ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

คำ​ถาม​จาก​ผู้​อ่าน

คำ​ถาม​จาก​ผู้​อ่าน

ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ตก​เป็น​เชลย​ของ​บาบิโลน​ใหญ่​ตอน​ไหน?

ช่วง​ที่​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ตก​เป็น​เชลย​เริ่ม​ต้น​ไม่​นาน​หลัง​ปี ค.ศ. 100 และ​สิ้น​สุด​ปี 1919 เรา​รู้​ได้​อย่าง​ไร​ว่า​ความ​เข้าใจ​ใหม่​นี้​ถูก​ต้อง?

จาก​หลักฐาน​ทั้ง​หมด​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​ใน​ปี 1919 คริสเตียน​ผู้​ถูก​เจิม​เป็น​อิสระ​จาก​บาบิโลน​ใหญ่​และ​ถูก​รวบ​รวม​เข้า​มา​ใน​ประชาคม​ที่​สะอาด เรา​รู้​ได้​อย่าง​ไร? ทันที​ที่​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า​เริ่ม​ปกครอง​ใน​สวรรค์​ปี 1914 ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ถูก​ทดสอบ​และ​ค่อย ๆ ถูก​ชำระ​ให้​สะอาด​จาก​การ​นมัสการ​เท็จ * (มลค. 3:1-4) จาก​นั้น ใน​ปี 1919 พระ​เยซู​แต่ง​ตั้ง “ทาส​ที่​ซื่อ​สัตย์​และ​สุขุม” เพื่อ​ให้ “อาหาร . . . ตาม​เวลา​ที่​เหมาะ​สม” กับ​ประชาชน​ที่​สะอาด​ของ​พระเจ้า (มธ. 24:45-47) ใน​ปี​เดียว​กัน​นั้น ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ถูก​ปล่อย​ออก​จาก​บาบิโลน​ใหญ่ (วว. 18:4) แต่​ตอน​ไหน​ล่ะ​ที่​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ถูก​จับ​เป็น​เชลย?

ใน​สมัย​ก่อน เรา​อธิบาย​ว่า​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ถูก​จับ​เป็น​เชลย​ของ​บาบิโลน​ใหญ่​ใน​ช่วง​เวลา​สั้น ๆ ตั้ง​แต่​ต้น​ปี 1918 ใน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ 15 มีนาคม 1992 บอก​ไว้​ว่า ใน​ปี 1918 ผู้​รับใช้​ของ​พระ​ยะโฮวา​กลาย​เป็น​เชลย​ของ​บาบิโลน​ใหญ่ เหมือน​กับ​ที่​คน​อิสราเอล​ถูก​จับ​ไป​เป็น​เชลย​ใน​บาบิโลน​ใน​สมัย​ก่อน ถึง​อย่าง​นั้น การ​ค้นคว้า​มาก​ขึ้น​ทำ​ให้​เรา​รู้​ว่า​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ถูก​จับ​เป็น​เชลย​นาน​หลาย​ปี​ก่อน​ปี 1918

คำ​พยากรณ์​ใน​เอเสเคียล 37:1-14 บอก​ล่วง​หน้า​ว่า​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​จะ​เป็น​เชลย และ​จะ​ถูก​ปล่อย​หลัง​จาก​นั้น เอเสเคียล​เห็น​นิมิต​ที่​มี​กระดูก​อยู่​เต็ม​ไป​หมด พระ​ยะโฮวา​พูด​ว่า “กระดูก​เหล่า​นี้​คือ​ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​หมด” (ข้อ 11) “ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​หมด” ใน​ข้อ​นี้​หมาย​ถึง​ชาติ​อิสราเอล​จริง ๆ และ​หลัง​จาก​นั้น​ก็​ยัง​หมาย​ถึง “อิสราเอล​ของ​พระเจ้า” ที่​เป็น​ผู้​ถูก​เจิม​ด้วย (กท. 6:16; กจ. 3:21) ใน​นิมิต กระดูก​กลับ​มา​มี​ชีวิต​และ​กลาย​เป็น​กองทัพ​ใหญ่ นี่​อธิบาย​ถึง​วิธี​ที่​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ถูก​ปลด​ปล่อย​ออก​มา​จาก​บาบิโลน​ใหญ่​ใน​ปี 1919 แต่​คำ​พยากรณ์​นี้​แสดง​อย่าง​ไร​ว่า​พวก​เขา​ถูก​จับ​เป็น​เชลย​เป็น​เวลา​นาน?

ก่อน​อื่น เอเสเคียล​สังเกต​ว่า​กระดูก​เหล่า​นั้น “แห้ง​มาก” (อสค. 37:2, 11) นี่​หมาย​ความ​ว่า​คน​เหล่า​นั้น​ตาย​มา​นาน​มาก​แล้ว อย่าง​ที่​สอง เอเสเคียล​เห็น​คน​ตาย​กลับ​มา​มี​ชีวิต​อย่าง​ช้า ๆ ไม่​ได้​เกิด​ขึ้น​ทันที เขา​ได้​ยิน​เสียง “สั่น​รัว และ​กระดูก​เหล่า​นั้น​ก็​เริ่ม​มา​ต่อ​กัน” จาก​นั้น เขา​ก็​เห็น “เส้น​เอ็น​กับ​เนื้อ​มา​ติด​เข้า​กับ​กระดูก” และ​ผิวหนัง​ก็​มา​ห่อ​หุ้ม​กระดูก และ​หลัง​จาก​นั้น “ลม​หายใจ​ก็​เข้า​ไป​ใน​คน​เหล่า​นั้น พวก​เขา​จึง​มี​ชีวิต” ใน​ที่​สุด หลัง​จาก​ผู้​คน​กลับ​มา​มี​ชีวิต​อีก พระ​ยะโฮวา​ก็​ให้​แผ่นดิน​กับ​พวก​เขา ทั้ง​หมด​นี้​ต้อง​ใช้​เวลา​นาน—อสค. 37:7-10, 14

เหมือน​กับ​ที่​คำ​พยากรณ์​บอก​ไว้ ชาว​อิสราเอล​เป็น​เชลย​อยู่​นาน​จริง ๆ โดย​เริ่ม​ต้น​ปี 740 ก่อน ค.ศ. ตอน​นั้น อิสราเอล 10 ตระกูล​ทาง​เหนือ​ถูก​จับ​ไป​เป็น​เชลย หลัง​จาก​นั้น ใน​ปี 607 ก่อน ค.ศ. กรุง​เยรูซาเล็ม​ถูก​ชาว​บาบิโลน​ทำลาย อิสราเอล​อีก 2 ตระกูล​ที่​เหลือ คือ​อาณาจักร​ยูดาห์​ทาง​ใต้​ก็​ถูก​จับ​ไป​เป็น​เชลย​เหมือน​กัน และ​ใน​ปี 537 ก่อน ค.ศ. การ​เป็น​เชลย​จึง​สิ้น​สุด​ลง​ตอน​ที่​มี​ชาว​ยิว​จำนวน​ไม่​มาก​กลับ​ไป​บ้าน​เกิด​และ​สร้าง​วิหาร​ที่​ใช้​สำหรับ​การ​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา​ขึ้น​ใหม่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม

ราย​ละเอียด​เหล่า​นี้​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​คริสเตียน​ผู้​ถูก​เจิม​ก็​ต้อง​ถูก​บาบิโลน​ใหญ่​จับ​เป็น​เชลย​อยู่​นาน​เหมือน​กัน ไม่​ใช่​แค่​ปี 1918 ถึง 1919 นอก​จาก​นั้น พระ​เยซู​ยัง​พูด​ถึง​ระยะ​เวลา​ที่​ยาว​นาน​ด้วย​เมื่อ​พูด​ว่า​คริสเตียน​ปลอม​หรือ “วัชพืช” จะ​โต​ไป​พร้อม ๆ กับ “คน​ที่​จะ​เข้า​รัฐบาล​สวรรค์” หรือ​ข้าว​สาลี (มธ. 13:36-43) ใน​ช่วง​เวลา​นั้น มี​คริสเตียน​แท้​อยู่​แค่​ไม่​กี่​คน เพราะ​คน​ส่วน​ใหญ่​ที่​บอก​ว่า​เขา​เป็น​คริสเตียน​กลับ​ยอม​รับ​คำ​สอน​ผิด ๆ และ​เริ่ม​ออก​หาก นี่​เป็น​เหตุ​ผล​ที่​เรา​พูด​ได้​ว่า​ตอน​นั้น​เป็น​ช่วง​ที่​ประชาคม​คริสเตียน​ถูก​บาบิโลน​ใหญ่​จับ​เป็น​เชลย ดัง​นั้น การ​เป็น​เชลย​นี้​จึง​เริ่ม​ต้น​ไม่​นาน​หลัง​จาก​ปี 100 เรื่อย​มา​จน​ถึง​เวลา​ที่​มี​การ​ชำระ​วิหาร​ของ​พระเจ้า​ใน​ความ​หมาย​แฝง​ใน​สมัย​สุด​ท้าย—กจ. 20:29, 30; 2 ธส. 2:3, 6; 1 ยน. 2:18, 19

ใน​ช่วง​เวลา​ที่​มาก​กว่า​หนึ่ง​พัน​ปี​ที่​เป็น​เชลย พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​คริสต์​และ​นัก​การ​เมือง​ต้องการ​มี​อำนาจ​เหนือ​ผู้​คน ตัว​อย่าง​เช่น ผู้​คน​ไม่​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​มี​หรือ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​ภาษา​ที่​พวก​เขา​เข้าใจ​ได้ บาง​คน​ที่​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ถึง​กับ​ถูก​เผา​บน​เสา และ​คน​ที่​พูด​ต่อ​ต้าน​พวก​ผู้​นำ​จะ​ถูก​ลง​โทษ​อย่าง​หนัก ใน​ช่วง​นั้น ดู​เหมือน​ว่า​เป็น​ไป​ไม่​ได้​ที่​ใคร​จะ​เรียน​ความ​จริง​และ​สอน​คน​อื่น ๆ

เรา​ยัง​ได้​เรียน​จาก​นิมิต​ของ​เอเสเคียล​ว่า​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​จะ​กลับ​มา​มี​ชีวิต​อีก​ครั้ง และ​จะ​ค่อย ๆ ถูก​ปล่อย​ออก​จาก​ศาสนา​เท็จ เรื่อง​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​ตอน​ไหน และ​อย่าง​ไร? ใน​นิมิต​พูด​ถึง “เสียง​สั่น​รัว” เสียง​นี้​เริ่ม​ต้น​ไม่​กี่​ร้อย​ปี​ก่อน​ที่​สมัย​สุด​ท้าย​เริ่ม​ต้น ใน​ช่วง​นั้น ยัง​มี​คน​ที่​ซื่อ​สัตย์​บาง​คน​อยาก​รู้​ความ​จริง​และ​รับใช้​พระเจ้า​ทั้ง ๆ ที่​พวก​เขา​อยู่​ใน​สภาพ​แวด​ล้อม​ที่​มี​แต่​คำ​สอน​เท็จ พวก​เขา​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​พยายาม​บอก​สิ่ง​ที่​รู้​กับ​คน​อื่น​เท่า​ที่​จะ​ทำ​ได้ ส่วน​คน​อื่น ๆ ก็​พยายาม​แปล​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​จริงจัง​เป็น​ภาษา​ต่าง ๆ ที่​ผู้​คน​เข้าใจ

ประมาณ​ปี 1870 ดู​เหมือน​ว่า​เนื้อ​และ​หนัง​ก็​กลับ​มา​ที่​กระดูก​อีก​ครั้ง ชาลส์ เทซ รัสเซลล์​และ​พวก​เพื่อน ๆ ของ​เขา​พยายาม​อย่าง​จริงจัง​เพื่อ​จะ​รู้​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา พวก​เขา​ช่วย​คน​อื่น ๆ ให้​เข้าใจ​คัมภีร์​ไบเบิล​โดย​ใช้​วารสาร​หอสังเกตการณ์​แห่ง​ซีโอน และ​สิ่ง​พิมพ์​อื่น ๆ หลัง​จาก​นั้น ก็​มี​การ​ใช้ “ภาพยนตร์​เรื่อง​การ​ทรง​สร้าง” ใน​ปี 1914 และ​ใน​ปี 1917 หนังสือ​ความ​ลึกลับ​สำเร็จ​แล้ว ได้​ช่วย​ประชาชน​ของ​พระ​ยะโฮวา​ให้​มี​ความ​เชื่อ​มาก​ขึ้น ใน​ที่​สุด ปี 1919 พวก​เขา​ก็​กลับ​มา​มี​ชีวิต​อีก​และ​ได้​แผ่นดิน​ใหม่ ตั้ง​แต่​ตอน​นั้น คน​ที่​มี​ความ​หวัง​ที่​จะ​อยู่​บน​โลก​ก็​เริ่ม​มา​รับใช้​ร่วม​กับ​ผู้​ถูก​เจิม พวก​เขา​ทั้ง​หมด​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา และ​พวก​เขา​เป็น “กองทัพ​ใหญ่”—อสค. 37:10; ศคย. 8:20-23 *

จาก​ข้อมูล​ทั้ง​หมด​นี้ ทำ​ให้​เรา​เห็น​ชัดเจน​ว่า​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ตก​เป็น​เชลย​ของ​บาบิโลน​ใหญ่​ไม่​นาน​หลัง​จาก​ปี 100 และ​นี่​เป็น​ช่วง​เวลา​ที่​หลาย​คน​ออก​หาก​โดย​ยอม​รับ​คำ​สอน​ผิด ๆ และ​ปฏิเสธ​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล เป็น​เวลา​หลาย​ปี​ที่​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เป็น​เรื่อง​ยาก​มาก​เหมือน​กับ​ตอน​ที่​ชาว​อิสราเอล​ถูก​จับ​เป็น​เชลย แต่​ใน​ตอน​นี้ มี​การ​ประกาศ​ความ​จริง​ไป​ถึง​ทุก​คน เรา​มี​ความ​สุข​จริง ๆ ที่​ได้​อยู่​ใน​เวลา​ที่ “คน​ที่​มี​ความ​เข้าใจ​ลึกซึ้ง​จะ​ส่อง​แสง​จ้า” หลาย​คน​สามารถ “ชำระ​ตัว” ถูก “ขัด​เกลา” และ​เข้า​มา​นมัสการ​แท้—ดนล. 12:3, 10

ตอน​ที่​ซาตาน​มา​ทดสอบ​พระ​เยซู มัน​พา​พระ​เยซู​ไป​ที่​วิหาร​จริง ๆ หรือ​มัน​แค่​ให้​พระ​เยซู​เห็น​วิหาร​ใน​นิมิต?

เรา​ไม่​รู้​แน่นอน​ว่า​ซาตาน​ใช้​วิธี​ไหน

มัทธิว​และ​ลูกา​ผู้​เขียน​คัมภีร์​ไบเบิล​เขียน​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น มัทธิว​เขียน​ว่า “มาร​ก็​พา​พระ​เยซู” ไป​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม​และ “ให้​ยืน​บน​กำแพง​ด้าน​ที่​สูง​ที่​สุด​ของ​วิหาร” (มธ. 4:5; เชิงอรรถ) ลูกา​ก็​บันทึก​ว่า “มาร​ก็​พา​พระ​เยซู​เข้า​ไป​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​และ​ให้​ยืน​บน​กำแพง​ด้าน​ที่​สูง​ที่​สุด​ของ​วิหาร”—ลก. 4:9

ใน​อดีต วารสาร​ของ​เรา​เคย​บอก​ว่า​ซาตาน​อาจ​ไม่​ได้​พา​ตัว​พระ​เยซู​ไป​ที่​วิหาร​จริง ๆ ตอน​ที่​มัน​ทดสอบ​ท่าน วารสาร​หอสังเกตการณ์ 1 มีนาคม 1961 (ภาษา​อังกฤษ) เปรียบ​เทียบ​เหตุ​การณ์​นี้​กับ​ตอน​ที่​ซาตาน​ทดสอบ​พระ​เยซู​โดย​แสดง​ให้​ท่าน​เห็น​ประเทศ​ทั้ง​หมด​ใน​โลก​จาก​ภูเขา​ที่​สูง​มาก วารสาร​นั้น​บอก​ว่า​คง​ไม่​มี​ภูเขา​ที่​ไหน​สูง​พอ​ที่​จะ​เห็น​ประเทศ​ทั้ง​หมด​ใน​โลก​ได้ คล้าย​กัน ซาตาน​ก็​อาจ​จะ​ไม่​ได้​พา​ตัว​พระ​เยซู​ไป​ที่​วิหาร​จริง ๆ แต่​ใน​บทความ​ฉบับ​ต่อ ๆ มา​ก็​บอก​ว่า​ถ้า​พระ​เยซู​กระโดด​ลง​จาก​วิหาร​นั้น ท่าน​ก็​คง​ต้อง​เสีย​ชีวิต

บาง​คน​บอก​ว่า ใน​เมื่อ​พระ​เยซู​ไม่​ใช่​คน​เลวี ท่าน​จะ​ยืน​อยู่​บน​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​ใน​วิหาร​ไม่​ได้ ดัง​นั้น ซาตาน​ก็​คง​ทดสอบ​พระ​เยซู​ทาง​นิมิต​เท่า​นั้น และ​หลาย​ร้อย​ปี​ก่อน​หน้า​นั้น เอเสเคียล​ก็​ถูก​พา​ไป​ที่​วิหาร​ใน​นิมิต​เหมือน​กัน—อสค. 8:3, 7-10; 11:1, 24; 37:1, 2

แต่​ถ้า​พระ​เยซู​ถูก​พา​ไป​ที่​วิหาร​ใน​นิมิต บาง​คน​ก็​อาจ​สงสัย​ว่า . . .

  • พระ​เยซู​จะ​รู้สึก​ว่า​นี่​เป็น​การ​ทดสอบ​ให้​กระโดด​ลง​ไป​จริง ๆ เหรอ?

  • ใน​ครั้ง​อื่น ๆ ที่​ซาตาน​ทดสอบ​พระ​เยซู มัน​ให้​พระ​เยซู​เปลี่ยน​หิน​จริง ๆ เป็น​ขนมปัง​จริง ๆ และ​มัน​อยาก​ให้​พระ​เยซู​กราบ​มัน​จริง ๆ ดัง​นั้น ก็​น่า​จะ​เป็น​ไป​ได้​ไม่​ใช่​เหรอ​ที่​ซาตาน​อยาก​ให้​พระ​เยซู​กระโดด​ลง​มา​จาก​วิหาร​จริง ๆ?

แต่​ถ้า​ซาตาน​ไม่​ได้​ใช้​นิมิต และ​พา​พระ​เยซู​ไป​ที่​วิหาร​จริง ๆ บาง​คน​ก็​อาจ​สงสัย​ว่า . . .

  • พระ​เยซู​ทำ​ผิด​กฎหมาย​ของ​โมเสส​ไหม​ที่​ท่าน​ยืน​อยู่​บน​ที่​ที่​สูง​ที่​สุด​ของ​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​ใน​วิหาร?

  • พระ​เยซู​เดิน​ทาง​จาก​ที่​กันดาร​ไป​ถึง​วิหาร​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​ได้​อย่าง​ไร?

ขอ​เรา​ดู​ข้อมูล​เพิ่ม​เติม​บาง​อย่าง​ที่​จะ​ช่วย​เรา​ตอบ​คำ​ถาม​สอง​ข้อ​หลัง​นี้

ศาสตราจารย์​ดี. เอ. คาร์สัน พูด​ถึง​คำ​ว่า “วิหาร” ใน​ภาษา​กรีก​ที่​ใช้​ใน​หนังสือ​มัทธิว​และ​ลูกา​ว่า​อาจ​เกี่ยว​ข้อง​กับ​วิหาร​ทั้ง​หมด ไม่​ใช่​เฉพาะ​ใน​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​ที่​เฉพาะ​คน​เลวี​เท่า​นั้น​ที่​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​เข้า​ไป มุม​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ออก​เฉียง​ใต้​ของ​วิหาร​จะ​มี​ดาดฟ้า​ที่​มี​กำแพง​ล้อม​รอบ​ซึ่ง​เป็น​จุด​ที่​สูง​ที่​สุด​ใน​วิหาร ดัง​นั้น พระ​เยซู​อาจ​ถูก​พา​ไป​อยู่​ที่​นั่น จาก​จุด​นั้น​ลง​ไป​จน​ถึง​ก้น​หุบเขา​คิดโรน​มี​ระยะ​ห่าง​ประมาณ 140 เมตร โยเซฟุส​นัก​ประวัติศาสตร์​บอก​ว่า ที่​ตรง​นั้น​สูง​มาก ถ้า​มี​ใคร​ยืน​อยู่​ที่​นั่น​และ​มอง​ลง​ไป เขา “จะ​ต้อง​เวียน​หัว​แน่ ๆ” ถึง​แม้​ว่า​พระ​เยซู​ไม่​ใช่​คน​เลวี ท่าน​ก็​ยืน​อยู่​ตรง​นั้น​ได้​และ​คง​ไม่​มี​ใคร​จะ​ว่า​อะไร

แต่​พระ​เยซู​จะ​เดิน​ทาง​จาก​ที่​กันดาร​ไป​ที่​วิหาร​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​ได้​อย่าง​ไร? เรา​ไม่​รู้​คำ​ตอบ​นี้​แน่ชัด คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​บอก​แค่​ว่า​พระ​เยซู​ถูก​พา​ไป​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม แต่​ไม่​ได้​บอก​ว่า​ตอน​แรก​พระ​เยซู​อยู่​ไกล​แค่​ไหน​จาก​กรุง​เยรูซาเล็ม และ​ไม่​ได้​บอก​ด้วย​ว่า​พระ​เยซู​ถูก​ซาตาน​ทดสอบ​นาน​ขนาด​ไหน ดัง​นั้น เป็น​ไป​ได้​ว่า​พระ​เยซู​อาจ​เดิน​ไป​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม​ถึง​แม้​ว่า​ต้อง​ใช้​เวลา​นาน​ก็​ตาม

ตอน​ที่​ซาตาน​แสดง​ให้​พระ​เยซู​เห็น “ประเทศ​ทั้ง​หมด​ใน​โลก” มัน​คง​ใช้​นิมิต เพราะ​เป็น​ไป​ไม่​ได้​ที่​จะ​เห็น​ประเทศ​ทั้ง​หมด​จาก​ยอด​เขา​ยอด​หนึ่ง​ใน​โลก การ​ทำ​อย่าง​นี้​คง​คล้าย ๆ กับ​ตอน​ที่​เรา​ฉาย​รูป​ของ​สถาน​ที่​ต่าง ๆ ใน​โลก​ให้​คน​อื่น​ดู ถึง​ตอน​นั้น​ซาตาน​อาจ​จะ​ใช้​นิมิต​แสดง​ให้​พระ​เยซู​เห็น แต่​มัน​อยาก​ให้​พระ​เยซู​กราบ​มัน​จริง ๆ (มธ. 4:8, 9) ดัง​นั้น ตอน​ที่​ซาตาน​พา​ตัว​พระ​เยซู​ไป​ที่​วิหาร ก็​เป็น​ไป​ได้​ที่​มัน​อยาก​ให้​พระ​เยซู​เสี่ยง​ชีวิต​จริง ๆ โดย​กระโดด​ลง​มา​จาก​วิหาร ซึ่ง​พระ​เยซู​ไม่​ยอม​ทำ​อย่าง​นั้น การ​ที่​พระ​เยซู​อยู่​ที่​นั่น​จริง ๆ คง​ต้อง​เป็น​การ​ทดสอบ​ที่​ท้าทาย​กว่า​มาก​เมื่อ​เทียบ​กับ​การ​ที่​พระ​เยซู​เห็น​จาก​นิมิต

ดัง​นั้น ดู​เหมือน​ว่า​เป็น​ไป​ได้​ที่​พระ​เยซู​จะ​ถูก​พา​ไป​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม​และ​ยืน​อยู่​บน​ที่​ที่​สูง​ที่​สุด​ของ​วิหาร​จริง ๆ แต่​เหมือน​ตอน​ต้น​ของ​บทความ เรา​ไม่​รู้​แน่นอน​ว่า​ซาตาน​ใช้​วิธี​ไหน แต่​เรา​มั่น​ใจ​ว่า​มัน​ต้อง​พยายาม​อยู่​เรื่อย ๆ ที่​จะ​ทำ​ให้​พระ​เยซู​ทำ​สิ่ง​ที่​ไม่​ถูก​ต้อง และ​ทุก​ครั้ง​ที่​มัน​ทำ​อย่าง​นั้น พระ​เยซู​ก็​ปฏิเสธ​มัน​อย่าง​เด็ดขาด

^ วรรค 1 ใน​เอเสเคียล 37:1-14 และ​วิวรณ์ 11:7-12 พูด​เกี่ยว​กับ​บาง​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​ปี 1919 คำ​พยากรณ์​ที่​เอเสเคียล 37:1-14 พูด​ถึง​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ทุก​คน​จะ​กลับ​มา​นมัสการ​แท้​ใน​ปี 1919 หลัง​จาก​การ​เป็น​เชลย​อยู่​นาน แต่​ที่​วิวรณ์ 11:7-12 พูด​ถึง​การ​กลับ​มา​ใน​ปี 1919 ของ​ผู้​ถูก​เจิม​กลุ่ม​เล็ก ๆ ที่​นำ​หน้า​ประชาชน​ของ​พระเจ้า พี่​น้อง​เหล่า​นี้​ถูก​สั่ง​ห้าม​ไม่​ให้​ทำ​กิจกรรม​ที่​เกี่ยว​กับ​การ​นมัสการ​แท้​อยู่​ช่วง​เวลา​หนึ่ง