกเลือกให้ร่วมปกครองกับพระคริสต์ในสวรรค์ แต่พวกเขากำลังตั้งตารอคอย “วันของพระยะโฮวา” ที่โลกชั่วจะถูกทำลาย ไม่มีใครสามารถบอกได้จริง ๆ ว่านี่จะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่เรามีหลักฐานว่าใกล้จะถึงวันนั้นแล้ว (1 เธสะโลนิกา 5:1-3) เมื่อโลกใหม่ของพระเจ้ามาก็จะมีการฟื้นขึ้นจากตายอีกแบบหนึ่ง ในตอนนั้นผู้คนจะถูกปลุกขึ้นมามีชีวิตบนโลกและมีความหวังที่จะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบและไม่ตายอีกต่อไปเลย นั่นจะเป็น ‘การฟื้นขึ้นจากตายแบบที่ดีกว่า’ การฟื้นขึ้นจากตายของคนที่เคยถูกปลุกในอดีตซึ่งในที่สุดก็ต้องตายอีก—ฮีบรู 11:35
20. ทำไมเราเชื่อได้ว่าการฟื้นขึ้นจากตายจะเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบระเบียบ?
20 คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าคนเหล่านั้นที่ไปสวรรค์ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย “ตามลำดับ” (1 โครินธ์ 15:23) ดังนั้น เราจึงเชื่อมั่นได้ว่าการฟื้นขึ้นจากตายบนโลกนี้จะเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบระเบียบ แต่เราอาจสงสัยว่า คนเหล่านั้นที่เพิ่งตายได้ไม่นานจะถูกปลุกในช่วงแรกของสมัยหนึ่งพันปีของพระคริสต์ไหม เพื่อคนที่รักและรู้จักเขาจะได้ต้อนรับเขา? พวกผู้ชายที่ซื่อสัตย์ในอดีตซึ่งเป็นผู้นำที่มีความสามารถจะถูกปลุกขึ้นมาก่อนไหม เพื่อพวกเขาจะช่วยจัดระเบียบประชาชนของพระเจ้าในโลกใหม่? ส่วนคนที่ไม่เคยรับใช้พระยะโฮวาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? พวกเขาจะถูกปลุกเมื่อไรและที่ไหน? ที่จริงยังมีอีกหลายคำถามที่เราอยากรู้ แต่เราไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไปในเรื่องเหล่านี้ ดีกว่าที่เราจะรอดูต่อไป เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะทำสิ่งต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้นแน่นอน
21. คุณมีความหวังเรื่องอะไร?
21 จนกว่าจะถึงเวลานั้น เราควรทำให้ความเชื่อของเราในพระยะโฮวามีมากขึ้น พระองค์สัญญาผ่านทางพระเยซูว่าคนที่ตายไปแล้วจะยังอยู่ในความทรงจำของพระองค์ และพวกเขาจะกลับมามีชีวิตอีก (ยอห์น 5:28, 29; 11:23) อีกข้อพิสูจน์ที่ทำให้เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะปลุกคนตายก็คือตอนที่พระเยซูบอกว่าในสายตาของพระยะโฮวาแล้ว อับราฮัม อิสอัค และยาโคบ “ยังมีชีวิตอยู่” (ลูกา 20:37, 38) เห็นได้ชัดว่าเรามีเหตุผลที่ดีที่จะพูดเหมือนอัครสาวกเปาโลว่า “ผมมีความหวังในพระเจ้า . . . ความหวังของผมก็คือทั้งคนดีและคนชั่วจะฟื้นขึ้นจากตาย”—กิจการ 24:15