บทความศึกษา 16
“เขาจะฟื้นขึ้นจากตาย”
“พระเยซูบอก [มาร์ธา] ว่า ‘เขาจะฟื้นขึ้นจากตาย’”—ยน. 11:23
เพลง 151 พระองค์จะเรียก
ใจความสำคัญ a
1. เด็กผู้ชายคนหนึ่งพูดอะไรที่แสดงว่าเขามั่นใจในความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย?
ตอนที่แมทธิวอายุ 7 ขวบเขาป่วยหนักและต้องผ่าตัดหลายครั้ง เขากับครอบครัวดูรายการโทรทัศน์ JW ซึ่งช่วงท้ายมีมิวสิควีดีโอเกี่ยวกับการต้อนรับคนที่ฟื้นขึ้นจากตาย b พอดูจบแมทธิวก็เดินเข้าไปจับมือพ่อกับแม่แล้วบอกว่า “พ่อครับ แม่ครับ เห็นไหมครับ ถ้าผมตายเดี๋ยวผมก็ฟื้น ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันแล้ว” คุณนึกออกไหมว่าพ่อแม่ของแมทธิวจะรู้สึกยังไงที่ลูกชายมั่นใจเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายขนาดนี้?
2-3. ทำไมถึงเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะคิดทบทวนคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย?
2 เป็นเรื่องดีที่เราทุกคนจะคิดถึงคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายบ่อย ๆ (ยน. 5:28, 29) เพราะเราอาจป่วยหนักเมื่อไหร่ก็ได้ หรือคนที่เรารักอาจตายกะทันหันก็ได้ (ปญจ. 9:11; ยก. 4:13, 14) ความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายจะช่วยให้เราอดทนได้เมื่อเจอเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจอย่างนั้น (1 ธส. 4:13) ทำไมถึงบอกแบบนั้น? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวารู้จักเราดีและรักเรามาก (ลก. 12:7) พระองค์ต้องรู้จักเราดีจริง ๆ ถึงทำให้เรากลับมาเป็นคนเดิมและจำทุกอย่างได้เหมือนเดิม และพระองค์ต้องรักเรามากถึงให้โอกาสเรามีชีวิตตลอดไป และถึงเราตายพระองค์ก็จะทำให้เรากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
3 บทความนี้จะดูว่าทำไมเราถึงเชื่อคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายได้ แล้วเราจะดูเรื่องหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลที่เสริมความเชื่อ และเป็นที่มาของข้อคัมภีร์หลักที่บอกว่า “เขาจะฟื้นขึ้นจากตาย” (ยน. 11:23) สุดท้ายเราจะมาดูว่าต้องทำอะไรเพื่อจะมั่นใจมากขึ้นในความหวังนี้
ทำไมเราถึงเชื่อคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายได้?
4. ถ้าเราอยากเชื่อคำสัญญาของใครสักคนเราต้องมั่นใจในเรื่องอะไร? ขอยกตัวอย่าง
4 ถ้าเราอยากเชื่อคำสัญญาของใครสักคน เราต้องมั่นใจว่าเขาอยากทำตามสัญญาและมีความสามารถที่จะทำได้ สมมุติว่าบ้านคุณโดนพายุถล่มจนพัง มีเพื่อนคนหนึ่งสัญญาว่า ‘ไม่ต้องห่วง ผมจะสร้างบ้านให้คุณใหม่’ เขาตั้งใจจะช่วยคุณและคุณก็มั่นใจว่าเขาอยากช่วยจริง ๆ และถ้าเพื่อนคนนี้เป็นช่างก่อสร้างที่เก่งมาก แถมยังมีเครื่องไม้เครื่องมือครบ คุณก็รู้ว่าเขามีความสามารถด้วย คุณเลยมั่นใจว่าเขาจะทำตามสัญญาได้ แล้วคำสัญญาของพระเจ้าเรื่องการปลุกคนตายให้ฟื้นล่ะ? พระองค์อยากทำอย่างนั้นไหม? และพระองค์สามารถทำได้จริง ๆ ไหม?
5-6. ทำไมเราถึงมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาอยากปลุกคนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นขึ้นมา?
5 พระยะโฮวาอยากปลุกคนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นขึ้นมาไหม? แน่นอน พระองค์ดลใจผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลหลายคนให้บันทึกคำสัญญาของพระองค์เรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย (อสย. 26:19; ฮชย. 13:14; วว. 20:11-13) และไม่ว่าพระยะโฮวาสัญญาอะไร พระองค์จะทำให้มันเป็นจริงเสมอ (ยชว. 23:14) ที่จริง พระยะโฮวาอยากปลุกคนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นขึ้นมามาก ทำไมเราถึงบอกแบบนั้น?
6 ให้เรามาดูคำพูดของโยบ โยบมั่นใจว่าถึงเขาจะตาย พระยะโฮวาก็จะอาลัยอาวรณ์และอยากให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง (โยบ 14:14, 15, เชิงอรรถ) พระยะโฮวาก็รู้สึกแบบนี้กับผู้รับใช้ทุกคนที่ตายไปแล้ว และพระองค์คิดถึงพวกเขามาก พระองค์อยากให้พวกเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และมีความสุข แล้วหลายพันล้านคนที่ตายไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีโอกาสรู้จักพระองค์ล่ะ? พระยะโฮวาก็อยากปลุกพวกเขาด้วย (กจ. 24:15) พระองค์อยากให้พวกเขามีโอกาสเป็นเพื่อนกับพระองค์และมีชีวิตตลอดไป (ยน. 3:16) เราเห็นเลยว่าพระยะโฮวาอยากปลุกคนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นขึ้นมาจริง ๆ
7-8. ทำไมเราถึงมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวามีความสามารถและอำนาจที่จะปลุกคนตายให้ฟื้นขึ้นมา?
7 พระยะโฮวามีความสามารถและอำนาจที่จะปลุกคนให้ฟื้นขึ้นมาไหม? แน่นอน พระองค์เป็น “ผู้มีพลังอำนาจสูงสุด” (วว. 1:8) พระองค์เลยมีอำนาจมากพอที่จะกำจัดทุกอย่างที่เป็นศัตรูของพระองค์แม้แต่ความตาย (1 คร. 15:26) เราได้กำลังใจและสบายใจจริง ๆ ที่รู้แบบนี้ ให้เรามาดูตัวอย่างของเอมม่า อาร์โนลด์ เธอกับครอบครัวเจอการทดสอบที่หนักมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เอมม่าปลอบใจลูกสาวที่สูญเสียคนที่รักหลายคนในค่ายกักกันนาซีว่า “ถ้าคนที่ตายไปไม่มีโอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ก็แสดงว่าความตายมีอำนาจมากกว่าพระเจ้าน่ะสิ” เรารู้ดีว่าไม่มีใครหรืออะไรมีอำนาจมากกว่าพระยะโฮวา พระองค์ซึ่งเป็นผู้สร้างชีวิตต้องมีความสามารถที่จะทำให้ชีวิตกลับคืนมาแน่นอน
8 อีกเหตุผลหนึ่งที่เรารู้ว่าพระยะโฮวาปลุกคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ก็คือพระองค์มีความจำไม่จำกัด พระองค์เรียกชื่อดวงดาวได้ทุกดวง (อสย. 40:26) และพระองค์ก็จำทุกคนที่ตายไปแล้วได้ (โยบ 14:13; ลก. 20:37, 38) พระองค์ถึงขนาดจำรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับคนที่จะปลุกขึ้นมา เช่น พระองค์จำรหัสพันธุกรรมของพวกเขาได้ จำรูปร่างหน้าตาและบุคลิกได้ จำได้ว่าพวกเขาเจออะไรมาบ้างในชีวิต และจำได้หมดว่าพวกเขามีความทรงจำอะไรบ้าง
9. ทำไมคุณถึงเชื่อคำสัญญาของพระยะโฮวาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย?
9 เราเห็นว่าเราเชื่อคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย ได้ เพราะเรารู้ว่าพระยะโฮวาอยากทำอย่างนั้น และพระองค์มีความสามารถกับอำนาจที่จะทำได้ ต่อไปเราจะมาดูอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราเชื่อคำสัญญานี้ได้ นั่นคือ พระองค์เคยปลุกคนให้ฟื้นขึ้นจากตายมาแล้ว ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลพระยะโฮวาให้พลังอำนาจนี้กับผู้รับใช้บางคนซึ่งรวมถึงพระเยซู ให้เรามาดูเหตุการณ์หนึ่งที่พระเยซูทำในยอห์นบท 11
เพื่อนรักของพระเยซูตาย
10. เกิดอะไรขึ้นตอนที่พระเยซูอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน? แล้วท่านทำอะไร? (ยอห์น 11:1-3)
10 อ่านยอห์น 11:1-3 ขอให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเบธานีช่วงปลายปี ค.ศ. 32 พระเยซูมีเพื่อนสนิทอยู่ในหมู่บ้านนี้ พวกเขาเป็นพี่น้องกัน 3 คนคือ ลาซารัส มาร์ธา และมารีย์ (ลก. 10:38-42) ลาซารัสป่วยหนัก มาร์ธากับมารีย์กังวลเรื่องนี้มาก เลยส่งคนไปบอกพระเยซูที่อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งถ้าพระเยซูจะไปที่นั่นก็ต้องใช้เวลาเดินประมาณ 2 วัน (ยน. 10:40) แต่พอคนส่งข่าวได้เจอกับพระเยซู ลาซารัสก็ตายไปแล้ว แม้ท่านรู้ว่าเพื่อนรักของท่านเพิ่งตาย แต่ท่านก็ยังอยู่ตรงนั้นต่ออีก 2 วันถึงค่อยไปที่เบธานี ดังนั้นกว่าที่พระเยซูจะไปถึงที่นั่น ลาซารัสก็ตายไปแล้ว 4 วัน ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะท่านตั้งใจจะทำบางอย่างเพื่อเพื่อน ๆ ของท่านและทำให้พระเจ้าได้รับการยกย่องสรรเสริญ—ยน. 11:4, 6, 11, 17
11. เรื่องนี้ทำให้เราได้เรียนอะไรเกี่ยวกับเพื่อน?
11 เรื่องนี้ทำให้เราได้เรียนว่าเพื่อนที่ดีควรเป็นยังไง ตอนที่มาร์ธากับมารีย์ส่งข่าวไปถึงพระเยซู พวกเขาไม่ได้ขอให้ท่านมาที่เบธานี แต่แค่บอกว่าเพื่อนรักของท่านไม่สบายมาก (ยน. 11:3) และที่จริงพระเยซูไม่จำเป็นต้องไปที่เบธานีเพื่อจะปลุกลาซารัส ท่านแค่ปลุกเขาจากที่ที่ท่านอยู่ก็ได้ แต่ท่านเลือกที่จะไปที่นั่นเพื่ออยู่เป็นเพื่อนมาร์ธากับมารีย์ แล้วคุณล่ะ คุณมีเพื่อนที่พร้อมจะช่วยโดยที่คุณไม่ต้องขอไหม? ถ้ามี คุณก็รู้ว่าคุณพึ่งเขาได้ “ในเวลาลำบาก” (สภษ. 17:17) ส่วนเรา เราก็ต้องเลียนแบบพระเยซูด้วยโดยทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีกับคนอื่น ตอนนี้ให้เรากลับไปดูกันต่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีก
12. พระเยซูสัญญาอะไรกับมาร์ธา? และทำไมเธอถึงเชื่อคำสัญญาของท่านได้? (ยอห์น 11:23-26)
12 อ่านยอห์น 11:23-26 พอมาร์ธารู้ว่าพระเยซูกำลังมาถึงหมู่บ้านเบธานี เธอก็รีบออกไปบอกว่า “นายคะ ถ้าท่านอยู่ที่นี่ เขาคงไม่ตาย” (ยน. 11:21) ที่มาร์ธาพูดอย่างนี้ก็ถูก เพราะท่านสามารถรักษาเขาให้หายป่วยได้แน่ ๆ แต่ท่านอยากทำสิ่งที่น่ามหัศจรรย์มากกว่านั้น ท่านสัญญากับมาร์ธาว่า “เขาจะฟื้นขึ้นจากตาย” และพระเยซูยังบอกเหตุผลที่ช่วยให้มาร์ธาเชื่อคำสัญญาของท่านว่า “ผมคือคนที่ปลุกคนตายให้ฟื้นและให้เขามีชีวิต” พระยะโฮวาให้พลังอำนาจนั้นกับพระเยซู ก่อนหน้านั้นพระเยซูปลุกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้ฟื้นหลังจากที่เธอเพิ่งตายไม่นาน แล้วก็มีอีกครั้งที่ท่านปลุกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอาจเพิ่งตายในวันเดียวกัน (ลก. 7:11-15; 8:49-55) แต่พระเยซูจะปลุกคนที่ตายมาแล้วถึง 4 วันได้ไหม แถมศพยังเริ่มเน่าแล้วด้วย?
“ลาซารัส ออกมา”
13. จากยอห์น 11:32-35 พอพระเยซูเห็นมารีย์กับคนอื่นร้องไห้ ท่านทำอะไร? (ดูภาพด้วย)
13 อ่านยอห์น 11:32-35 ลองนึกภาพว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป มารีย์ออกไปเจอพระเยซูด้วย เธอพูดเหมือนมาร์ธา ว่า “นายคะ ถ้าท่านอยู่ที่นี่ เขาคงไม่ตาย” มารีย์กับคนอื่นเสียใจกันมาก พอพระเยซูเห็นแบบนั้น ท่านก็ร้องไห้ตามไปด้วยเพราะสงสารเพื่อน ๆ จับใจ ท่านรู้ดีว่าเมื่อคนที่เรารักตายจากไป มันทำให้รู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน ท่านต้องอยากกำจัดต้นเหตุที่ทำให้ผู้คนร้องไห้แน่ ๆ
14. การที่พระเยซูร้องไห้ไปกับมารีย์ทำให้เรารู้อะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
14 การที่พระเยซูร้องไห้ไปกับมารีย์ทำให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เข้าใจความรู้สึกเราและสงสารเรา ทำไมถึงบอกแบบนั้น? อย่างที่เราเห็นในบทความที่แล้ว ทุกอย่างที่พระเยซูทำก็ทำให้เราเห็นว่าพระยะโฮวาคิดและรู้สึกยังไง (ยน. 12:45) ดังนั้น เมื่อเราได้อ่านว่าพระเยซูเข้าใจความรู้สึกของเพื่อน ๆ ที่กำลังเจ็บปวดจนทำให้ท่านร้องไห้ออกมา มันก็ทำให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันเมื่อพระองค์เห็นเราร้องไห้ (สด. 56:8) พอคุณเห็นว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่อ่อนโยนและเข้าใจความรู้สึกของคุณ คุณก็อยากสนิทกับพระองค์มากขึ้นใช่ไหม?
15. จากยอห์น 11:41-44 เกิดอะไรขึ้นที่อุโมงค์ฝังศพของลาซารัส? (ดูภาพด้วย)
15 อ่านยอห์น 11:41-44 พอพระเยซูมาถึงอุโมงค์ฝังศพ ท่านก็บอกให้เลื่อนหินที่ปิดปากถ้ำออก แต่มาร์ธาไม่ค่อยอยากให้ทำและบอกว่าป่านนี้ศพคงเหม็นแล้ว แต่พระเยซูบอกว่า “ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่า ถ้าคุณเชื่อ คุณจะได้เห็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า?” (ยน. 11:39, 40) แล้วท่านก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าและอธิษฐานถึงพระยะโฮวาต่อหน้าทุกคน ท่านอยากให้พระองค์ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากสิ่งที่ท่านกำลังจะทำ จากนั้นท่านก็ร้องเรียกเสียงดังว่า “ลาซารัส ออกมา” แล้วลาซารัสก็เดินออกมา พระเยซูทำสิ่งที่บางคนคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาในยอห์น 11:17
16. เรื่องราวในยอห์นบท 11 ช่วยเรายังไงให้มั่นใจในความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายมากขึ้น?
16 เรื่องราวในยอห์นบท 11 ทำให้เรามั่นใจในเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายมากขึ้น ทำไมถึงบอกแบบนั้น? จำได้ไหมว่าพระเยซูสัญญากับมาร์ธาว่า “เขาจะฟื้นขึ้นจากตาย”? (ยน. 11:23) พระเยซูก็เหมือนพระยะโฮวา ท่านอยากปลุกคนให้ฟื้นขึ้นจากตาย และท่านก็มีทั้งความสามารถและอำนาจที่จะทำได้ การที่พระเยซูร้องไห้ทำให้เห็นว่าท่านอยากปลุกคนตายให้ฟื้นและอยากกำจัดความตายที่ทำให้มนุษย์เป็นทุกข์ และตอนที่ลาซารัสออกมาจากอุโมงค์ฝังศพ เราเห็นว่านี่เป็นอีกครั้งที่พระเยซูแสดงว่ามีพลังอำนาจและมีความสามารถที่จะปลุกคนตายให้ฟื้นได้ นอกจากนั้น ขอให้คิดถึงตอนที่พระเยซูพูดกับมาร์ธาว่า “ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่า ถ้าคุณเชื่อ คุณจะได้เห็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า?” (ยน. 11:40) ดังนั้น เรามีเหตุผลหนักแน่นมากมายที่จะเชื่อว่าคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายจะเกิดขึ้นจริงแน่นอน แต่เราต้องทำยังไงเพื่อจะมั่นใจในความหวังนี้มากขึ้น?
เราต้องทำอะไรเพื่อจะมั่นใจมากขึ้นในความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย?
17. เราควรคิดถึงอะไรบ้างตอนที่อ่านเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายในคัมภีร์ไบเบิล?
17 อ่านเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายในอดีตและคิดใคร่ครวญ คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงการฟื้นขึ้นจากตายของมนุษย์ 8 คนบนโลก c ลองศึกษาค้นคว้าแต่ละเรื่องดูสิ จำไว้ว่าทั้งหมดเคยมีชีวิตอยู่จริง ลองดูว่าคุณได้เรียนอะไร แล้วคิดว่าแต่ละเรื่องช่วยให้คุณเห็นยังไงว่าพระยะโฮวาอยากปลุกพวกเขาและพระองค์มีความสามารถและอำนาจที่จะทำอย่างนั้นจริง ๆ ที่สำคัญที่สุดให้ศึกษาเกี่ยวกับการฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซู จำไว้ว่ามีหลายร้อยคนที่เห็นพระเยซูซึ่งฟื้นขึ้นจากตายแล้ว และการฟื้นขึ้นจากตายของท่านช่วยให้มั่นใจในการฟื้นขึ้นจากตายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต—1 คร. 15:3-6, 20-22
18. คุณจะได้ประโยชน์ยังไงจากเพลงเกี่ยวกับความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย? (ดูเชิงอรรถด้วย)
18 ฟังและร้อง “เพลงนมัสการ” ที่เกี่ยวกับความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย d (อฟ. 5:19) เพลงเหล่านี้ช่วยเราให้มั่นใจมากขึ้นในความหวังนี้และมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น ให้ฟังและซ้อมร้องเพลงเหล่านี้บ่อย ๆ จากนั้นก็ลองคุยกันเกี่ยวกับความหมายของเนื้อร้องในการนมัสการประจำครอบครัว พยายามจำเนื้อให้ได้และคิดถึงบ่อย ๆ เพื่อเพลงเหล่านั้นจะเข้าถึงหัวใจของคุณ แล้วถ้าคนที่คุณรักตายจากไปหรือคุณเองต้องเจอกับการทดสอบที่อาจทำให้ต้องตาย พลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาจะช่วยคุณให้จำเพลงเหล่านี้ได้ซึ่งจะทำให้คุณเข้มแข็งและมีกำลังใจ
19. เราอาจนึกภาพอะไรได้บ้างเกี่ยวกับการฟื้นขึ้นจากตาย? (ดูกรอบ “ คุณจะถามอะไรพวกเขา?”)
19 ลองนึกภาพตัวคุณเองในโลกใหม่ พระยะโฮวาให้เรามีความสามารถที่จะนึกภาพตัวเองในโลกใหม่ได้ พี่น้องหญิงคนหนึ่งบอกว่า “ฉันชอบนึกภาพตัวเองในโลกใหม่ ฉันใช้เวลาเยอะมากที่จะทำอย่างนั้น ถึงขนาดรู้สึกว่าได้กลิ่นดอกกุหลาบกำลังบานเต็มสวนอุทยาน” ให้คุณลองนึกภาพว่าถ้าคุณมีโอกาสเจอกับผู้รับใช้ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล คุณอยากเจอใครเป็นพิเศษ? และคุณจะถามอะไรพวกเขา? นอกจากนั้น ให้นึกภาพว่าคุณได้เจอกับคนที่คุณรักที่ตายไปแล้วด้วย ให้ลองคิดถึงภาพเหตุการณ์ตอนนั้นอย่างละเอียด ลองนึกดูว่าตอนที่คุณได้เจอกับเขาอีกครั้งจะเป็นยังไง คุณจะพูดอะไรกับเขาเป็นคำแรก? คุณจะกอดเขาไหม? หรือคุณจะร้องไห้ไหม? แล้วตอนนั้นคุณจะมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้เจอเขา?
20. เราควรตั้งใจจะทำอะไร?
20 เราขอบคุณพระยะโฮวาจริง ๆ สำหรับคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย เรามั่นใจว่ามันจะเกิดขึ้นจริงแน่นอนเพราะพระองค์อยากปลุกคนตายให้ฟื้นขึ้นมา และพระองค์มีอำนาจกับความสามารถที่จะทำอย่างนั้น ให้เราพยายามทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อจะมั่นใจมากขึ้นในความหวังนี้ ถ้าเราทำอย่างนั้น เราจะสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น พระองค์สัญญากับเราทุกคนว่า ‘คนที่คุณรักจะฟื้นขึ้นจากตาย’
เพลง 147 สัญญาเรื่องชีวิตตลอดไป
a ถ้าคนที่คุณรักตายจากไป ความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายคงทำให้คุณได้กำลังใจมากแน่ ๆ แต่คุณจะอธิบายให้คนอื่นฟังยังไงว่าทำไมคุณถึงเชื่อคำสัญญานี้? และคุณจะทำให้ตัวเองมั่นใจในความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายมากขึ้นได้ยังไง? บทความนี้จะช่วยเราทุกคนให้มั่นใจมากขึ้นในเรื่องนี้
b มิวสิควีดีโอที่ชื่อว่าจวนจะถึงอยู่แล้วแค่เอื้อมมือ อยู่ในรายการโทรทัศน์ JW เดือนพฤศจิกายน 2016
c ดูกรอบ “การฟื้นขึ้นจากตาย 8 ครั้งในคัมภีร์ไบเบิล” ในหอสังเกตการณ์ 1 สิงหาคม 2015 หน้า 4
d ในหนังสือ ร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาอย่างมีความสุข ดู เพลง 139 นึกภาพตัวคุณเมื่อทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ เพลง 144 สนใจที่รางวัล และเพลง 151 พระองค์จะเรียก ส่วนในเว็บไซต์ jw.org ดูเพลงจากมิวสิควีดีโอที่ชื่อว่า “จวนจะถึงอยู่แล้วแค่เอื้อมมือ” “วันที่โลกใหม่จะมา” และ “ลองนึกดู”