บทความศึกษา 5
“ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด”
“คอยระวังไว้ให้ดี อย่าใช้ชีวิตเหมือนคนโง่ แต่ให้ใช้ชีวิตเหมือนคนฉลาด ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เพราะสมัยนี้ชั่วช้า”—อฟ. 5:15, 16
เพลง 8 พระยะโฮวาเป็นที่หลบภัยของเรา
ใจความสำคัญ *
1. เราจะใช้เวลากับพระยะโฮวาได้ยังไงบ้าง?
เราชอบใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารัก เช่น สามีภรรยาที่รักกันจะชอบเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันแค่สองคนมาก ส่วนวัยรุ่นก็ชอบอยู่กับเพื่อนสนิท และเราทุกคนที่เป็นพยานพระยะโฮวาชอบอยู่กับพี่น้องของเรา แต่สิ่งที่เราชอบที่สุดก็คือเวลาที่เราได้อยู่กับพระยะโฮวาตอนที่อธิษฐาน ตอนที่อ่านคัมภีร์ไบเบิล และตอนที่คิดใคร่ครวญเกี่ยวกับความประสงค์ของพระองค์และคุณลักษณะที่ดีต่าง ๆ ของพระองค์ ช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับพระยะโฮวาเป็นช่วงเวลาที่มีค่าจริง ๆ—สด. 139:17
2. เราอาจเจอปัญหาอะไรบ้าง?
2 แม้เราชอบใช้เวลาอยู่กับพระยะโฮวา แต่ชีวิตเราแต่ละคนยุ่งมาก การจัดเวลาสำหรับการนมัสการพระองค์เลยไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีเรายุ่งอยู่กับการทำมาหากิน การดูแลครอบครัว และเรื่องอื่น ๆ จนไม่มีเวลาสำหรับอธิษฐาน ศึกษาส่วนตัว และคิดใคร่ครวญ
3. มีอะไรอีกที่แย่งเวลาเราไป?
3 มีอีกอย่างหนึ่งที่แย่งเวลาของเราไปทำให้เราไม่มีเวลาสนิทกับพระยะโฮวา นั่นก็คือกิจกรรมยามว่าง แม้การทำกิจกรรมยามว่างจะไม่ผิด และที่จริงก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราไม่ระวังและใช้เวลามากเกินไปกับสิ่งเหล่านี้ เราจะไม่มีเวลาสำหรับการนมัสการพระยะโฮวา เรา ต้องจำไว้ว่ากิจกรรมยามว่างไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต—สภษ. 25:27; 1 ทธ. 4:8
4. เราจะคุยอะไรกันในบทความนี้?
4 ในบทความนี้เราจะคุยกันว่า ทำไมเราต้องจัดลำดับความสำคัญ? นอกจากนั้น เราจะใช้เวลากับพระยะโฮวาให้คุ้มค่ามากที่สุดได้ยังไง? และเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนี้?
ฉลาดเลือกและจัดลำดับความสำคัญให้ถูก
5. คำแนะนำที่เอเฟซัส 5:15-17 ช่วยวัยรุ่นยังไงให้เลือกชีวิตที่ดีที่สุด?
5 เลือกชีวิตที่ดีที่สุด วัยรุ่นมักจะกังวลว่าเขาควรจะเอายังไงกับชีวิต ครูที่โรงเรียนหรือคนในครอบครัวที่ไม่ได้เป็นพยานฯ ชอบสนับสนุนให้วัยรุ่นเรียนสูง ๆ จะได้งานทำดี ๆ การทำอย่างนั้นทำให้ต้องทุ่มเทเวลาเยอะมาก แต่พ่อแม่ที่เป็นพยานฯ และพี่น้องในประชาคมจะสนับสนุนให้วัยรุ่นรับใช้พระยะโฮวา แล้วอะไรจะช่วยให้วัยรุ่นที่รักพระยะโฮวาเลือกอย่างฉลาดได้? การอ่านเอเฟซัส 5:15-17 และคิดใคร่ครวญคำแนะนำในนั้นช่วยได้ (อ่าน) หลังจากที่อ่านแล้วให้วัยรุ่นถามตัวเองว่า ‘“พระยะโฮวาต้องการอะไร”? พระองค์จะมีความสุขถ้าฉันตัดสินใจแบบไหน? ฉันควรเลือกแบบไหนถึงจะ “ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด”?’ จำไว้ว่า “สมัยนี้ชั่วช้า” โลกที่ซาตานปกครองกำลังจะถูกทำลายอีกไม่นาน การใช้ชีวิตแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจคือการเลือกที่ฉลาดที่สุด
6. มารีย์เลือกอะไร? และทำไมการเลือกแบบนั้นถึงฉลาด?
6 จัดลำดับความสำคัญให้ถูก บางทีการ “ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด” หมายถึงเราต้องเลือกว่าจะทำอะไรระหว่างกิจกรรม 2 อย่างที่ไม่ผิดทั้งคู่ ให้เรามาดูตัวอย่างหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยให้เราเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจน ตอนนั้นพระเยซูไปที่บ้านของมาร์ธาและมารีย์ มาร์ธาตื่นเต้นมากที่จะต้อนรับพระเยซูเลยอยากเตรียมอาหารดี ๆ หลายอย่างให้พระเยซูกิน แต่มารีย์กลับตั้งใจนั่งฟังพระเยซูสอน ที่จริงสิ่งที่มาร์ธาทำก็ไม่ผิดแต่พระเยซูบอกว่า “มารีย์เลือกสิ่งที่ดีที่สุด” (ลก. 10:38-42, เชิงอรรถ) พอเวลาผ่านไปมารีย์อาจจะลืมไปแล้วว่าค่ำวันนั้นพวกเธอกินอะไรกัน แต่มารีย์ต้องไม่ลืมแน่ ๆ ว่าพระเยซูสอนอะไร ถึงพระเยซูมาอยู่กับมาร์ธาและมารีย์แค่ไม่นาน แต่มารีย์ใช้เวลานั้นอย่างคุ้มค่า เราเองก็อยากเลียนแบบมารีย์โดยเห็นค่าการใช้เวลากับพระยะโฮวา ให้เรามาดูกันว่าเราจะใช้เวลานั้นให้เป็นประโยชน์และคุ้มค่าที่สุดได้ยังไง
ใช้เวลากับพระยะโฮวาให้คุ้มค่าที่สุด
7. ทำไมเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องใช้เวลาอธิษฐาน ศึกษาส่วนตัว และคิดใคร่ครวญ?
7 ให้จำไว้ว่าการอธิษฐาน การศึกษาส่วนตัว และการคิดใคร่ครวญคือการนมัสการพระเจ้า ตอนที่เราอธิษฐาน เราได้คุยกับพระยะโฮวาพ่อที่รักเรามาก (สด. 5:7) ตอนที่เราศึกษาส่วนตัว เรามีโอกาสได้เรียน “ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า” ซึ่งเป็นผู้ที่ฉลาดที่สุด (สภษ. 2:1-5) และตอนที่เราคิดใคร่ครวญเป็นตอนที่เราได้คิดว่าพระยะโฮวาดีขนาดไหน คิดถึงคุณลักษณะของพระองค์ และคิดว่าพระยะโฮวาทำสิ่งดี ๆ อะไรบ้างเพื่อเราและเพื่อมนุษย์ทุกคน การทำสิ่งเหล่านี้แหละเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด แล้วอะไรจะช่วยให้เราทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้แม้เราจะไม่ค่อยมีเวลา?
คุณจะหาที่เงียบ ๆ เพื่อศึกษาส่วนตัวได้ไหม? (ดูข้อ 8-9)
8. เราได้บทเรียนอะไรจากพระเยซูตอนที่ท่านใช้เวลาอยู่ในที่กันดาร?
8 หาที่เงียบ ๆ ให้เรามาดูตัวอย่างของพระเยซูด้วยกัน ก่อนที่พระเยซูจะเริ่มทำงานรับใช้บนโลก ท่านไปอยู่ในที่กันดาร 40 วัน (ลก. 4:1, 2) ที่นั่นเงียบสงบมากเลยทำให้พระเยซูสามารถอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและคิดใคร่ครวญเหตุผลที่พระองค์ส่งท่านมาบนโลก นี่ช่วยเตรียมพระเยซูให้พร้อมที่จะเจอการทดสอบ คุณได้ประโยชน์อะไรจากตัวอย่างของพระเยซู? ถ้าคุณอยู่ในครอบครัวใหญ่ มันก็คงเป็นเรื่องยากที่คุณจะหามุมสงบ ๆ คุณอาจออกไปหาที่เงียบ ๆ นอกบ้านก็ได้ พี่น้องจูลี่ได้ทำแบบนั้น จูลี่กับสามีอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ที่ฝรั่งเศส เธอบอกว่าเธอหาเวลาอยู่คนเดียวได้ยากมาก และมักจะมีอะไรมาขัดจังหวะการอธิษฐานของเธอตลอด เธออธิบายว่า “ฉันชอบออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะทุกวัน เพื่อที่จะได้อยู่คนเดียว มีสมาธิ และได้พูดคุยกับพระยะโฮวาจริง ๆ”
9. แม้ชีวิตพระเยซูจะยุ่งมาก แต่เรารู้ได้ยังไงว่าการสนิทกับพระยะโฮวาสำคัญมากสำหรับท่าน?
9 ชีวิตของพระเยซูยุ่งมาก ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหนก็มักจะมีคนมาห้อมล้อมท่านเสมอ ทุกคนอยากขอให้ท่านช่วย ครั้งหนึ่ง “คนทั้งเมืองมาออกันอยู่ที่หน้าประตู” เพื่อมาหาท่าน แม้พระเยซูจะยุ่งขนาดนั้นแต่ท่านก็จะหาเวลาอยู่กับพระยะโฮวาเสมอ เช่น ตอนเช้ามืดพระเยซูมักจะไป “ในที่ห่างไกลผู้คน” เพื่อใช้เวลาอยู่ตามลำพังกับพระยะโฮวาพ่อของท่าน—มก. 1:32-35
10-11. จากมัทธิว 26:40, 41 พระเยซูบอกให้พวกสาวกทำอะไร? แต่พวกเขากลับทำอะไร?
10 ในคืนสุดท้ายที่พระเยซูมีชีวิตอยู่บนโลก ท่านหาที่เงียบ ๆ เพื่อจะอธิษฐานและคิดใคร่ครวญ ท่านเลยไปที่สวนเกทเสมนี (มธ. 26:36) และในตอนนั้นท่านยังให้คำแนะนำที่สำคัญมากกับพวกสาวกเกี่ยวกับเรื่องการอธิษฐานด้วย
11 ตอนที่พระเยซูกับพวกสาวกไปถึงที่สวนเกทเสมนี ตอนนั้นดึกมากแล้วและอาจจะเลยเที่ยงคืนด้วยซ้ำ พระเยซูบอกให้พวกเขา “เฝ้าระวัง” หลังจากนั้นท่านก็ไปอธิษฐาน (มธ. 26:37-39) ตอนที่พระเยซูอธิษฐานอยู่ พวกสาวกผล็อยหลับไป พอท่านกลับมาและเห็นพวกสาวกกำลังหลับอยู่ ท่านก็เข้าใจว่าพวกเขาทั้งเครียดและเหนื่อยมาก ท่านเห็นใจและรู้ว่าพวกเขา “ใจสู้ก็จริง แต่ร่างกายยังอ่อนแอ” ท่านเลยบอกพวกเขาอีกว่าให้ “เฝ้าระวังอยู่เสมอและอธิษฐานอยู่เรื่อย ๆ” (อ่านมัทธิว 26:40, 41) หลังจากนั้นพระเยซูก็ไปอธิษฐานอีกสองครั้ง แต่ทั้งสองครั้งพอท่าน กลับมา พวกสาวกกำลังหลับอยู่และไม่ได้อธิษฐานเลย—มธ. 26:42-45
คุณจะจัดเวลาเพื่ออธิษฐานตอนที่ไม่เหนื่อยหรือง่วงเกินไปได้ไหม? (ดูข้อ 12)
12. ถ้าบางครั้งเรารู้สึกเครียดหรือเหนื่อยเกินไปที่จะอธิษฐาน เราควรทำยังไง?
12 หาเวลาเหมาะ ๆ ถ้าบางครั้งคุณเครียดหรือรู้สึกเหนื่อยเกินไปที่จะอธิษฐาน คุณก็ไม่ต้องคิดมากเพราะว่ามีพี่น้องหลายคนที่เป็นเหมือนคุณ และเรามีคำแนะนำดี ๆ ที่จะช่วยคุณได้ พี่น้องบางคนที่ชอบอธิษฐานก่อนนอนรู้สึกว่าถ้าพวกเขาอธิษฐานก่อนหน้านั้นนิดหนึ่ง ตอนที่ยังไม่ง่วงมากก็จะดีกว่า ส่วนพี่น้องคนอื่นรู้สึกว่าท่าของพวกเขาตอนที่อธิษฐานก็มีผลด้วย อย่างเช่น ถ้าพวกเขานั่งหรือคุกเข่าก็จะมีสมาธิมากกว่า แล้วถ้าคุณเครียดและท้อมากจนรู้สึกว่าอธิษฐานไม่ไหว คุณจะทำยังไง? ก็ขอให้คุณบอกพระยะโฮวาว่าคุณรู้สึกยังไง คุณมั่นใจได้เลยว่าพระองค์เห็นใจและเข้าใจคุณจริง ๆ—สด. 139:4
คุณจะไม่อ่านและไม่ตอบข้อความหรืออีเมลระหว่างประชุมได้ไหม? (ดูข้อ 13-14)
13. โทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อาจรบกวนเวลาที่เราใช้กับพระยะโฮวายังไง?
13 อย่าให้อะไรมารบกวน การอธิษฐานไม่ใช่แค่อย่างเดียวที่ทำให้เราสนิทกับพระยะโฮวา การศึกษาและการประชุมก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้เราสนิทกับพระยะโฮวาได้ แต่เราจะทำอะไรได้เพื่อจะใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด? ให้ลองถามตัวเองว่า ‘ตอนที่ศึกษาส่วนตัวและไปประชุม มีอะไรบ้างที่อาจทำให้ฉันเสียสมาธิ เช่น มีคนโทรมาหา มีอีเมลเข้ามา หรือมีคนส่งข้อความมาหาฉันไหม?’ ก็จริงที่โทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายอย่างมีประโยชน์มากและคนทั่วโลกก็ใช้กัน แต่นักวิจัยบางคนบอกว่าแค่มีโทรศัพท์เครื่องเดียววางอยู่ใกล้ ๆ มันก็ทำให้เราเสียสมาธิได้ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาคนหนึ่งบอกว่าอุปกรณ์พวกนั้น “ทำให้เราไม่จดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ และทำให้ใจลอยไปคิดเรื่องอื่น” แล้วเราจะทำยังไง? ปกติแล้วก่อนการประชุมใหญ่ก็มักจะมีคำประกาศที่บอกให้เราปิดเสียงโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่น เราจะทำแบบเดียวกันได้ไหมตอนที่เราใช้เวลากับพระยะโฮวาเพื่อไม่ให้อะไรมารบกวนเรา?
14. อย่างที่บอกไว้ในฟีลิปปี 4:6, 7 พระยะโฮวาจะช่วยเราให้มีสมาธิได้ยังไง?
14 ขอให้พระยะโฮวาช่วยให้มีสมาธิ เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มใจลอยตอนที่ศึกษาส่วนตัวหรือตอนที่ประชุมอยู่ ให้คุณอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วย ถ้าคุณรู้สึกเครียดหรือกังวลก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะเลิกรู้สึกแบบนั้นและจดจ่ออยู่กับการศึกษาส่วนตัวและการประชุมได้ แต่เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องทำอย่างนั้นให้ได้ ให้คุณอธิษฐานขอสันติสุขของพระเจ้าที่จะไม่ใช่แค่ปกป้องหัวใจของคุณเท่านั้น แต่ปกป้อง “ความคิด” ของคุณด้วย—อ่านฟีลิปปี 4:6, 7
การใช้เวลากับพระยะโฮวามีประโยชน์มาก
15. ประโยชน์อย่างหนึ่งของการใช้เวลากับพระยะโฮวาคืออะไร?
15 ถ้าคุณใช้เวลาคุยกับพระยะโฮวา ฟังพระองค์ และคิดเกี่ยวกับพระองค์ คุณจะได้ประโยชน์หลายอย่าง อย่างแรก คุณจะตัดสินใจได้ดีขึ้น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนที่คบกับคนฉลาดจะฉลาด” (สภษ. 13:20) ดังนั้น ยิ่งคุณใช้เวลากับพระยะโฮวาพระเจ้าที่ฉลาดที่สุดในเอกภพมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งฉลาดมากขึ้น และเข้าใจมากขึ้นว่าจะทำยังไงให้พระองค์ดีใจและไม่ตัดสินใจในแบบที่ทำให้พระองค์เสียใจ
16. การใช้เวลากับพระยะโฮวาจะช่วยให้เราเป็นผู้นำการศึกษาที่ดีขึ้นได้ยังไง?
16 อย่างที่สอง คุณจะสอนนักศึกษาได้ดีขึ้น เมื่อสอนคัมภีร์ไบเบิลให้กับนักศึกษา เป้าหมายสำคัญที่สุดของเราก็คือช่วยเขาให้สนิทกับพระยะโฮวา ยิ่งเราอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและรู้จักพระองค์มากขึ้น เราก็จะยิ่งรักพระองค์และจะช่วยให้นักศึกษารักพระองค์มากขึ้น นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเยซูด้วย เวลาที่พระเยซูพูดถึงพระยะโฮวาทีไร ท่านก็จะใช้คำที่ทำให้เห็นว่าท่านรักและสนิทกับพระยะโฮวามาก เลยทำให้พวกสาวกรักพระยะโฮวาด้วยเหมือนกัน—ยน. 17:25, 26
17. ทำไมการอธิษฐานและศึกษาส่วนตัวถึงช่วยให้เรามีความเชื่อที่เข้มแข็งขึ้นได้?
17 อย่างที่สาม คุณจะมีความเชื่อที่เข้มแข็งขึ้น ลองคิดดูว่าจะเป็นยังไงถ้าคุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวา ขอการชี้นำและการช่วยเหลือจากพระองค์ และทุกครั้งพระองค์ก็ตอบคำอธิษฐานของคุณ คุณก็จะมีความเชื่อที่เข้มแข็งขึ้นแน่ ๆ (1 ยน. 5:15) แต่ยังมีอะไรอีกที่คุณจะทำได้เพื่อจะมีความเชื่อที่เข้มแข็ง? สิ่งที่จะช่วยคุณได้คือการศึกษาส่วนตัว เพราะ “ความเชื่อจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้ยิน” คำสอนของพระเจ้า (รม. 10:17) แต่แค่อ่านคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือต่าง ๆ ขององค์การยังไม่พอ เราต้องทำอะไรด้วย?
18. ขอให้ยกตัวอย่างว่าทำไมเราต้องคิดใคร่ครวญ
18 เราต้องคิดใคร่ครวญด้วย ให้เรามาดูตัวอย่างของผู้เขียนหนังสือสดุดีบท 77 เขาทุกข์ใจเพราะเขารู้สึกว่าพระยะโฮวาไม่พอใจตัวเขาและชาติอิสราเอล เขาไม่สบายใจจนนอนไม่หลับ (ข้อ 2-8) เขาเลยบอกพระยะโฮวาว่า “ผมจะใคร่ครวญทุกสิ่งที่พระองค์ทำ และไตร่ตรองผลงานของพระองค์” (ข้อ 12) ที่จริง ผู้เขียนหนังสือสดุดีคนนี้รู้อยู่แล้วว่าพระยะโฮวาเคยทำอะไรมาแล้วเพื่อคนของพระองค์ในอดีต แต่เขากังวลมากจนพูดว่า “พระเจ้าลืมแสดงความเมตตา และโกรธจนเลิกสงสารแล้วหรือ?” (ข้อ 9) เขาเลยคิดใคร่ครวญทุกสิ่งที่พระยะโฮวาทำ และคิดว่าพระยะโฮวาเคยแสดงความเมตตาและสงสารคนของพระองค์ในอดีตมาแล้วยังไงบ้าง (ข้อ 11) นี่ทำให้เขามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะไม่ทิ้งประชาชนของพระองค์ (ข้อ 15) ถ้าคุณทำแบบเดียวกันโดยคิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวาเคยทำอะไรเพื่อคุณมาแล้วและทำอะไรเพื่อคนของพระองค์มาแล้วบ้าง ความเชื่อของคุณก็จะเข้มแข็งขึ้น
19. การใช้เวลากับพระยะโฮวาจะทำให้เราได้ประโยชน์อะไรอีก?
19 อย่างที่สี่ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือคุณจะรักพระยะโฮวามากขึ้น ความรักเป็นคุณลักษณะที่สำคัญที่สุด เพราะมันจะทำให้คุณเชื่อฟังพระยะโฮวา ทำให้คุณยอมสละทุกอย่างเพื่อทำให้พระองค์พอใจ และทำให้คุณอดทนกับความยากลำบากทุกอย่างได้ (มธ. 22:37-39; 1 คร. 13:4, 7; 1 ยน. 5:3) ไม่มีอะไรอีกแล้วที่สำคัญไปกว่าการสนิทกับพระยะโฮวาพระเจ้าที่รักคุณ—สด. 63:1-8
20. คุณต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะใช้เวลาอยู่กับพระยะโฮวาได้จริง ๆ?
20 เราต้องจำไว้ว่าการอธิษฐาน การศึกษาส่วนตัว และการคิดใคร่ครวญคือการนมัสการพระยะโฮวา ให้เราเลียนแบบพระเยซูโดยหาที่เงียบ ๆ เพื่อใช้เวลาอยู่กับพระยะโฮวา อย่าให้อะไรมาทำให้เสียสมาธิ และอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้จดจ่อกับการศึกษาส่วนตัวและการประชุม ถ้าคุณใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุดตั้งแต่ตอนนี้ พระยะโฮวาจะอวยพรคุณให้คุณมีชีวิตตลอดไปในโลกใหม่—มก. 4:24
เพลง 28 ได้เป็นเพื่อนกับพระยะโฮวา
^ พระยะโฮวาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา เรามีความสุขมากจริง ๆ ที่ได้สนิทกับพระองค์และเราก็อยากจะรู้จักพระองค์ดีขึ้น การรู้จักใครสักคนต้องใช้เวลา การสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ทุกวันนี้ชีวิตเรายุ่งมาก แล้วเราจะหาเวลาสนิทกับพระยะโฮวาได้ยังไง? และเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนี้?