ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เอกภพความลึกลับบางอย่างถูกเผยออก

เอกภพความลึกลับบางอย่างถูกเผยออก

เอกภพ​ความ​ลึก​ลับ​บาง​อย่าง​ถูก​เผย​ออก

เมื่อ​วัน​ที่ 4 กรกฎาคม 1054 หยาง เว๋ ตี้ เขม้น​ดู​ท้อง​ฟ้า​ยาม​เช้า​ตรู่. ใน​ฐานะ​ขุนนาง​นัก​ดาราศาสตร์​ของ​จักรพรรดิ​ประเทศ​จีน เขา​สังเกต​การ​เคลื่อน​ที่​ของ​ดาว​ต่าง ๆ อย่าง​ถ้วน​ถี่ ใน​ทัน​ที​ทัน​ใด​นั้น​แสง​สว่าง​สุก​ใส​ใกล้​กับ​กลุ่ม​ดาว​นาย​พราน​สะดุด​ตา​เขา.

“ดาว​อาคันตุกะ”—เป็น​ชื่อ​ที่​ชาว​จีน​โบราณ​เรียก​อุบัติการณ์​ที่​หา​ดู​ได้​ยาก​นั้น—ได้​ปรากฏ​โฉม. หลัง​จาก​ทูล​ราย​งาน​ต่อ​จักรพรรดิ​ตาม​หน้าที่​อัน​พึง​ปฏิบัติ​แล้ว หยาง​ได้​สังเกต​ว่า “ดาว​อาคันตุกะ” มี​ประกาย​แสง​สุก​ใส​จน​กลบ​แสง​ดาว​ศุกร์ และ​สามารถ​มอง​เห็น​ได้​ใน​ยาม​ตะวัน​แจ้ง​เป็น​เวลา​หลาย​สัปดาห์.

เวลา​ผ่าน​ไป​เก้า​ร้อย​ปี​ก่อน​ที่​จะ​อธิบาย​ปรากฏการณ์​ครั้ง​นั้น​ได้. บัด​นี้​เชื่อ​กัน​ว่า​นัก​ดาราศาสตร์​ชาว​จีน​ได้​เห็น​ซูเปอร์โนวา คือ​ดาว​ฤกษ์​ขนาด​ใหญ่​ระเบิด​ตัว​เอง​จน​ถึง​กาล​อวสาน. เหตุ​ผล​และ​สาเหตุ​ของ​ปรากฏการณ์​อัน​พิสดาร​เช่น​นั้น​เป็น​ข้อ​ลึก​ลับ​บาง​อย่าง​ที่​นัก​ดาราศาสตร์​พยายาม​จะ​ไข​ออก. จาก​นี้​เป็น​คำอธิบาย​อย่าง​หนึ่ง​ที่​นัก​ดาราศาสตร์​พยายาม​เรียบเรียง​ขึ้น​มา​ด้วย​ความ​บากบั่น​พากเพียร.

ถึง​แม้​ว่า​ดาว​ฤกษ์​เช่น​ดวง​อาทิตย์​ของ​เรา​อาจ​จะ​มี​อายุ​ยืน​ยาว​มั่น​คง​อย่าง​ล้น​เหลือ กระนั้น​การ​เกิด​และ​การ​ดับ​ของ​ดาว​ฤกษ์​ก็​ทำ​ให้​เกิด​ภาพ​ที่​ตระการ​ตา​อย่าง​ยิ่ง​ใน​ท้องฟ้า. นัก​วิทยาศาสตร์​เชื่อ​กัน​ว่า เรื่อง​ราว​ชีวิต​ของ​ดวง​ดาว​เริ่ม​ต้น​ภาย​ใน​เนบิวลา.

เนบิวลา. ชื่อ​ของ​กลุ่ม​เมฆ ประกอบด้วย​ก๊าซ​และ​ฝุ่น​ระหว่าง​ดวง​ดาว. เนบิวลา​อยู่​ใน​กลุ่ม​วัตถุ​ที่​สวย​งาม​ที่​สุด​ใน​ท้องฟ้า​ยาม​ค่ำ​คืน. เนบิวลา​ที่​เห็น​บน​หน้า​ปก​วารสาร​ฉบับ​นี้​เรียกว่า ทรีฟิด เนบิวลา (หรือ​เนบิวลา​ซึ่ง​มี​รอย​ผ่า​สาม​แนว). ภาย​ใน​เนบิวลา​นี้ ดาว​ดวง​ใหม่ ๆ ถือ​กำเนิด​ขึ้น​มา ซึ่ง​เป็น​เหตุ​ให้​เนบิวลา​เรือง​แสง​สี​แดง.

ดู​เหมือน​ว่า ดวง​ดาว​ก่อ​ตัว​ขึ้น​ภาย​ใน​เนบิวลา เมื่อ​วัตถุ​ธาตุ​ที่​พุ่ง​กระจาย​อยู่​รวม​ตัว​อัด​แน่น​เข้า​มา​ภาย​ใต้​แรง​โน้ม​ถ่วง​กลาย​เป็น​กลุ่ม​ก๊าซ​ที่​หด​ตัว. กลุ่ม​ก๊าซ​มหึมา​เหล่า​นี้​จะ​เข้า​สู่​สภาวะ​คงที่ เมื่อ​อุณหภูมิ​ถึง​ระดับ​ที่​ปฏิกิริยา​นิวเคลียร์​เริ่ม​เกิด​ใน​ใจ​กลาง​กลุ่ม​เมฆ​นั้น ป้องกัน​มิ​ให้​เกิด​การ​หด​ตัว​ต่อ​ไป. โดย​วิธี​นี้​ดวง​ดาว​ก็​เกิด​ขึ้น บ่อย​ครั้ง​เกิด​ขึ้น​ร่วม​กับ​ดวง​ดาว​อื่น ๆ ซึ่ง​ประกอบ​กัน​เป็น​กลุ่ม​ดาว.

กระจุก​ดาว. ใน​ภาพ​ถ่าย​หน้า 8 เรา​เห็น​กลุ่ม​ดาว​เล็ก ๆ เรียก​ว่า กล่อง​อัญมณี เข้าใจ​กัน​ว่า​เกิด​ขึ้น​ไม่​กี่​ล้าน​ปี​มา​นี้. ชื่อ​ตั้ง​ขึ้น​จาก​การ​พรรณนา​ให้​เห็น​ภาพ​ชัดเจน​ของ​จอห์น เฮอร์เซล นัก​ดาราศาสตร์​ศตวรรษ​ที่ 19 ที่​พรรณนา​ว่า​เหมือน “หีบ​บรรจุ​อัญมณี​หลาก​สี​สัน.” เฉพาะ​กาแล็กซี​ของ​เรา​เพียง​แห่ง​เดียว​เป็น​ที่​รู้​กัน​ว่า​มี​กระจุก​ดาว​ที่​คล้าย​คลึง​กัน​นี้​กว่า​พัน​กระจุก.

พลัง​งาน​ของ​ดวง​ดาว. ดวง​ดาว​ที่​เพิ่ง​เกิด หรือ​ก่อ​ตัว​ขึ้น จะ​เข้า​สู่​สภาวะ​คงที่​เมื่อ​เตา​นิวเคลียร์​จุด​ระเบิด​ขึ้น​ภาย​ใน. เริ่ม​เปลี่ยน​ไฮโดรเจน​ให้​เป็น​ฮีเลียม ด้วย​ขบวน​การ​รวม​ตัว ทำนอง​เดียว​กับ​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​ระเบิด​ไฮโดรเจน. มวล​ของ​ดาว​ที่​เห็น​กัน​อยู่​เช่น ดวง​อาทิตย์ มี​มาก​จน​อาจ​จะ​เผา​ผลาญ​เชื้อ​เพลิง​นิวเคลียร์​ได้​นาน​หลาย​พัน​ล้าน​ปี​โดย​ไม่​หมด.

แต่​เมื่อ​ดวง​ดาว​นั้น​ใช้​เชื้อ​เพลิง​ไฮโดรเจน​หมด​ไป​แล้ว​จะ​เป็น​อย่าง​ไร? แกน​ใจ​กลาง​ก็​หด​ตัว และ​อุณหภูมิ​สูง​ขึ้น​ขณะ​ที่​ดาว​ใช้​โฮโดรเจน​ใน​บริเวณ​ส่วน​กลาง​จน​หมด. ระหว่าง​นั้น เนื้อ​ที่​บริเวณ​ผิว​นอก​ซึ่ง​ซ้อน​กัน​อยู่​เป็น​ชั้น ๆ จะ​ขยาย​ตัว​อย่าง​ขนาน​ใหญ่ ทำ​ให้​เส้น​รัศมี​เพิ่ม​ขึ้น 50 เท่า​หรือ​กว่า​นั้น และ​ดวง​ดาว​ก็​กลาย​เป็น​ดาว​ยักษ์​แดง (red giant).

ดาว​ยักษ์​แดง. ดาว​ยักษ์​แดง​คือ​ดวง​ดาว​ซึ่ง​มี​อุณหภูมิ​บริเวณ​พื้น​ผิว​โดย​เทียบ​เคียง​แล้ว​น้อย​กว่า ฉะนั้น จึง​ดู​มี​สี​แดง​แทน​ที่​จะ​เป็น​สี​ขาว​หรือ​สี​เหลือง. วัฏภาค​นี้​ของ​ดวง​ดาว​ค่อน​ข้าง​สั้น และ​จะ​จบ​สิ้น—เมื่อ​ฮีเลียม​ส่วน​ใหญ่​หมด—ด้วย​ปรากฏการณ์​ไม่​ผิด​อะไร​กับ​เทศกาล​จุด​ดอกไม้​ไฟ​ใน​ท้องฟ้า. ดวง​ดาว​ซึ่ง​ยัง​คง​เผา​ผลาญ​ฮีเลียม​อยู่ ผลัก​ดัน​ส่วน​ที่​เป็น​ผิว​ด้าน​นอก​ให้​หลุด​ออก ซึ่ง​ประกอบ​เป็น​ดาว​เคราะห์​เนบิวลา​สุก​ใส เนื่อง​จาก​ได้​รับ​พลัง​งาน​จาก​ดาว​แม่. ใน​ที่​สุด ดวง​ดาว​จะ​หด​ตัว​อย่าง​ผิด​สังเกต กลาย​เป็น​ดาว​แค​ระ​ขาว​ที่​มี​แสง​สลัว.

อย่าง​ไร​ก็​ดี ถ้า​หาก​ใน​ตอน​เริ่ม​ต้น​ดวง​ดาว​นี้​มี​ขนาด​ใหญ่​เพียง​พอ ผล​สุด​ท้าย​ดาว​จะ​ระเบิด​เอง. เรียก​ว่า​ซูเปอร์โนวา.

ซูเปอร์โนวา. ซูเปอร์โนวา คือ​การ​ระเบิด​ซึ่ง​เป็น​จุด​อวสาน​ของ​ดวง​ดาว​ที่​เดิม​มี​ขนาด​ใหญ่​กว่า​ดวง​อาทิตย์​มาก​นัก. ฝุ่น​และ​ก๊าซ​ปริมาณ​มหา​ศาล​ถูก​พ่น​ออก​มา​ใน​อวกาศ​ด้วย​คลื่น​กระแทก​อย่าง​รุนแรง​ที่​ความ​เร็ว​กว่า 10,000 กิโลเมตร​ต่อ​วินาที. แสง​อัน​แรง​กล้า​จาก​การ​ระเบิด​นี้​สว่าง​มาก​จน​กลบ​แสง​ของ​ดวง​อาทิตย์​พัน​ล้าน​ดวง ปรากฏ​ดุจ​เพชร​วาว​วับ​ใน​ท้องฟ้า. พลัง​งาน​ที่​ขับ​ออก​มา​ใน​การ​ระเบิด​ของ​ซูเปอร์โนวา​ครั้ง​เดียว​เทียบ​ได้​กับ​พลัง​งาน​ทั้ง​สิ้น​ที่​ดวง​อาทิตย์​แผ่​ออก​ใน​เก้า​พัน​ล้าน​ปี.

เก้า​ร้อย​ปี​หลัง​จาก​ที่​หยาง​ได้​สังเกต​เห็น​ซูเปอร์โนวา​ใน​ครั้ง​นั้น นัก​ดาราศาสตร์​ยัง​คง​เห็น​เศษ​ชิ้น​ส่วน​จาก​การ​ระเบิด​นั้น เป็น​โครง​สร้าง​ที่​เรียก​ว่า แครบ เนบิวลา. แต่​มี​บาง​สิ่ง​นอก​เหนือ​จาก​เนบิวลา​ที่​ยัง​คง​เหลือ​อยู่. ณ จุด​ศูนย์​กลาง​ของ​มัน ได้​มี​การ​ค้น​พบ​สิ่ง​อื่น—คือ​วัตถุ​ขนาด​จิ๋ว​หมุน​ด้วย​ความ​เร็ว 33 รอบ​ต่อ​วินาที เรียก​ว่า​พัลซาร์.

พัลซาร์​และ​ดาว​นิวตรอน. เข้า​ใจ​กัน​ว่า​พัลซาร์​คือ​วัตถุ​ที่​มี​ความ​หนา​แน่น​มาก เป็น​แกน​กลาง​ที่​หมุน​อยู่​ของ​สสาร​ที่​เหลือ​จาก​การ​ระเบิด​แบบ​ซูเปอร์โนวา​ของ​ดาว​ดวง​หนึ่ง ซึ่ง​มี​ขนาด​ประมาณ​ไม่​เกิน​สาม​เท่า​ของ​ดวง​อาทิตย์. เนื่อง​จาก​ขนาด​เส้น​ผ่า​ศูนย์​กลาง​ไม่​ถึง 30 กิโลเมตร กล้อง​โทรทรรศน์​เชิง​แสง​จึง​จับ​ภาพ​ได้​นาน ๆ สัก​ครั้ง​หนึ่ง. แต่​สามารถ​ค้น​พบ​ได้​โดย​กล้อง​โทรทรรศน์​วิทยุ ซึ่ง​จับ​สัญญาณ​วิทยุ​ที่​ส่ง​ออก​มา​เนื่อง​จาก​การ​หมุน​เร็ว​ของ​มัน. ลำ​คลื่นวิทยุ​หมุน​ไป​พร้อม​กับ​ดาว ดุจ​ดัง​ลำ​แสง​ของ​ประภาคาร ปรากฏ​เป็น​จังหวะ (พัลส์) ใน​สาย​ตา​ของ​ผู้​เฝ้า​ดู จึง​ได้​ชื่อ​ว่า​พัลซาร์. มี​การ​เรียก​พัลซาร์​เป็น​ดาว​นิวตรอน​ด้วย เพราะ​ส่วน​ใหญ่​แล้ว​ประกอบ​ด้วย​นิวตรอน​อัด​แน่น​มาก. นี้​เป็น​เหตุ​ของ​ความ​หนา​แน่น​อย่าง​ไม่​น่า​เชื่อ​ของ​ดาว​เหล่า​นี้—กว่า​ร้อย​ล้าน​ตัน​ต่อ​ลูกบาศก์​เซ็นติเมตร.

แต่​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​ถ้า​ดวง​ดาว​ใหญ่​มหึมา​เข้า​สู่​ขั้น​ซูเปอร์โนวา? ตาม​การ​คำนวณ​ของ​นัก​ดาราศาสตร์ แกน​กลาง​ของ​มัน​จะ​ยุบ​ลง​เรื่อย ๆ จน​เลย​ขั้น​ที่​จะ​เป็น​ดาว​นิวตรอน. ตาม​ทฤษฎี​แล้ว แรง​โน้ม​ถ่วง​จะ​กด​แกน​กลาง​ของ​มัน​อย่าง​รุนแรง​จน​คง​จะ​เกิด​สิ่ง​ที่​เขา​เรียก​กัน​ว่า​หลุม​ดำ.

หลุม​ดำ. กล่าว​กัน​ว่า​มัน​เปรียบ​เหมือน​วัง​วน​แห่ง​จักรวาล​ขนาด​มหึมา ซึ่ง​ไม่​มี​สิ่ง​ใด​หลุด​รอด​ออก​มา​ได้. ความ​ดึง​ดูด​ของ​แรง​โน้ม​ถ่วง​สู่​ภาย​ใน​ทรง​พลัง​สูง​จน​ทั้ง​แสง​และ​วัตถุ​ซึ่ง​อาจ​ถลำ​ตัว​เข้า​ใกล้​เกิน​ไป​จะ​ถูก​ดูด​กลืน​เข้า​ไป​อย่าง​ไร้​ความ​ปรานี.

ไม่​เคยมี​ใคร​เห็น​หลุม​ดำ​โดย​ตรง—ตาม​ความ​หมาย​ของ​ชื่อ​ก็​เป็น​ไป​ไม่​ได้​อยู่​แล้ว—ถึง​แม้​ว่า​นัก​ฟิสิกส์​หวัง​จะ​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​มัน​มี​อยู่​โดย​ดู​จาก​ผล​กระทบ​ต่อ​วัตถุ​ข้าง​เคียง. อาจ​ต้อง​ใช้​เทคนิค​ใหม่​ใน​การ​สังเกต​เพื่อ​ไข​ความ​ลับ​เรื่อง​นี้​โดย​เฉพาะ.

ความ​ลึก​ลับ​ของ​กาแล็กซี

กาแล็กซี คือ​กลุ่ม​ของ​วัตถุ​ใน​จักรวาล​ประกอบ​ด้วย​ดาว​หลาย​พัน​ล้าน​ดวง. เมื่อ​ปี 1920 ได้​ค้น​พบ​ว่า​ดวง​อาทิตย์​มิ​ใช่​ศูนย์​กลาง​แห่ง​กาแล็กซี​ของ​เรา​ดัง​ที่​เคย​สันนิษฐาน​กัน. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น กล้อง​โทรทรรศน์​ที่​มี​กำลัง​ขยาย​สูง​เผย​ให้​เห็น​กลุ่ม​กาแล็กซี​อื่น​มาก​มาย และ​มนุษย์​เริ่ม​เข้า​ใจ​ความ​ยิ่ง​ใหญ่​มหึมา​ของ​เอกภพ.

ประดุจ​ริ้ว​ลวด​ลาย​บน​ผืน​ผ้า​ม่าน​ท่ามกลาง​เมฆ​ที่​เรา​เรียก​ว่า​ทาง​ช้าง​เผือก​นั้น แท้​จริง​เป็น​ทิว​ทัศน์​บริเวณ​รอบ​นอก​กาแล็กซี​ของ​เรา​เอง. ถ้า​เรา​สามารถ​มอง​เห็น​ได้​จาก​ระยะ​ไกล จะ​ดู​คล้าย​กับ​กังหัน​กระดาษ​ขนาด​ยักษ์. มี​การ​เปรียบ​รูป​ร่าง​คล้าย​ไข่​ดาว​สอง​ฟอง​ด้าน​หลัง​ประกบ​กัน แต่​แน่​ละ​ใน​มาตรา​ส่วน​ที่​ใหญ่​กว่า​อย่าง​ลิบ​ลับ. หาก​เดิน​ทาง​ด้วย​ความ​เร็ว​เท่า​แสง​จะ​ใช้​เวลา 100,000 ปี​จึง​จะ​ข้าม​กาแล็กซี​กลุ่ม​นี้​ไป​ได้. ดวง​อาทิตย์​ซึ่ง​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ขอบ​ชั้น​นอก​ของ​กลุ่ม​กาแล็กซี​นี้ ใช้​เวลา 200 ล้าน​ปี​เพื่อ​จะ​โคจร​รอบ​ศูนย์​กลาง​กาแล็กซี​ได้​ครบ​รอบ.

กาแล็กซี​ก็​เช่น​เดียว​กับ​ดวง​ดาว ยัง​คง​เก็บ​งำ​ความ​ลับ​หลาย​อย่าง​ซึ่ง​เย้า​ยวน​ใจ​พวก​นัก​วิทยาศาสตร์​เป็น​อย่าง​ยิ่ง.

ควาซาร์. ใน​ช่วง​ทศวรรษปี 1960 จับ​สัญญาณ​วิทยุ​ได้​จาก​วัตถุ​ซึ่ง​อยู่​ไกล​โพ้น เกิน​กลุ่ม​กาแล็กซี​ใน​ละแวก​ใกล้​เคียง. เรียก​กัน​ว่า ควาซาร์—เป็น​คำ​ย่อ​ของ​คำ “quasi-stellar radio sources”—เนื่อง​จาก​มี​ลักษณะ​คล้าย​คลึง​กับ​ดวง​ดาว. แต่​นัก​ดาราศาสตร์​รู้สึก​ฉงน​สนเท่ห์​ใจ​ต่อ​ปริมาณ​พลัง​งาน​อย่าง​เหลือ​เฟือ​ที่​ควาซาร์​แผ่​ออก​มา. มี​ควาซาร์​หนึ่ง​ที่​ให้​แสง​สว่าง​มาก​กว่า​ธรรมดา​คือ​ให้​ความ​สว่าง​หมื่น​เท่า​ของ​ทาง​ช้าง​เผือก และ​ควาซาร์​ที่​อยู่​ใกล้​ที่​สุด​เท่า​ที่​ได้​พบ ก็​ห่าง​ออกไป​หมื่น​ล้าน​ปี​แสง.

หลัง​จาก​ศึกษา​อย่าง​หนัก​ตลอด​สอง​ทศวรรษ นัก​ดาราศาสตร์​ได้​ลง​ความ​เห็น​ว่า ควาซาร์​ที่​อยู่​ห่าง​ไกล​เหล่า​นี้​เป็น​ส่วน​ใจ​กลาง​ที่​มี​กัมมันต์​ของ​กลุ่ม​กาแล็กซี​ที่​อยู่​ไกล​โพ้น. แต่​เกิด​อะไร​ขึ้น​ใน​ส่วน​ใจ​กลาง​ของ​กลุ่ม​กาแล็กซี​เหล่า​นี้​ที่​ทำ​ให้​เกิด​พลัง​งาน​ขนาด​มหึมา​เช่น​นั้น? นัก​วิทยาศาสตร์​บาง​คน​ให้​ความ​เห็น​ว่า​พลัง​งาน​แผ่​ออก​มา​โดย​ขบวน​การ​ทาง​ความ​โน้ม​ถ่วง​แทน​ที่​จะ​เป็น​โดย​การ​รวม​ตัว​ของ​นิวเคลียร์​เช่น​ใน​ดวง​ดาว. ทฤษฎี​ใน​ปัจจุบัน​โยง​ควาซาร์​เข้า​กับ​หลุม​ดำ​ขนาด​มหึมา. ทฤษฎี​นี้​จะ​ถูก​ต้อง​หรือ​ไม่ ยัง​คง​เป็น​เรื่อง​ไม่​แน่นอน​ใน​ปัจจุบัน.

ควาซาร์ และ​หลุม​ดำ เป็น​เพียง​สอง​ประการ​ใน​ปริศนา​มาก​มาย​ซึ่ง​ยัง​จะ​ต้อง​มี​ข้อ​ไข. อัน​ที่​จริง ความ​ลี้​ลับ​บาง​อย่าง​ของ​เอกภพ​อาจ​จะ​เหลือ​ความ​เข้าใจ​ของ​เรา​ตลอด​ไป​ก็​ได้. กระนั้น ความ​ลึก​ลับ​ซึ่ง​ได้​ไข​ออก​มา​แล้ว​ย่อม​สอน​เรา​ถึง​บท​เรียน​อัน​ลึก​ซึ้ง​บาง​อย่าง บท​เรียน​ซึ่ง​มี​ผล​กระทบ​ไกล​เกิน​กว่า​ขอบ​เขต​ของ​ดาราศาสตร์.

[รูปภาพ​หน้า 7]

กาแล็กซี เอ็ม 83 ที่​มี​ลักษณะ​เป็น​เกลียว

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Photo: D.F. Malin, courtesy of Anglo-Australian Telescope Board

[รูปภาพ​หน้า 8]

กล่อง​อัญมณี

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Photo: D.F. Malin, courtesy of Anglo-Australian Telescope Board

กระจุก​ดาว​เปิด เปดีส​ใน​เตารุ​ส เอ็ม 45

เนบิวลา​นาย​พราน โดย​มี​เนบิวลา​หัว​ม้า​สอด​ใน​ภาพ

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Photo: D.F. Malin, courtesy of Anglo-Australian Telescope Board