บทความศึกษา 31
เราไม่ท้อถอย
“ดังนั้น เราจึงไม่ท้อถอย”—2 คร. 4:16
เพลง 128 อดทนจนถึงที่สุด
ใจความสำคัญ *
1. คริสเตียนต้องทำอะไรเพื่อจะไปให้ถึงเส้นชัย?
คริสเตียนทุกคนกำลังวิ่งแข่งเพื่อชีวิต ไม่ว่าเราจะเพิ่งเริ่มวิ่งหรือวิ่งแข่งเพื่อชีวิตมานานหลายปีแล้ว เราก็ยังต้องทำแบบนั้นต่อไปจนกว่าจะถึงเส้นชัย คำแนะนำที่อัครสาวกเปาโลให้กับคริสเตียนในเมืองฟีลิปปีกระตุ้นเราให้ทำแบบนั้น คริสเตียนบางคนที่นั่นได้รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์มานานหลายปีแล้วตอนที่อ่านจดหมายของเปาโล แต่เปาโลก็ยังเตือนพวกเขาให้วิ่งแข่งเพื่อชีวิตด้วยความมานะอดทน เปาโลอยากให้พี่น้องเหล่านั้นเลียนแบบเขาต่อไปในเรื่องการ “มุ่งไปสู่เส้นชัย”—ฟป. 3:14
2. ทำไมคำแนะนำของเปาโลถึงเหมาะกับคริสเตียนในเมืองฟีลิปปี?
2 คำแนะนำของเปาโลเหมาะกับคริสเตียนในเมืองฟีลิปปีจริง ๆ พี่น้องที่นั่นเจอการข่มเหงตั้งแต่ประชาคมถูกตั้งขึ้น ตอนแรกเปาโลกับสิลาสได้รับนิมิตจากพระเจ้าในปีคริสต์ศักราช 50 ที่บอกให้ไป “แคว้นมาซิโดเนีย” พวกเขาเลยไปที่เมืองฟีลิปปีซึ่งอยู่ในแคว้นมาซิโดเนีย (กจ. 16:9) ที่นั่น พวกเขาเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อลิเดียซึ่ง “พระยะโฮวาเปิดใจเธอให้สนใจฟัง” ข่าวดี (กจ. 16:14) จากนั้นลิเดียกับคนในบ้านของเธอได้รับบัพติศมา แต่มารซาตานก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ มันเริ่มสร้างปัญหาให้เปาโลกับสิลาส ผู้ชายในเมืองฟีลิปปีลากตัวทั้งสองคนไปหาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและกล่าวหาพวกเขาอย่างผิด ๆ ว่าปลุกปั่นยุยง ผลก็คือทั้งสองคนถูกเฆี่ยน ถูกจับขังคุก และต่อมาถูกขอให้ออกจากเมือง (กจ. 16:16-40) แต่พวกเขาท้อถอยและยอมแพ้ไหม? ไม่เลย แล้วพวกพี่น้องที่อยู่ในประชาคมนี้ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ล่ะเป็นอย่างไร? พวกเขาก็ไม่ท้อถอยเหมือนกันซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชมเชยจริง ๆ นั่นต้องเป็นเพราะพวกเขาได้รับกำลังใจจากตัวอย่างที่ดีของเปาโลกับสิลาสแน่ ๆ
3. เปาโลรู้อะไร? และเราจะคุยกันเกี่ยวกับคำถามอะไรบ้าง?
2 คร. 4:16) แต่เขารู้ว่าเพื่อจะวิ่งจนเข้าเส้นชัยได้ ในหัวของเขาต้องคิดถึงเส้นชัยเสมอ เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของเปาโล? พี่น้องที่ซื่อสัตย์ในทุกวันนี้แสดงให้เห็นอย่างไรว่าเราสามารถอดทนได้แม้เจอปัญหา? และความหวังเรื่องอนาคตช่วยเราอย่างไรให้ตั้งใจแน่วแน่ต่อ ๆ ไปที่จะไม่ท้อถอยและยอมแพ้?
3 เปาโลตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ท้อถอยและยอมแพ้ (ตัวอย่างของเปาโลเป็นประโยชน์กับเราอย่างไร?
4. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเปาโล เขายังขยันทำงานรับใช้พระยะโฮวาอย่างไร?
4 ลองคิดถึงความพยายามของเปาโลตอนที่เขาเขียนจดหมายถึงคริสเตียนในเมืองฟีลิปปี ตอนนั้นเขาถูกกักตัวอยู่ที่บ้านในกรุงโรม เขาออกไปประกาศข้างนอกไม่ได้เลย แต่เขาก็ยังประกาศกับคนที่มาเยี่ยมที่บ้านและเขียนจดหมายถึงประชาคมต่าง ๆ ที่อยู่ห่างไกล ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน พี่น้องหลายคนที่ไม่สามารถออกไปประกาศได้เพราะป่วยหรืออายุมากก็พยายามคุยกับคนที่มาเยี่ยมและเขียนจดหมายถึงเจ้าของบ้านที่ผู้ประกาศคนอื่นไม่มีโอกาสเจอ
5. อย่างที่เปาโลบอกไว้ในฟีลิปปี 3:12-14 อะไรช่วยให้เขามองไปที่เส้นชัยเสมอ?
5 เปาโลไม่ยอมให้ความสำเร็จในอดีตหรือความผิดพลาดในชีวิตมาดึงความสนใจเขาไปจากการรับใช้พระยะโฮวา ที่จริงเขาบอกว่าการ “ลืมสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างหลัง” คือสิ่งจำเป็นเพื่อจะ “โน้มตัวไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า” ซึ่งหมายถึงการวิ่งแข่งเพื่อชีวิตจนถึงเส้นชัย (อ่านฟีลิปปี 3:12-14) มีอะไรบ้างที่อาจดึงความสนใจของเปาโล? อย่างแรก เปาโลประสบความสำเร็จในชีวิตก่อนจะมาเป็นคริสเตียน แต่เขาก็มองว่าสิ่งเหล่านั้น “เป็นแค่ขยะ” (ฟป. 3:3-8) อย่างที่ 2 เปาโลรู้สึกผิดที่เคยข่มเหงคริสเตียนมาก่อน แต่เขาก็ไม่ยอมให้ความรู้สึกนี้มาทำให้เขาเลิกรับใช้พระยะโฮวา และอย่างที่ 3 เปาโลประสบความสำเร็จในงานรับใช้แม้ต้องเจอความยากลำบากหลายอย่าง เช่น ติดคุก ถูกเฆี่ยน ถูกเอาหินขว้าง เจอภัยเรือแตก อดอยาก และไม่มีเสื้อผ้าใส่ แต่เขาไม่ได้คิดเอาเองว่าเขาทำเพื่อพระยะโฮวามามากพอแล้ว (2 คร. 11:23-27) ไม่ว่าเปาโลจะทำอะไรสำเร็จมาบ้างหรือเจอปัญหามากแค่ไหน เขารู้ว่าต้อง “มุ่ง” รับใช้พระยะโฮวาต่อไป พวกเราในทุกวันนี้ก็ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน
6. “สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างหลัง” ที่เราต้องลืมมีอะไรบ้าง?
6 เราจะเลียนแบบเปาโลโดย “ลืมสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างหลัง” ได้อย่างไร? พวกเราบางคนอาจต้องเอาชนะความรู้สึกผิดเพราะบาปที่เคยทำในอดีต ถ้าคุณเป็นอย่างนั้น ลองตั้งโปรเจ็คศึกษาส่วนตัวโดยเน้นที่เรื่องค่าไถ่ของพระคริสต์ ถ้าเราศึกษาส่วนตัว คิดใคร่ครวญ และอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันอาจทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าพระยะโฮวาให้อภัยบาปเราไปแล้ว เราจะได้กำลังใจและอาจรู้สึกผิดน้อยลง หรือถึงกับไม่รู้สึกผิดในเรื่องนั้นอีกต่อไป ขอให้คิดถึงอีกบทเรียนหนึ่งที่เราได้เรียนจากเปาโล พวกเราบางคนอาจลาออกจากงานรายได้ดีเพื่อจะรับใช้พระยะโฮวามากขึ้น ถ้าอย่างนั้น เราจะ “ลืมสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างหลัง” โดยไม่อาลัยอาวรณ์โอกาสที่จะร่ำรวยหรือชีวิตที่สะดวกสบายซึ่งเราได้ทิ้งมันมาแล้วได้ไหม? (กดว. 11:4-6; ปญจ. 7:10) นอกจากนั้น “สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างหลัง” อาจหมายถึงความสำเร็จในงานรับใช้พระยะโฮวาในอดีตหรือการที่เราเคยอดทนความยากลำบาก แน่นอนว่าการคิดว่าพระยะโฮวาเคยช่วยเราอย่างไรจะช่วยให้เรา สนิทกับพระองค์มากขึ้น แต่เราไม่ควรคิดว่าเราทำเพื่อพระองค์มามากพอแล้วและไม่อยากทำอะไรมากกว่านั้นอีก—1 คร. 15:58
7. ตามที่บอกไว้ใน 1 โครินธ์ 9:24-27 เราต้องทำอะไรเพื่อจะได้รางวัลในการวิ่งแข่งเพื่อชีวิต? ขอยกตัวอย่าง
7 เปาโลเข้าใจคำพูดของพระเยซูดีที่บอกว่า “คุณต้องพยายามสุดความสามารถ” (ลก. 13:23, 24) เปาโลรู้สึกเหมือนพระเยซู เขารู้ว่าต้องพยายามสุดความสามารถตลอดชีวิต เขาเลยเปรียบชีวิตคริสเตียนเหมือนการวิ่งแข่ง (อ่าน 1 โครินธ์ 9:24-27) นักวิ่งต้องคิดถึงเส้นชัยเสมอและไม่สนใจเรื่องอื่น ตัวอย่างเช่น ทุกวันนี้นักวิ่งอาจวิ่งบนถนนที่มีร้านค้าอยู่ข้างทางหรืออาจมีสิ่งอื่น ๆ ที่มาดึงความสนใจของเขา คุณคิดว่านักวิ่งจะหยุดดูตามร้านค้าต่าง ๆ ไหม? ถ้าอยากชนะเขาจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ ๆ เหมือนกับการวิ่งแข่งเพื่อชีวิต เราต้องไม่ให้เรื่องอื่นมาดึงความสนใจ เมื่อเราคิดถึงแต่เส้นชัยเสมอและพยายามสุดความสามารถเหมือนที่เปาโลทำ เราจะได้รางวัลแน่นอน
เราจะรับใช้พระยะโฮวาต่อไปได้อย่างไรแม้เจอปัญหา?
8. เราจะคุยกันเกี่ยวกับปัญหา 3 อย่างอะไร?
8 ตอนนี้ให้มาดู 3 อย่างที่อาจทำให้เราท้อใจและวิ่งช้าลง (1) สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ (2) เรี่ยวแรงถดถอยเมื่ออายุมากขึ้น และ (3) ความยากลำบากที่เกิดขึ้นยาวนาน เราจะได้ดูกันว่าคนอื่นรับมือกับปัญหาเหล่านี้อย่างไร—ฟป. 3:17
9. การที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้อาจมีผลต่อเราอย่างไร?
9 สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราหวังจะให้สิ่งดีต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาสัญญาไว้เป็นจริง ที่จริง ตอนที่ฮาบากุกผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาอยากให้พระองค์จัดการความชั่วในยูดาห์ พระยะโฮวาบอกให้เขา “เฝ้ารอต่อไป” อย่างมีความหวัง (ฮบก. 2:3) แต่เมื่อสิ่งต่าง ๆ ที่เราคาดหวังยังไม่เกิดขึ้นสักที เราอาจหมดความกระตือรือร้นและอาจถึงกับท้อใจได้ (สภษ. 13:12) เรื่องนี้เกิดขึ้นกับพี่น้องบางคนในช่วงปี 1914 คริสเตียนผู้ถูกเจิมหลายคนหวังว่าจะได้ ไปสวรรค์ในปีนั้น แต่เมื่อไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ พี่น้องที่ซื่อสัตย์เหล่านั้นรับมืออย่างไร?
10. สามีภรรยาคู่หนึ่งรับมืออย่างไรเมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้?
10 ขอให้คิดถึงตัวอย่างของพี่น้องที่ซื่อสัตย์ 2 คนซึ่งเอาชนะความท้อใจได้ พี่น้องรอยัล สปาซรับบัพติศมาในปี 1908 ตอนอายุ 20 และเขามั่นใจมากว่าอีกไม่นานจะได้ไปสวรรค์ ที่จริง ตอนที่เขาขอเพิร์ลซึ่งเป็นแฟนแต่งงานในปี 1911 เขาบอกกับเธอว่า “คุณรู้อยู่แล้วว่าปี 1914 จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราคิดจะแต่งงานกันอยู่แล้ว เรารีบแต่งกันเลยดีไหม?” สามีภรรยาคู่นี้ท้อถอยหรือยอมแพ้ในการวิ่งแข่งเพื่อชีวิตไหมเพราะไม่ได้ไปสวรรค์ในปี 1914 อย่างที่คิด? ไม่เลย สิ่งที่พวกเขาสนใจที่สุดคือการรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ไม่ใช่การได้ไปสวรรค์ พวกเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะวิ่งแข่งเพื่อชีวิตอย่างอดทน ที่จริง ทั้งรอยัลและเพิร์ลทำงานรับใช้อย่างขยันขันแข็งและซื่อสัตย์นานหลายสิบปีจนจบชีวิตบนโลก คุณเองก็รอคอยเวลาที่พระยะโฮวาจะกู้ชื่อเสียงของพระองค์และพิสูจน์ว่าพระองค์มีสิทธิ์ที่จะปกครอง และรอเวลาที่พระองค์จะทำให้คำสัญญาทุกอย่างเป็นจริงแน่ ๆ คุณมั่นใจได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นแน่นอนตามเวลาที่พระองค์กำหนดไว้ ก่อนจะถึงเวลานั้น ให้เราทุกคนขยันทำงานรับใช้พระองค์ต่อไป และแม้ว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ก็ขอให้เราอย่าท้อใจและวิ่งช้าลง
11-12. ทำไมเราสามารถรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ได้ต่อ ๆ ไปแม้เราไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน? ขอยกตัวอย่าง
11 เรี่ยวแรงถดถอยเมื่ออายุมากขึ้น นักวิ่งต้องใช้กำลังเรี่ยวแรงอย่างมากในการวิ่ง แต่คุณไม่ต้องใช้กำลังเรี่ยวแรงเพื่อจะมีความเชื่อในพระยะโฮวามากขึ้นและทำงานรับใช้อย่างเต็มที่มากขึ้น ที่จริง หลายคนที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงมากเหมือนเมื่อก่อนก็ยังอยากรับใช้พระยะโฮวาอย่างดีที่สุด (2 คร. 4:16) ลองดูตัวอย่างของพี่น้องอาเทอร์ เซคคอร์ด * ซึ่งอายุ 88 ปีและเคยรับใช้ที่เบเธลมาแล้วถึง 55 ปี เขาไม่แข็งแรงเหมือนตอนเป็นหนุ่มและสุขภาพก็ไม่ค่อยดี วันหนึ่งพี่น้องหญิงซึ่งเป็นพยาบาลมาดูแลเขาที่เตียง เธอมองเขาและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “พี่น้องอาเทอร์คะ คุณได้ทำเพื่อพระยะโฮวามามากจริง ๆ” แต่อาเทอร์ไม่ได้สนใจแต่สิ่งที่เขาเคยทำ เขามองตาพี่น้องหญิงคนนั้น ยิ้ม แล้วก็บอกว่า “ใช่ แต่สิ่งที่เราเคยทำไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือตอนนี้เรายังซื่อสัตย์ต่อพระองค์อยู่ไหม”
ฮบ. 6:10) สำหรับตอนนี้ขอให้จำไว้ว่าปริมาณงานรับใช้ไม่ใช่ตัววัดว่าเรารักพระยะโฮวามากหรือน้อย แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เราจะแสดงออกว่ารักพระยะโฮวามากโดยการเป็นคนคิดบวกและทำเต็มที่ตามความสามารถของเรา (คส. 3:23) พระยะโฮวารู้ดีว่าเรามีข้อจำกัดอะไรและไม่ได้เรียกร้องจากเรามากเกินกว่าที่เราจะให้ได้—มก. 12:43, 44
12 บางทีคุณอาจรับใช้พระยะโฮวามาแล้วหลายปีและตอนนี้สุขภาพไม่ค่อยดีทำให้ไม่สามารถรับใช้พระองค์ได้มากอย่างที่เคยทำ ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่าเพิ่งท้อใจ ขอให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาไม่ลืมสิ่งที่คุณทำ พระองค์เห็นค่าที่คุณรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์มานานหลายปี (13. ประสบการณ์ของอะนาทอลีกับลีดิยาช่วยเราอย่างไรให้รับใช้ต่อไปแม้จะเจอความยากลำบากที่เกิดขึ้นยาวนาน?
13 ความยากลำบากที่เกิดขึ้นยาวนาน ผู้รับใช้พระยะโฮวาบางคนต้องอดทนความยากลำบากและการข่มเหงนานหลายสิบปี ตัวอย่างเช่น อะนาทอลี เมลนิค *อายุแค่ 12 เท่านั้นตอนที่พ่อของเขาถูกจับ ถูกขังคุก และถูกเนรเทศไปไซบีเรียซึ่งไกลจากครอบครัวที่มอลโดวามากกว่า 7,000 กิโลเมตร หนึ่งปีหลังจากนั้น อะนาทอลี แม่ และตากับยายก็ถูกเนรเทศไปไซบีเรียด้วย ต่อมาพวกเขาสามารถเข้าร่วมการประชุมในอีกหมู่บ้านหนึ่งแต่ต้องเดินลุยหิมะไกลถึง 30 กิโลเมตรภายใต้อุณหภูมิที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หลายปีต่อมา อะนาทอลีถูกจับติดคุกนาน 3 ปีและไม่ได้อยู่กับลีดิยาภรรยาของเขาและลูกสาวอายุหนึ่งขวบ แม้ต้องเจอความยากลำบากนานหลายปี แต่อะนาทอลีกับครอบครัวก็ยังคงรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ต่อไป ตอนนี้เขาอายุ 82 แล้วและยังรับใช้ฐานะคณะกรรมการสาขาในสำนักงานสาขาแห่งหนึ่งแถบเอเชียกลาง เราก็เป็นเหมือนอะนาทอลีกับลีดิยาได้ ให้เรารับใช้พระยะโฮวาอย่างสุดความสามารถและอดทนต่อ ๆ ไปเหมือนที่เราเคยทำมา—กท. 6:9
มองไปที่ความหวังเรื่องอนาคตเสมอ
14. เปาโลบอกว่าเขาต้องทำอะไรเพื่อจะวิ่งแข่งเพื่อชีวิตจนถึงเส้นชัย?
14 เปาโลมั่นใจว่าเขาสามารถวิ่งแข่งจนถึงเส้นชัยได้ เปาโลเป็นคริสเตียนผู้ถูกเจิม เขารอคอยที่จะได้รับ “รางวัล นั่นก็คือชีวิตในสวรรค์” แต่เพื่อจะได้รางวัลนั้น เขารู้ดีว่าเขาต้อง “มุ่ง” หน้าต่อ ๆ ไป (ฟป. 3:14) เปาโลใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบที่น่าสนใจเพื่อช่วยให้คริสเตียนในเมืองฟีลิปปีสนใจที่เส้นชัยเสมอ
15. เปาโลใช้ตัวอย่างเรื่องพลเมืองอย่างไรเพื่อกระตุ้นคริสเตียนในเมืองฟีลิปปีให้ “มุ่งไปสู่เส้นชัย”?
ฟป. 3:20) ทำไมพวกเขาต้องคิดถึงเรื่องนี้? ในสมัยเปาโล ใคร ๆ ก็อยากเป็นพลเมืองโรมันเพราะได้ผลประโยชน์หลายอย่าง * แต่คริสเตียนผู้ถูกเจิมเป็นพลเมืองของรัฐบาลสวรรค์ซึ่งเหนือกว่าและได้ผลประโยชน์มากกว่าการเป็นพลเมืองโรมันแบบเทียบกันไม่ติด ดังนั้น เปาโลเลยกระตุ้นคริสเตียนในเมืองฟีลิปปี “ให้ทำตัวเป็นพลเมืองที่สอดคล้องกับข่าวดีเรื่องพระคริสต์” (ฟป. 1:27, เชิงอรรถ) คริสเตียนผู้ถูกเจิมในทุกวันนี้เป็นตัวอย่างที่ดี พวกเขา “มุ่งไปสู่เส้นชัย” คือการได้อยู่ตลอดไปในสวรรค์
15 เปาโลเตือนคริสเตียนในเมืองฟีลิปปีให้คิดถึงฐานะ “พลเมืองสวรรค์” ของพวกเขา (16. จากฟีลิปปี 4:6, 7 เราต้องทำอะไรต่อ ๆ ไปไม่ว่าเราจะมีความหวังได้อยู่ในสวรรค์หรือบนโลก?
16 ไม่ว่าเรามีความหวังจะอยู่ตลอดไปในสวรรค์หรือบนโลกที่เป็นอุทยาน เราต้องมุ่งไปสู่เส้นชัยนั้น ไม่ว่าเราจะเจอสภาพการณ์อะไรเราไม่ควรคิดถึงอดีตมากเกินไป และไม่ควรยอมให้สิ่งต่าง ๆ มาขัดขวางความก้าวหน้าของเราในการรับใช้พระยะโฮวา (ฟป. 3:16) เราอาจรอให้คำสัญญาของพระองค์เป็นจริงมานานแล้ว หรือเราอาจแก่ลงและไม่มีเรี่ยวมีแรงเหมือนเมื่อก่อน หรือเราอาจต้องทนกับความยากลำบากและการข่มเหงนานหลายปี ไม่ว่าสภาพการณ์ของคุณจะเป็นอย่างไร “อย่ากังวลอะไรเลย” แต่ให้ขอและอ้อนวอนพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน แล้วพระองค์จะให้คุณมีสันติสุขซึ่งดีเกินกว่าทุกสิ่งที่คุณจะนึกออกได้—อ่านฟีลิปปี 4:6, 7
17. บทความหน้าเราจะคุยเรื่องอะไร?
17 เมื่อนักวิ่งได้วิ่งมาถึงโค้งสุดท้าย เขาจะไม่ละสายตาจากเส้นชัยเลย เหมือนกัน เมื่อเราอยู่ในโค้งสุดท้ายของการวิ่งแข่งเพื่อชีวิต เราก็ต้องคิดถึงคำสัญญาที่ยอดเยี่ยมของพระเจ้าเกี่ยวกับอนาคตเสมอและพยายามทำสุดความสามารถต่อไป แต่เพื่อจะวิ่งอย่างอดทนได้ต่อ ๆ ไปเราต้องทำอย่างไร? บทความหน้าจะช่วยเราให้จัดลำดับความสำคัญได้อย่างถูกต้องและ “มองให้ออกว่าอะไรสำคัญกว่า”—ฟป. 1:9, 10
เพลง 79 สอนพวกเขาให้มีความเชื่อมั่นคง
^ วรรค 5 ไม่ว่าเราจะรับใช้พระยะโฮวามานานเท่าไรแล้ว เราอยากเป็นคริสเตียนที่ก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ อัครสาวกเปาโลบอกเพื่อนร่วมความเชื่อของเขาไม่ให้ท้อถอยและยอมแพ้ จดหมายที่เขาเขียนถึงคริสเตียนในเมืองฟีลิปปีกระตุ้นเราให้อดทนในการวิ่งแข่งเพื่อชีวิต บทความนี้จะช่วยเราให้เห็นว่าจะเอาคำแนะนำของเปาโลที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้ามาใช้กับตัวเราได้อย่างไร
^ วรรค 11 ดูเรื่องราวชีวิตจริงของอาเทอร์ เซคคอร์ด ในบทความ “ส่วนของผมในการนมัสการที่ถูกต้องและก้าวหน้า” ในหอสังเกตการณ์ 15 มิถุนายน 1965 (ภาษาอังกฤษ)
^ วรรค 13 ดูเรื่องราวชีวิตจริงของอะนาทอลี เมลนิค ในบทความ “รับการสอนตั้งแต่เด็กให้รักพระเจ้า” ในตื่นเถิด! 8 พฤศจิกายน 2004
^ วรรค 15 เนื่องจากเมืองฟีลิปปีเป็นเมืองขึ้นของโรม ชาวเมืองนั้นเลยได้สิทธิบางอย่างของพลเมืองโรมัน เมื่อเปาโลใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบแบบนี้พี่น้องในเมืองฟีลิปปีเลยเข้าใจได้ไม่ยาก