บทความศึกษา 22
ช่วยนักศึกษาของคุณให้รับบัพติศมา
“พวกคุณทุกคนต้อง . . . รับบัพติศมา”—กจ. 2:38
เพลง 72 ทำให้ความจริงเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าเป็นที่รู้จัก
ใจความสำคัญ *
1. สาวกของพระเยซูบอกผู้คนมากมายที่มากรุงเยรูซาเล็มให้ทำอะไร?
มีผู้คนมากมายทั้งชายและหญิงจากหลายประเทศและพูดหลายภาษาเดินทางมาที่กรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาเจอเรื่องที่ทำให้แปลกใจมากเพราะอยู่ดี ๆ ชาวยิวบางคนก็พูดภาษาของพวกเขาได้ แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นก็คือเรื่องที่พวกเขาได้ยินอัครสาวกเปโตรกับชาวยิวเหล่านั้นพูด พวกเขาได้มารู้ว่าเพื่อจะรอดได้ต้องแสดงความเชื่อในพระเยซูคริสต์ นี่ทำให้พวกเขาประทับใจมากจนถึงกับถามว่า “พวกเราจะทำยังไงดี?” เปโตรบอกว่า “พวกคุณทุกคนต้อง . . . รับบัพติศมา”—กจ. 2:37, 38
2. เราจะคุยอะไรกันในบทความนี้? (ดูภาพหน้าปก)
2 จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ยิ่งน่าตื่นเต้นขึ้นไปอีก มีประมาณ 3,000 คนรับบัพติศมาและเข้ามาเป็นสาวกของพระเยซูในวันนั้น นี่เป็นการเริ่มต้นของงานสอนคนให้เป็นสาวกที่พระเยซูสั่งให้คนที่ติดตามท่านทำ และคนที่ติดตามท่านก็ยังทำงานนั้นจนถึงทุกวันนี้ แต่เดี๋ยวนี้เป็นไปไม่ได้ที่เราจะช่วยใครสักคนให้เข้ามาเป็นสาวกภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง บางคนอาจจะใช้เวลาหลายเดือน หรือถึงกับหลายปีด้วยซ้ำ ถ้าคุณกำลังศึกษากับใครสักคนอยู่ คุณก็คงรู้ดีว่าการจะช่วยคนคนหนึ่งต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหน บทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยนักศึกษาให้ก้าวหน้าจนรับบัพติศมา
ช่วยนักศึกษาของคุณให้เอาสิ่งที่เรียนไปใช้
3. จากมัทธิว 28:19, 20 นักศึกษาต้องทำอะไรเพื่อจะก้าวหน้าจนรับบัพติศมา?
3 ก่อนที่นักศึกษาจะรับบัพติศมาได้ เขาต้องเอาสิ่งที่เรียนจากคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ (อ่านมัทธิว 28:19, 20) เมื่อนักศึกษาเอาสิ่งที่เรียนไปใช้ เขาก็ จะเป็นเหมือน “คนฉลาด” ในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูที่ขุดหลุมลึกและสร้างบ้านบนพื้นหิน (มธ. 7:24, 25; ลก. 6:47, 48) เราจะช่วยนักศึกษาให้เอาสิ่งที่เรียนไปใช้ได้ยังไง? ให้เรามาดู 3 อย่างที่เราทำได้
4. เราจะช่วยนักศึกษาให้ก้าวหน้าต่อไปเรื่อย ๆ จนรับบัพติศมาได้ยังไง? (ดูกรอบ “ ช่วยนักศึกษาของคุณให้ตั้งเป้าหมายและทำตามเป้าหมายนั้นได้สำเร็จ” ด้วย)
4 ช่วยนักศึกษาของคุณให้ตั้งเป้าหมาย ทำไมคุณควรทำอย่างนั้น? ลองคิดถึงตัวอย่างนี้ สมมุติว่าคุณกำลังไปเที่ยวที่หนึ่งที่ไกลมาก ถ้าคุณพยายามขับรถรวดเดียวก็อาจจะรู้สึกว่าทำไมไกลจังเลย เมื่อไหร่จะถึงสักที แต่ถ้าคุณแวะที่เที่ยวสวย ๆ ระหว่างทาง คุณก็จะรู้สึกว่าจุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกลนี้เอง เหมือนกัน ถ้านักศึกษามีเป้าหมายระยะสั้นที่เขาค่อย ๆ ทำได้ทีละอย่าง เขาก็จะรู้สึกว่าเป้าหมายที่จะรับบัพติศมาอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ในหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป มีส่วนที่ชื่อว่า “สิ่งที่คุณทำได้” คุณสามารถใช้ส่วนนี้เพื่อช่วยนักศึกษาให้ตั้งเป้าหมายของเขา ตอนที่คุณศึกษาจบแต่ละบทก็ให้คุยกับนักศึกษาว่าเป้าหมายที่อยู่ในส่วน “สิ่งที่คุณทำได้” เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขาเพิ่งได้เรียนยังไง และถ้าคุณคิดถึงเป้าหมายอื่นที่นักศึกษาของคุณจะทำได้ ก็ให้เขียนลงไปในส่วนที่ชื่อว่า “อื่น ๆ” ให้คุณใช้ส่วน “สิ่งที่คุณทำได้” เป็นประจำเพื่อช่วยให้นักศึกษาคิดถึงเป้าหมายระยะสั้นและเป้าหมายระยะยาวของเขา
5. จากมาระโก 10:17-22 พระเยซูบอกผู้ชายที่ร่ำรวยให้ทำอะไร? และทำไมท่านถึงบอกเขาให้ทำอย่างนั้น?
5 ช่วยนักศึกษาของคุณให้เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง (อ่านมาระโก 10:17-22) ถึงพระเยซูรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ชายร่ำรวยคนนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองโดยขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เขามี แต่ท่านก็ยังบอกให้ เขาทำ (มก. 10:23) เพราะอะไร? เพราะพระเยซูรักเขา เราก็เหมือนกันอาจไม่กล้าบอกให้นักศึกษาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะคิดว่าเขายังไม่พร้อม บางคนอาจต้องใช้เวลาเพื่อจะทิ้งลักษณะนิสัยเก่าแล้วปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่ (คส. 3:9, 10) แต่ยิ่งคุณคุยเรื่องนี้กับนักศึกษาได้เร็วเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เร็วเท่านั้น และถ้าคุณคุยเรื่องนี้กับเขา คุณก็ทำให้เขารู้ว่าคุณเป็นห่วงเขา—สด. 141:5; สภษ. 27:17
6. ทำไมเราควรถามนักศึกษาว่าเขาคิดและรู้สึกยังไงกับเรื่องที่กำลังศึกษาอยู่?
6 เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะถามนักศึกษาว่าเขาคิดและรู้สึกยังไงกับเรื่องที่กำลังศึกษาอยู่ การทำอย่างนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าเขาเข้าใจและเชื่อเรื่องที่กำลังศึกษาอยู่ไหม ถ้าคุณทำอย่างนี้เป็นประจำ พอไปถึงเรื่องที่เขายอมรับได้ยาก คุณก็จะคุยกับเขาได้ง่ายขึ้น หนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป มีคำถามแบบนี้เยอะมาก ตัวอย่างเช่น บท 04 ถามว่า “พระยะโฮวาจะรู้สึกยังไงถ้าเราเรียกพระองค์ว่าพระเจ้า แต่ไม่เคยเรียกชื่อพระองค์เลย? และคุณคิดว่าพระยะโฮวาจะรู้สึกยังไงถ้าเราเรียกชื่อพระองค์?” บท 09 ถามว่า “คุณอยากอธิษฐานเรื่องอะไรบ้าง?” ตอนแรกนักศึกษาของคุณอาจจะตอบคำถามแบบนี้ยาก เขาอาจจะต้องใช้เวลาคิดหน่อย แต่คุณสามารถช่วยเขาได้โดยสอนเขาให้รู้จักวิธีคิดหาเหตุผลจากข้อคัมภีร์ที่อ้างถึงหรือจากรูปภาพในหนังสือ
7. เราจะใช้ประสบการณ์ชีวิตจริงเพื่อช่วยนักศึกษาได้ยังไง?
7 พอนักศึกษารู้ว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองยังไงบ้าง ให้คุณใช้ประสบการณ์ชีวิตจริงของคนอื่นเพื่อกระตุ้นเขาให้ลงมือทำ ตัวอย่างเช่น ถ้านักศึกษาของคุณยังไม่มาประชุมเป็นประจำ คุณอาจให้เขาดูวีดีโอที่ชื่อว่าพระยะโฮวาห่วงใยผม ที่อยู่ในส่วน “ดูเพิ่มเติม” ของบท 14 ในหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป มีหลายบทที่มีประสบการณ์ชีวิตจริงซึ่งคุณจะหาได้ในส่วน “เรียนรู้มากขึ้น” หรือ “ดูเพิ่มเติม” * แต่คุณต้องระวังที่จะไม่เปรียบเทียบนักศึกษาของคุณกับคนอื่นโดยพูดว่า “ขนาดคนนั้นยังทำได้เลย คุณก็น่าจะทำได้นะ” คุณต้องให้นักศึกษาคิดอย่างนั้นได้ด้วยตัวเองโดยดึงจุดสำคัญจากวีดีโอและคุยกันว่าอะไรที่ช่วยคนในวีดีโอให้ทำตามคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล คุณอาจจะพูดถึงข้อคัมภีร์หลักในวีดีโอนั้นหรืออะไรบางอย่างที่นักศึกษาของคุณจะเลียนแบบได้ และทุกครั้งที่ทำได้ให้คุณพยายามเน้นว่าพระยะโฮวาช่วยคนในวีดีโอยังไง
8. เราจะช่วยนักศึกษาให้รักพระยะโฮวาได้ยังไง?
8 ช่วยนักศึกษาของคุณให้รักพระยะโฮวา คุณจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? ให้คุณพยายามเน้นคุณลักษณะของพระยะโฮวาทุกครั้งที่คุณทำได้ ช่วยนักศึกษาของคุณให้มองว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่มีความสุขและพระองค์จะคอยช่วยทุกคนที่รักพระองค์ (1 ทธ. 1:11; ฮบ. 11:6) ให้คุณช่วยนักศึกษาให้เห็นว่าเขาจะได้ประโยชน์ยังไงบ้างถ้าเอาคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ และอธิบายให้นักศึกษาเข้าใจว่าเมื่อเขาทำตามแล้วได้ประโยชน์ นี่ก็แสดงว่าพระยะโฮวารักเขา (อสย. 48:17, 18) ยิ่งนักศึกษาของคุณรักพระยะโฮวามากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งอยากเปลี่ยนตัวเองมากขึ้น—1 ยน. 5:3
แนะนำนักศึกษาให้รู้จักพี่น้อง
9. จากมาระโก 10:29, 30 อะไรจะช่วยให้คนเรายอมเสียสละสิ่งต่าง ๆ เพื่อจะรับบัพติศมาและเข้ามาเป็นสาวก?
9 เพื่อนักศึกษาจะก้าวหน้าจนรับบัพติศมา เขาต้องเสียสละบางอย่าง เหมือนกับผู้ชายร่ำรวยที่พูดถึงก่อนหน้านี้ นักศึกษาบางคนอาจต้องเสียสละวัตถุเงินทอง ถ้างานของเขาขัดกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล เขาก็อาจจะต้องเปลี่ยนงาน นอกจากนั้น หลายคนต้องทิ้งเพื่อนเก่าที่ไม่ได้รักพระยะโฮวา และบางคนอาจถึงกับถูกครอบครัวทิ้งเพราะครอบครัวไม่ชอบพยานฯ พระเยซูรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบางคนที่จะต้องเสียสละแบบนั้น แต่ท่านสัญญาว่าคนที่ติดตามท่านจะไม่ผิดหวังแน่นอน พระยะโฮวาจะให้รางวัลกับพวกเขาโดยให้มีเพื่อนคริสเตียนที่เป็นครอบครัวที่รักเขา (อ่านมาระโก 10:29, 30) แล้วคุณจะช่วยนักศึกษายังไงให้ได้ประโยชน์จากของขวัญนี้?
10. คุณเรียนอะไรได้จากประสบการณ์ของมานูเอล?
10 เป็นเพื่อนกับนักศึกษาของคุณ เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะทำให้นักศึกษาเห็นว่าคุณเป็นห่วงเขา ทำไม? ให้เรามาดูตัวอย่างของมานูเอลที่อยู่ที่เม็กซิโก เขาพูดถึงตอนที่เขายังเป็นนักศึกษาว่า “ทุกครั้งก่อนที่จะศึกษา ผู้นำการศึกษาจะถามผมว่าผมเป็นยังไงบ้าง เขาทำให้ผมรู้สึกสบายใจและทำให้ผมอยากเล่าเรื่องอื่น ๆ ให้เขาฟัง ผมรู้สึกได้ว่าเขาเป็นห่วงผมจริง ๆ”
11. นักศึกษาจะได้ประโยชน์ยังไงบ้างถ้าเขาได้ใช้เวลากับเรา?
11 ให้ใช้เวลากับนักศึกษาของคุณเหมือนกับที่พระเยซูใช้เวลากับสาวกของท่าน (ยน. 3:22) ถ้าเป็นไปได้ให้ชวนนักศึกษาของคุณที่ก้าวหน้าแล้วมาที่บ้าน มากินข้าวหรือกินกาแฟด้วยกัน หรืออาจจะดูรายการโทรทัศน์ JW ด้วยกันก็ได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นช่วงเทศกาล เขาคงจะดีใจที่คุณชวนเขาเพราะเขาอาจรู้สึกเหงาที่ไม่ได้ไปฉลองเทศกาลกับครอบครัวและเพื่อน ๆ คาซิบเวที่อยู่ที่ยูกันดาพูดถึงตอนที่เขาเป็นนักศึกษาว่า “ตอนที่ผมใช้เวลาทำอะไร ๆ ด้วยกันกับผู้นำการศึกษา ผมได้เรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวาพอ ๆ กับตอนที่นั่งศึกษาด้วยกันกับเขาเลยครับ ผมเห็นเลยว่าพระยะโฮวาดูแลคนของพระองค์ดีขนาดไหนและพวกเขามีความสุขมากจริง ๆ ผมอยากมีชีวิตแบบนั้นบ้างครับ”
12. ทำไมเราควรพาพี่น้องหลายคนสลับกันไปศึกษาด้วย?
12 พาพี่น้องหลายคนสลับกันไปศึกษาด้วย บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่าง่ายกว่าถ้าจะไปศึกษาคนเดียวหรือชวนพี่น้องคนเดิม ๆ ไปศึกษาด้วยกัน แต่นักศึกษาของเราจะได้ประโยชน์มากกว่าถ้าเราพาพี่น้องคนอื่น ๆ ไปด้วย ดีมีทรีที่อยู่ที่มอลโดวาพูดถึงตอนที่เขาเป็นนักศึกษาว่า “พี่น้องแต่ละคนที่มาศึกษากับผมจะมีวิธีอธิบายในแบบของตัวเอง นี่ช่วยให้ผมมองเรื่องที่เรียนในหลาย ๆ มุม แล้วพอผมไปประชุมครั้งแรกผมก็ไม่ค่อยเกร็งเพราะว่าผมเคยเจอพี่น้องหลายคนมาก่อนแล้ว”
13. ทำไมเราต้องช่วยนักศึกษาให้มาประชุม?
13 ช่วยนักศึกษาของคุณให้มาประชุม ทำไมเราต้องทำอย่างนั้น? เพราะพระยะโฮวาสั่งให้ผู้รับใช้ของพระองค์มาประชุมกัน นี่เป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการพระองค์ (ฮบ. 10:24, 25) นอกจากนั้นพี่น้องในประชาคมก็เป็นเหมือนครอบครัวของเรา ตอนที่เราประชุมกันก็เหมือนกับเราได้นั่งกินข้าวอร่อย ๆ ด้วยกันที่บ้าน ถ้าคุณช่วยนักศึกษาให้มาประชุม คุณก็กำลังช่วยให้เขาทำขั้นตอนสำคัญที่จะก้าวหน้าจนรับบัพติศมา แต่นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา หนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป จะช่วยนักศึกษาให้มาประชุมได้ยังไง?
14. เราจะช่วยนักศึกษายังไงให้มาประชุม?
14 ให้คุณใช้บท 10 ของหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป เพื่อช่วยนักศึกษาให้มาประชุม ก่อนที่หนังสือนี้จะออก มีการขอพี่น้องที่มีประสบการณ์บางคนให้ลองใช้บทนี้ในการนำการศึกษา พวกเขารู้สึกว่าได้ผลดีมากในการช่วยนักศึกษาให้มาประชุม แต่คุณไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงบท 10 ก่อน ให้คุณชวนนักศึกษามาประชุมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ถ้าเขายังไม่มาก็พยายามชวนเขาเรื่อย ๆ นักศึกษาแต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน ดังนั้นคุณต้องสังเกตว่านักศึกษาของคุณมีปัญหาอะไรที่ทำให้เขามาประชุมไม่ได้และพยายามช่วยเขา ถ้านักศึกษายังไม่มาประชุมสักที ก็อย่าเพิ่งท้อ ให้อดทนและพยายามชวนเขาเรื่อย ๆ
ช่วยนักศึกษาของคุณให้เอาชนะความกลัว
15. นักศึกษาอาจจะกลัวอะไรบ้าง?
15 คุณจำได้ไหมว่าตอนที่จะมาเป็นพยานฯ คุณกลัวอะไรบ้าง? บางทีคุณอาจกลัวที่จะประกาศตามบ้าน หรือคุณอาจกลัวเพื่อนและครอบครัวต่อต้าน ถ้าคุณเคยรู้สึกแบบนั้น คุณก็คงเข้าใจความรู้สึกของนักศึกษา พระเยซูรู้ว่าความกลัวแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ท่านเตือนสาวกของท่านไม่ให้กลัวจนเลิกรับใช้พระยะโฮวา (มธ. 10:16, 17, 27, 28) พระเยซูช่วยสาวกให้เอาชนะความกลัวได้ยังไง? และคุณจะเลียนแบบตัวอย่างของท่านได้ยังไง?
16. เราจะฝึกนักศึกษาให้ประกาศได้ยังไง?
16 ค่อย ๆ ฝึกนักศึกษาของคุณให้ประกาศ สาวกของพระเยซูอาจจะรู้สึกกลัวตอนที่ท่านบอกให้พวกเขาออกไปประกาศ แต่ท่านช่วยพวกเขาโดยบอกให้รู้ว่าพวกเขาจะต้องประกาศกับใครและประกาศเรื่องอะไร (มธ. 10:5-7) คุณจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไง? ช่วยนักศึกษาให้เห็นว่าเขาจะประกาศให้ใครฟังได้บ้าง ตัวอย่างเช่น ลองถามนักศึกษาว่าคิดถึงใครไหม ที่น่าจะได้ประโยชน์ถ้าเขาได้เรียนความจริงเรื่องนี้ หลังจากนั้น ให้ช่วยนักศึกษาเตรียมว่าจะพูดเรื่องนั้นแบบง่าย ๆ ได้ยังไง และถ้าเป็นไปได้ คุณอาจจะซ้อมกับเขาโดยใช้ส่วนที่ชื่อว่า “บางคนบอกว่า” และ “บางคนอาจถามว่า” ในหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป และพยายามฝึกนักศึกษาของคุณให้รู้วิธีตอบอย่างอ่อนโยนแต่เข้าใจง่าย ๆ โดยใช้คัมภีร์ไบเบิล
17. เราจะใช้มัทธิว 10:19, 20, 29-31 เพื่อช่วยนักศึกษาให้วางใจพระยะโฮวาได้ยังไง?
17 ช่วยนักศึกษาของคุณให้วางใจพระยะโฮวา พระเยซูทำให้สาวกของท่านมั่นใจว่าพระยะโฮวารักพวกเขาและจะช่วยเหลือพวกเขาแน่นอน (อ่านมัทธิว 10:19, 20, 29-31) คุณต้องช่วยให้นักศึกษาวางใจในพระยะโฮวาและมั่นใจว่าพระองค์จะช่วยเขาด้วยเหมือนกันโดยอธิษฐานเกี่ยวกับเป้าหมายของเขา ฟรานชิเช็คอยู่ที่โปแลนด์พูดถึงตอนที่เขาเป็นนักศึกษาว่า “ตอนที่ผู้นำการศึกษาของผมอธิษฐาน เขาจะชอบพูดถึงเป้าหมายของผมบ่อย ๆ พอผมเห็นว่าพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของผู้นำการศึกษา ผมก็เริ่มอธิษฐานด้วยตัวเอง แล้วพอได้งานใหม่ ผมก็อธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยผมให้ลางานได้เพื่อจะไปประชุมประชาคมและไปประชุมใหญ่ ผมเห็นว่าพระองค์ช่วยผมจริง ๆ ครับ”
18. พระยะโฮวารู้สึกยังไงกับสิ่งที่ผู้นำการศึกษาทำ?
18 พระยะโฮวาสนใจและเป็นห่วงนักศึกษามาก พระองค์รู้ว่าผู้นำการศึกษาต้องพยายามมากแค่ไหนเพื่อช่วยหลายคนให้เข้ามาสนิทกับพระองค์ พระองค์รักคนที่เป็นผู้นำการศึกษามาก (อสย. 52:7) ถึงคุณยังไม่มีนักศึกษา คุณก็ยังช่วยนักศึกษาของพี่น้องคนอื่นให้ก้าวหน้าจนรับบัพติศมาได้โดยไปศึกษาด้วยกันกับเขา
เพลง 60 นี่หมายถึงชีวิตผู้คน
^ วรรค 5 ในบทความนี้เราจะมาดูว่าพระเยซูช่วยคนให้มาเป็นสาวกยังไง และเราจะเลียนแบบท่านได้ยังไง นอกจากนั้น เราจะมาดูหนังสือใหม่ที่ชื่อว่าชีวิตที่มีความสุขตลอดไป หนังสือนี้ถูกออกแบบเพื่อช่วยนักศึกษาให้ก้าวหน้าจนรับบัพติศมา เราจะมาดูว่าจะใช้หนังสือนี้ยังไง
^ วรรค 7 นอกจากนั้น คุณยังหาประสบการณ์ชีวิตจริงเรื่องอื่น ๆ ได้จาก (1) คู่มือค้นคว้าสำหรับพยานพระยะโฮวา ในหัวเรื่อง “คัมภีร์ไบเบิล” ไปที่ “คุณค่าที่ใช้ได้จริง” แล้วดู “‘คัมภีร์ไบเบิลเปลี่ยนชีวิตคน’ (บทความจากหอสังเกตการณ์)” (2) ในแอป JW Library® ไปที่มีเดีย แล้วดู “การสัมภาษณ์และประสบการณ์”
^ วรรค 62 คำอธิบายภาพ พี่น้องชายกับภรรยากำลังศึกษากับผู้ชายคนหนึ่ง เขาชวนพี่น้องชายคนอื่นมาศึกษากับเขาด้วย