บทความศึกษา 24
คุณไปถึงเป้าหมายได้
“ขอให้เราอย่าเลิกทำดี เพราะถ้าเราไม่ท้อในการทำดี เราจะเก็บเกี่ยวผลเมื่อถึงเวลา”—กท. 6:9
เพลง 84 รับใช้ให้มากขึ้น
ใจความสำคัญ a
1. พวกเราหลายคนเจอปัญหาอะไร?
คุณเคยตั้งเป้าหมายของคริสเตียนแต่ยังไปไม่ถึงเป้าหมายนั้นไหม? b ถ้าใช่ คุณก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นคนเดียว มีพี่น้องหลายคนที่เป็นเหมือนคุณ เช่น ฟีลิปอยากอธิษฐานให้ดีขึ้นและอธิษฐานบ่อยขึ้น แต่เขาก็รู้สึกว่าหาเวลาอธิษฐานได้ยากมาก ส่วนเอรีก้าก็อยากมาประชุมเพื่อการประกาศให้ทัน แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอก็ยังมาไม่ทัน โทมัชพยายามหลายครั้งแล้วที่จะอ่านคัมภีร์ไบเบิลให้จบทั้งเล่ม แต่เขาบอกว่า “ผมไม่ค่อยชอบอ่านคัมภีร์ไบเบิล ผมพยายามมา 3 ครั้งแล้ว และแต่ละครั้งก็อ่านถึงแค่หนังสือเลวีนิติแล้วก็จบแค่นั้น”
2. ทำไมเราไม่ควรท้อถ้าเรายังทำตามเป้าหมายไม่ได้?
2 ถ้าคุณมีเป้าหมายแต่ยังทำไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งคิดว่าคุณเป็นคนไม่เอาไหน การทำตามเป้าหมายแม้จะเป็นแค่เป้าหมายเล็ก ๆ ก็ต้องใช้ความพยายามและใช้เวลา การที่คุณยังอยากทำตามเป้าหมายก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคุณอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพระยะโฮวา และคุณถือว่าการสนิทกับพระองค์เป็นเรื่องสำคัญมาก พระยะโฮวาเห็นค่าที่คุณพยายาม พระองค์ไม่คาดหมายจากคุณมากกว่าที่คุณจะทำได้ (สด. 103:14; มคา. 6:8) ดังนั้น คุณต้องตั้งเป้าหมายที่คุณสามารถทำได้จริง แล้วคุณจะทำยังไงเพื่อจะทำตามเป้าหมายได้? ให้เรามาดูคำแนะนำบางอย่างด้วยกัน
แรงกระตุ้นเป็นสิ่งสำคัญ
3. ทำไมแรงกระตุ้นถึงสำคัญ?
3 แรงกระตุ้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คนที่มีแรงกระตุ้นจะอยากไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ เราอาจเปรียบแรงกระตุ้นเป็นเหมือนลมที่ทำให้เรือใบไปถึงจุดหมายปลายทาง ถ้ามีลมพัดตลอด นักเดินเรือก็จะไปถึงจุดหมายได้ และถ้ายิ่งลมพัดแรง เขาก็จะยิ่งไปถึงได้เร็วขึ้น เหมือนกันยิ่งเรามีแรงกระตุ้นเยอะ โอกาสที่เราจะทำได้สำเร็จก็ยิ่งมีเยอะ พี่น้องเดวิดจากเอลซัลวาดอร์บอกว่า “ถ้าคุณอยากทำอะไรสักอย่างมาก ๆ คุณก็จะพยายามมากขึ้นที่จะทำให้สำเร็จ และคุณจะไม่ยอมให้อะไรมาขวางเลย” แล้วเราจะทำยังไงเพื่อให้มีแรงกระตุ้นมากขึ้น?
4. เราอธิษฐานขออะไรได้? (ฟีลิปปี 2:13) (ดูภาพด้วย)
4 อธิษฐานขอให้มีแรงกระตุ้นมากขึ้น พระยะโฮวาสามารถให้พลังบริสุทธิ์กับคุณเพื่อจะช่วยให้คุณมีแรงกระตุ้นที่จะไปถึงเป้าหมาย (อ่านฟีลิปปี 2:13) บางครั้งที่เราตั้งเป้าหมายก็เพราะเรารู้ว่าเราควรทำและมันเป็นสิ่งที่ดี แต่จริง ๆ แล้วเราอาจไม่ค่อยอยากทำเท่าไหร่ พี่น้องหญิงที่ชื่อโนรีน่าจากยูกันดารู้สึกแบบนั้น เธอรู้สึกว่าตัวเองสอนไม่เก่งก็เลยไม่ค่อยอยากจะมีนักศึกษา แต่ก็ยังตั้งเป้าหมายที่จะทำอย่างนั้น โนรีน่าเล่าว่า “ฉันอธิษฐานขอพระยะโฮวาทุกวัน ขอพระองค์ช่วยฉันให้อยากมีนักศึกษา และฉันก็ทำอย่างที่อธิษฐานด้วย ฉันพยายามฝึกที่จะสอนคัมภีร์ไบเบิลให้เก่งขึ้น หลังจากนั้นแค่ไม่กี่เดือน ฉันก็รู้สึกอยากมากขึ้นที่จะมีนักศึกษา และในปีเดียวกันนั้นเองฉันก็เริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้ 2 ราย”
5. เราควรคิดใคร่ครวญเรื่องอะไรซึ่งจะช่วยให้เรามีแรงกระตุ้นที่จะทำตามเป้าหมายมากขึ้น?
5 คิดใคร่ครวญถึงสิ่งที่พระยะโฮวาทำเพื่อคุณ (สด. 143:5) อัครสาวกเปาโลคิดถึงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ที่พระยะโฮวาให้กับเขา เลยทำให้เขาอยากทุ่มเททำงานรับใช้พระองค์ (1 คร. 15:9, 10; 1 ทธ. 1:12-14) เหมือนกัน ยิ่งคุณคิดว่าพระยะโฮวาทำอะไรเพื่อคุณ มันก็ยิ่งทำให้คุณอยากไปให้ถึงเป้าหมายมากขึ้น (สด. 116:12) ให้เรามาดูว่าอะไรช่วยพี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ฮอนดูรัสให้ทำตามเป้าหมายที่จะเป็นไพโอเนียร์ประจำ เธอเล่าว่า “ฉันคิดบ่อย ๆ ว่าพระยะโฮวารักฉันมากขนาดไหน พระองค์พาฉันให้มาเจอคนของพระองค์ พระองค์คอยดูแลเอาใจใส่และปกป้องฉัน พอคิดแบบนี้ ฉันก็รู้สึกรักพระองค์มากขึ้น และทำให้ฉันอยากพยายามมากขึ้นที่จะเป็นไพโอเนียร์ประจำให้ได้”
6. มีอะไรอีกที่จะช่วยให้เรามีแรงกระตุ้นมากขึ้น?
6 ลองคิดว่าถ้าทำตามเป้าหมายจะได้ประโยชน์อะไร ให้เรามาดูตัวอย่างของเอรีก้าที่พูดถึงก่อนหน้านี้ เธอตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นคนตรงต่อเวลา แล้วอะไรช่วยเธอให้ทำอย่างนั้นได้สำเร็จ? เธอบอกว่า “ฉันไปประชุมเพื่อการประกาศสาย ฉันเลยพลาดอะไรดี ๆ ไปหลายอย่าง แต่ถ้าฉันไปถึงแต่เนิ่น ๆ ฉันก็จะมีโอกาสได้ทักพี่น้อง ได้พูดคุยกับพวกเขา และยังได้ฟังคำแนะนำ ดี ๆ ที่จะเอาไปใช้ในงานประกาศซึ่งทำให้ฉันรับใช้อย่างมีความสุขได้” เอรีก้าคิดว่าถ้าเธอตรงต่อเวลาจะได้ประโยชน์อะไร มันก็เลยทำให้เธอทำตามเป้าหมายได้ คุณนึกออกไหมว่าคุณจะได้ประโยชน์อะไรบ้างถ้าคุณทำตามเป้าหมายของคุณได้? ถ้าเป้าหมายของคุณคือการอ่านคัมภีร์ไบเบิลหรืออธิษฐาน ให้ลองคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยคุณให้สนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นขนาดไหน (สด. 145:18, 19) หรือถ้าเป้าหมายของคุณคือการพยายามมีคุณลักษณะแบบคริสเตียนเพิ่มขึ้น ลองคิดดูว่าถ้าคุณทำได้ มันจะช่วยให้คุณสนิทกับพี่น้องมากขึ้นแค่ไหน (คส. 3:14) ให้เขียนประโยชน์ทั้งหมดที่คุณจะได้ถ้าคุณทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ และให้กลับมาดูที่คุณจดไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อคุณจะมีแรงกระตุ้นให้ทำตามเป้าหมายได้ โทมัชที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่า “ยิ่งผมเห็นว่าผมได้ประโยชน์มากแค่ไหน มันก็ยิ่งทำให้ผมพยายามมากขึ้นที่จะทำให้ได้”
7. อะไรช่วยฮูลิโอ้กับภรรยาให้ทำตามเป้าหมายได้?
7 ใช้เวลากับคนที่สนับสนุนคุณ (สภษ. 13:20) ให้เรามาดูกันว่าอะไรช่วยฮูลิโอ้กับภรรยาให้ทำตามเป้าหมายที่จะรับใช้มากขึ้น ฮูลิโอ้เล่าว่า “เราพยายามเลือกคบกับเพื่อนที่จะช่วยให้เราทำตามเป้าหมายได้ และเราก็จะคุยเรื่องเป้าหมายของเราให้พวกเขาฟัง เพื่อน ๆ หลายคนเคยตั้งเป้าหมายเหมือนกันกับเราและพวกเขาก็ทำได้แล้ว พวกเขาก็เลยให้คำแนะนำดี ๆ กับเราได้ และเพื่อน ๆ ก็ชอบถามว่าเราทำตามเป้าหมายได้ถึงไหนแล้ว และพวกเขาก็จะให้กำลังใจเรา”
ถ้าเราไม่มีแรงกระตุ้นให้อยากทำ
8. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราพยายามทำตามเป้าหมายเฉพาะวันที่เราอยากทำเท่านั้น? (ดูภาพด้วย)
8 จริง ๆ แล้วต้องยอมรับว่าบางวันเราก็ไม่มีแรงกระตุ้นหรือไม่มีอารมณ์จะทำตามเป้าหมาย นี่หมายความว่าเราไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จเลยไหม? ไม่ใช่แบบนั้น ลองนึกถึงตัวอย่างของเรือใบอีกครั้ง ลมคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เรือใบไปถึงจุดหมายได้ แต่บางวันลมก็พัดแรง บางวันก็พัดเบา หรือบางวันอาจจะไม่มีลมเลยซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นนักเดินเรือจะไม่สามารถทำให้เรือแล่นไปข้างหน้าได้เลยไหม? ไม่ใช่ เรือบางลำอาจมีมอเตอร์ บางลำก็อาจมีไม้พาย นักเดินเรือจะใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อทำให้เรือไปถึงเป้าหมาย เราอาจเปรียบแรงกระตุ้นของเราเป็นเหมือนกับลม บางวันเราก็อาจมีแรงกระตุ้นมากหน่อยที่อยากจะทำตามเป้าหมาย บางวันก็อาจไม่มีเลย ถ้าเราทำตามเป้าหมายเฉพาะเมื่อเรามีแรงกระตุ้นเท่านั้น เราก็อาจไม่มีวันไปถึงเป้าหมายของเราได้ ดังนั้น เหมือนกับนักเดินเรือที่หาวิธีอื่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย เราก็ต้องพยายามหาทางที่จะทำตามเป้าหมายของเราต่อไปแม้วันนั้นเราจะไม่อยากทำ ถึงมันจะไม่ง่ายและเราต้องมีวินัยกับตัวเอง แต่มันก็คุ้มจริง ๆ ก่อนที่เราจะคุยกันว่าเราต้องทำยังไง ให้เรามาดูคำถามหนึ่งที่อาจเกิดขึ้น
9. ผิดไหมที่เราจะพยายามไปถึงเป้าหมายแม้ว่าเราอาจไม่ค่อยอยากทำ? ขอยกตัวอย่าง
9 พระยะโฮวาอยากให้เรารับใช้พระองค์อย่างมีความสุขและเต็มใจที่จะทำอย่างนั้น (สด. 100:2; 2 คร. 9:7) แต่ถ้าเราไม่ค่อยอยากทำตามเป้าหมายของคริสเตียนล่ะ เรายังต้องพยายามอยู่ไหม? ให้เรามาดูตัวอย่างของอัครสาวกเปาโลด้วยกัน เปาโลบอกว่า “ผมฝึกฝนร่างกายอย่างหนักจนควบคุมได้เหมือนควบคุมทาส” (1 คร. 9:25-27) เปาโลบังคับตัวเองให้ทำสิ่งที่ถูกต้องแม้บางครั้งเขาไม่อยากทำ และพระยะโฮวาดีใจไหมที่เปาโลทำเพื่อพระองค์? แน่นอน พระยะโฮวาให้รางวัลกับเขา—2 ทธ. 4:7, 8
10. เราจะได้ประโยชน์อะไรบ้างถ้าเราพยายามทำตามเป้าหมายแม้เราไม่ค่อยอยากทำ?
10 เหมือนกับตัวอย่างของเปาโล พระยะโฮวาจะดีใจถ้าเราพยายามทำตามเป้าหมายแม้เราไม่ค่อยอยากทำ เพราะพระองค์รู้ว่าถึงเราไม่ได้ชอบที่จะทำสิ่งนั้น แต่เราก็ทำเพราะเรารักพระองค์ พระยะโฮวาจะอวยพรเราเหมือนที่พระองค์อวยพรเปาโล (สด. 126:5) แล้วพอเราได้พรจากพระยะโฮวา เราก็อาจรู้สึกมีแรงกระตุ้นมากขึ้นที่จะทำ พี่น้องหญิงจากโปแลนด์ที่ชื่อลูซีน่าบอกว่า “บางครั้งฉันก็ไม่อยากออกประกาศโดยเฉพาะตอนที่ฉันรู้สึกเหนื่อย แต่พอได้ทำ ฉันก็มีความสุขมากและรู้สึกว่านี่แหละเป็นของขวัญจากพระยะโฮวาที่สุดยอดไปเลย” ทีนี้ให้เรามาดูกันว่าเราจะทำอะไรได้บ้างถ้าเราไม่มีแรงกระตุ้นให้อยากทำ
11. พระยะโฮวาจะช่วยเราให้ควบคุมตัวเองมากขึ้นได้ยังไง?
11 อธิษฐานขอให้ควบคุมตัวเองได้ การควบคุมตัวเองมักจะหมายถึงการควบคุมตัวเราเองไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ดี แต่ก็ยังหมายถึงการบังคับตัวเองให้ทำสิ่งที่ดีด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากหรือเราอาจไม่ค่อยอยากทำ จำไว้ว่าการควบคุมตัวเองเป็นผลที่เกิดจากพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้า ดังนั้น ให้คุณขอพลังบริสุทธิ์จากพระยะโฮวาเพื่อจะช่วยให้คุณมีคุณลักษณะที่สำคัญนี้มากขึ้น (ลก. 11:13; กท. 5:22, 23) พี่น้องเดวิดซึ่งพูดถึงก่อนหน้านี้ตั้งเป้าหมายอยากจะศึกษาส่วนตัวเป็นประจำมากขึ้น เขาบอกว่าการอธิษฐานช่วยเขาได้มาก เขาเล่าว่า “ผมขอพระยะโฮวาช่วยผมให้ควบคุมตัวเอง และเพราะพระองค์ช่วย ผมก็เลยสามารถจัดตารางศึกษาส่วนตัวอย่างดีและทำได้อย่างสม่ำเสมอ”
12. หลักการที่ปัญญาจารย์ 11:4 ช่วยเราให้ทำตามเป้าหมายได้ยังไง?
12 อย่ารอจนทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยทำ เราอยู่ในโลกของซาตาน ไม่มีทางที่ชีวิตจะไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ถ้าเรารอจนทุกอย่างพร้อม เราอาจไม่มีทางที่จะไปถึงเป้าหมายได้ (อ่านปัญญาจารย์ 11:4) พี่น้องชายที่ชื่อเดนเนียลบอกว่า “ถ้ารอให้ทุกอย่างพร้อมก่อน เราคงไม่มีวันได้ลงมือทำอะไรสักที ถ้าเราอยากทำอะไรก็ให้เริ่มเลย ไม่ต้องรอ” พี่น้องพอลในยูกันดาพูดถึงอีกเหตุผลหนึ่งที่เราไม่ควรผัดวันประกันพรุ่ง เขาบอกว่า “ถ้าเราเริ่มลงมือทำเลยแม้จะมีอุปสรรค เราก็ทำให้พระยะโฮวามีเหตุผลที่จะอวยพรเรา”—มลค. 3:10
13. การเริ่มจากจุดเล็ก ๆ มีข้อดีอะไร?
13 เริ่มจากจุดเล็ก ๆ บางทีเราอาจไม่มีแรงกระตุ้นที่อยากจะทำตามเป้าหมายก็เพราะเป้าหมายเราดูเหมือนทำได้ยากมาก ถ้าคุณรู้สึกแบบนั้นก็ลองเริ่มจากอะไรที่เล็ก ๆ และไม่ยากเกินไปก่อน ถ้าเป้าหมายของคุณคือการพยายามมีคุณลักษณะที่ดีแบบคริสเตียน ลองตั้งเป้าหมายว่าคุณจะแสดงคุณลักษณะนี้ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนได้ไหม หรือถ้าคุณตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านคัมภีร์ไบเบิลให้จบทั้งเล่ม ก็ให้เริ่มจากจัดเวลาอ่านให้สั้นลงและอ่านเป็นประจำ พี่น้องโทมัชที่พูดถึงตอน ต้นบทความรู้สึกว่าการอ่านคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่มให้จบภายใน 1 ปีเป็นเรื่องที่ยากมาก เขาบอกว่า “ผมรู้สึกว่าเป้าหมายการอ่านคัมภีร์ไบเบิลให้จบทั้งเล่มภายใน 1 ปีมันทำให้ผมต้องอ่านเร็วมาก มันก็เลยยากเกินไปสำหรับผม ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ คราวนี้ผมตั้งใจว่าจะอ่านแค่ไม่กี่ข้อทุกวันและคิดใคร่ครวญด้วย ตอนนี้ผมเริ่มชอบอ่านคัมภีร์ไบเบิลแล้วครับ” พอโทมัชชอบอ่านคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น เขาก็เลยใช้เวลาอ่านนานขึ้น และในที่สุดเขาก็สามารถอ่านคัมภีร์ไบเบิลได้จบทั้งเล่ม c
อย่าท้อถ้าทำตามเป้าหมายไม่ได้สักที
14. อะไรอาจทำให้เราทำตามเป้าหมายไม่ได้สักที?
14 ไม่ว่าเราจะมีแรงกระตุ้นที่อยากจะทำตามเป้าหมายมากขนาดไหนหรือเราเป็นคนมีวินัยมากแค่ไหน อาจมีบางอย่างที่ทำให้เราทำตามเป้าหมายไม่ได้สักที เช่น “เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด” อาจทำให้ใจเราไม่จดจ่ออยู่กับเป้าหมายและไม่มีเวลาที่จะทำอย่างที่ตั้งใจไว้ (ปญจ. 9:11) หรือเราอาจเจอปัญหาที่ทำให้เรารู้สึกท้อและหมดแรง (สภษ. 24:10) หรือเพราะการที่เราเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ เราเลยอาจทำผิดพลาดจนทำให้เราทำตามเป้าหมายไม่ได้ (รม. 7:23) หรือเราอาจแค่รู้สึกเหนื่อย (มธ. 26:43) แล้วอะไรจะช่วยเราได้?
15. ถ้าเรายังทำตามเป้าหมายไม่ได้สักที ทำไมเราไม่ควรเลิกล้มความตั้งใจ? (สดุดี 145:14)
15 จำไว้ว่าถึงคุณยังทำตามเป้าหมายไม่ได้สักทีก็อย่าเพิ่งเลิกล้มความตั้งใจ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเราอาจต้องเจอปัญหาหลายอย่างและอาจล้มซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็บอกด้วยว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราให้ลุกขึ้นและไปถึงเป้าหมายได้ (อ่านสดุดี 145:14) ฟีลิปที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่า “ความสำเร็จของผมขึ้นอยู่กับว่าผมลุกขึ้นมาได้กี่ครั้ง ไม่ใช่ว่าผมล้มไปแล้วกี่ครั้ง” ส่วนเดวิดที่พูดถึงก่อนหน้านี้ก็บอกว่า “ผมพยายามที่จะไม่มอง วันแย่ ๆ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ผมทำตามเป้าหมายไม่ได้ว่ามันเป็นอุปสรรค แต่ผมจะมองว่ามันเป็นโอกาสที่แสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าผมรักพระองค์มากแค่ไหน” ถ้าคุณยังพยายามต่อ ๆ ไปที่จะไปให้ถึงเป้าหมายแม้มันจะยากมาก คุณก็กำลังแสดงให้เห็นว่าคุณอยากทำให้พระยะโฮวามีความสุข และลองคิดดูว่าพระองค์จะภูมิใจขนาดไหนที่เห็นคุณทำอย่างนั้น
16. การทำตามเป้าหมายไม่ได้คือบทเรียนยังไงสำหรับเรา?
16 มองว่าการทำตามเป้าหมายไม่ได้คือบทเรียน ลองคิดดูว่าอะไรทำให้คุณไปไม่ถึงเป้าหมาย แล้วลองถามตัวเองว่า ‘ฉันต้องทำอะไรเพื่อจะไม่ทำเหมือนเดิมอีก?’ (สภษ. 27:12) แต่บางครั้งการที่เราทำตามเป้าหมายไม่ได้อาจเป็นเพราะเราไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณอาจเป็นแบบนั้น ก็ลองคิดถึงเป้าหมายของคุณดี ๆ อีกครั้งว่าคุณยังจะทำได้จริง ๆ ไหมในสภาพการณ์ของคุณตอนนี้ d ถ้าเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ไกลเกินไปที่คุณจะไปถึง แล้วทำให้คุณต้องเปลี่ยนเป้าหมาย พระยะโฮวาเข้าใจคุณและพระองค์จะไม่มองว่าคุณเป็นคนไม่เอาไหน—2 คร. 8:12
17. ทำไมเราต้องไม่ลืมสิ่งที่เราทำสำเร็จไปแล้ว?
17 อย่าลืมสิ่งที่คุณทำสำเร็จไปแล้ว คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “พระเจ้าไม่ทำสิ่งที่ชั่ว พระองค์จึงไม่มีวันลืมงานที่พวกคุณทำ” (ฮบ. 6:10) ดังนั้น คุณก็อย่าลืมสิ่งที่คุณทำสำเร็จไปแล้วด้วย คุณมีหลายอย่างที่ทำสำเร็จไปแล้วใช่ไหม? เช่น คุณได้สนิทกับพระยะโฮวา ได้บอกคนอื่นเกี่ยวกับพระองค์ และได้รับบัพติศมา ถ้าคุณเคยตั้งเป้าหมายคริสเตียนและทำสำเร็จไปแล้ว คุณก็สามารถก้าวหน้าต่อ ๆ ไปจนถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ตอนนี้ได้แน่นอน—ฟป. 3:16
18. ตอนที่เราพยายามไปให้ถึงเป้าหมายเราต้องทำอะไรด้วย? (ดูภาพด้วย)
18 เหมือนกับนักเดินเรือที่ไปถึงเป้าหมายได้ คุณก็ทำตามเป้าหมายได้แน่ถ้าคุณให้พระยะโฮวาช่วย นอกจากนั้น เหมือนกับที่นักเดินเรือมีความสุขกับวิวทิวทัศน์ระหว่างเดินทาง ให้คุณพยายามสังเกตว่าพระยะโฮวากำลังช่วยคุณและอวยพรคุณยังไง ถ้าทำอย่างนั้นคุณจะมีความสุขระหว่างที่คุณพยายามไปให้ถึงเป้าหมาย (2 คร. 4:7) และถ้าคุณไม่ยอมแพ้คุณจะได้รับพรมากมายหลายเท่า—กท. 6:9
เพลง 126 ให้ตื่นตัว มั่นคง และเข้มแข็ง
a องค์การของเรามักจะสนับสนุนให้เราตั้งเป้าหมาย แต่ถ้าเราตั้งเป้าหมายแล้วแต่ยังไปไม่ถึงสักที เราจะทำยังไง? บทความนี้มีคำแนะนำที่จะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายของเราได้
b อธิบายคำศัพท์ เป้าหมายของคริสเตียนอาจจะเป็นอะไรก็ได้ที่คุณพยายามทำให้ดีขึ้นหรือพยายามทำให้ได้เพื่อจะรับใช้พระยะโฮวาได้เต็มที่มากขึ้นและทำให้พระองค์มีความสุข ตัวอย่างเช่น คุณอาจตั้งเป้าที่จะมีคุณลักษณะแบบคริสเตียนเพิ่มขึ้น หรือทำบางอย่างเกี่ยวกับการนมัสการให้ดีขึ้น เช่น การอ่านคัมภีร์ไบเบิล ศึกษาส่วนตัว หรืองานรับใช้
c ดูหนังสือการรับประโยชน์จากโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้า หน้า 10-11 วรรค 4
d ดูข้อมูลเพิ่มเติมในบทความ “จงคาดหมายอย่างสมเหตุผลและชื่นชมยินดี” ในหอสังเกตการณ์ 15 กรกฎาคม 2008