บทความศึกษา 34
เรียนจากคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล
“คนมีปัญญาจะเข้าใจ”—ดนล. 12:10
เพลง 98 พระคัมภีร์ พระเจ้าดลใจให้เขียนขึ้นมา
ใจความสำคัญ a
1. อะไรจะช่วยให้เราชอบศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล?
พี่น้องวัยรุ่นที่ชื่อเบนที่พูดถึงในบทความก่อนบอกว่า “ผมชอบศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลมากเลยครับ” คุณเป็นเหมือนเขาไหม? หรือคุณรู้สึกว่ามันยากเกินไป? คุณอาจรู้สึกว่ามันน่าเบื่อด้วยซ้ำ แต่พอคุณได้เรียนรู้มากขึ้นว่าทำไมพระยะโฮวาถึงให้มีการเขียนคำพยากรณ์ไว้ในคัมภีร์ไบเบิล คุณอาจเริ่มชอบศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลก็ได้
2. เราจะคุยเรื่องอะไรบ้างในบทความนี้?
2 ในบทความนี้เราจะมาดูว่าทำไมเราถึงศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล ไม่ใช่แค่นั้น เราจะดูด้วยว่าอะไรจะช่วยให้เราเข้าใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล จากนั้นเราจะมาดูคำพยากรณ์ 2 เรื่องในหนังสือดาเนียลและดูว่าการเข้าใจคำพยากรณ์ 2 เรื่องนี้เป็นประโยชน์กับเรายังไงในทุกวันนี้
ทำไมถึงศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล?
3. เราต้องทำอะไรถ้าอยากเข้าใจคัมภีร์ไบเบิล?
3 เราต้องขอความช่วยเหลือถ้าเราอยากเข้าใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล ลองคิดถึงตัวอย่างนี้ สมมุติว่าคุณไปเที่ยวที่หนึ่งที่ไม่เคยไปมาก่อน แต่เพื่อนที่ไปกับคุณเคยไปเที่ยวที่นั่นมาแล้วและเขารู้จักแถวนั้นดี เขารู้ว่าตอนนี้คุณกับเขากำลังอยู่ตรงไหน และถนนแต่ละเส้นจะไปที่ไหนบ้าง คุณคงดีใจมากที่เพื่อนคนนี้ไปเที่ยวกับคุณด้วย เหมือนกันพระยะโฮวารู้ดีว่าเราอยู่จุดไหนของช่วงเวลาและรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น ถ้าเราอยากเข้าใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล เราต้องถ่อมและขอให้พระยะโฮวาช่วย—ดนล. 2:28; 2 ปต. 1:19, 20
4. ทำไมพระยะโฮวาถึงให้มีการเขียนคำพยากรณ์ไว้ในคัมภีร์ไบเบิล? (เยเรมีย์ 29:11) (ดูภาพด้วย)
4 เหมือนกับพ่อแม่ที่รักลูก พระยะโฮวาอยากให้เรามีอนาคตที่ดีและมีความสุข (อ่านเยเรมีย์ 29:11) แต่พระองค์ไม่เหมือนกับพ่อแม่ที่เป็นมนุษย์ตรงที่พระองค์สามารถบอกได้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นและบอกได้ถูกต้องเสมอ พระยะโฮวาให้มีคำพยากรณ์มากมายในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อที่เราจะรู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรสำคัญเกิดขึ้นบ้าง (อสย. 46:10) คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเป็นของขวัญจากพระยะโฮวาพ่อที่รักเรา แต่คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ล่วงหน้าจะเป็นจริง?
5. วัยรุ่นจะเรียนอะไรได้จากประสบการณ์ของแม็กซ์?
5 ที่โรงเรียนวัยรุ่นพยานฯมักจะอยู่กับคนที่ไม่ได้สนใจและไม่ได้นับถือคัมภีร์ไบเบิล บางครั้งคนเหล่านั้นอาจพูดหรือทำอะไรที่ทำให้วัยรุ่นพยานฯเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่พวกเขาเชื่อเป็นความจริงหรือเปล่า ให้เรามาดูตัวอย่างของพี่น้องชายคนหนึ่งที่ชื่อแม็กซ์ เขาเล่าว่า “สมัยที่ผมยังเรียนหนังสือ ผมเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่พ่อแม่สอนเป็นความจริงหรือเปล่า พยานฯเป็นศาสนาแท้ไหม และคัมภีร์ไบเบิลมาจากพระเจ้าจริง ๆ ไหม” แล้วพ่อแม่ของแม็กซ์ทำยังไง? แม็กซ์เล่าว่า “พอผมบอกพ่อแม่ไปแบบนั้น พ่อกับแม่ก็ไม่ได้แสดงอาการตกอกตกใจออกมา แต่ผมรู้ว่าพวกเขาไม่สบายใจเลย” พ่อแม่ของแม็กซ์ตอบเรื่องที่เขาสงสัยโดยใช้คัมภีร์ไบเบิลและเขาเองก็ลงมือทำอะไรบางอย่างด้วย เขาบอกว่า “ผมอ่านและค้นคว้าคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล แล้วผมก็เอาเรื่องนี้ไปคุยกับวัยรุ่นคนอื่นในประชาคม” ผลเป็นยังไง? แม็กซ์บอกว่า “ตั้งแต่นั้นมาผมก็มั่นใจเลยว่าคัมภีร์ไบเบิลมาจากพระเจ้า”
6. ถ้าคุณสงสัยว่าสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกเป็นความจริงหรือเปล่าคุณต้องทำยังไง? และทำไมต้องทำแบบนั้น?
6 ถ้าคุณเริ่มสงสัยเหมือนแม็กซ์ว่าสิ่งที่พูดถึงในคัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริงหรือเปล่า คุณไม่ต้องรู้สึกผิด แต่คุณต้องลงมือทำอะไรบางอย่าง ความสงสัยก็เป็นเหมือนสนิม ถ้าไม่ลงมือจัดการมัน มันจะค่อย ๆ กัดกร่อนสิ่งที่มีค่า และเพื่อที่คุณจะกำจัด “สนิม” ที่กัดกร่อนความเชื่อของคุณ ให้คุณเริ่มจากถามตัวเองว่า “ฉันเชื่อสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลพูดเกี่ยวกับอนาคตไหม?” ถ้าคุณยังไม่มั่นใจ ให้คุณศึกษาค้นคว้าคำพยากรณ์ต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลที่เกิดขึ้นจริงแล้ว ให้เรามาดูกันว่าคุณจะทำแบบนั้นได้ยังไง
อะไรจะช่วยให้เข้าใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล?
7. ดาเนียลเป็นตัวอย่างที่ดียังไงในเรื่องการศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล? (ดาเนียล 12:10) (ดูภาพด้วย)
7 ดาเนียลเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล เขาศึกษาคำพยากรณ์โดยมีเหตุผลที่ถูกต้อง นั่นคือเขาอยากรู้ความจริงในพระคัมภีร์ นอกจากนั้น ดาเนียลยังถ่อมด้วย เขายอมรับว่ามีแต่พระยะโฮวาเท่านั้นที่จะช่วยให้คนที่อยากรู้จักพระองค์และใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์เข้าใจคำพยากรณ์ (ดนล. 2:27, 28; อ่านดาเนียล 12:10) ดาเนียลยังแสดงความถ่อมโดยขอให้พระยะโฮวาช่วย (ดนล. 2:18) ไม่ใช่แค่นั้น ดาเนียลยังศึกษาค้นคว้าคำ พยากรณ์อย่างละเอียด เขาค้นคว้าพระคัมภีร์เท่าที่มีในสมัยนั้น (ยรม. 25:11, 12; ดนล. 9:2) แล้วคุณจะเลียนแบบดาเนียลได้ยังไง?
8. บางคนศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเพื่ออะไร? แต่เราควรศึกษาด้วยเหตุผลอะไร?
8 ให้ลองคิดว่าคุณศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเพราะอะไร คุณทำเพราะคุณอยากรู้ความจริงไหม? ถ้าใช่ พระยะโฮวาจะช่วยคุณ (ยน. 4:23, 24; 14:16, 17) แต่บางคนศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเพราะเหตุผลอื่น เช่น พวกเขาอยากจะหาหลักฐานว่าคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้มาจากพระเจ้าเพื่อที่พวกเขาจะตัดสินใจได้เองว่าอะไรถูกอะไรผิดและทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ แต่เราต้องไม่เป็นแบบพวกเขา เราต้องศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง นอกจากนั้น ยังมีคุณลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งด้วยที่จะช่วยให้เข้าใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล
9. เราต้องมีคุณลักษณะอะไรเพื่อจะเข้าใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล? ขออธิบาย
9 เป็นคนถ่อม พระยะโฮวาสัญญาว่าจะช่วยคนถ่อม (ยก. 4:6) เราเลยต้องอธิษฐานขอให้พระองค์ช่วยเราเข้าใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล นอกจากนั้น เราต้องยอมรับความช่วยเหลือจากทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุมที่พระยะโฮวาใช้เพื่อให้ความรู้ที่เสริมความเชื่อกับเราตามเวลาที่เหมาะสม (ลก. 12:42) พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่มีระเบียบเลยมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าพระองค์จะใช้แค่ทางนี้ทางเดียวเพื่อช่วยให้เราเข้าใจความจริงในคัมภีร์ไบเบิล—1 คร. 14:33; อฟ. 4:4-6
10. คุณได้เรียนอะไรจากประสบการณ์ของเอสเธอร์?
10 ศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียด ให้ลองเริ่มจากคำพยากรณ์เรื่องหนึ่งที่คุณสนใจเป็นพิเศษและให้ศึกษาเรื่องนั้นอย่างละเอียด เอสเธอร์ที่พูดถึงในบทความก่อนได้ทำแบบนี้ เธอสนใจคำพยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์ เธอเล่าว่า “ตอนอายุ 15 ฉันเริ่มค้นคว้าเพื่อให้ตัวเองมั่นใจว่าคำพยากรณ์เหล่านี้ทั้งหมดเขียนขึ้นก่อนพระเยซูจะมาเกิดจริง ๆ” แล้วพอเธอได้อ่านเกี่ยวกับม้วนหนังสือทะเลตายก็ยิ่งทำให้เธอมั่นใจเรื่องนี้มากขึ้น เธอเล่าว่า “ม้วนหนังสือทะเลตายบางม้วนเขียนขึ้นก่อนสมัยพระเยซู คำพยากรณ์ที่อยู่ในม้วนหนังสือเหล่านั้นก็เลยต้องมาจากพระเจ้าแน่ ๆ” เอสเธอร์เองยอมรับว่า “ฉันเป็นคนเข้าใจอะไรยาก เวลาอ่านเลยต้องอ่านหลาย ๆ รอบ” แต่เธอก็ดีใจที่เธอพยายามทำแบบนั้น หลังจากที่เอสเธอร์ได้ศึกษาคำพยากรณ์หลายข้ออย่างละเอียด เธอบอกว่า “ฉันเห็นด้วยตัวเองเลยว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริง”
11. ทำไมถึงเป็นเรื่องดีที่เราจะทำให้ตัวเองมั่นใจว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริง?
11 เมื่อเราเห็นว่าคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเกิดขึ้นจริงไปแล้วก็ยิ่งทำให้เราไว้วางใจพระยะโฮวาเต็มร้อยและมั่นใจว่าคำแนะนำของพระองค์ดีที่สุดเสมอ นอกจากนั้น คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลยังช่วยให้เรามีความหวังเกี่ยวกับอนาคต ไม่ว่าตอนนี้เราจะเจอปัญหาอะไร เราก็เลยคิดบวกได้เสมอ ให้เรามาดูคำพยากรณ์ 2 เรื่องของดาเนียลซึ่งกำลังเกิดขึ้นจริงในตอนนี้ การเข้าใจคำพยากรณ์เหล่านี้จะช่วยให้เราตัดสินใจอย่างฉลาด
คำพยากรณ์เกี่ยวกับรูปปั้นที่มีเท้าเป็นเหล็กปนดินมีประโยชน์ยังไงกับคุณ?
12. เท้าที่ “มีเหล็กผสมอยู่กับดินที่อ่อนนุ่ม” หมายถึงอะไร? (ดาเนียล 2:41-43)
12 อ่านดาเนียล 2:41-43 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ฝันเห็นรูปปั้นที่มีเท้าเป็น “เหล็กผสมอยู่กับดินที่อ่อนนุ่ม” เมื่อเราเอาคำพยากรณ์นี้ไปเทียบกับคำพยากรณ์อื่น ๆ ในหนังสือดาเนียลและหนังสือวิวรณ์ เราก็ได้เข้าใจว่าเท้าหมายถึงมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกาซึ่งเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจมากที่สุดในสมัยของเรา ดาเนียลพูดถึงมหาอำนาจนี้ว่า “อาณาจักรนี้มีทั้งส่วนที่แข็งแกร่งและส่วนที่อ่อนแอ” ทำไมอาณาจักรนี้ถึงอ่อนแอ? เพราะคนธรรมดาสามัญซึ่งเป็นเหมือนดินที่อ่อนนุ่มทำให้อำนาจที่แข็งแกร่งเหมือนเหล็กของมหาอำนาจนี้อ่อนลง b
13. เราได้เรียนความจริงสำคัญอะไรบ้างจากการเข้าใจคำพยากรณ์ข้อนี้?
13 เราได้เรียนความจริงสำคัญหลายเรื่องจากความฝันเรื่องรูปปั้นโดยเฉพาะส่วนเท้าของรูปปั้นนั้น อย่างแรกที่เราได้เรียนคือมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกาแข็งแกร่งและมีอำนาจ ตัวอย่างเช่น มหาอำนาจนี้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 แต่มหาอำนาจนี้ก็อ่อนแอและจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ เพราะประชาชนต่อสู้กันเองและต่อสู้กับรัฐบาล อย่างที่ 2 ที่เราได้เรียนก็คือมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกาจะเป็นมหาอำนาจสุดท้ายที่ปกครองโลกนี้ก่อนที่รัฐบาลของพระเจ้าจะทำลายรัฐบาลทั้งหมดของมนุษย์ แม้บางครั้งจะมีชาติอื่น ๆ พยายามต่อสู้กับอังกฤษและอเมริกาแต่ก็ไม่มีชาติไหนมาแทนที่ได้ ที่เรารู้ว่าอังกฤษและอเมริกาจะเป็นมหาอำนาจสุดท้ายก็เพราะ “หิน” ซึ่งหมายถึงรัฐบาลของพระเจ้าจะมาทำลายที่เท้าของรูปปั้น—ดนล. 2:34, 35, 44, 45
14. การเข้าใจคำพยากรณ์เกี่ยวกับเท้าของรูปปั้นช่วยให้เราตัดสินใจอย่างฉลาดยังไง?
14 คุณเชื่อคำพยากรณ์ของดาเนียลเรื่องนี้ไหม? ถ้าใช่ มันจะมีผลต่อการใช้ชีวิตของคุณ คุณจะไม่พยายามหาเงินหาทองเพราะคิดว่ามันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมั่นคงแต่คุณรู้ว่าโลกชั่วนี้กำลังจะถูกทำลาย (ลก. 12:16-21; 1 ยน. 2:15-17) นอกจากนั้น การเข้าใจคำพยากรณ์นี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าการประกาศและการสอนคัมภีร์ไบเบิลสำคัญมากขนาดไหน (มธ. 6:33; 28:18-20) ดังนั้น หลังจากที่เราได้ศึกษาคำพยากรณ์นี้แล้วให้ถามตัวเองว่า ‘การตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตของฉันแสดงให้เห็นไหมว่าฉันมั่นใจว่ารัฐบาลของพระเจ้าจะทำลายรัฐบาลทั้งหมดของมนุษย์?’
คำพยากรณ์เกี่ยวกับ “กษัตริย์ทิศเหนือ” และ “กษัตริย์ทิศใต้” มีประโยชน์ยังไงกับคุณ?
15. ในทุกวันนี้ใครเป็น “กษัตริย์ทิศเหนือ”? และใครเป็น “กษัตริย์ทิศใต้”? (ดาเนียล 11:40)
15 อ่านดาเนียล 11:40 ดาเนียลบท 11 พูดถึงกษัตริย์ 2 องค์ซึ่งก็คืออำนาจทางการเมือง 2 อำนาจที่แข่งกันเพื่อจะเป็นใหญ่ เมื่อเราเทียบคำพยากรณ์นี้กับคำพยากรณ์อื่น ๆ ในคัมภีร์ไบเบิล เราก็เข้าใจว่า “กษัตริย์ทิศเหนือ” ในทุกวันนี้ก็คือรัสเซียกับชาติพันธมิตร ส่วน “กษัตริย์ทิศใต้” ก็คือมหาอำนาจโลกอังกฤษ-อเมริกา c
16. คนที่อยู่ใต้การปกครองของ “กษัตริย์ทิศเหนือ” ต้องเจอกับอะไร?
16 คนของพระเจ้าที่อยู่ใต้การปกครองของ “กษัตริย์ ทิศเหนือ” ต้องเจอกับการข่มเหง พยานพระยะโฮวาหลายคนถูกทุบตีและถูกขังคุกเพราะความเชื่อ แต่แทนที่พวกเขาจะกลัว พวกเขากลับยิ่งมีความเชื่อมากขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? พวกเขารู้ว่าการที่คนของพระเจ้าถูกข่มเหงทำให้คำพยากรณ์ในดาเนียลเกิดขึ้นจริง d (ดนล. 11:41) การรู้เรื่องนี้ช่วยให้เรามั่นใจในความหวังและตั้งใจที่จะซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป
17. คนที่อยู่ใต้การปกครองของ “กษัตริย์ทิศใต้” ต้องเจอกับอะไร?
17 ในอดีต “กษัตริย์ทิศใต้” ก็ข่มเหงคนของพระยะโฮวาด้วย ตัวอย่างเช่น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 พยานพระยะโฮวาหลายคนถูกขังคุกเพราะไม่ยอมเป็นทหาร และเด็ก ๆ ก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะไม่เคารพธงชาติ แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ คนของพระยะโฮวาที่อยู่ใต้การปกครองของ “กษัตริย์ทิศใต้” เจอการข่มเหงในอีกรูปแบบหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ในช่วงการเลือกตั้ง พี่น้องบางคนอาจรู้สึกอดไม่ได้ที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรคหรือผู้สมัครบางคนมากกว่าคนอื่น แม้เขาจะไม่ถึงขั้นไปเลือกตั้งลงคะแนนเสียงจริง ๆ แต่เขาอาจเข้าข้างในใจโดยคิดว่าพรรคนี้ดีกว่าพรรคอื่นหรืออยากให้พรรคนี้ชนะการเลือกตั้ง ดังนั้น เพื่อเราจะเป็นกลางจริง ๆ เราต้องระวังไม่ใช่แค่สิ่งที่เราทำ แต่ต้องระวังสิ่งที่เราคิดและรู้สึกด้วย—ยน. 15:18, 19; 18:36
18. ตอนที่เราเห็น “กษัตริย์ทิศเหนือ” กับ “กษัตริย์ทิศใต้” สู้กัน เราควรรู้สึกยังไง? (ดูภาพด้วย)
18 คนที่ไม่เชื่อในคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลอาจรู้สึกกังวลมากเมื่อเห็น “กษัตริย์ทิศเหนือ” กับ “กษัตริย์ทิศใต้” “สู้กัน” (ดนล. 11:40) กษัตริย์ทั้ง 2 องค์นี้มีอาวุธนิวเคลียร์มากพอที่จะทำลายทุกชีวิตบนโลกได้ แต่เรารู้ว่าพระยะโฮวาไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น (อสย. 45:18) ดังนั้น แทนที่พวกเราจะรู้สึกกังวลเพราะเห็น “กษัตริย์ทิศเหนือ” ต่อสู้กับ “กษัตริย์ทิศใต้” เรากลับยิ่งมีความเชื่อมากขึ้นเพราะมันทำให้เรามั่นใจว่าจุดจบของโลกชั่วนี้ใกล้มาถึงมากแล้วจริง ๆ
ตั้งใจศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลต่อ ๆ ไป
19. เราควรจำอะไรไว้เกี่ยวกับคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล?
19 เราไม่รู้ว่าคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลบางข้อจะเกิดขึ้นจริงยังไง แม้แต่ผู้พยากรณ์ดาเนียลเองก็ไม่เข้าใจทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเขียนในคัมภีร์ไบเบิล (ดนล. 12:8, 9) แต่ถึงเราจะไม่รู้ว่าคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลจะเกิดขึ้นจริงยังไง ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เป็นจริง เรามั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวาจะเปิดเผยเรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเหมือนกับที่พระองค์เคยทำในอดีต—อมส. 3:7
20. อีกไม่นานเราจะได้เห็นคำพยากรณ์เรื่องอะไรบ้างเกิดขึ้นจริง? และเราควรทำอะไรต่อไป?
20 จะมีการประกาศว่า “สงบสุขและปลอดภัยแล้ว!” (1 ธส. 5:3) แล้วอำนาจทางการเมืองก็จะโจมตีศาสนาเท็จและทำลายมันให้สิ้นซาก (วว. 17:16, 17) จากนั้นอำนาจทางการเมืองจะโจมตีคนของพระเจ้า (อสค. 38:18, 19) แล้วสงครามอาร์มาเกดโดนก็จะเริ่มต้นขึ้น (วว. 16:14, 16) เรามั่นใจได้เลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ระหว่างนี้ให้เราแสดงความขอบคุณต่อพระยะโฮวาพ่อที่รักของเราในสวรรค์โดยตั้งใจศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลและช่วยคนอื่นให้ทำเหมือนกัน
เพลง 95 แสงที่สว่างขึ้นเรื่อย ๆ
a ไม่ว่าโลกจะเลวร้ายขนาดไหน เราก็มั่นใจว่าอีกไม่นานอนาคตที่มีแต่ความสุขกำลังจะมาถึง เรามั่นใจแบบนั้นได้โดยศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล ในบทความนี้เราจะมาดูเหตุผลสำคัญที่เราควรศึกษาคำพยากรณ์ นอกจากนั้น เราจะมาดูคำพยากรณ์ 2 เรื่องที่ดาเนียลเขียนไว้ แล้วดูว่าเราจะได้ประโยชน์อะไรถ้าเราเข้าใจคำพยากรณ์ 2 เรื่องนี้
b ดูข้อ 7-9 ของบทความ “พระยะโฮวาทรงเปิดเผยสิ่ง ‘ซึ่งจะเกิดขึ้นในไม่ช้า’” ในหอสังเกตการณ์ 15 มิถุนายน 2012