อย่าคิดแบบคนทั่วไปในโลก
“ระวังให้ดี อย่าให้ใครมาชักชวนให้หลงด้วยปรัชญาและคำหลอกลวงเหลวไหล . . . ของโลก”—โคโลสี 2:8
1. อัครสาวกเปาโลเขียนเรื่องอะไรถึงพี่น้องในเมืองโคโลสี? (ดูภาพแรก)
ประมาณปี 60-61 ในช่วงที่อัครสาวกเปาโลเป็นนักโทษในกรุงโรม เขาเขียนถึงพี่น้องในเมืองโคโลสีและอธิบายว่าทำไมพวกเขาต้องมี ‘ความเข้าใจที่เกิดจากพลังของพระเจ้า’ ซึ่งก็คือความสามารถที่จะมองเรื่องต่าง ๆ อย่างที่พระยะโฮวามอง (โคโลสี 1:9) เปาโลบอกว่า “ผมพูดเรื่องนี้ก็เพื่อไม่ให้มีใครมาหลอกลวงพวกคุณได้ ถึงแม้เขาจะใช้คำพูดจูงใจที่น่าฟัง ระวังให้ดี อย่าให้ใครมาชักชวนให้หลงด้วยปรัชญาและคำหลอกลวงเหลวไหลตามที่มนุษย์สอนต่อ ๆ กันมาและตามแนวคิดต่าง ๆ ของโลก ซึ่งไม่ได้มาจากพระคริสต์” (โคโลสี 2:4, 8) จากนั้น เปาโลก็อธิบายว่าทำไมแนวคิดของคนส่วนใหญ่ถึงไม่ถูกต้องและทำไมหลายคนชอบแนวคิดแบบนั้น ตัวอย่างเช่น แนวคิดบางอย่างอาจทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาฉลาดกว่าหรือดีกว่าคนอื่น ดังนั้น เปาโลจึงเขียนจดหมายเพื่อช่วยให้พี่น้องไม่คล้อยตามความคิดแบบคนทั่วไปในโลกและไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีแบบพวกเขา—โคโลสี 2:16, 17, 23
2. ทำไมเราต้องคุยกันเกี่ยวกับตัวอย่างของความคิดแบบคนทั่วไปในโลก?
2 คนทั่วไปในโลกไม่สนใจหลักการต่าง ๆ ของพระยะโฮวา และถ้าเราไม่ระวัง ความคิดแบบนั้นอาจมีผลทำให้ความเชื่อของเราค่อย ๆ ลดลงและเราอาจเริ่มไม่
เชื่อว่าการทำตามหลักการของพระเจ้าดีที่สุด เราเห็นแนวคิดแบบคนทั่วไปในโลกจากทีวี อินเทอร์เน็ต และคนในที่ทำงานหรือที่โรงเรียน ดังนั้น เราควรทำอะไรเพื่อจะหลีกเลี่ยงอิทธิพลที่ไม่ดีเหล่านี้? ในบทความนี้ เราจะมาดูตัวอย่างของความคิดแบบคนทั่วไปในโลก 5 อย่าง และดูด้วยกันว่าเราจะหลีกเลี่ยงความคิดแบบนั้นได้อย่างไรเราต้องเชื่อไหมว่ามีพระเจ้า?
3. ผู้คนชอบความคิดแบบไหน? และทำไม?
3 “ถึงฉันไม่เชื่อพระเจ้า ฉันก็เป็นคนดีได้” ความคิดแบบนี้มีอยู่ทั่วไปในหลายประเทศทั่วโลก คนที่คิดและพูดแบบนี้อาจไม่ได้คิดอย่างจริงจังว่าพระเจ้ามีจริงไหม แต่พวกเขาแค่ชอบที่จะมีอิสระทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ (อ่านสดุดี 10:4) ส่วนคนอื่น ๆ ก็พูดว่า “ถึงฉันจะไม่เชื่อพระเจ้า แต่ฉันก็มีหลักในการใช้ชีวิต” พวกเขาอาจคิดว่าการพูดแบบนี้มันดูฉลาดดี
4. เราสามารถยกเหตุผลอะไรได้เพื่อช่วยคนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าผู้สร้าง?
4 มีเหตุผลไหมที่จะเชื่อว่าไม่มีพระเจ้าผู้สร้าง? บางคนอาจสับสนเมื่อเขาหาคำตอบโดยอาศัยวิทยาศาสตร์ แต่เราสามารถคิดถึงความจริงง่าย ๆ ลองคิดดูสิ บ้านจะเกิดขึ้นมาเองโดยไม่มีใครสร้างได้ไหม? มันเป็นไปไม่ได้! บ้านต้องมีคนสร้าง แต่สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ซับซ้อนกว่าบ้านมาก แถมเวลาบ้านของเรามีรอยแตกมันก็ไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ แต่ถ้ามือของเรามีแผล แผลนั้นก็หายเองได้โดยใช้เวลาไม่นาน ตัวอย่างนี้ทำให้เราเห็นว่า ตัวเราซับซ้อนกว่าบ้านมาก และช่วยเราให้สรุปได้เหมือนกับคัมภีร์ไบเบิลที่บอกว่า “บ้านทุกหลังต้องมีคนสร้าง แต่ผู้ที่สร้างทุกสิ่งก็คือพระเจ้า”—ฮีบรู 3:4
5. สำหรับแนวคิดที่ว่า คนเรารู้ได้เองว่าอะไรดีอะไรชั่วโดยไม่ต้องเชื่อเรื่องพระเจ้า เราควรหาเหตุผลอย่างไร?
5 สำหรับแนวคิดที่ว่า คนเรารู้ได้เองว่าอะไรดีอะไรชั่วโดยไม่ต้องเชื่อเรื่องพระเจ้า เราควรหาเหตุผลอย่างไร? เป็นเรื่องจริงที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า แม้แต่คนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าก็สามารถมีหลักในการใช้ชีวิตที่ดีได้ (โรม 2:14, 15) ตัวอย่างเช่น บางคนอาจรักและนับถือพ่อแม่ แต่ถ้าเขาไม่ทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวา เขาก็อาจตัดสินใจผิดพลาดร้ายแรง (อิสยาห์ 33:22) คนฉลาดหลายคนในทุกวันนี้ยอมรับว่าเราไม่มีทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่วุ่นวายในโลกได้เองโดยไม่พึ่งความช่วยเหลือจากพระเจ้า (อ่านเยเรมีย์ 10:23) ดังนั้น เราไม่ควรคิดว่าเรารู้ได้เองว่าอะไรดีอะไรชั่วโดยไม่ต้องเชื่อพระเจ้าและไม่ต้องทำตามมาตรฐานของพระองค์—สดุดี 146:3
เราต้องมีศาสนาไหม?
6. หลายคนคิดอย่างไรเรื่องศาสนา?
6 “ฉันไม่ต้องนับถือศาสนาอะไรก็มีความสุขได้” หลายคนคิดว่าศาสนาเป็นเรื่องน่าเบื่อและไม่มีประโยชน์อะไร ส่วนหลายศาสนาก็มีคำสอนเรื่องนรก เรี่ยไรเงิน หรือสนับสนุนนักการเมือง จึงไม่น่าแปลกใจที่มีคนมากขึ้นเรื่อย ๆ บอกว่าพวกเขาไม่ต้องนับถือศาสนาอะไรก็มีความสุขได้ พวกเขาอาจพูดในทำนองว่า “ฉันก็สนใจเรื่องพระเจ้านะ แต่ฉันไม่อยากเข้าร่วมกับศาสนาไหน”
7. ศาสนาแท้ช่วยคุณให้มีความสุขอย่างไร?
7 เราจะมีความสุขได้จริง ๆ ไหมโดยไม่ต้องมีศาสนา? คนเรามีความสุขได้โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับศาสนาเท็จ แต่ไม่มีใครมีความสุขได้จริง ๆ ถ้าเขาไม่ได้นมัสการพระยะโฮวา “พระเจ้าผู้มีความสุข” และเป็นเพื่อนกับพระองค์ (1 ทิโมธี 1:11) ทุกอย่างที่พระยะโฮวาทำ พระองค์ทำเพื่อช่วยคนอื่น เราที่เป็นผู้รับใช้พระองค์ก็มีความสุขเพราะเราพยายามหาวิธีช่วยคนอื่นด้วย (กิจการ 20:35) ตัวอย่างเช่น ลองคิดดูสิว่าการนมัสการแท้ช่วยให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขอย่างไร เราเรียนว่าเราต้องให้เกียรติและซื่อสัตย์ต่อคู่ของเรา เราต้องสอนลูกให้นับถือ คนอื่น และเราต้องรักครอบครัวเราจริง ๆ การนมัสการแท้ช่วยประชาชนของพระยะโฮวาให้แสดงความรักกับพี่น้องและรับใช้ด้วยกันในประชาคมอย่างมีสันติสุข—อ่านอิสยาห์ 65:13, 14
8. มัทธิว 5:3 ช่วยเราอย่างไรให้รู้ว่าอะไรที่ทำให้คนเรามีความสุขจริง ๆ?
8 ถ้าอย่างนั้น คนเราจะมีความสุขได้จริง ๆ ไหมถ้าไม่ได้รับใช้พระเจ้า? บางคนอาจมีความสุขกับการทำงาน เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมยามว่าง ส่วนคนอื่น ๆ ก็รู้สึกดีที่ได้ดูแลครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเขา ถึงแม้ว่าการทำสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เรามีความสุข แต่ชีวิตคนเรามีอะไรมากกว่านั้น เราไม่เหมือนกับสัตว์ เราสามารถรู้จักพระเจ้าที่สร้างเราและนมัสการพระองค์ พระเจ้าสร้างเราให้มีความสุขที่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ (อ่านมัทธิว 5:3) ตัวอย่างเช่น เรามีความสุขและได้กำลังใจตอนที่เราได้เจอพี่น้องชายหญิงของเราและได้นมัสการพระยะโฮวาด้วยกัน (สดุดี 133:1) เรายังมีความสุขด้วยที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมพี่น้องทั่วโลก มีศีลธรรมที่ดี และมีความหวังที่ยอดเยี่ยมในอนาคต
เราต้องมีมาตรฐานทางศีลธรรมไหม?
9. (ก) คนส่วนใหญ่คิดอย่างไรในเรื่องเพศ? (ข) ทำไมคัมภีร์ไบเบิลห้ามการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่ของตัวเอง?
9 “ผิดตรงไหนที่จะไปมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่สามีภรรยาตัวเอง?” บางคนอาจบอกว่า “ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้น? อยากทำอะไรก็ทำไปเลย สนุกกับชีวิตสิ” แต่คัมภีร์ไบเบิลห้ามการผิดศีลธรรมทางเพศ * (อ่าน 1 เธสะโลนิกา 4:3-8) พระยะโฮวามีสิทธิ์ตั้งกฎกับเราเพราะพระองค์เป็นผู้สร้าง พระองค์บอกว่าเฉพาะแต่ผู้ชายและผู้หญิงที่แต่งงานกันแล้วเท่านั้นที่จะมีเพศสัมพันธ์กันได้ พระยะโฮวาให้กฎนี้เพราะพระองค์รักเรา พระองค์รู้ว่าถ้าเราทำตามเราก็จะมีชีวิตที่ดี ครอบครัวที่เชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้าจะรักและนับถือกันมากขึ้น พวกเขาจะรู้สึกมั่นคงปลอดภัย แต่พระเจ้าจะลงโทษคนที่รู้กฎหมายของพระองค์แต่ไม่ทำตาม—ฮีบรู 13:4
10. เราต้องทำอะไรเพื่อจะไม่ทำผิดศีลธรรมทางเพศ?
10 คัมภีร์ไบเบิลสอนเราว่าต้องทำอะไรเพื่อจะไม่ทำผิดศีลธรรมทางเพศ เราต้องควบคุมสิ่งที่เรามอง พระเยซูบอกว่า “ทุกคนที่จ้องมองผู้หญิงจนเกิดความใคร่ ก็เป็นชู้ในใจกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ถ้าตาขวาของคุณทำให้คุณหลงทำผิด ควักมันทิ้งไปเลย” (มัทธิว 5:28, 29) ดังนั้น เราต้องไม่ดูสื่อลามกและฟังเพลงที่เกี่ยวกับการทำผิดศีลธรรมทางเพศ เปาโลบอกว่า “ให้กำจัดแนวโน้มแบบโลกซึ่งอยู่ในอวัยวะของพวกคุณ คือการผิดศีลธรรมทางเพศ” (โคโลสี 3:5) เราต้องควบคุมสิ่งที่เราคิดและเรื่องที่เราพูด—เอเฟซัส 5:3-5
เราควรทุ่มเทให้กับการทำงานอาชีพไหม?
11. ทำไมเราอาจอยากทุ่มเทให้กับการทำงานอาชีพ?
11 “ถ้ามีงานดีก็มีความสุข” หลายคนอาจบอกให้เราทุ่มเทเวลาและกำลังไปกับการทำงานอาชีพ โดยเฉพาะถ้างานนั้นทำให้มีชื่อเสียง มีตำแหน่งใหญ่โต หรือมีเงินมาก ๆ และเนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าการมีอาชีพที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เราเองก็อาจเริ่มคิดแบบนั้นเหมือนกัน
12. การประสบความสำเร็จในงานอาชีพทำให้คุณมีความสุขจริง ๆ ไหม?
12 อาชีพที่มีตำแหน่งใหญ่โตและมีชื่อเสียงทำให้คุณมีมัทธิว 4:8, 9; วิวรณ์ 12:12) ในทางกลับกัน ลองคิดดูว่าเรามีความสุขขนาดไหนที่ได้ช่วยคนอื่นให้เรียนรู้เรื่องพระเจ้าและคำสัญญาของพระองค์เกี่ยวกับอนาคตที่ยอดเยี่ยม ไม่มีงานไหนในโลกอีกแล้วที่ทำให้เรามีความสุขขนาดนี้ นอกจากนั้น เพื่อจะประสบความสำเร็จในการทำงานอาชีพ หลายคนในโลกนี้ต้องกลายเป็นคนชอบแข่งขัน ขี้อิจฉา และถูกกดดันให้ทำตัวเหนือกว่าคนอื่น แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังรู้สึกว่างเปล่า คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าการทำอย่างนี้ “เป็นการวิ่งไล่ตามลม”—ปัญญาจารย์ 4:4
ความสุขได้จริง ๆ ไหม? ไม่จริง คิดถึงตัวอย่างของซาตานดูสิ มันอยากเป็นใหญ่เป็นโตและมีชื่อเสียง ถึงมันจะได้ในสิ่งที่มันอยากได้ แต่มันก็ไม่มีความสุข มันมีแต่ความโกรธแค้น (13. (ก) เราควรมองงานอาชีพของเราอย่างไร? (ข) อะไรทำให้เปาโลมีความสุขแท้?
13 เราต้องหาเงินเพื่อเลี้ยงดูตัวเองและก็ไม่ผิดที่เราจะเลือกอาชีพที่เราชอบ แต่เราไม่ควรให้งานอาชีพกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต พระเยซูบอกว่า “ไม่มีใครเป็นทาสนาย 2 คนได้ เพราะเขาจะเกลียดนายคนหนึ่งและรักนายอีกคนหนึ่ง หรือจะภักดีต่อนายคนหนึ่งและดูถูกนายอีกคนหนึ่ง คุณจะเป็นทั้งทาสพระเจ้าและทาสทรัพย์สมบัติด้วยไม่ได้” (มัทธิว 6:24) การรับใช้พระยะโฮวาและการสอนคนอื่นเรื่องคัมภีร์ไบเบิลทำให้เรามีความสุขมากที่สุด อัครสาวกเปาโลก็มีประสบการณ์แบบนี้ ตอนที่เขาอายุยังน้อย เปาโลพยายามทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานของเขา แต่ต่อมา เขาก็พบว่าความสุขแท้คือการได้เห็นว่าคำสอนของพระเจ้าช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตคนที่เขาสอน (อ่าน 1 เธสะโลนิกา 2:13, 19, 20) ไม่มีงานไหนในโลกที่จะทำให้เรามีความสุขได้เท่ากับการรับใช้พระยะโฮวาและสอนคนอื่นเกี่ยวกับพระองค์
เราแก้ปัญหาต่าง ๆ ของโลกได้ไหม?
14. ทำไมหลายคนชอบความคิดที่ว่ามนุษย์สามารถแก้ปัญหากันเองได้?
14 “มนุษย์สามารถแก้ปัญหากันเองได้” หลายคนชอบความคิดแบบนี้ ทำไม? ก็ถ้ามนุษย์ทำได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องให้พระเจ้าชี้นำและเราสามารถทำทุกอย่างตามที่ใจต้องการ คุณอาจเคยได้ยินบางคนบอกว่าปัญหาต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นสงคราม อาชญากรรม โรคภัยไข้เจ็บ และความยากจนกำลังลดลง มีรายงานหนึ่งบอกไว้ว่า “เหตุผลที่สังคมกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็เพราะมนุษย์เรานี่แหละที่ตั้งใจทำให้โลกนี้ดีขึ้น” นี่เป็นความจริงไหม? มนุษย์สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ของโลกได้จริง ๆ ไหม? ให้เรามาดูข้อเท็จจริงบางอย่างด้วยกัน15. ทำไมเราถึงบอกได้ว่าปัญหาต่าง ๆ ในโลกเป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริง ๆ?
15 มนุษย์สามารถแก้ปัญหาสงครามได้ไหม? สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 มีคนมากกว่า 60 ล้านคนต้องตาย และในปี 2015 แค่ปีเดียว มีคนถึง 12.4 ล้านคนต้องลี้ภัยเพราะสงครามและการกดขี่ นี่ทำให้ยอดของผู้ลี้ภัยเพิ่มสูงขึ้นเป็น 65 ล้านคน แล้วปัญหาอาชญากรรมล่ะ? ในบางที่ อาชญากรรมบางอย่างอาจลดลง แต่ในเวลาเดียวกัน อาชญากรรมชนิดอื่น ๆ กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่น อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ความรุนแรงในครอบครัว การก่อการร้าย และการคอร์รัปชั่น แล้วปัญหาโรคภัยไข้เจ็บล่ะ? เป็นความจริงที่ว่าปัจจุบันนี้มนุษย์ค้นพบวิธีรักษาโรคบางโรคได้ แต่ในปี 2013 มีรายงานหนึ่งบอกว่าทุก ๆ ปีมีผู้คนประมาณ 9 ล้านคนที่อายุน้อยกว่า 60 ปีต้องตายเพราะโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมอง โรคมะเร็ง โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคเบาหวาน ส่วนปัญหาเรื่องความยากจนล่ะ? ธนาคารโลกรายงานว่าจำนวนคนที่มีชีวิตอยู่อย่างยากจนข้นแค้นในแอฟริกาเพิ่มขึ้นจาก 280 ล้านคนในปี 1990 เป็น 330 ล้านคนในปี 2012
16. (ก) ทำไมมีแต่รัฐบาลของพระเจ้าเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ของโลกนี้ได้? (ข) ทั้งอิสยาห์และผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งที่รัฐบาลของพระเจ้าจะทำ?
16 ข้อเท็จจริงเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราแปลกใจ ในทุกวันนี้ ระบบเศรษฐกิจและการเมืองถูกควบคุมโดยคนที่เห็นแก่ตัว คนเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ปัญหาสงคราม อาชญากรรม โรคภัย และความยากจนหมดไป รัฐบาลของพระเจ้าเท่านั้นที่ทำได้ ลองคิดดูสิว่าพระยะโฮวาจะทำอะไรเพื่อมนุษย์บ้าง รัฐบาลของพระองค์จะกำจัดสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดสงคราม ไม่ว่าจะเป็นความเห็นแก่ตัว การคอร์รัปชั่น ความรักชาติ ศาสนาเท็จ และกำจัดซาตานด้วย (สดุดี 46:8, 9) นอกจากนั้น รัฐบาลของพระเจ้าจะกำจัดปัญหาอาชญากรรม แม้แต่ในทุกวันนี้รัฐบาลพระเจ้าก็สอนผู้คนหลายล้านคนให้รักและเชื่อใจกัน ไม่มีรัฐบาลไหนที่ทำแบบนี้ได้ (อิสยาห์ 11:9) อีกไม่นาน พระยะโฮวาจะกำจัดปัญหาโรคภัยไข้เจ็บและทำให้ทุกคนมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง (อิสยาห์ 35:5, 6) พระเจ้าจะกำจัดปัญหาความยากจนด้วย พระองค์จะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่มีความสุขและมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ ไม่ว่าจะมีเงินมากขนาดไหนก็เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งเหล่านี้—สดุดี 72:12, 13
‘รู้ว่าควรตอบอย่างไร’
17. คุณจะไม่คิดแบบคนทั่วไปในโลกได้อย่างไร?
17 ดังนั้น ถ้าคุณได้ยินแนวคิดของคนส่วนใหญ่ที่ไม่เหมือนกับความเชื่อของคุณ ขอให้คุณศึกษาค้นคว้าดูว่าคัมภีร์ไบเบิลบอกอย่างไรและคุยกับพี่น้องชายหญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ลองคิดดูว่าทำไมผู้คนชอบแนวคิดแบบนั้น ทำไมแนวคิดแบบนั้นไม่ถูกต้อง และคุณจะไม่คล้อยตามแนวคิดแบบนั้นได้อย่างไร เราสามารถป้องกันตัวเองจากแนวคิดแบบคนทั่วไปในโลกโดยการทำตามสิ่งที่เปาโลบอกไว้ว่า “ให้พวกคุณใช้สติปัญญาเมื่อติดต่อเกี่ยวข้องกับคนนอกประชาคมคริสเตียน . . . พวกคุณจะได้รู้ว่าควรตอบแต่ละคนอย่างไร”—โคโลสี 4:5, 6
^ วรรค 9 ในคัมภีร์ไบเบิลบางฉบับแปล มียอห์น 7:53-8:11 อยู่ด้วย แต่จริง ๆ แล้วข้อคัมภีร์เหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของข้อความต้นฉบับของคัมภีร์ไบเบิล บางคนอ่านข้อเหล่านี้แล้วได้ข้อสรุปผิด ๆ ว่าเฉพาะคนที่ไม่มีบาปเท่านั้นสามารถตัดสินคนที่ทำผิดศีลธรรมทางเพศได้ แต่กฎหมายที่พระเจ้าให้ชาวอิสราเอลบอกว่า “ถ้าพบผู้ชายคนไหนมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของคนอื่น ต้องประหารชีวิตทั้งสองคน”—เฉลยธรรมบัญญัติ 22:22