การสั่งสอนเป็นหลักฐานว่าพระเจ้ารักเรา
“พระยะโฮวารักใคร พระองค์ก็สั่งสอนคนนั้น”—ฮีบรู 12:6
1. คัมภีร์ไบเบิลมักพูดถึงคำว่าสั่งสอนในแง่ไหน?
คุณคิดถึงอะไรตอนที่ได้ยินคำว่า “ถูกสั่งสอน”? หลายคนอาจคิดถึงการถูกว่า ถูกตำหนิ หรือถูกลงโทษ แต่คำว่า “สั่งสอน” ในคัมภีร์ไบเบิลมีความหมายมากกว่านั้นและมีความหมายในแง่ดีด้วย คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าการสั่งสอนเป็นประโยชน์กับเรา และบางครั้งยังพูดถึงคำนี้ว่าเกี่ยวข้องกับความรู้ สติปัญญา ความรัก และชีวิต (สุภาษิต 1:2-7; 4:11-13) การสั่งสอนดีสำหรับเรา เพราะว่าเมื่อพระเจ้าสั่งสอนเราก็แสดงว่าพระองค์รักและอยากให้เรามีชีวิตตลอดไป (ฮีบรู 12:6) ก็จริงที่บางครั้งการสั่งสอนจากพระเจ้าหมายถึงการลงโทษด้วย แต่มันก็ไม่เคยโหดร้ายหรือทำร้ายเรา ที่จริง ความหมายสำคัญที่สุดของคำว่า “สั่งสอน” เกี่ยวข้องกับการสอน เช่น พ่อแม่สอนลูกที่เขารัก
2, 3. การสั่งสอนอาจหมายถึงทั้งการสอนและการลงโทษได้อย่างไร? (ดูภาพแรก)
2 ลองคิดตัวอย่างนี้ ลูกชายตัวน้อยที่ชื่อจอห์นนี่กำลังโยนลูกบอลเล่นในบ้าน แม่เลยบอกเขาว่า “จอห์นนี่! อย่าเล่นบอลในบ้าน เดี๋ยวลูกจะทำของในบ้านพัง” แต่จอห์นนี่ไม่ฟังแม่แถมยังเล่นบอลต่อ แล้วลูกบอลก็ไปโดนแจกันแตก แม่
ของจอห์นนี่จะสั่งสอนเขาอย่างไร? เธอทั้งสอนและลงโทษเขาด้วย เธอสอนเขาว่าที่เขาทำแบบนี้ทำไมถึงผิด เธออยากให้ลูกรู้ว่าการเชื่อฟังพ่อแม่มันเป็นประโยชน์สำหรับเขา พ่อแม่จำเป็นต้องตั้งกฎและกฎนั้นก็มีเหตุผล เพื่อจะช่วยให้จอห์นนี่ได้บทเรียนเธอตัดสินใจยึดลูกบอลของจอห์นนี่ไว้ช่วงหนึ่ง จอห์นนี่คงไม่ชอบแน่ ๆ แต่มันจะช่วยเขาให้จำไว้ว่าเขาต้องได้รับผลถ้าเขาไม่เชื่อฟัง3 พวกเราที่เป็นคริสเตียนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพระเจ้า (1 ทิโมธี 3:15) พระยะโฮวาพ่อของเรามีสิทธิ์ที่จะบอกว่าอะไรถูกอะไรผิด และตอนที่เราไม่เชื่อฟัง พระองค์ก็มีสิทธิ์ที่จะสั่งสอนเรา นอกจากนั้น เมื่อเราได้รับผลจากการกระทำที่ไม่ดีของเรา นี่ก็เป็นการสั่งสอนด้วยความรักจากพระยะโฮวาซึ่งเตือนเราว่าสำคัญมากแค่ไหนที่ต้องเชื่อฟังพระองค์ (กาลาเทีย 6:7) พระเจ้ารักและเป็นห่วงเรามาก พระองค์ไม่อยากให้เราต้องเจอสิ่งที่ทำให้เราเสียใจและเจ็บปวด—1 เปโตร 5:6, 7
4. (ก) พระยะโฮวาอยากให้เราฝึกคนอื่นอย่างไร? (ข) เราจะคุยเรื่องอะไรบ้างในบทความนี้?
4 เมื่อเราสั่งสอนลูกหรือนักศึกษาโดยใช้คัมภีร์ไบเบิล เราก็กำลังช่วยพวกเขาให้เป็นสาวกของพระคริสต์ เราใช้คัมภีร์ไบเบิล “สั่งสอนคนให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง” ช่วยพวกเขาให้เข้าใจและ ‘ทำตามทุกสิ่งที่พระเยซูสั่ง’ (มัทธิว 28:19, 20; 2 ทิโมธี 3:16) พระยะโฮวาอยากให้พวกเขาได้รับการฝึกแบบนี้ เพื่อพวกเขาจะช่วยคนอื่นให้เป็นสาวกของพระคริสต์ด้วย (อ่านทิตัส 2:11-14) ตอนนี้เราจะคุยกันเกี่ยวกับ 3 คำถามสำคัญ (1) การสั่งสอนจากพระเจ้าแสดงอย่างไรว่าพระองค์รักเรา? (2) เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของคนที่ถูกพระเจ้าสั่งสอน? และ (3) เราจะเลียนแบบพระเจ้าและพระคริสต์อย่างไรตอนที่ต้องสั่งสอนคนอื่น?
พระเจ้าสั่งสอนด้วยความรัก
5. การสั่งสอนจากพระยะโฮวาแสดงอย่างไรว่าพระองค์รักเรา?
5 พระยะโฮวาสอนเรา ฝึกเรา และช่วยเราให้แก้ไขตัวเองเพราะพระองค์รักเรา พระองค์อยากให้เราสนิทกับพระองค์เสมอและมีชีวิตตลอดไป (1 ยอห์น 4:16) พระองค์ไม่เคยพูดดูถูกหรือทำให้เรารู้สึกไร้ค่า (สุภาษิต 12:18) แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พระยะโฮวาให้เกียรติเรา พระองค์มองแต่ส่วนที่ดีของเราและยอมให้เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แล้วคุณล่ะ คุณมองการสั่งสอนจากพระยะโฮวาอย่างไร? คุณมองไหมว่าไม่ว่าการสั่งสอนนั้นจะมาจากคัมภีร์ไบเบิล หนังสือและสื่อต่าง ๆ ขององค์การ พ่อแม่ หรือผู้ดูแล ทั้งหมดนั้นแสดงว่าพระองค์รักคุณจริง ๆ? ที่จริง เมื่อผู้ดูแลใช้ความอ่อนโยนและความรักช่วยเราให้แก้ไขตัวเองแม้แต่ก่อนที่เราจะรู้ตัวว่าทำผิดด้วยซ้ำ พวกเขาก็กำลังเลียนแบบวิธีที่พระยะโฮวารักเรา—กาลาเทีย 6:1
6. ถึงบางคนจะถูกสั่งสอนและต้องเสียสิทธิพิเศษไป แต่นั่นยังแสดงให้เห็นความรักของพระเจ้าอย่างไร?
6 บางครั้งการสั่งสอนก็เกี่ยวข้องมากกว่าการให้คำแนะนำ เมื่อบางคนทำผิดร้ายแรง เขาอาจเสียสิทธิพิเศษหรือหน้าที่รับผิดชอบบางอย่างในประชาคม แม้แต่ในกรณีนั้น การสั่งสอนที่เขาได้รับก็แสดงว่าพระเจ้ารักเขา ตัวอย่างเช่น มันจะช่วยให้เขาเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญมากแค่ไหนที่จะใช้เวลาศึกษาคัมภีร์ไบเบิล คิดใคร่ครวญ และอธิษฐานมากขึ้น การทำแบบนี้จะช่วยให้เขากลับมาสนิทกับพระยะโฮวาเหมือนเดิม (สดุดี 19:7) เมื่อเวลาผ่านไปเขาอาจได้สิทธิพิเศษหรือหน้าที่รับผิดชอบกลับมาอีกครั้ง แม้แต่การตัดสัมพันธ์ก็เป็นการสั่งสอนที่แสดงให้เห็นความรักของพระยะโฮวา เพราะมันเป็นการปกป้องประชาคมจากอิทธิพลที่ไม่ดี (1 โครินธ์ 5: 6, 7, 11) และเนื่องจากการสั่งสอนจากพระเจ้ายุติธรรมเสมอ มันจึงช่วยคนที่ถูกตัดสัมพันธ์ให้เข้าใจว่าความผิดที่เขาทำร้ายแรงแค่ไหน และจะช่วยให้เขากลับใจ—กิจการ 3:19
การสั่งสอนจากพระยะโฮวาเป็นประโยชน์ต่อเรา
7. เชบนาเป็นใคร? และเขากลายเป็นคนแบบไหน?
7 เพื่อจะเข้าใจว่าการสั่งสอนเป็นเรื่องสำคัญมากแค่ไหน เราจะพูดถึง 2 คนที่เคยถูกพระยะโฮวาสั่งสอน คนหนึ่งคือเชบนา ชาวอิสราเอลซึ่งมีชีวิตในสมัยกษัตริย์เฮเซคียาห์ และอีกคนหนึ่งคือเกรแฮมพี่น้องในสมัยของเรา เชบนาเป็นคนที่มีอำนาจมาก เขาเป็น “ผู้ดูแลวังของกษัตริย์” เฮเซคียาห์ (อิสยาห์ 22:15) ต่อมาเชบนากลายเป็นคนหยิ่งและอยากให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นคนสำคัญ เขาถึงขั้นสร้างที่ฝังศพราคาแพงให้ตัวเองและนั่ง “รถศึกคันงาม”—อิสยาห์ 22:16-18
8. พระยะโฮวาสั่งสอนเชบนาอย่างไร? และผลเป็นอย่างไร?
8 เพราะเชบนาอยากมีหน้ามีตาและพยายามให้คนอื่นมายกย่องเขา พระเจ้าจึงเอางานมอบหมายของเขาให้เอลียาคิม (อิสยาห์ 22:19-21) เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่กษัตริย์เซนนาเคอริบวางแผนโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม ต่อมาเซนนาเคอริบได้ส่งพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงกับกองทัพใหญ่มาข่มขู่ชาวยิวและกษัตริย์เฮเซคียาห์ให้ยอมแพ้ (2 พงศ์กษัตริย์ 18:17-25) เฮเซคียาห์ส่งเอลียาคิมกับผู้ชายอีก 2 คนไปพบเจ้าหน้าที่เหล่านั้น หนึ่งใน 2 คนนั้นก็คือเชบนาซึ่งตอนนั้นเป็นแค่เลขานุการ จากเรื่องนี้เราเห็นว่าเชบนาคงได้เรียนที่จะเป็นคนถ่อม เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ โกรธไม่ยอมหาย หรือสงสารตัวเอง แต่เขาเต็มใจยอมรับตำแหน่งที่สำคัญน้อยกว่า ตอนนี้ให้เรามาดูบทเรียน 3 อย่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเชบนา
9-11. (ก) เราได้บทเรียนสำคัญอะไรจากตัวอย่างของเชบนา? (ข) คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับวิธีที่พระยะโฮวาปฏิบัติต่อเชบนา?
9 อย่างแรก การที่เชบนาสูญเสียตำแหน่งเตือนเราว่า “ความหยิ่งทำให้พินาศ” (สุภาษิต 16:18) เราอาจมีสิทธิพิเศษในประชาคมและคนอื่นอาจมองว่าเราเป็นคนสำคัญ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะยังเป็นคนถ่อมไหม? เราจะคิดอยู่เสมอไหมว่าความสามารถและความสำเร็จของเราเป็นเพราะพระยะโฮวาช่วย? (1 โครินธ์ 4:7) อัครสาวกเปาโลเตือนว่า “ผมจึงขอบอกพวกคุณทุกคนว่า อย่าคิดถึงตัวเองมากเกินไป แต่ให้คิดอย่างสมเหตุสมผล”—โรม 12:3
10 อย่างที่ 2 การที่พระยะโฮวาให้คำแนะนำแรง ๆ กับเชบนาแสดงว่าพระองค์เชื่อว่าเชบนาสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ (สุภาษิต 3:11, 12) นี่เป็นบทเรียนสำหรับคนที่ สูญเสียสิทธิพิเศษ แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจหรือโกรธไม่ยอมหาย เขาสามารถให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพระยะโฮวา และมองว่าการสั่งสอนที่เขาได้รับแสดงว่าพระองค์รักเขา ขอจำไว้ว่าในที่สุดพระยะโฮวาพ่อของเราจะให้รางวัลคนถ่อมแน่นอน (อ่าน 1 เปโตร 5:6, 7) ถ้าเราเป็นคนถ่อม และเป็นดินเหนียวที่อ่อนนุ่ม การสั่งสอนจากพระยะโฮวาจะปั้นเรา และเราจะเป็นคนที่พระองค์อยากให้เราเป็น
11 อย่างที่ 3 เราได้บทเรียนที่มีค่าจากวิธีที่พระยะโฮวาปฏิบัติต่อเชบนา นอกจากวิธีที่พระยะโฮวาสั่งสอนจะแสดงให้เห็นว่าพระองค์เกลียดความบาปแล้ว มันยังแสดงให้เห็นว่าพระองค์รักคนนั้นถึงเขาได้ทำบาป พระยะโฮวามองหาสิ่งดีในตัวผู้คน ถ้าคุณเป็นพ่อแม่หรือผู้ดูแล คุณจะเลียนแบบวิธีสั่งสอนของพระยะโฮวาไหม?—ยูดา 22, 23
12-14. (ก) บางคนมีปฏิกิริยาอย่างไรตอนที่ถูกพระยะโฮวาสั่งสอน? (ข) คัมภีร์ไบเบิลช่วยพี่น้องชายคนหนึ่งอย่างไรให้เปลี่ยนความคิด? และผลเป็นอย่างไร?
12 น่าเสียดายที่บางคนรู้สึกเจ็บปวดมากตอนที่เขาถูกสั่งสอนจนทำให้เขาทิ้งพระเจ้าและประชาคม (ฮีบรู 3:12, 13) นี่หมายความว่าไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ไหม? ไม่ ขอคิดถึงตัวอย่างของเกรแฮมซึ่งเคยถูกตัดสัมพันธ์และต่อมาก็ถูกรับกลับมาเป็นพยานฯ อีก แต่หลังจากนั้น เขาเลิกไปประกาศและไม่ไปประชุม ผู้ดูแลคนหนึ่งพยายามเป็นเพื่อนกับเขาและในที่สุดเขาก็ขอให้ผู้ดูแลศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับเขา
13 ผู้ดูแลคนนั้นบอกว่า “ปัญหาของเกรแฮมคือความหยิ่ง เขาวิพากษ์วิจารณ์พวกผู้ดูแลที่ตัดสัมพันธ์เขา ในการศึกษาสองสามครั้งต่อมา เราเลยคุยกันเกี่ยวกับข้อพระคัมภีร์บางข้อเรื่องความหยิ่งและผลของมัน พอเกรแฮมอ่านคำสอนของพระเจ้าที่เป็นเหมือนกระจก เขามองเห็นตัวเองชัดขึ้นว่าเขาเป็นยังไงจริง ๆ และไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองเห็นเลย ผลที่เกิดขึ้นกับเขามันน่าทึ่งจริง ๆ! เขายอมรับว่าความหยิ่งเป็นเหมือน ‘ท่อนไม้’ ที่บังตาเขาไว้ และการชอบวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นปัญหาใหญ่ของเขา พอยอมรับอย่างนั้นแล้ว เขาก็เปลี่ยนตัวเองทันที เขาเริ่มไปประชุมเป็นประจำ ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างจริงจัง และอธิษฐานทุกวันจนเป็นนิสัย และเขายังทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างดีโดยดูแลให้ครอบครัวของเขามีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระยะโฮวา ซึ่งทำให้ภรรยาและลูก ๆ มีความสุขมาก”—ลูกา 6:41, 42; ยากอบ 1:23-25
14 ผู้ดูแลพูดอีกว่า “วันหนึ่งเกรแฮมพูดบางอย่างที่โดนใจผม เขาบอกว่า ‘ผมรู้จักความจริงมานานหลายปี เคยรับใช้เป็นไพโอเนียร์ด้วย แต่ผมเพิ่งพูดได้เต็มปากว่าผมรักพระยะโฮวาก็ตอนนี้แหละ’” ไม่นานเกรแฮมก็ได้รับมอบหมายให้ช่วยถือไมโครโฟนในการประชุมและเขามีความสุขมากที่ได้ทำงานนั้น ผู้ดูแลบอกว่า “ตัวอย่างของเขาสอนผมว่าเมื่อเราถ่อมตัวลงยอมรับการสั่งสอนจากพระเจ้า พรจากพระองค์ก็จะหลั่งไหลเข้ามาในชีวิตเราไม่ขาดสาย”
เลียนแบบพระเจ้าและพระคริสต์ตอนที่คุณต้องสั่งสอนคนอื่น
15. เราต้องทำอะไรเพื่อการสั่งสอนของเราจะได้ผลดี?
15 ถ้าเราอยากเป็นครูที่ดี เราก็ต้องเป็นนักเรียนที่ดีก่อน (1 ทิโมธี 4:15, 16) เหมือนกัน ถ้าคุณเป็นคนที่พระยะโฮวาใช้ให้สั่งสอนคนอื่น คุณต้องถ่อมตัว เต็มใจยอมรับการสั่งสอนจากพระยะโฮวา และทำตามการชี้นำของพระองค์ก่อน เมื่อคนอื่นเห็นว่าคุณเป็นคนถ่อม พวกเขาจะนับถือคุณและเป็นเรื่องง่ายขึ้นที่พวกเขาจะยอมรับคำแนะนำจากคุณ ให้เรามาดูตัวอย่างของพระเยซู
16. เราเรียนอะไรได้จากการสั่งสอนที่มีประสิทธิภาพของพระเยซู?
มัทธิว 26:39) ท่านบอกผู้ฟังเสมอว่าสติปัญญาของท่านและสิ่งที่ท่านสอนมาจากพ่อของท่าน (ยอห์น 5:19, 30) พระเยซูเป็นคนถ่อมและเชื่อฟัง ท่านจึงเป็นครูที่เห็นอกเห็นใจคนอื่น และผู้คนที่จริงใจชอบมาหาท่านและฟังท่านสอน (อ่านมัทธิว 11:29) คำพูดที่ดีและอ่อนโยนของพระเยซูให้กำลังใจคนที่ท้อใจและเหน็ดเหนื่อย (มัทธิว 12:20) ท่านใช้ความอ่อนโยนและความรักช่วยพวกอัครสาวกให้แก้ไขตัวเอง ทั้ง ๆ มันน่ารำคาญจริง ๆ ตอนที่พวกเขาทะเลาะกันว่าใครเป็นใหญ่ที่สุด—มาระโก 9:33-37; ลูกา 22:24-27
16 พระเยซูเชื่อฟังพ่อของท่านเสมอ แม้แต่ตอนที่เป็นเรื่องยากมาก (17. ผู้ดูแลต้องมีนิสัยอะไรที่จะช่วยพวกเขาให้ดูแลประชาคมได้ดี?
17 ทุกครั้งที่ผู้ดูแลสั่งสอนพี่น้องจากคัมภีร์ไบเบิล เขาต้องเลียนแบบพระคริสต์ เมื่อทำอย่างนั้นเขาก็แสดงว่าเขาอยากให้พระเจ้าและพระเยซูชี้นำ อัครสาวกเปโตรเขียนว่า “ให้เอาใจใส่ฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของพวกคุณ ให้ทำหน้าที่ผู้ดูแล ไม่ใช่แบบฝืนใจแต่ทำอย่างเต็มใจให้พระเจ้า ไม่ใช่เพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเองแต่ทำอย่างกระตือรือร้น ไม่ใช่ทำตัวเป็นนายเหนือคนที่เป็นทรัพย์สมบัติของพระเจ้า แต่เป็นตัวอย่างให้ฝูงแกะ” (1 เปโตร 5:2-4) ถ้าผู้ดูแลเต็มใจยอมอยู่ใต้อำนาจพระเจ้าและพระคริสต์ เขาจะทำให้ตัวเองและพี่น้องที่เขาดูแลได้รับประโยชน์—อิสยาห์ 32:1, 2, 17, 18
18. (ก) พระยะโฮวาคาดหมายอะไรจากพ่อแม่? (ข) พระเจ้าจะช่วยพ่อแม่อย่างไร?
18 แล้วการสั่งสอนในครอบครัวล่ะ? พระยะโฮวาบอกหัวหน้าครอบครัวว่า “อย่ายั่วลูกให้หงุดหงิด แต่ให้เลี้ยงดูเขาด้วยคำสั่งสอนและคำตักเตือนจากพระยะโฮวา” (เอเฟซัส 6:4) จำเป็นจริง ๆ ไหมที่จะต้องสั่งสอน? เราอ่านที่สุภาษิต 19:18 ว่า “ให้อบรมสั่งสอนลูกของคุณเมื่อยังพอมีหวัง อย่าเป็นต้นเหตุให้เขาต้องตายเลย” พระยะโฮวาให้พ่อแม่มีหน้าที่รับผิดชอบในการสั่งสอนลูกของเขา ถ้าเขาไม่ทำ เขาต้องรับผิดชอบเรื่องนั้นต่อพระองค์ (1 ซามูเอล 3:12-14) พระยะโฮวาจะให้กำลังและสติปัญญาที่จำเป็นกับพ่อแม่ ถ้าเขาอธิษฐานขอให้พระองค์ช่วย ให้พลังบริสุทธิ์ของพระองค์ชี้นำ และทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล—อ่านยากอบ 1:5
เรียนวิธีที่จะมีชีวิตตลอดไปอย่างสงบสุข
19, 20. (ก) พรอะไรที่เราจะได้รับเมื่อเรายอมรับการสั่งสอนจากพระเจ้า? (ข) เราจะคุยเรื่องอะไรบ้างในบทความหน้า?
19 ถ้าเรายอมรับการสั่งสอนจากพระยะโฮวาและเลียนแบบวิธีที่พระองค์กับพระเยซูสั่งสอน เราจะได้รับพรมากมาย ครอบครัวและประชาคมของเราจะสงบสุข ทุกคนจะรู้สึกว่าตัวเองมีค่า เป็นที่รัก และมั่นคงปลอดภัย นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของความสงบและความสุขที่เราจะมีในอนาคต (สดุดี 72:7) การสั่งสอนจากพระยะโฮวาเตรียมเราที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไปอย่างมีความสงบสุข และเป็นครอบครัวที่เป็นหนึ่งเดียวซึ่งมีพระยะโฮวาพ่อของเราดูแล (อ่านอิสยาห์ 11:9) ถ้าเรามองการสั่งสอนจากพระเจ้าในแง่มุมนี้ เราจะเข้าใจว่าการสั่งสอนหมายถึงอะไรจริง ๆ การสั่งสอนเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมที่พระเจ้าแสดงความรักต่อเรา
20 ในบทความหน้า เราจะเรียนมากขึ้นเกี่ยวกับการสั่งสอนในครอบครัวและในประชาคม เราจะคุยกันถึงวิธีที่เราจะสอนตัวเอง นอกจากนั้น ถึงการถูกสั่งสอนจะทำให้เราเจ็บก็จริง แต่เราจะมาดูว่าเราจะหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เจ็บมากกว่านั้นได้อย่างไร