ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

การช่วยครอบครัวของผมให้มั่งคั่งฝ่ายวิญญาณ

การช่วยครอบครัวของผมให้มั่งคั่งฝ่ายวิญญาณ

การ​ช่วย​ครอบครัว​ของ​ผม​ให้​มั่งคั่ง​ฝ่าย​วิญญาณ

เล่า​โดย โยเซฟัต บูซาเน

ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​การ​เดิน​ทาง โดย​รถไฟ​ไป​เมือง​โจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐ​แอฟริกา​ใต้ ใน​เดือน​มกราคม 1941. ผม​และ​เอเลียส คูเนเน ซึ่ง​เป็น​เพื่อน​กัน​มา​ตั้ง​แต่​เด็ก กำลัง​จะ​กลับ​ไป​ยัง​สถาน​ที่​ทำ​งาน หลัง​จาก​ใช้​เวลา​พักผ่อน​ใน​ซูลู​แลนด์​กัน​แล้ว.

ใน​รถไฟ​ขบวน​นั้น มี​ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​นั่ง​มา​กับ​เรา​ด้วย เขา​มี​มูติ ที่​เชื่อ​กัน​ว่า​เป็น​ยา​วิเศษ มัก​ได้​จาก​หมอ​ผี. ชาย​คน​นั้น​แต้ม​มูติ​ไว้​ที่​คิ้ว โดย​เชื่อ​ว่า​จะ​ทำ​ให้​นาย​จ้าง​ซึ่ง​เป็น​คน​ผิว​ขาว​โปรดปราน​เขา. ขณะ​ที่​เรา​ลง​จาก​รถไฟ เอเลียส​บอก​ว่า “มูติ​เป็น​พระเจ้า​ของ​เขา.” คำ​พูด​เหล่า​นั้น​ทิ่ม​แทง​หัวใจ​ของ​ผม​ราว​กับ​ถูก​มีด​เสียบ​ทะลวง เพราะ​ใน​กระเป๋า​ของ​ผม​ก็​มี​มูติ​ที่​ผม​ได้​เตรียม​ตาม​ใบ​สั่ง​ยา​ของ​หมอ​ผี.

เอเลียส​และ​ผม​กำลัง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​ด้วย​เหตุ​นี้​ผม​จึง​ตระหนัก​ว่า​เขา​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ​ไป​ไกล​กว่า. ใน​ทันที​ทันใด ผม​ทิ้ง​มูติ​ลง​ไป​ใน​ถัง​ขยะ​และ​จาก​นั้น​ก็​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ประจำ​กับ​เอเลียส.

ทั้ง​เอเลียส​และ​ผม​ต่าง​ก็​สมรส​แล้ว. ดัง​นั้น เหตุ​ใด​เรา​จึง​ทำ​งาน​ใน​เมือง​ซึ่ง​อยู่​ไกล​บ้าน​ถึง 400 กิโลเมตร? ชีวิต​ใน​เมือง​เมื่อ​เปรียบ​เทียบ​กับ​ชีวิต​ชาว​นา​ชาว​ไร่​ที่​ซูลู​แลนด์​แล้ว​เป็น​อย่าง​ไร? และ​การ​สมาคม​คบหา​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ยัง​ประโยชน์​ต่อ​ครอบครัว​ของ​เรา​ที่​บ้าน​หรือ​ไม่?

ชีวิต​ใน​ซูลู​แลนด์

ผม​เกิด​ใน​ซูลู​แลนด์ สาธารณรัฐ​แอฟริกา​ใต้​เมื่อ​ปี 1908. ครอบครัว​ของ​เรา​อาศัย​อยู่​ใน​อำเภอ​เอ็มซิงกา แถบ​ที่​ราบ​ซึ่ง​มี​ทุ่ง​หญ้า​ปก​คลุม, มี​ภูเขา, และ​ต้น​ไม้​มี​หนาม. ที่​นี่​ใน​ฤดู​ใบ​ไม้​ร่วง ดอก​ของ​ต้น​หาง​จระเข้​จะ​ชู​ช่อ​ปก​คลุม​ภูมิ​ประเทศ​จน​เป็น​สี​แดง​เพลิง. วัว​และ​แพะ​จะ​เล็ม​หญ้า​ระหว่าง​แมก​ไม้​ตาม​ไหล่​เขา. กราล (กลุ่ม​กระท่อม) และ​ไร่​ข้าว​โพด​มี​กระจัด​กระจาย​อยู่​ตาม​พื้น​ที่​ราบ ซึ่ง​ข้าว​โพด​ถือ​เป็น​อาหาร​หลัก​ของ​ชาว​ซูลู.

กราล​ของ​เรา เหมือน​กับ​ของ​คน​อื่น ๆ ประกอบ​ด้วย​กระท่อม​หลัง​หนึ่ง​สำหรับ​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่, หลัง​หนึ่ง​สำหรับ​พี่​สาว, และ​หลัง​หนึ่ง​สำหรับ​ผม​กับ​น้อง​ชาย. กระท่อม​อีก​หลัง​หนึ่ง​ใช้​เป็น​ห้อง​ครัว​ของ​คน​ทั้ง​บ้าน, และ​มี​หลัง​หนึ่ง​สำหรับ​เก็บ​ของ. กระท่อม​แต่​ละ​หลัง​มี​ลักษณะ​คล้าย​กรวย มี​ผนัง​เป็น​ดิน​สูง​ประมาณ​หนึ่ง​เมตร และ​หลังคา​เป็น​รูป​โดม​มุง​แฝก. ระหว่าง​กระท่อม​จะ​มี​ไก่​คุ้ย​เขี่ย​ดิน, จิก​หาอาหาร, และ​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ ก็​เป็น​คอก​วัว. ครอบครัว​ของ​เรา​พอ​ใจ​กับ​ชีวิต​ทำ​ไร่​ไถ​นา​แบบ​เรียบ​ง่าย​นี้. เรา​มี​อาหาร​และ​ที่​พัก​อาศัย, และ​คุณ​พ่อ​ไม่​จำเป็น​ต้อง​หา​งาน​ทำ​นอก​บ้าน.

กระนั้น มัก​มี​การ​ทำลาย​ความ​สงบ​สุข​ใน​ชนบท​ของ​ซูลู​แลนด์​อยู่​เนือง ๆ. ภูเขา​และ​แม่น้ำ​อัน​งดงาม​เหล่า​นี้​ถูก​ทำ​ให้​ชุ่ม​โชก​ไป​ด้วย​โลหิต​ของ​มนุษย์. ต้น​ศตวรรษ​ที่ 19 ซูลู​แลนด์​ถูก​ยึด​ครอง​โดย​เผ่า​อิสระ​หลาย​เผ่า​ด้วย​กัน. ครั้น​แล้ว​นัก​รบ​ชาว​ซูลู​ชื่อ ชากา ลุก​ขึ้น​สู้. กองทัพ​ของ​เขา​โจมตี​เผ่า​ต่าง ๆ ที่​อยู่​โดย​รอบ​ทั้ง​หมด. ผู้​ที่​รอด​ชีวิต​ก็​หนี​ไป​หรือ​ไม่​ก็​ถูก​กลืน​ชาติ​เป็น​เผ่า​ซูลู.

ต่อ​มา มี​การ​สู้​รบ​ระหว่าง​เผ่า​ซูลู​กับ​ชาว​ดัตช์​ที่​เข้า​มา​ตั้ง​รกราก. คราว​หนึ่ง​มี​การ​ต่อ​สู้​ที่​แม่น้ำ​สาย​หนึ่ง​ไม่​ไกล​จาก​บ้าน​ของ​เรา. เลือด​ไหล​นอง​จน​น้ำ​แดงฉาน จึง​มี​การ​ตั้ง​ฉายา​ให้​แม่น้ำ​นั้น​ว่า​แม่น้ำ​เลือด. จาก​นั้น กองทัพ​อังกฤษ​ก็​ยาตรา​เข้า​มา. ณ ภูเขา​ที่​ชื่อ อีซานดึลวานา ซึ่ง​ไม่​ไกล​จาก​บ้าน​ของ​ผม ประชาชน​นับ​พัน​ถูก​สังหาร​ใน​การ​สู้​รบ​ที่​ดุเดือด​ครั้ง​หนึ่ง​ใน​หลาย ๆ ครั้ง​ระหว่าง​ทหาร​อังกฤษ​และ​ซูลู. น่า​เศร้า​ใจ​แถบ​ที่​เรา​อาศัย​อยู่​ใน​ซูลู​แลนด์​ไม่​เคย​มี​สันติ​สุข​แบบ​ถาวร​เลย. บาง​ครั้ง​บาง​คราว​ความ​เกลียด​ชัง​ระหว่าง​เผ่า​ซึ่ง​มี​มา​นมนาน​จะ​ปะทุ​ขึ้น​มา.

การ​แสวง​หา​ความ​ร่ำรวย​ฝ่าย​วัตถุ

คุณ​แม่​ของ​ผม​เสีย​ชีวิต​เมื่อ​ผม​อายุ​ได้​ห้า​ขวบ. คุณ​พ่อ​และ​เบอร์ตินา​พี่​สาว ดู​แล​ผม​และ​ช่วย​ให้​ผม​ได้​เรียน​หนังสือ​จน​ครบ​หก​ปี. จาก​นั้น พอ​อายุ​ได้ 19 ปี ผม​เริ่ม​ทำ​งาน​เป็น​พนักงาน​ขาย​ของ​ใน​เมือง​ดันดี​ซึ่ง​อยู่​ใกล้ ๆ.

ผม​ได้​ยิน​ว่า​ชาย​หนุ่ม​หลาย​คน​หา​เงิน​ได้​มาก​กว่า​เมื่อ​อยู่​ใน​เมือง​โจฮันเนสเบิร์ก ซึ่ง​เป็น​ศูนย์กลาง​อุตสาหกรรม​ทำ​เหมือง​ทอง​ของ​แอฟริกา. ดัง​นั้น ใน​ปี​ถัด​มา ผม​จึง​ย้าย​ไป​โจฮันเนสเบิร์ก​และ​ทำ​งาน​ติด​ป้าย​โฆษณา​เป็น​เวลา​หลาย​ปี.

ใน​โจฮันเนสเบิร์ก ผม​หลง​ระเริง​กับ​สิ่ง​ชวน​ตา​ชวน​ใจ​และ​ลู่​ทาง​ให้​ทำ​อะไร ๆ ได้​หลาย​อย่าง แต่​ใน​ไม่​ช้า​ผม​ก็​ตระหนัก​ว่า​ชีวิต​ใน​เมือง​บ่อน​ทำลาย​ศีลธรรม​ที่​คน​ใน​หมู่​บ้าน​ของ​ผม​ถือ​ปฏิบัติ​กัน​มา. อย่าง​ไร​ก็​ตาม แม้​ว่า​ชาย​หนุ่ม​จำนวน​มาก​ละ​ทิ้ง​ครอบครัว​ของ​ตน​ซึ่ง​อาศัย​อยู่​ใน​ชนบท แต่​ผม​ไม่​เคย​ลืม​ครอบครัว​และ​ส่ง​เงิน​ให้​ทาง​บ้าน​เป็น​ประจำ.

คุณ​พ่อ​ของ​ผม​เสีย​ชีวิต​เมื่อ​ปี 1938. ใน​ฐานะ​ลูก​ชาย​คน​โต ผม​จึง​จำเป็น​ต้อง “กอบ​กู้” กราล​ครอบครัว​ของ​เรา​ตาม​ธรรมเนียม​ชาว​ซูลู. ดัง​นั้น ใน​ปี​ต่อ​มา ผม​แต่งงาน​กับ​หญิง​สาว​คน​หนึ่ง​จาก​ซูลู​แลนด์ ชื่อ คลอดินา มาดอนโด. แม้​จะ​สมรส​แล้ว ผม​ยัง​คง​ทำ​งาน​ไกล​ถึง 400 กิโลเมตร​ใน​โจฮันเนสเบิร์ก. เพื่อน​รุ่น​เดียว​กัน​ส่วน​ใหญ่​ก็​ทำ​เช่น​นั้น. แม้​จะ​ทุกข์​ทรมาน​ใจ​ที่​ต้อง​อยู่​แยก​จาก​ครอบครัว​เป็น​เวลา​นาน แต่​ผม​รู้สึก​ว่า​เป็น​พันธะ​ที่​จะ​ต้อง​ช่วย​ให้​คน​ใน​ครอบครัว​มี​มาตรฐาน​ความ​เป็น​อยู่​ดี​ขึ้น.

ความ​มั่งคั่ง​ฝ่าย​วัตถุ​หรือ​ฝ่าย​วิญญาณ?

คุณ​แม่​เป็น​คน​เดียว​ใน​ครอบครัว​ที่​ไป​โบสถ์ และ​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​ท่าน​ก็​เป็น​หนังสือ​เล่ม​เดียว​ที่​มี​อยู่​ใน​บ้าน. หลัง​จาก​ท่าน​เสีย​ชีวิต​ไป​ระยะ​หนึ่ง ผม​ก็​อ่าน​ออก​เขียน​ได้​และ​เริ่ม​อ่าน​พระ​คัมภีร์​ทันที. แต่​คำ​สอน​และ​แนว​ปฏิบัติ​ต่าง ๆ ของ​คริสต์​จักร​เริ่ม​รบกวน​ใจ​ผม. ยก​ตัว​อย่าง สมาชิก​ของ​โบสถ์​ยัง​คง​เป็น​ที่​นับ​หน้า​ถือ​ตา​ถึง​แม้​จะ​ทำ​ผิด​ประเวณี​ก็​ตาม. ผม​ถาม​พวก​นัก​เทศน์​ถึง​ความ​ไม่​สอดคล้อง​ลง​รอย​เช่น​นี้ แต่​ไม่​มี​ใคร​ให้​คำ​อธิบาย​ที่​น่า​พอ​ใจ​แก่​ผม​ได้.

ขณะ​ที่​อยู่​ใน​โจฮันเนสเบิร์ก เอเลียส คูเนเน และ​ผม ตัดสิน​ใจ​เสาะ​หา​ศาสนา​แท้. เรา​เข้า​ไป​ตาม​คริสต์​จักร​ต่าง ๆ ใน​ละแวก​บ้าน​แต่​ไม่​พอ​ใจ​คริสต์​จักร​ใด​เลย. ครั้น​แล้ว เอเลียส​ก็​พบ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เมื่อ​เขา​พยายาม​อธิบาย​ให้​ผม​ฟัง​ถึง​สิ่ง​ที่​เขา​ได้​เรียน​รู้​จาก​พยาน​ฯ ผม​บอก​เขา​ว่า​เขา​ถูก​ชัก​นำ​ให้​หลง​เสีย​แล้ว. แต่​หลัง​จาก​ฟัง​การ​ถก​กัน​ระหว่าง​เขา​กับ​พวก​ผู้​นำ​คริสต์​จักร​และ​เห็น​ว่า​พวก​นั้น​ไม่​สามารถ​พิสูจน์​ว่า​เขา​ผิด ผม​จึง​เริ่ม​อ่าน​สรรพหนังสือ​ของ​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​ที่​เอเลียส​ให้​ผม. ช่วง​นี้​เอง​ที่​ผม​เดิน​ทาง​โดย​รถไฟ​ซึ่ง​เป็น​การ​เดิน​ทาง​ที่​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​เมื่อ​เอเลียส​ช่วย​ให้​ผม​เห็น​ถึง​อันตราย​ของ​การ​วางใจ​ใน​มูติ.—พระ​บัญญัติ 18:10-12; สุภาษิต 3:5,6.

จาก​นั้น ผม​กับ​เอเลียส​ก็​สมทบ​เป็น​ประจำ​กับ​ประชาคม​ผิว​ดำ​แห่ง​แรก​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​โจฮันเนสเบิร์ก. ใน​ปี 1942 หลัง​จาก​อุทิศ​ชีวิต​แด่​พระ​ยะโฮวาแล้ว ผม​ก็​ได้​รับ​บัพติสมา​ใน​ออร์ลันโด โซเวโต. เมื่อ​เดิน​ทาง​กลับ​บ้าน​ที่​ซูลู​แลนด์ ผม​พยายาม​จะ​เล่า​ความ​เชื่อ​ของ​ผม​ให้​คลอดินา​ฟัง แต่​เธอ​เข้า​ไป​พัวพัน​อย่าง​ลึกซึ้ง​ใน​กิจกรรม​ต่าง ๆ ของ​คริสต์​จักร.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม เธอ​เริ่ม​เปรียบ​เทียบ​หนังสือ​ของ​เรา​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​เธอ และ​ความ​จริง​แห่ง​พระ​วจนะ​ของ​พระเจ้า​ค่อย ๆ เข้า​ถึง​หัวใจ​เธอ. ใน​ปี 1945 เธอ​ได้​รับ​บัพติสมา. เธอ​กลาย​เป็น​คริสเตียน​ที่​รับใช้​อย่าง​กระตือรือร้น โดย​แบ่ง​ปัน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​เพื่อน​บ้าน​และ​ปลูกฝัง​ความ​จริง​นั้น​เข้า​ไว้​ใน​หัวใจ​ของ​ลูก ๆ.

ใน​เวลา​เดียว​กัน ที่​โจฮันเนสเบิร์ก ผม​มี​สิทธิ​พิเศษ​ได้​ช่วย​บาง​คน​ให้​เข้า​มา​เรียน​รู้​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. พอ​ถึง​ปี 1945 มี​ประชาคม​ผิว​ดำ​สี่​แห่ง​ใน​บริเวณ​ใกล้​เคียง​โจฮันเนสเบิร์ก และ​ผม​รับใช้​เป็น​ผู้​ดู​แล​ผู้​เป็น​ประธาน​ของ​ประชาคม​สมอ​ล มา​ร์เ​ก็​ต. เหมาะ​สม​กับ​เวลา​ที​เดียว​มี​การ​ให้​คำ​ชี้​นำ​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​แก่​ชาย​ที่​สมรส​แล้ว​ซึ่ง​ทำ​งาน​ไกล​บ้าน​ให้​กลับ​ไป​หา​ครอบครัว​ของ​ตน​และ​ใส่​ใจ​มาก​ขึ้น​ใน​เรื่อง​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ฐานะ​หัวหน้า​ครอบครัว.—เอเฟโซ 5:28-31; 6:4.

เอเลียส​เป็น​คน​แรก​ที่​ออก​จาก​โจฮันเนสเบิร์ก และ​ไม่​เคย​จาก​ครอบครัว​อีก​เลย. ผล​ก็​คือ​ภรรยา​และ​ลูก​ทั้ง​ห้า​คน​ได้​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​แข็งขัน. เอเลียส​ยัง​เลี้ยง​หลาน​สาว​และ​หลาน​ชาย​ที่​กำพร้า​อีก​สี่​คน ซึ่ง​ได้​มา​เป็น​พยาน​ฯ​ที่​อุทิศ​ตัว​แล้ว. ใน​ปี 1983 เขา​ได้​เสีย​ชีวิต​ลง โดย​วาง​แบบ​อย่าง​ที่​ดี​ใน​การ​ดำเนิน​ตาม​คำ​ชี้​นำ​อย่าง​สัตย์​ซื่อ​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ให้​ผ่าน​ทาง​พระ​วจนะ​ของ​พระองค์​และ​องค์การ​ของ​พระองค์​บน​แผ่นดิน​โลก​นี้.

ใน​ปี 1949 ผม​ออก​จาก​งาน​ใน​โจฮันเนสเบิร์ก​เพื่อ​ดู​แล​ครอบครัว​ใน​วิถี​ทาง​ของ​พระ​ยะโฮวา. เมื่อ​กลับ​ถึง​บ้าน ผม​ได้​ทำ​งาน​กับ​เจ้าหน้าที่​ตรวจ​ปศุสัตว์​ใน​ฐานะ​ผู้​ช่วย​จุ่ม​สัตว์​ใน​แท็งก์น้ำ​ยา​ฆ่า​พยาธิ. เป็น​การ​ยาก​ที่​จะ​เลี้ยง​ดู​ครอบครัว​ซึ่ง​มี​ลูก​หก​คน​ด้วย​เงิน​เดือน​ที่​ผม​ได้​รับ​เพียง​น้อย​นิด. ดัง​นั้น เพื่อ​ให้​พอ​กับ​ค่า​ใช้​จ่าย ผม​จึง​ขาย​ผัก​และ​ข้าว​โพด​ที่​เรา​ปลูก​เอง​ที่​บ้าน​อีก​ด้วย.

พระ​พร​ต่าง ๆ ซึ่ง​ล้ำ​ค่า​กว่า

แม้​ว่า​ครอบครัว​ของ​เรา​ไม่​ร่ำรวย​ฝ่าย​วัตถุ แต่​เรา​มี​ทรัพย์​สมบัติ​ฝ่าย​วิญญาณ​เนื่อง​จาก​เอา​ใจ​ใส่​ต่อ​คำ​ชี้​นำ​ของ​พระ​เยซู​ที่​ว่า “อย่า​สะสม​ทรัพย์​สมบัติ​ไว้​สำหรับ​ตัว​ใน​โลก, ที่​ตัว​หนอน​และ​สนิม​อาจ​ทำลาย​เสีย​ได้, และ​ที่​ขโมย​อาจ​ขุด​ช่อง​ล้วง​ลัก​เอา​ไป​ได้. แต่​จง​สะสม​ทรัพย์​สมบัติ​ไว้​ใน​สวรรค์, ที่​หนอน​หรือ​สนิม​ทำลาย​เสีย​ไม่​ได้, และ​ที่​ไม่​มี​ขโมย​ขุด​ช่อง​ล้วง​ลัก​เอา​ไป​ได้.”—มัดธาย 6:19,20.

การ​ที่​จะ​ให้​ได้​มา​ซึ่ง​ทรัพย์​สมบัติ​ฝ่าย​วิญญาณ​เหล่า​นี้​จำ​ต้อง​ทำ​งาน​หนัก เหมือน​กับ​การ​ขุด​หา​ทอง​ใน​เหมือง​รอบ ๆ โจฮันเนสเบิร์ก. ทุก​เย็น ผม​จะ​ยก​ข้อ​พระ​คัมภีร์​ข้อ​หนึ่ง​ขึ้น​มา​พูด​กับ​ลูก ๆ และ​แต่​ละ​คน​ต้อง​บอก​ผม​ว่า​เขา​ได้​เรียน​อะไร​บ้าง. ตอน​สุด​สัปดาห์ ผม​จะ​พา​ลูก ๆ ออก​ไป​ใน​งาน​เผยแพร่​ที​ละ​คน. ขณะ​ที่​เรา​เดิน​จาก​กราล​หนึ่ง​ไป​ยัง​อี​กก​รา​ล​หนึ่ง ผม​จะ​อธิบาย​เรื่อง​ราว​ใน​พระ​คัมภีร์ และ​พยายาม​ประทับ​มาตรฐาน​อัน​สูง​ส่ง​ทาง​ศีลธรรม​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ไว้​ใน​หัวใจ​ของ​ลูก ๆ.—พระ​บัญญัติ 6:6,7.

ยก​ตัว​อย่าง เพื่อ​เป็น​ที่​แน่นอน​ว่า​ลูก​ของ​เรา​ไม่​ได้​ขโมย ผม​จะ​ทำ​ให้​แน่​ใจ​ว่า​สิ่ง​ของ​ใด ๆ ที่​พวก​เขา​นำ​เข้า​บ้าน​ไม่​ได้​ขโมย​มา. (เอเฟโซ 4:28) ใน​ทำนอง​เดียว​กัน หาก​คน​หนึ่ง​โกหก ผม​จะ​ไม่​ยับยั้ง​จาก​การ​ใช้​ไม้เรียว​แห่ง​การ​ตี​สอน. (สุภาษิต 22:15) อนึ่ง ผม​ยัง​เรียก​ร้อง​ให้​พวก​เขา​แสดง​ความ​นับถือ​อย่าง​เหมาะ​สม​ต่อ​ผู้​สูง​อายุ​เช่น​กัน.—เลวีติโก 19:32.

ใน​ฐานะ​หัวหน้า​ครอบครัว ผม​วาง​แบบ​อย่าง​โดย​ไม่​ขาด​การ​ประชุม และ​ลูก ๆ จะ​ต้อง​เข้า​ร่วม​ประชุม​ด้วย. ผม​คอย​ดู​แล​ให้​ลูก​แต่​ละ​คน​มี​หนังสือ​เพลง, คัมภีร์​ไบเบิล, และ​หนังสือ​อื่น ๆ ที่​จะ​ใช้ ณ การ​ประชุม. เรา​ยัง​เตรียม​ตัว​สำหรับ​การ​ประชุม​ด้วย​กัน และ​หาก​ลูก​คน​หนึ่ง​คน​ใด​ไม่ออก​ความ​คิด​เห็น ผม​จะ​พยายาม​ช่วย​ให้​เขา​ออก​ความ​คิด​เห็น​ใน​การ​ประชุม​คราว​ต่อ​ไป.

เป็น​เวลา​หลาย​ปี​ที่​ครอบครัว​ของ​เรา​เป็น​เพียง​ครอบครัว​เดียว​ที่​อยู่​ใน​สถานภาพ​จะ​ให้​การ​ต้อนรับ​ขับ​สู้​แก่​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง. ตัว​แทน​เหล่า​นี้​ของ​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​มี​อิทธิพล​ที่​ดี​ต่อ​ลูก ๆ ของ​เรา และ​สร้าง​ความ​ปรารถนา​ภาย​ใน​ตัว​เขา​ที่​จะ​เป็น​ไพโอเนียร์ หรือ​ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา. ภรรยา​และ​ผม​ดีใจ​ที่ แอฟริกา ลูก​ชาย​คน​โต​ของ​เรา เริ่ม​งาน​ไพโอเนียร์​หลัง​จาก​เรียน​หนังสือ​ครบ​สิบ​ปี. ใน​ที่​สุด เขา​ได้​รับใช้​ใน​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง และ​ใน​เวลา​ต่อ​มา เขา​ได้​รับ​เชิญ​ไป​ยัง​สำนักงาน​สาขา​ของ​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​ประจำ​สาธารณรัฐ​แอฟริกา​ใต้ ที่​ซึ่ง​เขา​ทำ​งาน​เป็น​ผู้​แปล. เวลา​นี้ เขา​แต่งงาน​แล้ว และ​มี​ลูก​ของ​ตัว​เอง. เขา​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ปกครอง​ที่​ประชาคม​แห่ง​หนึ่ง​ใน​ซูลู​แลนด์ และ​ยัง​มี​สิทธิ​พิเศษ​ที่​ได้​ช่วย​สำนักงาน​สาขา​ประจำ​สาธารณรัฐ​แอฟริกา​ใต้​ใน​เรื่อง​ปัญหา​ทาง​กฎหมาย​ซึ่ง​เกิด​ขึ้น​เป็น​ครั้ง​คราว​เนื่อง​จาก​ประเด็น​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​นมัสการ​แท้.

เรา​มี​ลูก​ชาย​ทั้ง​หมด​ห้า​คน​ด้วย​กัน​และ​ลูก​สาว​หนึ่ง​คน. เวลา​นี้ ลูก ๆ ทั้ง​หก​คน​ก็​โต​กัน​แล้ว​และ​เข้มแข็ง​ฝ่าย​วิญญาณ. สิ่ง​นี้​ทำ​ให้​หัวใจ​ของ​เรา​เปี่ยม​ด้วย​ความ​สุข​ยิ่ง​นัก—ซึ่ง​เป็น​ความ​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ​อย่าง​ล้ำ​ลึก​ที่​ไม่​มี​วัน​จะ​ซื้อ​ได้​ด้วย​สิ่ง​ฝ่าย​วัตถุ. ลูก​ชาย​ของ​ผม​สี่​คน​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​พวก​เขา​สมทบ​ด้วย. คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เขา​คือ ที​โอฟีลัส ซึ่ง​ขณะ​นี้​ชื่นชม​กับ​สิทธิ​พิเศษ​ใน​งาน​รับใช้​ที่​เบเธล ณ สำนักงาน​สาขา​ประจำ​สาธารณรัฐ​แอฟริกา​ใต้.

การ​เผยแพร่​ความ​จริง​ใน​ซูลู​แลนด์

เมื่อ​ใน​ที่​สุด​ผม​กลับ​ไป​อยู่​กับ​ครอบครัว​ที่​ซูลู​แลนด์​ใน​ปี 1949 มี​ผู้​เผยแพร่​ข่าว​ราชอาณาจักร​เพียง​สาม​คน​ใน​ประชาคม​โคลเลสซี​ของ​เรา. ใน​เวลา​อัน​สม​ควร ประชาคม​ก็​เติบ​ใหญ่​ขึ้น และ​ประชาคม​แห่ง​ที่​สอง​ก็​ได้​รับ​การ​ก่อ​ตั้ง​ห่าง​ออก​ไป​อีก 30 กิโลเมตร​ใน​หมู่​บ้าน​พอ​เมรอย.

ใน​ช่วง​เวลา​หลาย​ปี งาน​เผยแพร่​ของ​เรา​จะ​ชะงัก​ใน​บาง​ครั้ง​เนื่อง​จาก​การ​ต่อ​สู้​ของ​กลุ่ม​ที่​ขัด​แย้ง​กัน​ใน​ชุมชน​ต่าง ๆ. ผู้​ที่​ไป​โบสถ์​ก็​มี​ส่วน​พัวพัน​ใน​การ​ต่อ​สู้​ระหว่าง​เผ่า. มี​เพียง​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เท่า​นั้น​ผู้​ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ใน​เรื่อง​การ​รักษา​ความ​เป็น​กลาง. ครั้ง​หนึ่ง เกิด​การ​ต่อ​สู้​ระหว่าง​เผ่า​มาบาโซ​และ​มาโบมวู​ใน​บริเวณ​ที่​ผม​ทำ​งาน​จุ่ม​วัว​อยู่. ผู้​คน​ใน​แถบ​นั้น​เป็น​เผ่า​มาบาโซ และ​โดย​ปกติ​แล้ว​คง​จะ​ฆ่า​ผม​เพราะ​พวก​เขา​รู้​ว่า​ผม​มา​จาก​เผ่า​มาโบมวู. อย่าง​ไร​ก็​ตาม พวก​เขา​ก็​รู้​เช่น​กัน​ว่า​ผม​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​ดัง​นั้น​จึง​ไม่​ทำ​อันตราย​ผม.

ใน​ช่วง​ทศวรรษ​ปี 1970 เหตุ​การณ์​สู้​รบ​ระหว่าง​เผ่า​เลว​ร้าย​ลง​ไป​อีก และ​อำเภอ​เอ็มซิงกา​ไม่​มี​ความ​ปลอด​ภัย. ผม​กับ​คน​อื่น ๆ บาง​คน จึง​ตัดสิน​ใจ​ย้าย​ครอบครัว​ไป​ยัง​ส่วน​ที่​มี​ความ​สงบ​สุข​กว่า​ของ​ซูลู​แลนด์. ใน​ปี 1978 เรา​ตั้ง​รกราก​ใน​เมือง​โนนโกมา ที่​ซึ่ง​เรา​เริ่ม​สมทบ​กับ​ประชาคม​ลินดิซเว. ใน​ปี​ต่อ​มา คลอดินา ภรรยา​สุด​ที่​รัก​ของ​ผม​เสีย​ชีวิต. การ​สูญ​เสีย​เธอ​ทำ​ให้​ผม​ตกตะลึง​สุด​ขีด และ​สุขภาพ​ของ​ผม​ทรุดโทรม​ลง​มาก.

กระนั้น ด้วย​พระ​กรุณาคุณ​อัน​ไม่​พึง​ได้​รับ​ของ​พระ​ยะโฮวา ผม​ฟื้น​ตัว​และ​มี​ความ​สามารถ​พอ​ที่​จะ​เข้า​สู่​งาน​ไพโอเนียร์​ใน​สอง​ปี​ต่อ​มา. ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​สัก​เพียง​ไร​ที่​สุขภาพ​ของ​ผม​ดี​ขึ้น​อย่าง​แท้​จริง เนื่อง​ด้วย​กิจกรรม​เผยแพร่​ที่​ทำ​มาก​ขึ้น​นี้! ขณะ​นี้​ผม​อายุ 85 ปี​และ​ยัง​คง​สามารถ​ทำ​งาน​เผยแพร่​โดย​เฉลี่ย 90 ชั่วโมง​แต่​ละ​เดือน. ใน​เดือน​มกราคม 1992 ผม​กับ​ลูก​ชาย​ที่​ชื่อ นิโคลัส ได้​ย้าย​ไป​ยัง​มูเด็น ส่วน​หนึ่ง​ของ​ซูลู​แลนด์​ที่​ซึ่ง​มี​ความ​ต้องการ​ผู้​เผยแพร่​ข่าว​ราชอาณาจักร​มาก​ขึ้น.

ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​สำหรับ​การ​ชี้​นำ​จาก​องค์การ​ของ​พระ​ยะโฮวา ที่​สนับสนุน​ผู้​คน​อย่าง​ผม​ให้​เอา​ใจ​ใส่​มาก​ขึ้น​ต่อ​ความ​ต้องการ​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​ครอบครัว! พระ​พร​ต่าง ๆ ที่​ได้​รับ​เป็น​ผล​สืบ​เนื่อง​นั้น ล้ำ​ค่า​กว่า​สิ่ง​ใด ๆ ที่​เงิน​จะ​หา​ซื้อ​ได้. (สุภาษิต 10:22) ผม​สรรเสริญ​เทิดทูน​พระ​ยะโฮวา​สำหรับ​สิ่ง​เหล่า​นี้​ทั้ง​หมด​และ​อธิษฐาน​ขอ​ให้​เวลา​นั้น​มา​ถึง​เมื่อ​ราชอาณาจักร​ของ​พระองค์​จะ​เปลี่ยน​แผ่นดิน​โลก​ให้​เป็น​อุทยาน. แล้ว​ชีวิต​ใน​ภูเขา​และ​หุบเขา​อัน​งดงาม​แห่ง​ซูลู​แลนด์​จะ​สงบ​เงียบ​ตลอด​ไป ขณะ​ที่​ผู้​ซึ่ง​อาศัย​อยู่​ที่​นั่น​จะ “นั่ง​อยู่​ใต้​ซุ้ม​เถา​องุ่น​และ​ใต้​ต้น​มะเดื่อ​เทศ​ของ​ตน” โดย “ไม่​มี​อะไร​มา​ทำ​ให้​เขา​สะดุ้ง​กลัว.”—มีคา 4:4.