บทความศึกษา 3
ชนฝูงใหญ่ยกย่องสรรเสริญพระเจ้าและพระคริสต์
“ความรอดมาจากพระเจ้าของเราผู้นั่งบนบัลลังก์ และมาจากลูกแกะของพระองค์”—วว. 7:10
เพลง 14 สรรเสริญกษัตริย์องค์ใหม่ที่ปกครองโลก
ใจความสำคัญ *
1. คำบรรยายที่การประชุมใหญ่ในปี 1935 มีผลอย่างไรกับวัยรุ่นคนหนึ่ง?
มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล * พวกเขามีลูกชาย 3 คน ลูกสาว 2 คน พวกเขาพยายามเลี้ยงลูกให้รักพระยะโฮวาและเลียนแบบพระเยซู ในปี 1926 ลูกชายคนหนึ่งของพวกเขารับบัพติศมาตอนอายุ 18 ตอนนั้นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลทุกคนกินขนมปังและเหล้าองุ่นในการประชุมอนุสรณ์รวมทั้งวัยรุ่นคนนี้ด้วย แต่พอถึงปี 1935 พี่น้องโจเซฟ เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ดได้บรรยายเรื่อง “มหาชนหมู่ใหญ่” ที่การประชุมใหญ่ในวอชิงตัน ดี. ซี. สหรัฐอเมริกา หลังจากที่วัยรุ่นคนนี้ได้ฟังคำบรรยายนี้ความหวังของเขาก็เปลี่ยนไป มีการพูดถึงความจริงสำคัญอะไรที่การประชุมนั้น?
2. พี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดอธิบายความจริงที่น่าตื่นเต้นอะไร?
2 ในคำบรรยายนั้นพี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดอธิบายว่า “มหาชนหมู่ใหญ่” หรือ “ชนฝูงใหญ่” ที่พูดถึงในวิวรณ์ 7:9 เป็นใคร นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเคยเข้าใจว่าชนฝูงใหญ่เป็นชนฝ่ายสวรรค์อันดับรอง พวกเขาจะได้ขึ้นสวรรค์แต่จะไม่ได้ปกครองกับพระเยซูเพราะพวกเขาซื่อสัตย์น้อยกว่า แต่พี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดได้ใช้ข้อคัมภีร์หลายข้อเพื่ออธิบายว่าจริง ๆ แล้วชนฝูงใหญ่ไม่ได้ถูกเลือกให้ไปสวรรค์ แต่พวกเขาเป็นแกะอื่น *ของพระ คริสต์ที่จะผ่าน “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” และมีชีวิตตลอดไปบนโลก (วว. 7:14) พระเยซูเคยบอกว่า “ผมยังมีแกะอื่นที่ไม่ได้อยู่ในคอกนี้ ผมต้องพาแกะพวกนั้นเข้ามาด้วย แกะพวกนั้นจะฟังเสียงของผม ทั้งหมดจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีคนเลี้ยงคนเดียว” (ยน. 10:16) คนที่เป็นเหมือนแกะเหล่านี้คือพยานที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาที่มีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปในสวนอุทยานบนโลก (มธ. 25:31-33, 46) ให้เรามาดูว่าความเข้าใจใหม่นี้ได้เปลี่ยนชีวิตคนของพระเจ้าหลายคนอย่างไรซึ่งรวมถึงวัยรุ่นคนนั้นด้วย—สด. 97:11; สภษ. 4:18
ความเข้าใจใหม่เปลี่ยนชีวิตคนเป็นหมื่น
3-4. การประชุมใหญ่ในปี 1935 ช่วยให้คนเป็นหมื่นรู้อะไรเกี่ยวกับความหวังของพวกเขา?
3 และแล้วก็ถึงช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมาก พี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดบอกผู้ฟังว่า “ใครที่มีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปบนโลก ขอให้ยืนขึ้นครับ” พี่น้องคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นบอกว่ามีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 20,000 คน แต่มีมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ยืนขึ้น แล้วพี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดก็ประกาศว่า “ดูสิ มหาชนหมู่ใหญ่!” แล้วคนที่อยู่ในห้องประชุมในวันนั้นก็ส่งเสียงดีใจกันใหญ่ คนที่ยืนขึ้นรู้ว่าพระยะโฮวาไม่ได้เลือกพวกเขาให้ไปสวรรค์และไม่ได้เจิมพวกเขาด้วยพลังบริสุทธิ์ วันต่อมามี 840 คนรับบัพติศมาและส่วนใหญ่ก็เป็นแกะอื่น
4 หลังจากที่ได้ฟังคำบรรยายของพี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ด วัยรุ่นคนนั้นและคนอีกเป็นหมื่นก็ไม่กินขนมปังและเหล้าองุ่นในการประชุมอนุสรณ์อีกต่อไป หลายคนรู้สึกเหมือนกับพี่น้องชายคนหนึ่งที่พูดด้วยความถ่อมว่า “การประชุมอนุสรณ์ปี 1935 เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมกินเครื่องหมาย ผมรู้ว่าพระยะโฮวาไม่ได้เลือกผมให้ไปสวรรค์และไม่ได้เจิมผมด้วยพลังบริสุทธิ์ แต่ผมมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปบนโลกและช่วยทำให้โลกนี้เป็นสวนอุทยาน” (รม. 8:16, 17; 2 คร. 1:21, 22) ตั้งแต่ตอนนั้น ชนฝูงใหญ่ก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และพวกเขาก็ทำงานร่วมกันกับผู้ถูกเจิมที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก
5. พระยะโฮวาคิดอย่างไรกับคนที่เลิกกินขนมปังและเหล้าองุ่นในการประชุมอนุสรณ์?
5 พระยะโฮวาคิดอย่างไรกับคนที่เลิกกินขนมปังและเหล้าองุ่นในการประชุมอนุสรณ์หลังจากปี 1935? และถ้าตอนนี้มีพี่น้องที่เคยกินขนมปังและเหล้าองุ่น แต่ทีหลังก็เลิกกินเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ถูกเจิม พระยะโฮวาจะคิดอย่างไรกับพวกเขา? (1 คร. 11:28) พวกเขาบางคนกินขนมปังและเหล้าองุ่นเพราะพวกเขาเข้าใจผิดว่าจะได้ไปสวรรค์ แต่ถ้าพวกเขายอมรับว่าพวกเขาทำผิด เลิกกินขนมปังและเหล้าองุ่น และตั้งใจรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไป พระยะโฮวาก็จะยอมรับพวกเขาว่าเป็นแกะอื่นแน่นอน ถึงต่อไปนี้พวกเขาจะไม่ได้กินขนมปังและเหล้าองุ่น แต่พวกเขาก็ไปประชุมอนุสรณ์ เพราะพวกเขาเห็นค่าสิ่งที่พระยะโฮวาและพระเยซูทำเพื่อพวกเขา
ความหวังที่พิเศษจริง ๆ
6. พระเยซูสั่งพวกทูตสวรรค์ให้ทำอะไร?
6 อีกไม่นานความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เราคงได้กำลังใจถ้าจะมาดูว่าวิวรณ์บท 7 พูดถึงอะไรอีกเกี่ยวกับผู้ถูกเจิมและชนฝูงใหญ่ที่เป็นส่วนหนึ่งของแกะอื่น พระเยซูสั่งพวกทูตสวรรค์ให้ห้ามลมจาก 4 ทิศไม่ให้ทำความเสียหายกับโลกจน กว่าผู้ถูกเจิมทุกคนจะถูกประทับตราซึ่งเป็นการรับรองขั้นสุดท้ายจากพระยะโฮวา (วว. 7:1-4) เพราะพวกผู้ถูกเจิมซื่อสัตย์ พวกเขาจะได้รางวัลที่จะเป็นกษัตริย์และปุโรหิตในสวรรค์ (วว. 20:6) พระยะโฮวาและครอบครัวของพระองค์ส่วนที่อยู่บนสวรรค์ตั้งตารอคอยที่จะได้เห็นผู้ถูกเจิม 144,000 คนได้รับรางวัลของพวกเขา
7. จากวิวรณ์ 7:9, 10 ยอห์นเห็นใครในนิมิต? และพวกเขากำลังทำอะไร? (ดูภาพหน้าปก)
7 หลังจากยอห์นพูดถึงกษัตริย์และปุโรหิต 144,000 คน เขาเห็น “ชนฝูงใหญ่” ที่รอดผ่านอาร์มาเกดโดน คนกลุ่มนี้ไม่เหมือนกับคนกลุ่มแรก เพราะคนกลุ่มนี้ใหญ่กว่าคนกลุ่มแรกมาก และเราก็ไม่รู้ว่าพวกเขามีจำนวนเท่าไหร่ (อ่านวิวรณ์ 7:9, 10) พวกเขา “สวมเสื้อคลุมยาวสีขาว” ซึ่งแสดงว่าพวกเขาภักดีต่อพระเจ้าและพระคริสต์ และ “รักษาตัวไม่ให้มีด่างพร้อย” จากโลกของซาตาน (ยก. 1:27) ชนฝูงใหญ่ตะโกนว่าความรอดที่พวกเขาได้รับมาจากสิ่งที่พระยะโฮวาและพระเยซูลูกแกะของพระองค์ทำ ตอนนั้นพวกเขายัง “ถือใบปาล์ม” ด้วยซึ่งแสดงว่าพวกเขาดีใจและยอมรับว่าพระเยซูเป็นกษัตริย์ที่พระยะโฮวาแต่งตั้ง—เทียบกับยอห์น 12:12, 13
8. วิวรณ์ 7:11, 12 บอกอะไรเราเกี่ยวกับครอบครัวของพระยะโฮวาส่วนที่อยู่บนสวรรค์?
8 อ่านวิวรณ์ 7:11, 12 ยอห์นเห็นครอบครัวของพระยะโฮวาส่วนที่อยู่บนสวรรค์ดีใจมากและสรรเสริญพระเจ้าตอนที่พวกเขาเห็นชนฝูงใหญ่ ในอนาคตพวกเขาจะมีความสุขมากที่ได้เห็นนิมิตนี้เกิดขึ้นจริงตอนที่ชนฝูงใหญ่รอดผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่
9. จากวิวรณ์ 7:13-15 ชนฝูงใหญ่กำลังทำอะไรตอนนี้?
9 อ่านวิวรณ์ 7:13-15 ยอห์นเขียนว่าชนฝูงใหญ่ได้ “ซักเสื้อคลุมของตัวเองและทำให้ขาวด้วยเลือดของลูกแกะของพระเจ้า” นี่หมายความว่าพวกเขามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่สะอาด และพระเจ้าพอใจในตัวพวกเขา (อสย. 1:18) พวกเขาเป็นคริสเตียนที่อุทิศตัวและรับบัพติศมาแล้วซึ่งมีสายสัมพันธ์กับพระยะโฮวาและแสดงให้เห็นชัดว่ามีความเชื่อในค่าไถ่ของพระเยซู (ยน. 3:36; 1 ปต. 3:21) พวกเขาเลยยืนอยู่หน้าบัลลังก์ของพระยะโฮวาและ “ทำงานรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์ให้พระองค์ทั้งวันทั้งคืน” บนโลกได้ ตอนนี้ส่วนใหญ่แล้วคนที่ประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าและสอนคนให้เป็นสาวกก็คือชนฝูงใหญ่ พวกเขาทำงานนี้อย่างกระตือรือร้นและให้รัฐบาลของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต—มธ. 6:33; 24:14; 28:19, 20
10. ชนฝูงใหญ่มั่นใจเรื่องอะไร? และพวกเขาจะได้เห็นคำสัญญาอะไรเกิดขึ้นจริง?
10 ชนฝูงใหญ่ที่รอดผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะดูแลพวกเขาต่อ ๆ ไปเพราะ “พระองค์ผู้นั่งบนบัลลังก์นั้นจะกางเต็นท์ของพระองค์ปกป้องพวกเขา” แกะอื่นรอคอยเวลาที่จะได้เห็นคำสัญญาของพระเจ้าเกิดขึ้นจริงที่บอกว่า “พระเจ้าจะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้าหรือเสียงร้องไห้เสียใจหรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย”—วว. 21:3, 4
11-12. (ก) จากวิวรณ์ 7:16, 17 ชนฝูงใหญ่จะได้รับพรอะไรในอนาคต? (ข) แกะอื่นสามารถทำอะไรได้ในการประชุมอนุสรณ์? และอะไรกระตุ้นให้พวกเขาทำอย่างนั้น?
11 อ่านวิวรณ์ 7:16, 17 ตอนนี้คนของพระยะโฮวา หลายคนต้องหิวโหยและไม่มีเงินพอที่จะซื้ออาหารเพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจหรือสงคราม ส่วนอีกหลายคนก็ต้องติดคุกเพราะความเชื่อ แต่พวกเขาที่เป็นชนฝูงใหญ่รู้สึกตื่นเต้นเพราะรู้ว่าหลังจากที่พวกเขารอดผ่านการทำลายโลกชั่วนี้ไปแล้ว พวกเขาจะมีอาหารมากมายรวมทั้งความรู้จากพระยะโฮวาด้วย ตอนที่พระยะโฮวาทำลายโลกชั่วของซาตาน พระองค์จะแสดงความโกรธที่เป็นเหมือน “ความร้อน” กับชาติต่าง ๆ แต่พระองค์จะไม่ทำแบบนั้นกับชนฝูงใหญ่ หลังจากความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จบลง พระเยซูจะพาคนที่รอดไปที่ “น้ำที่ให้ชีวิต [ตลอดไป]” ลองคิดดูสิว่าชนฝูงใหญ่มีความหวังที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหน ในจำนวนผู้คนเป็นพัน ๆ ล้านคนที่เคยมีชีวิตอยู่ มีเฉพาะชนฝูงใหญ่เท่านั้นที่มีโอกาสที่จะไม่ต้องตายเลย—ยน. 11:26
12 แกะอื่นรู้สึกขอบคุณพระยะโฮวาและพระเยซูมากสำหรับความหวังที่ยอดเยี่ยม ถึงพวกเขาจะไม่ได้ถูกเลือกให้ไปสวรรค์แต่พระยะโฮวาก็ไม่ได้รักพวกเขาน้อยกว่าหรือมองว่าพวกเขาสำคัญน้อยกว่า ทั้งผู้ถูกเจิมและแกะอื่นสามารถยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาและพระคริสต์ได้ และวิธีหนึ่งที่พวกเขาทำก็คือไปประชุมอนุสรณ์
ยกย่องสรรเสริญพระเจ้าและพระคริสต์สุดหัวใจในการประชุมอนุสรณ์
13-14. ทำไมทั้งผู้ถูกเจิมและแกะอื่นควรไปประชุมอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงการเสียชีวิตของพระเยซู?
13 ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ในทุก 1,000 คนที่เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์จะมีประมาณ 1 คนที่กินขนมปังและเหล้าองุ่น ประชาคมส่วนใหญ่ไม่มีคนที่กินขนมปังและเหล้าองุ่นเลย คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์มีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปบนโลก แล้วทำไมพวกเขายังไปประชุมอนุสรณ์อยู่ล่ะ? เหตุผลก็เหมือนกับคนที่ไปงานแต่งของเพื่อนเขานั่นแหละ ที่เขาไปก็เพราะเขารักคู่บ่าวสาวและอยากจะสนับสนุนพวกเขา เหมือนกันแกะอื่นไปประชุมอนุสรณ์เพราะพวกเขาอยากแสดงว่ารักและสนับสนุนพระเยซูกับผู้ถูกเจิม นอกจากนั้น พวกเขายังไปประชุมอนุสรณ์เพราะพวกเขาอยากแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเห็นค่าค่าไถ่ของพระเยซูที่ทำให้พวกเขามีชีวิตตลอดไปบนโลกได้
1 คร. 11:23-26) ดังนั้นแกะอื่นจะไปประชุมอนุสรณ์เรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่มีผู้ถูกเจิมเหลืออยู่บนโลก และพวกเขาก็ยังเชิญหลายคนให้มาเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ด้วย
14 อีกเหตุผลหนึ่งที่แกะอื่นไปประชุมอนุสรณ์ก็คือ พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซู ตอนที่พระเยซูตั้งการประชุมอนุสรณ์ครั้งแรกกับอัครสาวกที่ซื่อสัตย์ ท่านบอกพวกเขาว่า “ให้ทำอย่างนี้ต่อ ๆ ไปเพื่อระลึกถึงผม” (15. เราจะยกย่องสรรเสริญพระเจ้าและพระคริสต์ในการประชุมอนุสรณ์อย่างไร?
15 ในการประชุมอนุสรณ์เรามีโอกาสที่จะยกย่องสรรเสริญพระเจ้าและพระคริสต์ด้วยการร้องเพลงและอธิษฐานด้วยกัน หัวเรื่องคำบรรยายการประชุมอนุสรณ์ปีนี้คือ “แสดงความขอบคุณในสิ่งที่พระเจ้าและพระคริสต์ทำเพื่อคุณ” คำบรรยายนี้จะช่วยให้เรารู้สึกขอบคุณพระยะโฮวาและพระเยซูมากขึ้น ช่วงที่มีการส่งผ่านขนมปังและเหล้าองุ่น เราจะได้มีโอกาสคิดถึงร่างกายและเลือดของพระเยซู และจะได้คิดถึงความรักที่พระยะโฮวาแสดงต่อเราโดยสละลูกชายมาตายแทนเราเพื่อเราจะได้ชีวิต (มธ. 20:28) ทุกคนที่รักพ่อในสวรรค์และลูกชายของพระองค์จะอยากเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์
ขอบคุณพระยะโฮวาสำหรับความหวังที่พระองค์ให้กับเรา
16. ผู้ถูกเจิมกับแกะอื่นมีอะไรที่เหมือนกันบ้าง?
16 ถึงผู้ถูกเจิมกับแกะอื่นจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน แต่พระยะโฮวาก็รักพวกเขาไม่ต่างกันเลย พวกเขามีค่าเท่ากันในสายตาของพระองค์ เรารู้ว่าเป็นอย่างนี้เพราะพระยะโฮวาซื้อชีวิตของผู้ถูกเจิมและแกะอื่นด้วยค่าไถ่เดียวกัน ซึ่งก็คือชีวิตของลูกชายที่พระองค์รักมาก สิ่งที่ทำให้คนสองกลุ่มนี้ต่างกันก็คือความหวังที่พวกเขามี แต่ยังไงพวกเขาก็ต้องรักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าต่อ ๆ ไป (สด. 31:23) และอย่าลืมว่า พระยะโฮวาให้พลังบริสุทธิ์กับทุกคนเหมือนกันตามความจำเป็นของแต่ละคน ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ถูกเจิมหรือแกะอื่น
17. ผู้ถูกเจิมที่ยังมีชีวิตอยู่รอคอยอะไร?
17 คริสเตียนผู้ถูกเจิมไม่ได้มีความหวังที่จะไปสวรรค์ตั้งแต่เกิด พระยะโฮวาเป็นผู้ที่ใส่ความหวังนี้ไว้ในหัวใจของพวกเขาทีหลัง พวกเขาคิดถึงความหวังของพวกเขา อธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตั้งตาคอยที่จะได้รับรางวัลในสวรรค์ ถึงพวกเขาจะไม่รู้ว่าร่างกายในสวรรค์ของพวกเขาจะเป็นแบบไหน แต่พวกเขารอคอยที่จะได้เจอพระยะโฮวา พระเยซู พวกทูตสวรรค์ และผู้ถูกเจิมฟป. 3:20, 21; 1 ยน. 3:2
คนอื่น ๆ และพวกเขาก็รอคอยที่จะปกครองในรัฐบาลของพระเจ้าในสวรรค์—18. แกะอื่นรอคอยอะไร?
18 แกะอื่นรอคอยที่จะมีชีวิตตลอดไปบนโลก ซึ่งปกติมนุษย์ก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว (ปญจ. 3:11) พวกเขารอคอยตอนที่จะได้ช่วยกันเปลี่ยนทั้งโลกให้เป็นสวนอุทยานที่สวยงาม พวกเขาจะได้สร้างบ้านของตัวเอง จะทำสวนสวย ๆ จะได้เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน แล้วตอนนั้นทุกคนจะมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง (อสย. 65:21-23) พวกเขาคิดถึงเวลาที่จะได้สำรวจโลกและได้ไปเที่ยวหลาย ๆ ที่ ได้เข้าป่า ขึ้นภูเขา ลงทะเล และได้ศึกษาสิ่งที่พระเจ้าสร้างซึ่งมีมากมายมหาศาล และสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขที่สุดก็คือ พวกเขาจะได้ใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
19. เราทุกคนมีโอกาสที่จะทำอะไรในการประชุมอนุสรณ์? และการประชุมอนุสรณ์จะจัดขึ้นเมื่อไหร่ในปีนี้?
19 พระยะโฮวาให้ผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแล้วทุกคนของพระองค์มีความหวังในอนาคตที่ยอดเยี่ยม (ยรม. 29:11) การประชุมอนุสรณ์เปิดโอกาสให้เรายกย่องสรรเสริญพระเจ้าและพระคริสต์สำหรับสิ่งที่พระองค์ทั้งสองทำเพื่อเราจะมีความสุขกับชีวิตที่ไม่สิ้นสุด นี่เป็นการประชุมที่สำคัญที่สุดของคริสเตียนแท้ การประชุมอนุสรณ์ปีนี้จะจัดขึ้นหลังดวงอาทิตย์ตกในวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม 2021 หลายคนจะเข้าร่วมการประชุมนี้ได้อย่างไม่มีอุปสรรค ส่วนบางคนไปประชุมทั้ง ๆ ที่ถูกต่อต้าน และจะมีบางคนที่จะประชุมอนุสรณ์ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ในคุก ไม่ว่าจะประชุมแบบไหน ให้เราจำไว้ว่าพระยะโฮวา พระเยซู ทูตสวรรค์ และผู้ถูกเจิมที่ฟื้นขึ้นจากตายแล้วจะคอยดูเรา ขอให้เราทุกคน ทุกประชาคม ทุกกลุ่ม ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม ประชุมอนุสรณ์กันอย่างมีความสุข
เพลง 150 ขอให้มาหาพระเจ้าเพื่อจะรอด
^ วรรค 5 วันที่ 27 มีนาคม 2021 เป็นวันที่พิเศษมากสำหรับพยานพระยะโฮวา ในคืนนั้นเราจะเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงการเสียชีวิตของพระเยซู คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการประชุมในวันนั้นอยู่ในกลุ่มที่พระเยซูเรียกว่า “แกะอื่น” ในบทความนี้เราจะได้คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ในปี 1935 พยานพระยะโฮวาได้รู้ความจริงที่น่าตื่นเต้นอะไรเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้? และพวกเขารอคอยที่จะเห็นอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จบลง? และคนที่เป็นแกะอื่นจะยกย่องสรรเสริญพระเจ้าและพระคริสต์ในการประชุมอนุสรณ์อย่างไร?
^ วรรค 1 ชื่อที่ใช้เรียกพยานพระยะโฮวาในสมัยนั้น
^ วรรค 2 อธิบายคำศัพท์ แกะอื่นคือคนที่ติดตามพระคริสต์และมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปบนโลก ซึ่งบางคนเริ่มรับใช้พระเจ้าในช่วงสมัยสุดท้าย ชนฝูงใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของแกะอื่น พวกเขายังมีชีวิตอยู่ตอนที่พระคริสต์มาพิพากษามนุษย์ในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ และพวกเขาจะรอดผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ไปได้