การปลอบประโลมผู้ใหญ่ที่ผ่านความบอบช้ำในวัยเด็ก
การปลอบประโลมผู้ใหญ่ที่ผ่านความบอบช้ำในวัยเด็ก
ทั้งสองเป็นคู่สมรสหนุ่มสาวที่ชอบคบหาสมาคม ได้รับความนับถืออย่างสูงในประชาคม. แต่น้ำเสียงของสามีฟังดูเร่งด่วนเมื่อขอผู้ปกครองไปเยี่ยมเขา และภรรยากำลังร้องไห้. เธอทนทุกข์กับอาการซึมเศร้าอย่างหนัก และการชิงชังตัวเอง กระทั่งคิดฆ่าตัวตาย เป็นพัก ๆ. เธอถูกทำร้ายทางเพศตอนเป็นวัยรุ่น. เธอขอบคุณที่องค์การของพระยะโฮวาได้ให้การชี้นำวิธีช่วยคนเหล่านั้นที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมดังกล่าว ผู้ปกครองได้ศึกษาจดหมายของสมาคมที่มีถึงคณะผู้ปกครองรวมทั้งบทความใน อะเวก! 8 ตุลาคม 1991 และบทความใน ว็อชเทาเวอร์ 1 ตุลาคม 1983 ซึ่งพิจารณาเรื่องนี้. ต่อไปนี้จะเป็นบางประเด็นที่ได้มาจากแหล่งดังกล่าวซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ได้.
1. ฟัง, ฟัง, ฟัง. เมื่อหัวเข่าของเด็กถลอก ความคิดแรกคือวิ่งไปหาแม่หรือพ่อเพื่อรับการปลอบประโลม. แต่เด็กที่ถูกทำร้ายอาจไม่มีโอกาสที่จะทำเช่นว่าเลย. ดังนั้น เมื่อเป็นผู้ใหญ่ เขายังมีความต้องการเหมือนเดิม—ที่จะเล่า พูดออกมา ที่จะรับการปลอบประโลมจากผู้ฟังที่เห็นอกเห็นใจ. (เทียบโยบ 10:1; 32:20.) เมื่อผู้ปกครองไปเยี่ยมคู่สมรสที่กล่าวถึงข้างต้น สามีแปลกใจว่าทำไมผู้ปกครองพูดน้อยและฟังมาก. สามีซึ่งเป็นคนมีเหตุผล พร้อมที่จะช่วยเหลือ ยอมรับว่าได้พยายามแก้ปัญหาโดยสนองตอบต่ออารมณ์ตามหลักเหตุผล พยายามปรับแก้ความรู้สึกซึ่งสำหรับตนแล้วดูเหมือนไร้สาระ. เขาได้เรียนว่าภรรยาต้องการการร่วมรู้สึกมากกว่าคำตอบ. (เทียบโรม 12:15.) เธอต้องการได้ยินว่าความรู้สึกของเธอนั้นมีเหตุผลที่ฟังขึ้น.
2. แฉคำเท็จ. การทำร้ายสอนเด็ก ๆ ให้คิดว่าพวกเขาสกปรก, ไม่น่ารัก, ไร้ค่า. เช่นเดียวกับคำสอนเท็จทางศาสนา ความคิดดังกล่าวอาจทำให้เป็นการยากมากที่จะมีสายสัมพันธ์อันดีกับพระยะโฮวา. ดังนั้น จงแฉคำเท็จเหล่านี้และแทนที่ด้วยความจริง—อย่างนุ่มนวล, ซ้ำหลาย ๆ ครั้ง, ด้วยความอดทน. ใช้เหตุผลจากพระคัมภีร์. (2 โกรินโธ 10:4,5) ตัวอย่างเช่น “ผมเข้าใจว่าคุณรู้สึกไม่สะอาด. แต่พระยะโฮวาทรงรู้สึกเช่นไรเกี่ยวกับตัวคุณ? ถ้าพระองค์ยอมให้พระบุตรของพระองค์วายพระชนม์และจัดเตรียมค่าไถ่สำหรับคุณ นั่นแสดงว่าพระองค์ทรงรักคุณมิใช่หรือ? [โยฮัน 3:16] ในสายพระเนตรของพระองค์ การทำร้ายเป็นเหตุให้ คุณ ไม่สะอาด หรือทำให้ ผู้ทำร้าย ไม่สะอาด? โปรดจำไว้ว่าพระเยซูตรัสดังนี้: ‘ไม่มีสิ่งใดภายนอกที่เข้าไปภายในมนุษย์จะกระทำให้มนุษย์เป็นมลทินได้ แต่สิ่งซึ่งออกมาแต่ภายในมนุษย์สิ่งนั้นแหละกระทำให้มนุษย์เป็นมลทิน.’ [มาระโก 7:15] จริง ๆ แล้ว การทำร้ายนั้นออกมาจากเด็กเล็ก ๆ อย่าง คุณ ไหม? หรือว่าผู้ทำร้ายดำริขึ้นมาในใจของเขาเอง?”
3. พูดคำปลอบประโลม. แต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัว ดังนั้น คำแนะนำของเปาโลที่ให้ “หนุนใจผู้ที่ท้อใจ” จะต้องนำไปใช้ด้วยวิธีที่แตกต่างกันในแต่ละกรณี. (1 เธซะโลนิเก 5:14) อย่างไรก็ตาม คำพูดแบบง่ายเกินไปแทบจะไม่เป็นการปลอบประโลม. ตัวอย่างเช่น เพียงแต่บอกผู้ที่ผ่านการถูกทำร้ายให้อ่านคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น ทำงานเผยแพร่มากขึ้น หรือ ‘ให้ทิ้งภาระกับพระยะโฮวาก็แล้วกัน’—แม้ว่าคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยได้ในบางครั้ง—อาจไม่บังเกิดผล. (บทเพลงสรรเสริญ 55:22; เทียบฆะลาเตีย 6:2.) หลายคนกำลังทำสิ่งเหล่านี้อย่างดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้อยู่แล้ว และตำหนิตนเองอย่างรุนแรงที่ไม่ทำให้ดีกว่านี้.—เทียบ 1โยฮัน 3:19,20.
ในทำนองเดียวกัน การบอกผู้ถูกทำร้ายให้ลืมเรื่องในอดีตอาจก่อความเสียหายมากยิ่งกว่าประโยชน์. ถ้าพวกเขาลืมได้ คงจะลืมไปแล้ว—และคงไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือให้รู้วิธีแก้ที่ง่าย ๆ แบบนี้. * โปรดจำไว้ว่าเขาได้รับความบอบช้ำทางอารมณ์อย่างรุนแรง. เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ ลองนึกภาพว่าคุณมาพบผู้ที่ถูกรถชนกำลังนอนครวญครางอยู่ในซากรถ. คุณจะแค่บอกเขาไม่ให้คิดถึงความเจ็บปวดเช่นนั้นไหม? แน่นอน ต้องทำมากกว่านั้น.
ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นการปลอบประโลมและการช่วยเหลือ ทำไมไม่ถามคนที่ซึมเศร้าคนนั้นดูล่ะ? ถ้าจะว่าไป แม้แต่คำแนะนำที่ถูกต้องและเป็นไปตามหลักการของพระคัมภีร์ก็ยังต้องให้เหมาะกับกาลเทศะด้วยซ้ำ.—เทียบสุภาษิต 25:11.
หลังจากการเยี่ยมสองสามครั้ง พี่น้องหญิงคนนั้นก็เริ่มมีทัศนะที่ดีขึ้น และสามีของเธอก็เชี่ยวชาญมากขึ้นในการช่วยเธอผ่านช่วงที่ยากลำบาก. ต่อมา ทั้งสองได้มีโอกาสให้การประเล้าประโลมผู้อื่นซึ่งประสบความบอบช้ำคล้ายกัน. เป็นที่เสริมความเชื่อสักเพียงไรเมื่อเห็นพระยะโฮวา “พระเจ้าผู้ทรงชูใจทุกอย่าง” ทรงปฏิบัติการผ่านทางพระคำและไพร่พลของพระองค์ “เพื่อสมานจิตต์ใจที่ฟกช้ำ” ในยุคที่มีความยุ่งยากนี้.—2 โกรินโธ 1:3; ยะซายา 61:1.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 6 จริงอยู่ อัครสาวกเปาโลได้แนะนำคริสเตียนให้ ‘ลืมสิ่งเหล่านั้นที่ผ่านพ้นไป.’ แต่ที่นี่เปาโลพูดถึงชื่อเสียงและความสำเร็จทางโลกที่ท่านเคยมี ซึ่งบัดนี้ “เป็นเหมือนหยากเยื่อ” สำหรับท่าน. ท่านไม่ได้พูดถึงความทุกข์ลำบากของท่านในอดีต ซึ่งสำหรับสิ่งหลังนี้ท่านพูดถึงอย่างสะดวกใจ.—ฟิลิปปอย 3:4-6,8,13; เทียบ 2 โกรินโธ 11:23-27.