วิธีปรับปรุงความจำของคุณ
วิธีปรับปรุงความจำของคุณ
ตัวคุณมีความจำดีเยี่ยม! คุณรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อไหม? เอาละ ลองพิจารณาสักครู่หนึ่งถึงสิ่งมากมายที่คุณจำได้: ฉากในวัยเด็ก, ชื่อของเพื่อนและญาติ ๆ—แม้กระทั่งตัวละครจากหนังสือและโทรทัศน์, ทำนองและเนื้อร้องของเพลงที่คุณโปรดปราน, ตัวอักษร, วิธีนับ, ถ้อยคำเป็นพัน ๆ ถ้อย. ใช่แล้ว คุณได้แสดงให้เห็นอยู่แล้วทีเดียวถึงความสามารถในการจำสิ่งต่าง ๆ นับล้าน ๆ สิ่ง!
แต่คุณอาจสงสัยว่า ‘ถ้าความจำของฉันมหัศจรรย์อย่างนั้น แล้วทำไมฉันลืมหลายสิ่ง? ทำไมฉันทำของหายบ่อย ๆ? ทำไมฉันไปถึงร้านขายของแล้วลืมว่าจะมาซื้ออะไร? แย่ยิ่งกว่านั้น ทำไมฉันนึกชื่อและใบหน้าของบางคนได้ยากเหลือเกิน—ไม่ต้องพูดถึงหมายเลขโทรศัพท์และการนัดหมายต่าง ๆ?’ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เรามักกังวลถึง. กระนั้น ความทรงจำของคุณก็ดีกว่าที่คุณอาจตระหนักมากนัก—และสามารถปรับปรุงได้.
ทำไมเราจึงลืม
พระเจ้าทรงสร้างเราขึ้นมาพร้อมกับความสามารถอันมหัศจรรย์ในการจำ. สมองอยู่ในที่อันเหมาะสมที่ซึ่งคัมภีร์ไบเบิลอ้างถึงด้วยถ้อยคำเชิงกวีว่า “ชามสุวรรณ”—ภาชนะแห่งความจำอันล้ำค่า. (ท่านผู้ประกาศ 12:6) แต่แล้ว ทำไมความจำทำให้เราผิดหวังบางครั้ง? บ่อยครั้งเนื่องมาจากการขาดความสนใจ. อาร์ทูโร ทอสคานินิ วาทยากรผู้มีชื่อเสียงอำนวยเพลงซิมโฟนีทั้งชุดจากความจำ. ชาร์ลส์ ชวับ ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการธุรกิจสามารถจำชื่อลูกจ้าง 8,000 คนได้. แต่ความจำของเขาดีพอ ๆ กันในเรื่องต่าง ๆ ภายนอกขอบเขตแห่งความสนใจส่วนตัวของพวกเขาไหม? คงจะไม่. ไม่ว่าคุณจะมีความจำดีเพียงไรก็ตาม อาจเป็นการยากสุดแสนสำหรับคุณที่จะเรียนและจำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งคุณไม่สนใจ.
ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งซึ่งอาจเป็นเหตุให้เราลืมคือการเปลี่ยนสถานการณ์หรือสถานที่. จะจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีที่สุดในสถานที่ซึ่งเราเรียนรู้สิ่งเหล่านั้น. ชายคนหนึ่งกลับไปเยี่ยมดินแดนที่เขาเติบโตขึ้นมาและมีหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามาทักทาย. โดยธรรมชาติแล้ว เขาคิดว่าหญิงผู้นี้ต้องเป็นเพื่อนบ้านเก่าแก่คนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาด้วยกันในละแวกบ้านเกิดของเขา. ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นคนที่เห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน—เพื่อนร่วมงานปัจจุบันของเขานั่นเอง! โดยบังเอิญแท้ ๆ ที่เธอก็มาเยี่ยมสถานที่เดียวกัน. การได้พบเธอในสถานที่ ๆ ต่างออกไปทำให้เขาลืมไปชั่วขณะว่าเธอเป็นใคร.
นับว่าดีทีเดียวที่คุณไม่จำเป็นต้องจำข้อมูลนับล้าน ๆ ชิ้นที่หลั่งไหลเข้าสู่จิตใจคุณทุก ๆ วัน ข้อมูลส่วนใหญ่เหล่านั้นไม่สลักสำคัญเท่าใดนัก. อย่างไรก็ตาม เมื่อพบสิ่งที่สำคัญ คุณสามารถเรียนรู้วิธีจดจำสิ่งนั้นได้. ทำได้อย่างไร? โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสิ่งนั้น.
วิธีช่วยจำ
สมมุติว่าคุณจะต้องโทรศัพท์เรื่องสำคัญคืนนี้. ถ้าคุณทำเพียงแค่บันทึกใส่จิตใจอย่างรวดเร็ว คุณก็คงจะลืม. ดังนั้น จงหยุดและคิดถึงการโทรศัพท์ที่คุณวางแผนจะทำนี้. หนังสือ อินสแตนต์ รีคอล—แทปปิง ยัวร์ ฮิดเดน เมมอรี เพาเวอร์ โดย เจฟฟ์ บัดเวิร์ธ แนะนำให้ใช้เวลา “หลายนาที ไม่ใช่วินาที” เพื่อสลักข้อมูลสำคัญไว้ในความทรงจำ. จงบอกกับตัวเองว่าคุณตั้งใจจำจริง ๆ ที่จะโทรศัพท์. หลังจากที่ได้ให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อเรื่องนี้แล้วคุณคงจะไม่ลืม.
แต่มีวิธีอื่น ๆ อะไรอีกซึ่งคุณสามารถให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษกับสิ่งซึ่งคุณไม่ต้องการจะลืม? ถ้าคุณนำคำแนะนำต่อไปนี้ไปประยุกต์ใช้ ในไม่ช้าคุณจะทำได้เองโดยอัตโนมัติ.
จัดข้อมูลของคุณให้ถูกต้อง: คอมพิวเตอร์ไม่อาจเรียกข้อมูลกลับมาได้อย่างถูกต้องถ้าปราศจากการป้อนเข้าไปอย่างดีตั้งแต่แรก. ในขอบข่ายที่ใหญ่กว่า ก็เป็นความจริงเช่นกันเกี่ยวกับความจำของคุณ. ยกตัวอย่าง ลองพิจารณาเรื่องการเรียนรู้จักชื่อ. ดร. บรูโน เฟอร์สต์ ให้ข้อสังเกตในหนังสือของเขาชื่อ สต๊อป ฟอร์เก็ตติง ว่า “ถ้าเราไม่ได้ชื่อนั้นมาอย่างชัดเจนและถูกต้อง ก็อย่าไปพูดเลยเรื่องการจำหรือการลืม. เราทำไม่ได้ทั้งจำหรือลืมในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน. ดังนั้น ขั้นแรกของเราคือต้องได้ชื่อนั้นมาอย่างที่ไม่มีอะไรสงสัยทั้งการออกเสียงหรือการสะกด.” ถ้าใครสักคนพึมพำชื่อของเขาออกมาตอนแนะนำตัว อย่าลังเลที่จะขอเขาบอกอีกครั้งหนึ่ง. ถามว่าชื่อของเขาสะกดอย่างไร.
จินตนาการ: นึกวาดภาพสิ่งซึ่งคุณพยายามจะจำ. มีงานบ้านชิ้นหนึ่งที่คุณต้องไม่ลืมหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็จินตนาการตัวเองว่ากำลังทำสิ่งนั้นอยู่. ยิ่งคุณใส่รายละเอียดลงไปในภาพทางใจนี้มากเท่าใด ยิ่งเป็นการง่ายที่คุณจะจำได้มากเท่านั้น.
จินตนาการยังช่วยคุณสร้างความเกี่ยวเนื่องกันขึ้นด้วยระหว่างสิ่งต่าง ๆ ซึ่งดูเหมือนจะไม่สัมพันธ์กัน. ตัวอย่างเช่น ลองจินตนาการว่า คุณต้องจำที่จะซื้อนมและยาสีฟัน. คุณอาจลองสร้างภาพขึ้นในใจเป็นรูปแม่วัวกำลังแปรงฟัน. สิ่งนี้เป็นภาพที่คุณไม่อาจจะลืมเลือน แม้จะพยายามมากเท่าไรก็ตาม!
พูดออกเสียง: พูดออกเสียงกับตัวเอง ‘ฉันต้องโทรหาจอห์นคืนนี้’ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยคุณจำสิ่งที่คุณต้องทำ. อีกอย่างหนึ่ง คุณมักจะลืมไหมว่าได้ปิดประตูหรือปิดเตาอบหรือยัง? หนังสือ ฮาว ทู อิมปรูฟ ยัวร์ เมมอรี โดย ดร. เจมส์ ดี. วีนแลนด์ บอกว่า “ปัญหานี้แก้ได้โดยการพูดออกเสียงงานต่าง ๆ ขณะที่คุณทำอยู่ . . . เมื่อคุณหมุนนาฬิกาและตั้งเวลาปลุก คุณก็บอกว่า ‘ฉันหมุน
นาฬิกาและตั้งเวลาปลุก.’ เมื่อคุณล็อกประตู คุณก็พูดกับตัวเองว่า ‘ฉันล็อกประตูแล้ว.’” คุณอาจรู้สึกว่าการทำเช่นนี้เป็นเรื่องเขลา แต่สิ่งนี้จะช่วยให้คุณจำได้.พัฒนาความสนใจต่อเรื่องราวของคุณ: คุณอาจไม่ถูกดึงดูดตามธรรมชาติให้สนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง. แต่ถ้าคุณเตือนตัวเองถึงเหตุผลที่ต้องเรียนข้อมูลนั้นและผลที่จะตามมาถ้าคุณจำไม่ได้ การเรียนก็จะง่ายขึ้น. นอกจากนั้น ยิ่งคุณเรียนรู้จักเรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเท่าใด เรื่องดังกล่าวก็ยิ่งประทับใจคุณมากขึ้นเท่านั้น. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า: “ความรู้เป็นของง่ายแก่คนที่มีความเข้าใจ”—สุภาษิต 14:6.
นับ: สมมุติว่าคุณจำเป็นต้องนำของหลายชิ้นไปยังที่ทำงานในตอนเช้าวันพรุ่งนี้. โดยการจดจำนวนชิ้นที่แน่นอนซึ่งต้องนำไป โอกาสที่คุณจะลืมรายการหนึ่งรายการใดแทบจะไม่มี.
จัดให้เป็นระเบียบ: ถ้าคุณต้องซื้อของหลายรายการในร้านอาหาร พยายามแยกประเภทรายการเหล่านั้น. ตัวอย่างเช่น คุณอาจตัดสินใจว่าต้องซื้อสินค้าประเภทนมสองอย่าง สินค้าประเภทเนื้อสองอย่าง และของเบ็ดเตล็ดอีกสองอย่าง. การจัดระเบียบสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีนี้จะช่วยคุณให้ความเอาใจใส่มากขึ้น.
ใช้และทบทวน: คุณจำชื่อตัวคุณเอง, จำตัวอักษร, หรือจำวิธีใช้ส้อมหรือดินสอได้เสมอ. ทำไม? เพราะคุณใช้ความรู้นี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก. การใช้บ่อย ๆ ช่วยเสริมความจำ นึกได้ง่ายกว่า. ดังนั้น บางครั้งบางคราวทบทวนในใจหรือใช้สิ่งที่คุณต้องการจำ. หลังจากที่ได้รับการแนะนำให้รู้จักใครสักคน พยายามใช้ชื่อของเขาหลายครั้ง. หรือหลังจากได้เรียนความรู้ใหม่ ๆ บางอย่าง พยายามใช้ความรู้นั้นในการสนทนา พึงระวังที่จะไม่ทำเหมือนกับว่าคุณกำลังอวดความรู้นั้น.
ค่าของความจำ
แต่คุณอาจถามว่า ‘ทำไมต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยากทั้งหมดนี้?’ ‘ไม่ง่ายกว่าหรือที่จะจดสิ่งต่าง ๆ ไว้?’ ปฏิทิน, ใบรายการ, นาฬิกาปลุก, บันทึกเตือนความจำของตัวเอง—ทั้งหมดนี้ให้ประโยชน์ได้อย่างดี. อย่างไรก็ตาม บางครั้งสภาพการณ์ก็ไม่อำนวยให้จดสิ่งต่าง ๆ ไว้ เช่น เมื่อคุณกำลังพบกับผู้คนในงานสังคม. และเมื่อรายการซื้อของที่คิดไว้อย่างดีต้องเปลี่ยนแปลง บ่อยครั้งดินสอไม่อยู่ใกล้มือ. นอกจากนั้น รายการต่าง ๆ ที่จดไว้ก็สูญหายได้ง่าย. และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณลืมดูปฏิทิน? การฝึกฝนความจำของคุณจึงนับว่าคุ้มค่าต่อความพยายาม.
ยิ่งคุณฝึกฝนมากเท่าไร การออกความพยายามในการจำก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น. ที่จริง ในไม่ช้าคุณอาจพบว่าคุณชอบการจำสิ่งต่าง ๆ มากกว่าการจดบันทึกไว้. กระนั้น อย่ากลัวว่าการจดจำจะทำให้สมองคุณวุ่นวายและประสิทธิภาพหรือความคิดสร้างสรรค์จะน้อยลง. สมองก็เหมือนกับกล้ามเนื้อ ยิ่งใช้มากเท่าไรก็ยิ่งแข็งแรงขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น. ดร. โจน มินนิงเกอร์ กล่าวไว้ว่า “ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าการจดจำสิ่งต่าง ๆ ในระยะยาวเป็นเสมือนตู้ใส่เสื้อผ้าอันใหญ่ซึ่งต้องโละของเก่าออกเป็นครั้งคราวเพื่อจะจัดที่ว่างสำหรับของใหม่. ผิดถนัด. ไม่มีขีดจำกัดใด ๆ ที่จะเก็บสะสมข้อมูลในความจำของคุณ. คุณสามารถเรียนและจดจำสิ่งใหม่ ๆ ตลอดชั่วชีวิต.”
ดร. เฟอร์สต์ ชี้ให้เห็นในทำนองเดียวกันว่า “เป็นการเข้าใจผิดที่คิดว่าเพื่อจะดูแลรักษาเซลล์สมองของเราอย่างดีเราควรพยายามทุกวิถีทางที่จะใช้ให้น้อยที่สุดและถนอมมันไว้โดยไม่ใช้งาน. สิ่งตรงกันข้ามต่างหากที่เป็นความจริง.” โดยการใช้งานความทรงจำของคุณจะดีขึ้นเรื่อย ๆ. (เปรียบเทียบ เฮ็บราย 5:14) บางคนเช่น แฮร์รี่ โลเรน ผู้ประพันธ์ร่วมของหนังสือ เดอะ เมมอรี บุ๊ค กระทั่งเชื่อว่า “ความจำจะดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น.”
จะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ คุณไม่มีอะไรสูญเสียเลยมีแต่จะได้รับมากขึ้นโดยใช้ของประทานจากพระเจ้าเรื่องความจำ. ผลประโยชน์อาจไม่มีวันลืมเลือน.