การแสดงน้ำใจต้อนรับแขกทำให้มีความสุขและสำคัญมาก!
“ให้ยินดีต้อนรับกันโดยไม่บ่น”—1 เปโตร 4:9
1. คริสเตียนในศตวรรษแรกเจอสภาพการณ์อะไร?
ระหว่างปีคริสต์ศักราช 62 และ 64 อัครสาวกเปโตรเขียนจดหมายถึง “ผู้ถูกเลือกซึ่งเป็นคนอาศัยชั่วคราวในโลกนี้ และกระจัดกระจายอยู่ในแคว้นปอนทัส แคว้นกาลาเทีย แคว้นคัปปาโดเซีย แคว้นเอเชีย และแคว้นบิธีเนีย” (1 เปโตร 1:1) พี่น้องที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมเหล่านี้ซึ่งอยู่ในประชาคมต่าง ๆ ในเอเชียไมเนอร์ต้องการกำลังใจและคำแนะนำ พวกเขากำลังเจอ “การทดสอบที่เป็นเหมือนไฟ” ซึ่งก็คือการข่มเหง นอกจากนั้น พวกเขาอยู่ในช่วงเวลาวิกฤติ เปโตรเขียนว่า “จุดจบของทุกสิ่งมาใกล้แล้ว” อีกไม่ถึง 10 ปีกรุงเยรูซาเล็มจะถูกทำลาย แล้วอะไรจะช่วยคริสเตียนในที่ต่าง ๆ ให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นได้?—1 เปโตร 4:4, 7, 12
2, 3. ทำไมเปโตรกระตุ้นพี่น้องให้แสดงน้ำใจต้อนรับ? (ดูภาพแรก)
2 สิ่งหนึ่งที่เปโตรกระตุ้นให้พี่น้องคริสเตียนของเขาทำคือ “ให้ยินดีต้อนรับกัน” (1 เปโตร 4:9) คำว่า “การยินดีต้อนรับ” หรือการมีน้ำใจต้อนรับในภาษากรีกแปลตรงตัวได้ว่า “ความชื่นชอบหรือความเมตตาต่อคนแปลกหน้า” แต่ที่น่าสังเกตคือ เปโตรกระตุ้นพี่น้องคริสเตียนให้ต้อนรับ “กัน” ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องต้อนรับคนที่รู้จักและทำอะไร ๆ ด้วยกันอยู่แล้ว การแสดงน้ำใจต้อนรับกันช่วยพวกเขาอย่างไรให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นได้?
3 การแสดงน้ำใจต้อนรับจะทำให้พวกเขาสนิทกันมากขึ้น ลองคิดถึงเรื่องของคุณเองดูสิ คุณจำช่วงเวลาดี ๆ ตอนที่มีคนชวนคุณไปที่บ้านได้ไหม? และตอนที่คุณชวนใครบางคนมาที่บ้านคุณ มันทำให้คุณสนิทกับเขามากขึ้นใช่ไหม? การแสดงน้ำใจต้อนรับแขกจะทำให้เรารู้จักพี่น้องและสนิทกับพวกเขามากขึ้น คริสเตียนที่อยู่ในสมัยของเปโตรต้องยิ่งสนิทกันมากขึ้นเมื่อสถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อย ๆ เราก็ต้องทำแบบเดียวกันใน “สมัยสุดท้าย” นี้—2 ทิโมธี 3:1
4. คำถามอะไรบ้างที่เราจะคุยกันในบทความนี้?
4 เราจะแสดงน้ำใจ “ต้อนรับกัน” ได้อย่างไรบ้าง? อะไรอาจเป็นอุปสรรคไม่ให้เราแสดงน้ำใจต้อนรับแขก แล้วเราจะเอาชนะอุปสรรคนั้นได้อย่างไร? อะไรจะช่วยให้เราเป็นแขกที่ดีได้?
โอกาสที่จะแสดงน้ำใจต้อนรับแขก
5. เราจะแสดงน้ำใจต้อนรับแขกที่การประชุมได้อย่างไร?
5 ที่การประชุม พระยะโฮวาและองค์การของพระองค์เป็นเจ้าภาพเชิญเรามาประชุมร่วมกัน เราอยากให้ทุกคนที่เข้ามาการประชุมรู้สึกว่าได้รับการต้อนรับโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนใหม่ ๆ เพิ่งมาครั้งแรก (โรม 15:7) พวกเขาเป็นแขกของพระยะโฮวาและเราเป็นเจ้าภาพร่วมกับพระองค์ ดังนั้น เราต้องทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจและต้อนรับพวกเขาไม่ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรหรือแต่งตัวแบบไหน (ยากอบ 2:1-4) ถ้าคุณเห็นคนใหม่ที่ไม่รู้จักใครมาร่วมประชุม คุณจะชวนเขามานั่งกับคุณได้ไหม? เขาคงจะรู้สึกขอบคุณถ้าคุณช่วยเปิดคัมภีร์ไบเบิลและช่วยให้เขาตามการประชุมทัน นี่เป็นวิธีที่ดีมากในการ “มีน้ำใจต้อนรับแขก”—โรม 12:13
6. ใครคือคนที่เราควรแสดงน้ำใจต้อนรับมากที่สุด?
6 เลี้ยงอาหารหรือของว่าง ผู้คนในสมัยคัมภีร์ไบเบิลมักจะชวนแขกไปที่บ้านเพื่อเลี้ยงอาหาร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการเป็นเพื่อนกันและมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน (ปฐมกาล 18:1-8; ผู้วินิจฉัย 13:15; ลูกา 24:28-30) แล้วใครคือคนที่เราควรแสดงน้ำใจต้อนรับมากที่สุด? ก็ควรจะเป็นพี่น้องในประชาคมของเราจริงไหม? เมื่อโลกนี้กำลังแย่ลงเรื่อย ๆ เราต้องพึ่งพี่น้องของเราและเราต้องเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของพวกเขา ในปี 2011 คณะกรรมการปกครองได้เปลี่ยนเวลาการศึกษาหอสังเกตการณ์ ประจำครอบครัวเบเธลในสหรัฐจากเวลา 18:45 น. มาเป็น 18:15 น. ทำไมถึงต้องเปลี่ยน? คำประกาศเกี่ยวกับเรื่องนี้บอกว่า ถ้าเลิกประชุมเร็ว มันจะง่ายขึ้นสำหรับพี่น้องเบเธลที่จะแสดงน้ำใจต้อนรับแขกโดยชวนพี่น้องมาที่ห้อง และมันจะง่ายขึ้นสำหรับคนที่ถูกชวนด้วย สำนักงานสาขาอื่น ๆ ก็ทำแบบเดียวกัน นี่เป็นโอกาสดีที่พี่น้องเบเธลจะได้รู้จักและสนิทกันมากขึ้น
7, 8. เราจะแสดงน้ำใจต้อนรับพี่น้องที่มาบรรยายได้อย่างไร?
7 บางครั้งมีผู้บรรยายจากที่อื่นมาที่ประชาคมเรา พวกเขาอาจจะเป็นพี่น้องจากประชาคมอื่น เป็นผู้ดูแลหมวด หรือตัวแทนจากเบเธล เราจะถือโอกาสแสดงน้ำใจต้อนรับแขกเหล่านี้ได้ไหม? (อ่าน 3 ยอห์น 5-8) วิธีหนึ่งที่เราสามารถทำได้คือชวนเขาไปกินข้าวหรือของว่างด้วยกัน คุณจะทำอย่างนั้นได้ไหม?
8 พี่น้องหญิงคนหนึ่งในสหรัฐจำได้ว่า “หลายปีที่ผ่านมา ฉันกับสามีได้มีโอกาสชวนผู้บรรยายหลายคนกับภรรยามาที่บ้านของเรา” เธอรู้สึกว่าทุกครั้งที่ชวนพวกเขามา มันช่วยให้เธอมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น แถมยังสนุกมากด้วย เธอบอกว่า “เราไม่เคยผิดหวังจริง ๆ”
9, 10. (ก) ใครบ้างที่อาจมาพักกับเรานานหน่อย? (ข) คนที่มีบ้านหลังเล็กจะให้ที่พักกับคนอื่นได้ไหม? ขอยกตัวอย่าง
โยบ 31:32; ฟีเลโมน 22) ทุกวันนี้เราอาจต้องทำแบบเดียวกันด้วย ประชาคมต่าง ๆ อาจต้องเตรียมที่พักให้กับผู้ดูแลหมวดตอนที่เขามาเยี่ยม หรือตอนที่มีโรงเรียนต่าง ๆ ขององค์การ นักเรียนอาจต้องการที่พัก หรืออาสาสมัครก่อสร้างก็อาจต้องการที่พักด้วยเหมือนกัน นอกจากนั้น อาจมีพี่น้องที่เจอภัยพิบัติซึ่งบ้านพวกเขาพังจนอยู่ไม่ได้ พวกเขาอาจต้องการที่พักจนกว่าบ้านจะซ่อมเสร็จ ไม่ว่าในกรณีไหน เราไม่ควรคิดว่าเฉพาะพี่น้องที่มีบ้านหลังใหญ่ ๆ เท่านั้นที่ช่วยได้ พี่น้องเหล่านั้นอาจทำมาเยอะแล้วก่อนหน้านี้ จริง ๆ แล้ว คุณเองก็สามารถให้พี่น้องมาพักได้แม้ว่าที่พักของคุณจะเล็กก็ตาม
9 แขกที่มาพักนานหน่อย ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล เป็นเรื่องปกติที่จะให้แขกมาพักที่บ้าน (10 พี่น้องชายคนหนึ่งในเกาหลีใต้จำได้ดีตอนที่มีนักเรียนที่เข้าโรงเรียนขององค์การมาพักกับเขา เขาเขียนว่า “ตอนแรกผมลังเลเพราะผมเพิ่งแต่งงานและบ้านเราก็หลังเล็กนิดเดียว แต่พอเราได้ต้อนรับพวกนักเรียนให้มาอยู่กับเรา เรามีความสุขจริง ๆ เลยครับ เราได้เห็นว่าสามีภรรยาที่รับใช้พระยะโฮวาและทำตามเป้าหมายด้วยกันจะมีความสุขมาก ประสบการณ์นี้ช่วยเราจริง ๆ ครับเพราะเราเพิ่งแต่งงาน”
11. ทำไมคุณควรแสดงน้ำใจต้อนรับพี่น้องที่เพิ่งย้ายมาใหม่?
11 พี่น้องที่เพิ่งย้ายมาใหม่ ประชาคมของคุณอาจมีพี่น้องบางคนหรือบางครอบครัวย้ายมา พวกเขาอาจตั้งใจย้ายมาเองเพื่อช่วยประชาคมของคุณ หรือพวกเขาอาจเป็นไพโอเนียร์ที่ได้รับมอบหมายให้มา นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับพวกเขา พวกเขาต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ประชาคมใหม่ และอาจต้องเรียนภาษาใหม่หรือวัฒนธรรมใหม่ด้วย คุณจะชวนพวกเขากินข้าวหรือของว่าง บางทีอาจไปข้างนอกหรือไปเที่ยวด้วยกันได้ไหม? วิธีนี้จะช่วยให้พวกเขาได้เพื่อนใหม่และปรับตัวได้ง่ายขึ้น
12. ประสบการณ์อะไรแสดงให้เห็นว่าเพื่อจะแสดงน้ำใจต้อนรับได้ ไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรมากมายหลายอย่าง?
12 เพื่อจะแสดงน้ำใจต้อนรับได้ ไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรมากมายหลายอย่าง (อ่านลูกา 10: 41, 42) พี่น้องชายคนหนึ่งคิดถึงตอนที่เขากับภรรยาเริ่มเป็นมิชชันนารี เขาเล่าว่า “ตอนนั้นพวกเรายังอายุน้อย ไม่มีประสบการณ์ แล้วก็คิดถึงบ้าน เย็นวันหนึ่งภรรยาของผมกำลังคิดถึงบ้านมาก ผมพยายามปลอบแต่ก็ไม่ได้ผล ประมาณทุ่มครึ่งมีคนมาเคาะประตู นักศึกษาคนหนึ่งเอาส้มมาให้เรา 3 ลูก เธออยากจะต้อนรับเราที่เป็นมิชชันนารีใหม่ เราชวนเธอเข้ามาในบ้านแล้วเอาน้ำให้เธอกิน จากนั้นเราก็ชงชาและช็อกโกแลตร้อน เรายังพูดภาษาสวาฮิลีไม่ได้ แถมเธอก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้” แต่พี่น้องชายคนนั้นบอกว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยเขากับภรรยาให้เป็นเพื่อนกับพี่น้องท้องถิ่นและทำให้เขาสองคนมีความสุขมากขึ้น
อย่าให้อะไรเป็นอุปสรรคที่คุณจะแสดงน้ำใจต้อนรับแขก
13. ถ้าคุณแสดงน้ำใจต้อนรับแขก คุณจะได้ประโยชน์อะไร?
13 คุณเคยลังเลที่จะแสดงน้ำใจต้อนรับแขกไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็อาจพลาดโอกาสที่จะมีช่วงเวลาที่มีความสุขและพลาดโอกาสที่จะได้เพื่อนที่รักกันตลอดไป ถ้าคุณรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว การแสดงน้ำใจต้อนรับแขกเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยคุณไม่ให้รู้สึกอย่างนั้นอีกต่อไป แต่ทำไมบางคนลังเลที่จะแสดงน้ำใจต้อนรับ? ต่อไปนี้เป็นสาเหตุบางอย่าง
14. ถ้าเรารู้สึกว่าไม่มีเวลาหรือไม่มีแรงพอที่จะต้อนรับแขก เราควรทำอะไร?
14 เวลาและแรง ผู้รับใช้พระยะโฮวามีงานยุ่งมากและมีหน้าที่รับผิดชอบหลายอย่าง บางคนอาจรู้สึกว่าไม่มีฮีบรู 13:2) ดังนั้น การแสดงน้ำใจต้อนรับแขกเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่คุณอาจต้องลดเวลาในการทำสิ่งที่สำคัญน้อยกว่า
เวลาหรือไม่มีแรงพอที่จะต้อนรับใคร ถ้าคุณรู้สึกแบบนั้น คุณอาจต้องเปลี่ยนตารางเวลาเพื่อสามารถแสดงน้ำใจต้อนรับแขกหรือตอบรับคำชวนของคนอื่น นี่เป็นเรื่องสำคัญเพราะคัมภีร์ไบเบิลกระตุ้นให้เราแสดงน้ำใจต้อนรับแขก (15. ทำไมบางคนรู้สึกว่าไม่สามารถแสดงน้ำใจต้อนรับแขกได้?
15 วิธีที่คุณมองตัวเอง คุณเคยอยากแสดงน้ำใจต้อนรับแขกแต่รู้สึกว่าทำไม่ได้ไหม? อาจเป็นเพราะคุณขี้อายและกลัวว่าแขกจะเบื่อ หรือคุณอาจไม่ค่อยมีเงินและกลัวว่าคุณไม่สามารถต้อนรับแขกของคุณได้ดีเท่ากับพี่น้องคนอื่น ๆ จำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีบ้านหรูเพื่อเอาไว้ต้อนรับแขก แต่ถ้ามันสะอาดเรียบร้อยและคุณต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง แขกของคุณก็มีความสุขมากแล้ว
16, 17. ถ้าคุณรู้สึกกังวลเรื่องการต้อนรับแขก อะไรจะช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้น?
16 ถ้าคุณรู้สึกกังวลเรื่องการต้อนรับแขก คุณก็ไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว ผู้ดูแลคนหนึ่งในบริเตนยอมรับว่า “การเตรียมต้อนรับแขกทำให้รู้สึกเครียดเหมือนกัน แต่การต้อนรับแขกก็เหมือนกับการรับใช้พระยะโฮวาในด้านอื่น ๆ ตรงที่มันทำให้เรามีความสุขและได้ประโยชน์มาก ถึงมันอาจทำให้เครียดแต่ก็คุ้มจริง ๆ แค่ได้นั่งกินกาแฟและคุยกับแขก ผมก็มีความสุขแล้ว” วิธีหนึ่งที่ช่วยได้ก็คือการสนใจแขก (ฟีลิปปี 2:4) คนส่วนใหญ่ชอบเล่าประสบการณ์ในชีวิต และโอกาสเดียวที่เราอาจจะได้ฟังประสบการณ์ของพวกเขาก็คือตอนที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ผู้ดูแลคนหนึ่งเขียนว่า “การชวนเพื่อนที่ประชาคมมาบ้านช่วยให้ผมเข้าใจพวกเขาดีขึ้นและทำให้ผมมีเวลาทำความรู้จักพวกเขา โดยเฉพาะทำให้รู้ว่าพวกเขามารู้จักความจริงได้ยังไง” ถ้าคุณสนใจแขก คุณก็ทำให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับทุกคน
17 ไพโอเนียร์หญิงคนหนึ่งที่ชอบให้นักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ขององค์การมาพักที่บ้านเธอบ่อย ๆ ยอมรับว่า “ตอนแรกฉันก็กังวลเพราะห้องพักของฉันแทบไม่มีอะไรเลย แถมยังใช้เฟอร์นิเจอร์มือสอง แต่ภรรยาของผู้สอนคนหนึ่งทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ เธอบอกว่าตอนที่เธอเดินหมวดกับสามี สัปดาห์ไหนที่ได้พักกับพี่น้องที่มีความเชื่อเข้มแข็ง มันเป็นสัปดาห์ที่เขาสองคนมีความสุขมาก เพราะถึงพี่น้องเหล่านั้นไม่ได้รวยแต่พวกเขาให้การรับใช้พระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญและใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนกับเธอและสามี นี่ทำให้ฉันนึกถึงสิ่งที่แม่เคยพูดกับพวกเราตอนเด็ก ๆ ว่า ‘มีผักกินชามเดียวท่ามกลางความรักก็ดีกว่า’” (สุภาษิต 15:17) คุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป เพราะสิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือความรักที่คุณมีต่อแขก
18, 19. การที่เราแสดงน้ำใจต้อนรับแขกช่วยเราอย่างไรให้เอาชนะความรู้สึกไม่ดีต่อคนอื่น?
18 วิธีที่คุณมองคนอื่น มีใครในประชาคมที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดีไหม? ถ้าคุณไม่พยายามเอาชนะความรู้สึกนี้ คุณจะรู้สึกไม่ชอบเขาไปตลอด และเพราะคุณไม่ชอบบุคลิกของเขา คุณอาจเลยไม่อยากชวนเขาไปบ้าน หรืออาจมีคนทำให้คุณเจ็บ แล้วคุณก็ลืมไม่ได้
19 คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า ถ้าคุณแสดงน้ำใจต้อนรับแขก คุณจะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคนอื่นดีขึ้น แม้แต่กับศัตรูด้วยซ้ำ (อ่านสุภาษิต 25:21, 22) ถ้าคุณชวนบางคนไปที่บ้าน คุณอาจเอาชนะความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเขาได้ และคุณกับเขาอาจมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น คุณอาจจะเริ่มเห็นส่วนดีของเขาเหมือนที่พระยะโฮวาเห็นตอนที่พระองค์ชักนำเขาให้รู้จักความจริงในคัมภีร์ไบเบิล (ยอห์น 6:44) ถ้าคุณแสดงความรักกับพี่น้องโดยชวนคนที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะถูกชวน มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับเขาดีขึ้น แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณชวนเขาเพราะคุณรักเขา? แล้วคุณจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? วิธี หนึ่งคือการใช้คำแนะนำในฟีลิปปี 2:3 “ให้ถ่อมตัวและมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง” เราต้องมองว่าพี่น้องมีหลายอย่างที่ดีกว่าเราจริง ๆ ลองคิดว่าพี่น้องของเราดีกว่าเราในด้านไหนบ้าง บางทีเราสามารถเรียนรู้หลายสิ่งจากพวกเขาได้ เช่น ความเชื่อ ความอดทน หรือคุณลักษณะแบบคริสเตียนอื่น ๆ การคิดถึงคุณลักษณะที่ดีของพวกเขาจะช่วยให้เรารักพวกเขามากขึ้นและทำให้เราแสดงน้ำใจต้อนรับแขกได้ง่ายขึ้น
เป็นแขกที่ดี
20. เมื่อมีคนชวนเรา ทำไมเราต้องเป็นคนรักษาสัญญา? และเราจะเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร?
20 ดาวิดผู้เขียนหนังสือสดุดีถามว่า “พระยะโฮวา ใครจะได้เป็นแขกในเต็นท์ของพระองค์?” (สดุดี 15:1) หลังจากนั้น ดาวิดพูดถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาต้องการให้แขกของพระองค์มี หนึ่งในนั้นคือ ต้องเป็นคนรักษาสัญญา ดาวิดบอกว่า “เขาไม่ผิดสัญญาแม้จะต้องเสียผลประโยชน์” (สดุดี 15:4) ถ้ามีคนชวนเราและเรารับปากแล้ว เราไม่ควรยกเลิกเว้นแต่จะเกิดเหตุสุดวิสัยจริง ๆ คนที่ชวนเราอาจเตรียมสิ่งต่าง ๆ ไว้ต้อนรับเราแล้วและถ้าเรายกเลิกนัด ความพยายามทั้งหมดของเขาจะสูญเปล่า (มัทธิว 5:37) บางคนยกเลิกนัดของคนหนึ่งเพราะเห็นว่าของอีกคนหนึ่งดีกว่า คุณคิดว่าการทำแบบนี้เป็นการแสดงความรักและความนับถือไหม? เราควรจะเห็นคุณค่าไม่ว่าคนที่ชวนเราไปจะเตรียมอะไรไว้ให้ (ลูกา 10:7) ถ้าจำเป็นต้องยกเลิกนัดจริง ๆ มันจะเป็นการแสดงความรักและคิดถึงความรู้สึกของเขา ถ้าเราบอกให้เขารู้ล่วงหน้าเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
21. การเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่นช่วยเราอย่างไรให้เป็นแขกที่ดี?
21 การเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่นก็สำคัญด้วย ในบางวัฒนธรรม การมีแขกมาหาโดยไม่ได้นัดไว้ก่อนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่บางวัฒนธรรม ถ้าเราจะไปหาใครเราต้องบอกเขาล่วงหน้าก่อน บางประเทศ เจ้าของบ้านจะเตรียมอาหารที่ดีที่สุดไว้ให้แขก ส่วนคนอื่นในครอบครัวจะกินอาหารธรรมดา แต่บางประเทศ ทุกคนจะกินอาหารเหมือน ๆ กัน และในบางแห่ง ปกติแขกจะเอาอาหารมาสมทบด้วย แต่บางแห่งเจ้าของบ้านก็ไม่ต้องการให้แขกเอาอะไรมา บางวัฒนธรรม ถือเป็นการแสดงมารยาทถ้าจะปฏิเสธการชวนครั้งแรกหรือครั้งที่สองแล้วค่อยตอบรับครั้งถัดไป แต่ในบางวัฒนธรรม ถ้าชวนครั้งแรกแล้วไม่ไปถือเป็นเรื่องที่น่าเกลียด ดังนั้น เพื่อจะเป็นแขกที่ดี เราควรพยายามเต็มที่ที่จะทำให้พี่น้องมีความสุขที่ได้ชวนเรา
22. ทำไมการ “ยินดีต้อนรับกัน” ถึงสำคัญมาก?
22 เปโตรบอกว่า “จุดจบของทุกสิ่งมาใกล้แล้ว” (1 เปโตร 4:7) เรากำลังจะเจอความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ที่สุดอย่างที่โลกไม่เคยเจอมาก่อน ขณะที่สภาพการณ์ของโลกแย่ลง เราต้องรักพี่น้องให้มากขึ้น เราต้องทำตามคำแนะนำของเปโตรมากขึ้นกว่าเดิม นั่นคือ “ให้ยินดีต้อนรับกัน” (1 เปโตร 4:9) การมีน้ำใจต้อนรับทำให้มีความสุขและเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา ทั้งตอนนี้และตลอดไป