บทความศึกษา 46
คู่ที่เพิ่งแต่งงานใหม่ ขอให้เอางานรับใช้พระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
“พระยะโฮวาเป็นกำลัง . . . ผมวางใจพระองค์”—สด. 28:7
เพลง 131 “สิ่งที่พระเจ้าผูกไว้คู่กันแล้ว”
ใจความสำคัญ *
1-2. (ก) ทำไมคู่ที่เพิ่งแต่งงานใหม่ควรวางใจพระยะโฮวา? (สดุดี 37:3, 4) (ข) เราจะได้เรียนอะไรในบทความนี้?
คุณกำลังจะแต่งงานไหมหรือว่าคุณเพิ่งแต่งงานเมื่อไม่นานมานี้รึเปล่า? คุณคงอยากจะอยู่กับคนที่คุณรักอย่างมีความสุข แต่คุณคงเห็นด้วยว่าชีวิตคู่ก็ต้องเจอปัญหาอยู่บ้างและมีเรื่องสำคัญหลายอย่างที่ต้องตัดสินใจ วิธีที่คุณรับมือกับปัญหาและตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ จะมีผลในระยะยาวกับชีวิตคู่ของคุณ ดังนั้นถ้าคุณพึ่งคำแนะนำของพระยะโฮวา คุณจะตัดสินใจได้ถูกต้อง ชีวิตคู่จะมีความสุขและจะรักกันมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณไม่พึ่งคำแนะนำของพระยะโฮวา ชีวิตคู่ของคุณก็อาจเจอปัญหาและไม่มีความสุข—อ่านสดุดี 37:3, 4
2 ถึงบทความนี้จะเน้นไปที่คู่ที่เพิ่งแต่งงานใหม่ แต่เนื้อหาในบทความนี้จะพูดถึงปัญหาต่าง ๆ ที่สามีภรรยาทุกคู่อาจต้องเจอ เราจะได้ดูตัวอย่างของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ในคัมภีร์ไบเบิล และดูว่าเราได้บทเรียนอะไรจากชีวิตของพวกเขาบ้างซึ่งเราสามารถเอามาใช้ในชีวิตคู่ได้ด้วย และเรายังจะได้เรียนจากประสบการณ์ของพี่น้องบางคู่ในปัจจุบันด้วย
คู่ที่เพิ่งแต่งงานใหม่อาจต้องเจออะไรบ้าง?
3-4. คู่ที่เพิ่งแต่งงานใหม่อาจต้องเจออะไรบ้าง?
3 คนที่หวังดีอาจจะบอกให้คู่ที่เพิ่งแต่งงานใช้ชีวิตแบบที่คนอื่นเขาทำกัน อย่างเช่น พ่อแม่หรือญาติ ๆ อาจจะกดดันให้พวกเขามีลูกเร็ว ๆ และ
เพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวอาจจะบอกให้พวกเขาซื้อบ้านแล้วก็ซื้อของดี ๆ มาตกแต่งบ้าน4 ถ้าพวกเขาไม่ระวังก็อาจจะเป็นหนี้ได้ แล้วทั้งสามีกับภรรยาก็ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ พวกเขาก็เลยอาจจะไม่ค่อยได้ศึกษาส่วนตัว นมัสการประจำครอบครัว หรือออกประกาศ บางคนอาจถึงกับขาดประชุมบางครั้งด้วยซ้ำเพราะต้องทำงานโอทีจะได้มีเงินมากขึ้นและไม่ตกงาน พอเป็นอย่างนี้ พวกเขาก็พลาดโอกาสที่จะเห็นว่าการรับใช้พระยะโฮวามากขึ้นทำให้มีความสุขมากขนาดไหน
5. คุณได้เรียนอะไรจากประสบการณ์ของคลาวส์กับมาริซ่า?
5 ประสบการณ์ของหลายคนทำให้เห็นว่าการหาเงินเยอะ ๆ ไม่ได้ทำให้มีความสุข คลาวส์กับมาริซ่าก็รู้สึกอย่างนั้น * ตอนแรกพวกเขาทำงานเต็มเวลาเพราะอยากมีชีวิตสบายแต่พวกเขาก็ยังไม่มีความสุข คลาวส์บอกว่า “พวกเรามีของเต็มบ้านที่ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ แต่เราไม่มีเป้าหมายในงานรับใช้เลย เอาจริง ๆ นะครับผมรู้สึกว่าชีวิตมันยุ่งเหยิงแล้วก็เครียดมากด้วย” บางทีคุณอาจจะกำลังเจอกับตัวเองว่าการหาเงินเยอะ ๆ ไม่ได้ทำให้มีความสุขจริง ๆ แต่ก็อย่าเพิ่งท้อใจ คุณจะเรียนจากตัวอย่างที่ดีของคนอื่น ๆ ได้ ตอนนี้ให้เรามาดูว่าคนที่เป็นสามีจะเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของกษัตริย์เยโฮชาฟัท
วางใจพระยะโฮวาเหมือนกษัตริย์เยโฮชาฟัท
6. เยโฮชาฟัททำตามคำแนะนำที่สุภาษิต 3:5, 6 ยังไงตอนที่เขาเจอปัญหาใหญ่?
6 ถ้าคุณเป็นสามี บางครั้งคุณรู้สึกว่าคุณมีหน้าที่รับผิดชอบหลายอย่างมากจนแทบจะแบกรับไม่ไหวไหม? ถ้าคุณรู้สึกอย่างนั้น ขอให้ลองดูตัวอย่างของกษัตริย์เยโฮชาฟัท เขามีหน้าที่ที่ต้องดูแลคนทั้งชาติ เขาทำอย่างนั้นได้ยังไง? เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะปกป้องคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาโดยสร้างป้อมปราการในยูดาห์และรวบรวมทหารมากกว่า 1,160,000 คน (2 พศ. 17:12-19) หลังจากนั้นเยโฮชาฟัทก็เจอปัญหาใหญ่ มีชาวอัมโมน โมอับ และคนจากเขตเทือกเขาเสอีร์มาขู่ว่าจะมาโจมตีเขากับครอบครัว รวมทั้งประชาชนของเขาด้วย (2 พศ. 20:1, 2) เยโฮชาฟัททำยังไง? เขาอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาด้วยความถ่อม เขาทำตามคำแนะนำที่อยู่ในสุภาษิต 3:5, 6 (อ่าน) เราเห็นคำอธิษฐานของเยโฮชาฟัทได้จาก 2 พงศาวดาร 20:5-12 ที่นั่นทำให้เรารู้เลยว่าเขาวางใจพระยะโฮวามากขนาดไหน แล้วพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของเขายังไง?
7. พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของเยโฮชาฟัทยังไง?
7 พระยะโฮวาพูดกับเยโฮชาฟัทผ่านทางคนเลวีที่ชื่อยาฮาซีเอล พระยะโฮวาบอกว่า “ให้เข้าประจำที่ ยืนเฉย ๆ แล้วดูพระยะโฮวาช่วยพวกเจ้าให้รอด” (2 พศ. ) จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่วิธีการสู้รบแบบปกติ แต่คำแนะนำนี้ไม่ได้มาจากมนุษย์แต่มาจากพระยะโฮวาพระเจ้า เยโฮชาฟัทวางใจพระยะโฮวาแล้วก็ทำตามที่พระองค์บอกโดยไม่ได้เอานักรบเก่ง ๆ ไปนำหน้ากองทัพ แต่กลับเอาคนที่ไม่มีอาวุธอะไรเลยไปร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาอยู่ด้านหน้า พระยะโฮวาไม่ทำให้เยโฮชาฟัทผิดหวัง พระองค์ช่วยเขาให้เอาชนะศัตรูได้— 20:13-172 พศ. 20:18-23
8. สามีเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของเยโฮชาฟัท?
8 คนที่เป็นสามีเรียนอะไรได้หลายอย่างจากกษัตริย์เยโฮชาฟัท คุณมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะดูแลและปกป้องครอบครัวของคุณ เวลาคุณเจอปัญหาคุณอาจจะรู้สึกว่าคุณจัดการเองได้ แต่ขอคุณอย่าพึ่งตัวเอง ให้คุณอธิษฐานเป็นส่วนตัวขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา นอกจากนั้นให้คุณอธิษฐานด้วยกันกับภรรยาและระบายความในใจให้พระยะโฮวาฟัง หาคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลและสื่อต่าง ๆ ขององค์การ บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยที่คุณทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล พวกเขาอาจจะถึงกับบอกว่าคุณโง่มากที่ทำอย่างนั้น และบอกว่าเงินเท่านั้นที่จะทำให้ครอบครัวมั่นคงปลอดภัย แต่ขอให้จำตัวอย่างของเยโฮชาฟัทเอาไว้ เขาวางใจพระยะโฮวาและลงมือทำ พระยะโฮวาไม่ทิ้งเยโฮชาฟัท พระองค์ก็จะไม่ทิ้งคุณด้วยแน่นอน (สด. 37:28; ฮบ. 13:5) สามีภรรยาจะทำอะไรได้อีกเพื่อจะช่วยให้ชีวิตคู่มีความสุข?
ให้งานรับใช้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิตเหมือนผู้พยากรณ์อิสยาห์กับภรรยา
9. เรารู้อะไรเกี่ยวกับผู้พยากรณ์อิสยาห์และภรรยาของเขา?
9 ผู้พยากรณ์อิสยาห์กับภรรยาให้งานรับใช้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา อิสยาห์เป็นผู้พยากรณ์และอาจเป็นไปได้ที่ภรรยาของเขาก็มีงานมอบหมายเกี่ยวกับการพยากรณ์เหมือนกันเพราะเธอถูกเรียกว่า “ผู้พยากรณ์หญิง” (อสย. 8:1-4) เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคู่ของทั้งสองคนนี้ก็คือการนมัสการพระยะโฮวา พวกเขาเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสามีภรรยาในทุกวันนี้จริง ๆ
10. การศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลช่วยสามีภรรยายังไงให้ตั้งใจรับใช้พระยะโฮวามากที่สุดเท่าที่จะทำได้?
10 สามีภรรยาจะให้งานรับใช้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิตได้โดยทำสุดความสามารถเพื่อรับใช้พระองค์ ถ้าพวกเขาศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลด้วยกันและเห็นว่าคำพยากรณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงยังไงก็จะทำให้พวกเขาวางใจพระยะโฮวามากขึ้น * (ทต. 1:2) นอกจากนั้น พวกเขาอาจคิดว่าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อจะมีส่วนช่วยให้คำพยากรณ์เกิดขึ้นจริง อย่างเช่น พวกเขาช่วยให้คำพยากรณ์ของพระเยซูเกิดขึ้นจริงได้ที่บอกว่าจะมีการประกาศข่าวดีไปทั่วโลกก่อนที่จุดจบจะมาถึง (มธ. 24:14) ยิ่งสามีภรรยามั่นใจว่าคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลกำลังเกิดขึ้นจริง พวกเขาก็จะยิ่งตั้งใจรับใช้พระยะโฮวามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ให้รัฐบาลของพระเจ้ามาก่อนอย่างอื่นเหมือนปริสสิลลากับอะควิลลา
11. ถึงชีวิตของปริสสิลลากับอะควิลลาจะเปลี่ยนไปแต่พวกเขาทำอะไร? และทำไม?
11 สามีภรรยาที่อายุยังไม่มากเรียนได้จากตัวอย่างของปริสสิลลากับอะควิลลา พวกเขาเป็นคนยิวที่อยู่ในกรุงโรม พอได้ยินข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซู กจ. 18:18-21; รม. 16:3-5) ชีวิตของทั้งสองคนนี้มีอะไรหลายอย่างให้ทำและมีความสุขจริง ๆ
พวกเขาก็เข้ามาเป็นคริสเตียน พวกเขาคงพอใจกับชีวิตในตอนนั้นอยู่แล้ว แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเพราะจักรพรรดิคลาวดิอัสออกคำสั่งให้ชาวยิวทุกคนต้องออกไปจากกรุงโรม ลองคิดดูว่าเรื่องนี้มีผลยังไงกับอะควิลลากับปริสสิลลา พวกเขาต้องทิ้งที่ที่ตัวเองคุ้นเคย ไปหาบ้านใหม่ และไปทำงานในที่ใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ทำให้พวกเขาให้ความสำคัญกับรัฐบาลของพระเจ้าน้อยลงไหม? ไม่ใช่อย่างนั้นเลย เราเห็นว่าพอทั้งสองคนไปถึงโครินธ์ พวกเขาก็ไปช่วยประชาคมที่นั่นและทำงานด้วยกันกับเปาโลเพื่อช่วยให้พี่น้องเข้มแข็งขึ้น และหลังจากนั้นพวกเขาก็ย้ายไปอีกหลายเมืองที่ต้องการผู้ประกาศมากกว่า (12. ทำไมสามีภรรยาควรตั้งเป้าหมายในงานรับใช้?
12 สามีภรรยาในทุกวันนี้เลียนแบบปริสสิลลากับอะควิลลาได้โดยให้รัฐบาลของพระเจ้ามาก่อนอย่างอื่น พวกเขาทำอย่างนั้นได้โดยคุยกันเกี่ยวกับเป้าหมายในการรับใช้ แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะทำอย่างนี้ก็น่าจะเป็นตอนที่ทั้งสองคนยังเป็นแฟนกันอยู่ เมื่อทั้งสองคนตัดสินใจด้วยกันและพยายามทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ พวกเขาก็จะมีโอกาสได้เห็นมากขึ้นว่าพระยะโฮวาช่วยพวกเขายังไงบ้าง (ปญจ. 4:9, 12) ลองดูประสบการณ์ของรัสเซลล์กับอลิซาเบท รัสเซลล์บอกว่า “เราคุยกันเรื่องเป้าหมายในงานรับใช้ตั้งแต่ตอนที่เรายังเป็นแฟนกัน” อลิซาเบทบอกว่า “ที่เราคุยกันตั้งแต่ตอนนั้นก็เพราะว่าพอถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ เราจะได้ไม่ยอมให้อะไรมาขัดขวางเราไม่ให้ทำตามเป้าหมายที่วางไว้” การทำอย่างนี้ทำให้รัสเซลล์กับอลิซาเบทจัดชีวิตเพื่อย้ายไปรับใช้ที่ไมโครนีเซียซึ่งต้องการผู้ประกาศมากกว่าได้
13. จากสดุดี 28:7 ผลจะเป็นยังไงถ้าเราวางใจพระยะโฮวา?
13 สามีภรรยาหลายคู่ทำเหมือนกับรัสเซลล์และอลิซาเบทโดยใช้ชีวิตเรียบง่ายและไม่สร้างภาระให้ตัวเอง สดุดี 28:7
เพื่อที่พวกเขาจะสามารถทุ่มเทเวลาให้กับงานประกาศและงานสอนคนอื่นให้เป็นสาวก เมื่อพวกเขาตั้งเป้าหมายในงานรับใช้และพยายามทำตามเป้าหมายนั้นด้วยกัน พวกเขาจะเห็นผลดีหลายอย่าง พวกเขาจะเห็นว่าพระยะโฮวาดูแลพวกเขายังไงบ้าง พวกเขาจะวางใจพระองค์มากขึ้นและจะมีความสุขในชีวิตจริง ๆ—อ่านมั่นใจในคำสัญญาของพระยะโฮวาเหมือนเปโตรกับภรรยา
14. เปโตรกับภรรยาแสดงให้เห็นยังไงว่าพวกเขามั่นใจในคำสัญญาที่มัทธิว 6:25, 31-34?
14 สามีกับภรรยายังเรียนได้จากตัวอย่างของเปโตรกับภรรยาด้วย ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีหลังจากที่เปโตรเจอพระเยซูเป็นครั้งแรก เขาต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ ตอนนั้นเปโตรเป็นชาวประมง พอพระเยซูชวนเขาให้ไปรับใช้ด้วยกัน เขาก็คงต้องคิดถึงภรรยาของเขาแน่ ๆ (ลก. 5:1-11) ในที่สุดเปโตรรับใช้กับพระเยซูแล้วก็ทำงานประกาศด้วยกันกับท่าน นั่นเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดและภรรยาของเขาก็น่าจะเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้เพราะคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าหลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย ตอนที่เปโตรเดินทางไปทำงานมอบหมาย เธอก็ไปด้วยอย่างน้อยช่วงหนึ่ง (1 คร. 9:5) ภรรยาของเปโตรคงต้องเป็นตัวอย่างที่ดีมาก เพราะนี่ทำให้เขาพูดได้เต็มปากตอนที่เขาต้องเขียนคำแนะนำให้กับสามีภรรยาคริสเตียน (1 ปต. 3:1-7) ทั้งสองคนมั่นใจในคำสัญญาของพระยะโฮวาว่าพระองค์จะดูแลพวกเขาถ้าพวกเขาให้รัฐบาลของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต—อ่านมัทธิว 6:25, 31-34
15. คุณได้เรียนอะไรจากประสบการณ์ของทีอาโก้กับเอสเทอร์?
15 ถ้าคุณแต่งงานมาได้หลายปีแล้ว อะไรจะช่วยให้คุณอยากทำงานรับใช้มากขึ้น? วิธีหนึ่งก็คือการอ่านประสบการณ์ของคู่อื่น ๆ อย่างเช่น ลองอ่านบทความชุดที่ชื่อว่า “พวกเขาเต็มใจไปรับใช้” ที่อยู่ในหอสังเกตการณ์ ดูสิ บทความเหล่านี้ช่วยสามีภรรยาคู่หนึ่งจากบราซิลที่ชื่อทีอาโก้กับเอสเทอร์ให้อยากทำงานรับใช้มากขึ้น ทีอาโก้บอกว่า “พอได้อ่านประสบการณ์ของพี่น้อง มันทำให้เราอยากเห็นด้วยตัวเองว่าพระยะโฮวาจะชี้นำและดูแลเรายังไง” ในที่สุดทีอาโก้กับเอสเทอร์ย้ายไปที่ปารากวัยและไปรับใช้ในเขตภาษาโปรตุเกสตั้งแต่ปี 2014 เอสเทอร์บอกว่า “เราชอบข้อคัมภีร์ที่เอเฟซัส 3:20 เราเห็นว่าข้อคัมภีร์นี้เป็นจริงกับเราหลายครั้งมากตอนที่เรารับใช้พระยะโฮวา” ในข้อนั้นเปาโลรับรองกับพี่น้องในเอเฟซัสว่าพระยะโฮวาจะให้มากกว่าที่เราทุกคนขออีก คำสัญญานี้เป็นจริงมาตลอดจนถึงสมัยของเรา
16. ใครจะช่วยคู่สมรสที่อายุยังไม่มากให้ตั้งเป้าหมายในงานรับใช้ได้?
16 ถ้าคุณเป็นคู่สมรสที่อายุยังไม่มาก คุณจะได้ประโยชน์จากประสบการณ์ของคนที่พึ่งพระยะโฮวา เช่น คู่ที่รับใช้เต็มเวลามาเป็นเวลานานหลายสิบปี ลองขอคำแนะนำจากพวกเขาดูตอนที่คุณต้องตัดสินใจเรื่องเป้าหมายในงานรับใช้ ถ้าคุณทำอย่างนั้นก็แสดงว่าคุณวางใจพระยะโฮวา (สภษ. 22:17, 19) นอกจากนั้น คุณยังไปปรึกษาผู้ดูแลในประชาคมได้ พวกเขาจะให้คำแนะนำเพื่อคุณจะตั้งเป้าหมายในงานรับใช้และทำตามเป้าหมายนั้นได้
17. เกิดอะไรขึ้นกับคลาวส์และมาริซ่า? และเราเรียนอะไรได้จากประสบการณ์ของพวกเขา?
17 บางครั้งการตัดสินใจที่จะรับใช้พระยะโฮวามากขึ้นอาจไม่เป็นอย่างที่เราวางแผนไว้ อย่างเช่น คลาวส์กับมาริซ่าที่พูดถึงก่อนหน้านี้ตัดสินใจไปช่วยโครงการก่อสร้างที่สาขาฟินแลนด์หลังจากที่แต่งงานกันได้ 3 ปี แต่พวกเขามารู้ทีหลังว่าไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้เกิน 6 เดือน ตอนแรกที่พวกเขารู้เรื่องนี้ก็เสียใจมาก แต่หลังจากนั้นพวกเขาถูกเชิญให้ไปเข้าชั้นเรียนภาษาอาหรับ ตอนนี้พวกเขารับใช้ในเขตภาษาอาหรับในอีกประเทศหนึ่งอย่างมีความสุข มาริซ่ายอมรับว่า “มันน่ากลัวมากที่จะต้องทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วก็วางใจพระยะโฮวาฝากเรื่องทั้งหมดไว้กับพระองค์ แต่ฉันได้เห็นกับตัวเองแล้วว่าพระยะโฮวาช่วยเรายังไงบ้างในหลายวิธีที่เราคิดไม่ถึง พอฉันได้เจอกับตัวเองฉันก็วางใจพระยะโฮวามากขึ้น” จากตัวอย่างนี้คุณมั่นใจได้เลยว่าถ้าคุณวางใจพระยะโฮวาสุดหัวใจ พระองค์จะอวยพรคุณแน่นอน
18. สามีภรรยาควรทำอะไรเพื่อจะวางใจพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป?
18 ชีวิตคู่เป็นของขวัญจากพระยะโฮวา (มธ. 19:5, 6) พระองค์อยากให้สามีภรรยามีความสุขกับของขวัญนี้ (สภษ. 5:18) ถ้าคุณเป็นคู่สมรสที่อายุยังไม่มาก ลองคิดดูว่าคุณกำลังใช้ชีวิตยังไงในตอนนี้ คุณเห็นค่าของขวัญที่พระยะโฮวาให้กับคุณโดยรับใช้พระองค์เต็มที่แล้วไหม? คุยกับพระยะโฮวาในคำอธิษฐาน ลองหาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลที่ตรงกับสภาพการณ์ของคุณและทำตามที่พระยะโฮวาบอก คุณมั่นใจได้เลยว่าคุณจะมีชีวิตที่มีความสุขและได้รับพรมากมายถ้าให้งานรับใช้พระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคู่ของคุณ
เพลง 132 แล้วเราก็เป็นหนึ่งเดียวกัน
^ วรรค 5 การตัดสินใจบางอย่างของเรามีผลกับเวลาและกำลังที่เราให้กับพระยะโฮวา คู่ที่เพิ่งแต่งงานใหม่ก็ต้องตัดสินใจบางเรื่องซึ่งจะมีผลกับชีวิตของพวกเขาในระยะยาว บทความนี้จะช่วยให้พวกเขาตัดสินใจในแบบที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุข
^ วรรค 5 บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ
^ วรรค 10 ตัวอย่างเช่น ดูหนังสือการนมัสการที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวาได้รับการฟื้นฟู! บท 6, 7 และ 19