ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

แบบอย่างความสัตย์ซื่อของคุณพ่อ

แบบอย่างความสัตย์ซื่อของคุณพ่อ

แบบ​อย่าง​ความ​สัตย์​ซื่อ​ของ​คุณ​พ่อ

นั่น​เป็น​วัน​ที่ 6 กรกฎาคม 1947 และ​ครอบครัว​ของ​เรา​กำลัง​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ภาค​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​กรุง​ลอนดอน ประเทศ​อังกฤษ. คุณ​พ่อ​น้ำตา​คลอ​เบ้า​ด้วย​ความ​ยินดี ขณะ​ที่​ยื่น​มือ​มา​ช่วย​ผม​ขึ้น​จาก​สระ​บัพติสมา. คุณ​พ่อ​กับ​ผม​เพิ่ง​รับ​บัพติสมา ซึ่ง​เป็น​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​ของ​เรา​แด่​พระ​ยะโฮวา พระ​ผู้​สร้าง​และ​องค์​บรม​มหิศร​แห่ง​เอกภพ. คุณ​แม่, พี่​ชาย, และ​น้อง​ชาย​สอง​คน​ก็​อยู่​ด้วย​ใน​โอกาส​ที่​มี​ความ​สุข​นี้.

แต่​น่า​เศร้า เอกภาพ​ของ​ครอบครัว​ใน​การ​นมัสการ​แบบ​คริสเตียน​นั้น​ไม่​ช้า​ก็​พัง​ทลาย. แต่​ก่อน​ที่​จะ​เล่า​ถึง​เรื่อง​นี้​และ​เล่า​ถึง​ความ​สัตย์​ซื่อ​ของ​คุณ​พ่อ​ว่า​มี​ผล​กระทบ​ต่อ​ผม​อย่าง​ไร​นั้น ขอ​ให้​ผม​เล่า​ถึง​ชีวิต​ใน​วัย​เยาว์​ของ​คุณ​พ่อ​สัก​เล็ก​น้อย.

ภูมิหลัง​ทาง​ตะวัน​ออก-ตะวัน​ตก

คุณ​พ่อ​ของ​ผม​ชื่อ​เลสเตอร์ เกิด​ใน​ฮ่องกง เมื่อ​เดือน​มีนาคม 1908. คุณ​ปู่​เป็น​ผู้​ช่วย​ผู้​คุม​ท่า​เรือ. ตอน​ที่​คุณ​พ่อ​เป็น​เด็ก คุณ​ปู่​จะ​พา​ท่าน​ลง​เรือ​ไป​ด้วย เวลา​ตรวจ​ความ​เป็น​ไป​รอบ​เกาะ​ฮ่องกง​และ​เกาะ​ใกล้​เคียง. ครั้น​แล้ว เมื่อ​คุณ​พ่อ​อายุ​ได้​เพียง​แปด​ขวบ คุณ​ปู่​ก็​เสีย​ชีวิต. จาก​นั้น คุณ​ย่า​ก็​แต่งงาน​ใหม่ และ​ย้าย​ครอบครัว​ไป​อยู่​เซี่ยงไฮ้. ใน​ปี 1920 คุณ​ย่า​พา​คุณ​พ่อ​กับ​คุณ​อา​ฟิล​น้อง​สาว​ซึ่ง​เวลา​นั้น​อายุ​สิบ​ขวบ ไป​เรียน​หนังสือ​ที่​อังกฤษ.

จาก​นั้น​คุณ​พ่อ​อาศัย​อยู่​หลาย​ปี​ใน​บริเวณ​ใกล้ ๆ กับ​โบสถ์​ใหญ่​แคนเทอร์เบอรี สำนักงาน​กลาง​ของ​คริสต์​จักร​แองกลิคัน. การ​เข้า​โบสถ์​ที่​นั่น​นับ​เป็น​จุด​เริ่ม​ต้น​ของ​การ​เข้า​มา​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ศาสนา. คุณ​อา​ฟิล​เข้า​โรง​เรียน​ประจำ ทาง​เหนือ​ของ​ลอนดอน แต่​คุณ​อา​กับ​คุณ​พ่อ​ได้​มา​สนิท​กัน​มาก​ใน​ช่วง​นั้น เพราะ​ทั้ง​สอง​คน​อยู่​ด้วย​กัน​ใน​ช่วง​ปิด​ภาค​เรียน. ห้า​ปี​ต่อ​มา คือ​ปี 1925 เมื่อ​คุณ​พ่อ​เรียน​จบ คุณ​ย่า​กลับ​มา​ที่​อังกฤษ​และ​ดู​ให้​แน่​ใจ​ว่า คุณ​พ่อ​มี​ความ​มั่นคง​ใน​ธุรกิจ​การ​งาน. จาก​นั้น ใน​ปี​ถัด​ไป คุณ​ย่า​กลับ​ไป​ที่​เซี่ยงไฮ้ โดย​พา​คุณ​อา​ฟิล​ไป​ด้วย.

ก่อน​จะ​ไป คุณ​ย่า​ให้​หนังสือ​แก่​คุณ​พ่อ​เล่ม​หนึ่ง ซึ่ง​เขียน​โดย​ทวด​ของ​คุณ​พ่อ. หนังสือ​นั้น​เป็น​บท​กวี​ว่า​ด้วย​พุทธ​ประวัติ ซึ่ง​มี​ชื่อ​ว่า “ดวง​ประทีป​แห่ง​เอเชีย” (ภาษา​อังกฤษ). สิ่ง​นี้​ทำ​ให้​คุณ​พ่อ​เริ่ม​คิด​ถึง​เหตุ​ผล​ที่​แท้​จริง​ของ​การ​มี​ชีวิต​อยู่. ที่​แคนเทอร์เบอรี ท่าน​ประทับใจ​ใน​ความ​โอ่อ่า​ของ​โบสถ์​และ​ความ​เคร่ง​ขรึม​ของ​พิธี​ทาง​ศาสนา แต่​เนื่อง​จาก​ไม่​ได้​รับ​การ​สอน​ใน​สิ่ง​ฝ่าย​วิญญาณ ทำ​ให้​ท่าน​มี​ความ​รู้สึก​ที่​ว่าง​เปล่า. ดัง​นั้น ท่าน​จึง​สงสัย​ว่า ‘ศาสนา​ของ​ทาง​ตะวัน​ออก​มี​คำ​ตอบ​ให้​ไหม?’ ท่าน​ตัดสิน​ใจ​ตรวจ​สอบ​ดู. ใน​ช่วง​หลาย​ปี​ต่อ​มา ท่าน​ศึกษา​ศาสนา​พุทธ, ชินโต, ฮินดู, ขงจื๊อ, และ​อิสลาม. ทว่า​แต่​ละ​ศาสนา​ไม่​สามารถ​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​ท่าน.

คุณ​พ่อ​อาศัย​อยู่​ใน​กรีฑา​สโมสร ซึ่ง​ดำเนิน​การ​โดย​บริษัท​ที่​ท่าน​ทำ​งาน​ให้ และ​ท่าน​ชอบ​พาย​เรือ, เล่น​รักบี้, และ​กีฬา​อื่น ๆ. ไม่​ช้า ท่าน​ก็​หลง​รัก​เอ็ดนา สาว​สวย​ซึ่ง​ชอบ​กีฬา​เหมือน​กัน. ทั้ง​สอง​สมรส​กัน​ใน​ปี 1929 และ​ได้​บุตร​ชาย​สี่​คน​ใน​ช่วง​สิบ​ปี​ต่อ​มา.

ช่วง​สงคราม​ที่​สร้าง​ความ​บอบช้ำ

ระหว่าง​ทศวรรษ​ปี 1930 เมฆ​ทะมึน​ของ​สงคราม​โลก​ที่​สอง​กำลัง​ก่อ​ตัว ดัง​นั้น คุณ​พ่อ​จึง​ตัดสิน​ใจ​ย้าย​ออก​จาก​ลอนดอน​ไป​อยู่​ชนบท. เรา​ย้าย​บ้าน​เพียง​ไม่​กี่​เดือน​ก่อน​สงคราม​ระเบิด​ขึ้น ใน​เดือน​กันยายน 1939.

เริ่ม​มี​การ​เกณฑ์​ทหาร​เพื่อ​ออก​รบ และ​อายุ​เข้า​เกณฑ์​ค่อย ๆ สูง​ขึ้น​ขณะ​ที่​สงคราม​ยืดเยื้อ​ออก​ไป. แทน​ที่​จะ​รอ​ให้​ถูก​เกณฑ์ คุณ​พ่อ​อาสา​สมัคร​เข้า​ประจำการ​ใน​กองทัพ​อากาศ และ​ถูก​เรียก​ตัว​ใน​เดือน​พฤษภาคม 1941. แม้​ว่า​ท่าน​จะ​ลา​กลับ​บ้าน​ได้​เป็น​ครั้ง​คราว แต่​ก็​เป็น​เวลา​ถึง​หก​ปี กว่า​สัมพันธภาพ​ตาม​ปกติ​ใน​ครอบครัว​จะ​มี​ขึ้น​อีก​ครั้ง​หนึ่ง. ภาระ​ใน​การ​เลี้ยง​ดู​พวก​เรา​ที่​เป็น​ลูก—ซึ่ง​คน​โต​สอง​คน​เวลา​นั้น​กำลัง​เป็น​วัยรุ่น—จึง​ตก​อยู่​กับ​คุณ​แม่​เพียง​คน​เดียว.

ความ​สดชื่น​ฝ่าย​วิญญาณ

ประมาณ​สอง​ปี​ก่อน​ที่​คุณ​พ่อ​จะ​ปลด​ประจำการ​จาก​กองทัพ​อากาศ มี​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สอง​คน​มา​เยี่ยม​คุณ​แม่​และ​เริ่ม​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​ท่าน. คุณ​แม่​เขียน​จดหมาย​ถึง​คุณ​พ่อ​และ​เล่า​ให้​ฟัง​ว่า ท่าน​เพลิดเพลิน​กับ​สิ่ง​ที่​กำลัง​เรียน​รู้​สัก​เพียง​ใด. ครั้ง​หนึ่ง เมื่อ​คุณ​พ่อ​ลา​กลับ​บ้าน คุณ​แม่​พา​คุณ​พ่อ​ไป​ยัง​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ประจำ​ประชาคม​ใน​บ้าน​ส่วน​ตัว.

คุณ​พ่อ​ปลด​ประจำการ​ใน​เดือน​ธันวาคม 1946 และ​เริ่ม​เข้า​ร่วม​กับ​คุณ​แม่​ใน​การ​พิจารณา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​สตรี​พยาน​ฯ​สอง​คน. พยาน​ฯ​สอง​คน​นี้​สังเกต​เห็น​ความ​สนใจ​ของ​ท่าน จึง​ให้ เออร์นี บีเวอร์ ผู้​ดู​แล​ผู้​เป็น​ประธาน มา​เยี่ยม​คุณ​พ่อ. ภาย​ใน​เย็น​วัน​เดียว​เท่า​นั้น​บราเดอร์​บีเวอร์​ใช้​คัมภีร์​ไบเบิล​ตอบ​ข้อ​คัดค้าน​ทั้ง​หมด​ของ​คุณ​พ่อ. ใน​ช่วง​สอง​สัปดาห์​ต่อ​มา ขณะ​ที่​นั่ง​รถไฟ​ไป​ทำ​งาน​ใน​ลอนดอน​แต่​ละ​วัน คุณ​พ่อ​อ่าน​หนังสือ​สาม​เล่ม​ที่​บราเดอร์​บีเวอร์​ให้​ไว้. เมื่อ​บราเดอร์​บีเวอร์​มา​เยี่ยม​อีก​ครั้ง​หนึ่ง คุณ​พ่อ​กล่าว​ต้อนรับ​เขา​ด้วย​คำ​พูด​ว่า “นี่​คือ​ความ​จริง​ที่​ผม​แสวง​หา​อยู่! ผม​ต้อง​ทำ​อะไร?”

จาก​นั้น​เป็น​ต้น​มา คุณ​พ่อ​เริ่ม​พา​พวก​เรา​ลูก ๆ ไป​ยัง​การ​ประชุม. อย่าง​ไร​ก็​ตาม คุณ​แม่​ไม่​ได้​ไป​กับ​เรา​ทุก​ครั้ง. ความ​สนใจ​ของ​ท่าน​เริ่ม​ลด​น้อย​ลง. กระนั้น พวก​เรา​ทุก​คน​ไป​ยัง​การ​ประชุม​ใหญ่​ใน​กรุง​ลอนดอน​เดือน​กรกฎาคม 1947 ซึ่ง​คุณ​พ่อ​กับ​ผม​รับ​บัพติสมา​ที่​นั่น. จาก​นั้น คุณ​แม่​ไป​ยัง​การ​ประชุม​เพียง​ครั้ง​คราว​เท่า​นั้น.

ไม่​นาน​หลัง​จาก​การ​รับ​บัพติสมา​นั้น คุณ​อา​ฟิล​มา​เที่ยว​ที่​อังกฤษ และ​ยัง​ความ​ยินดี​อย่าง​ยิ่ง​แก่​คุณ​พ่อ คุณ​อา​รับ​ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​รับ​บัพติสมา. เมื่อ​เธอ​กลับ​ไป​เซี่ยงไฮ้ เธอ​ติด​ต่อ​กับ สแตนลีย์ โจนส์ และ แฮโรลด์ คิง มิชชันนารี​สอง​คน​ที่​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา ซึ่ง​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​นั่น​ไม่​นาน​ก่อน​หน้า​นั้น. ต่อ​มา มิชชันนารี​สอง​คน​นี้​ถูก​รัฐบาล​คอมมิวนิสต์​ซึ่ง​มี​อำนาจ​ปกครอง​อยู่​สั่ง​จำ​คุก เป็น​เวลา​เจ็ด​ปี​และ​ห้า​ปี​ตาม​ลำดับ. ทั้ง​สอง​คน​นี้​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ​แก่​คุณ​อา​ฟิล จน​กระทั่ง​คุณ​อา​เขย​เกษียณ​อายุ​จาก​งาน​ใน​ประเทศ​จีน. จาก​นั้น คุณ​อา​กับ​สามี​ก็​กลับ​มา​ที่​อังกฤษ และ​ตั้ง​รกราก​ใกล้​กับ​เรา.

ความ​แตก​ร้าว​อัน​น่า​เศร้า​ใน​ครอบครัว

ใน​เวลา​เดียว​กัน การ​สื่อ​ความ​แท้​จริง​ระหว่าง​คุณ​แม่​กับ​คุณ​พ่อ​กลาย​เป็น​ปัญหา. คุณ​แม่​เห็น​ความ​กระตือรือร้น​ที่​คุณ​พ่อ​มี​ต่อ​ความ​เชื่อ​ใหม่​ที่​เพิ่ง​พบ และ​คิด​ว่า ความ​มั่นคง​ทาง​วัตถุ​ของ​ครอบครัว​คง​จะ​ถูก​คุกคาม คุณ​แม่​จึง​เริ่ม​ต่อ​ต้าน​กิจกรรม​ฝ่าย​คริสเตียน​ของ​คุณ​พ่อ. ใน​ที่​สุด ใน​เดือน​กันยายน 1947 ท่าน​ยื่น​คำ​ขาด​ให้​คุณ​พ่อ​ละ​ทิ้ง​ความ​เชื่อ​แบบ​คริสเตียน ไม่​เช่น​นั้น​ท่าน​จะ​เป็น​ฝ่าย​ไป.

คุณ​พ่อ​รู้สึก​ว่า ท่าน​ได้​ปลอบ​คุณ​แม่​ให้​หาย​กลัว​แล้ว​โดย​ยก​เหตุ​ผล​จาก​พระ​คัมภีร์ แสดง​ให้​เธอ​เห็น​ว่า​ไม่​มี​เหตุ​ผล​ที่​จะ​กลัว. อย่าง​ไร​ก็​ตาม จุด​แตก​หัก​ก็​มา​ถึง​โดย​ปราศจาก​เสียง​เตือน​อีก​ต่อ​ไป ใน​วัน​ที่ 1 ตุลาคม 1947. เมื่อ​คุณ​พ่อ​กลับ​จาก​งาน​มา​ถึง​บ้าน​ใน​วัน​นั้น ท่าน​พบ​บ้าน​ว่าง​เปล่า แล้ว​ก็​ผม ซึ่ง​นั่ง​อยู่​ตรง​บันได​หน้า​ประตู พร้อม​ด้วย​กระเป๋า​เสื้อ​ผ้า​ของ​เรา. คุณ​แม่​ไป​แล้ว โดย​เอา​ของ​ทุก​อย่าง​ไป​ด้วย รวม​ทั้ง​พี่​ชาย​และ​น้อง​ชาย​สอง​คน​ของ​ผม. ผม​บอก​คุณ​พ่อ​ว่า ผม​เลือก​ที่​จะ​อยู่​กับ​ท่าน. คุณ​แม่​ไม่​ได้​ทิ้ง​ข้อ​ความ​ไว้​เลย.—มัดธาย 10:35-39.

เออร์นี บีเวอร์ จัดแจง​ให้​เรา​อยู่​กับ​สามี​ภรรยา​สูง​อายุ​คู่​หนึ่ง จน​กว่า​คุณ​พ่อ​จะ​หา​ที่​พัก​ได้. สามี​ภรรยา​คู่​นี้​กรุณา​เรา​มาก​และ​ปลอบ​ประโลม​เรา​ด้วย​ถ้อย​คำ​ของ​อัครสาวก​เปาโล​ที่​พระ​ธรรม 1 โกรินโธ 7:15 ที่​ว่า “ถ้า​แม้​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ไม่​เชื่อถือ​พระ​คริสต์​จะ​ไป, ก็​ให้​เขา​ไป​เถิด พี่​น้อง​ชาย​หญิง​เรื่อง​เช่น​นี้​ไม่​จำเป็น​จะ​ผูก​มัด​ผู้​ใด​ให้​จำ​ใจ​อยู่​ด้วย​กัน แต่​พระเจ้า​ได้​ทรง​เรียก​เรา​ทั้ง​หลาย​มา​ให้​อยู่​เย็น​เป็น​สุข.”

ใน​ที่​สุด เรา​ติด​ต่อ​กับ​ครอบครัว​ของ​เรา​ได้​และ​ไป​เยี่ยม​เขา แต่​ไม่​ช้า​ก็​ตระหนัก​ว่า การ​อะลุ้มอล่วย​ความ​เชื่อ​ของ​เรา​จะ​เป็น​หน​ทาง​แก้ไข​เพียง​อย่าง​เดียว​ที่​คุณ​แม่​ยอม​รับ. เรา​รู้​ว่า การ​อะลุ้มอล่วย​จะ​ไม่​นำ​มา​ซึ่ง​พระ​พร​จาก​พระ​ยะโฮวา. ดัง​นั้น คุณ​พ่อ​จึง​ทำ​งาน​อาชีพ​ต่อ​ไป โดย​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​ทาง​การ​เงิน​แก่​คุณ​แม่ เพื่อ​เลี้ยง​ดู​ลูก ๆ ซึ่ง​อยู่​กับ​คุณ​แม่. เมื่อ​ออก​จาก​โรง​เรียน​ใน​ปี 1947 ผม​ทำ​งาน​บาง​เวลา และ​ใน​เดือน​มกราคม 1948 ผม​ถูก​รับ​เข้า​ทำ​งาน​เผยแพร่​เต็ม​เวลา.

การ​สนทนา​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ยาก​จะ​ลืม​ได้

วัน​หนึ่ง ขณะ​อยู่​ใน​งาน​เผยแพร่ ตอน​ที่​ผม​ยัง​อายุ​เพียง 17 ปี ผม​คุย​กับ​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​บ้าน​พัก​ใน​ฟาร์ม. ขณะ​ที่​ผม​เยี่ยม​ที่​นั่น​อยู่ วินสตัน เชอร์ชิลล์ ผู้​นำ​ของ​อังกฤษ​ใน​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง ก็​มา​ถึง. การ​สนทนา​ของ​ผม​ถูก​ขัด​จังหวะ แต่​เชอร์ชิลล์​สังเกต​เห็น​วารสาร​เดอะ ว็อชเทาเวอร์ และ​กล่าว​ชมเชย​ผม​ที่​ทำ​งาน​นี้.

หลาย​วัน​ต่อ​มา ผม​ออก​เผยแพร่​อีก​แล้ว​ก็​กด​กระดิ่ง​ที่​บ้าน​ใหญ่​หลัง​หนึ่ง. หัวหน้า​คน​รับใช้​มา​เปิด​ประตู และ​เมื่อ​ผม​ขอ​พูด​กับ​เจ้าของ​บ้าน เขา​ถาม​ว่า ผม​ทราบ​ไหม​ว่า​เจ้าของ​บ้าน​เป็น​ใคร. ผม​ไม่​ทราบ. เขา​บอก​ว่า “นี่​คือ​ชาร์ตเวลล์ บ้าน​ของ​วินสตัน เชอร์ชิลล์.” ใน​จังหวะ​นั้น​เอง เชอร์ชิลล์​ก็​ปรากฏ​ตัว. เขา​จำ​ได้​ที่​เรา​พบ​กัน​ก่อน​หน้า​นี้​และ​เชิญ​ผม​เข้า​ไป​ใน​บ้าน. เรา​คุย​กัน​เล็ก​น้อย และ​เขา​รับ​หนังสือ​ไว้​สาม​เล่ม​และ​เชิญ​ผม​ให้​กลับ​มา​อีก.

ต่อ​มา ตอน​บ่าย​วัน​หนึ่ง​ที่​อากาศ​อบอุ่น ผม​กลับ​ไป​และ​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​อีก. เชอร์ชิลล์​เชิญ​ให้​ผม​ดื่ม​น้ำ​มะนาว และ​หลัง​จาก​ทักทาย​กัน​สั้น ๆ เขา​บอก​ว่า “ผม​จะ​ให้​เวลา​คุณ​ครึ่ง​ชั่วโมง เพื่อ​บอก​ถึง​สิ่ง​ที่​คุณ​คิด​ว่าราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​หมาย​ถึง แต่​หลัง​จาก​นั้น คุณ​จะ​ต้อง​ให้​ผม​บอก​สิ่ง​ที่​ผม​เชื่อ​ว่า​ราชอาณาจักร​นั้น​หมาย​ถึง.” นั่น​คือ​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​ทำ.

เชอร์ชิลล์​เชื่อ​ว่า ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​จะ​ได้​รับ​การ​สถาปนา โดย​ผ่าน​ทาง​รัฐบุรุษ​ที่​เกรง​กลัว​พระเจ้า และ​ราชอาณาจักร​นั้น​จะ​ไม่​มี​วัน​มา​ตั้ง​อยู่​จน​กว่า​มนุษย์​เรียน​รู้​ที่​จะ​อยู่​อย่าง​สันติ. ผม​สามารถ​อธิบาย​ทัศนะ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​เกี่ยว​กับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​และ​พระ​พร​ต่าง ๆ ที่​ราชอาณาจักร​นั้น​จะ​นำ​มา. เชอร์ชิลล์​เป็น​คน​ที่​มี​ไมตรี​จิต และ​บ่ง​บอก​ว่า เขา​เคารพ​งาน​ของ​เรา.

น่า​เสียดาย ผม​ไม่​สามารถ​ติด​ต่อ​เขา​ได้​อีก​เลย. แต่​ผม​ปลื้ม​ปีติ​ที่ แม้​จะ​ยัง​อยู่​ใน​วัยรุ่น แต่​โดย​ได้​รับ​การ​ฝึก​อบรม​และ​การ​หนุน​ใจ​จาก​คุณ​พ่อ ผม​สามารถ​ให้​คำ​พยาน​ที่​ดี​แก่​รัฐบุรุษ​ผู้​มี​ชื่อเสียง​ของ​โลก​เช่น​นั้น​ได้.—บทเพลง​สรรเสริญ 119:46.

งาน​รับใช้​ที่​ขยาย​ออก​ไป

ใน​เดือน​พฤษภาคม 1950 คุณ​แม่​เขียน​จดหมาย​มา​บอก​ว่า ท่าน​กำลัง​จะ​อพยพ​ไป​แคนาดา​และ​จะ​พา​จอห์น น้อง​ชาย​คน​เล็ก​ไป​ด้วย. ใน​เวลา​นั้น พี่​ปีเตอร์​และ​น้อง​เดวิด​เลี้ยง​ตัว​เอง​ได้​แล้ว. ดัง​นั้น หลัง​จาก​ทำ​งาน​กับ​บริษัท​นี้ 18 ปี (ซึ่ง​รวม​ทั้ง​ช่วง​สงคราม​ที่​ท่าน​ยัง​มี​ชื่อ​อยู่​ใน​ราย​ชื่อ​ลูกจ้าง) คุณ​พ่อ​ยื่น​ใบ​ลา​ออก​และ​สมัคร​ทำ​งาน​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ. ท่าน​เริ่ม​งาน​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​ใน​เดือน​สิงหาคม 1950 หลัง​จาก​ที่​กลับ​จาก​การ​เข้า​ร่วม​ประชุม​นานา​ชาติ​ครั้ง​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​นิวยอร์ก. จาก​นั้น​เพียง​ปี​เศษ ใน​เดือน​พฤศจิกายน 1951 คุณ​พ่อ​ถูก​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​และ​เริ่ม​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ เพื่อ​หนุน​กำลังใจ. ระหว่าง​นั้น ใน​ช่วง​ฤดู​ใบ​ไม้​ร่วง​ปี 1949 ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ทำ​งาน​ที่​สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​กรุง​ลอนดอน อังกฤษ.

จาก​นั้น พระ​พร​อัน​ล้ำ​ค่า​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ก็​มี​มา—คุณ​พ่อ​และ​ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​ชั้น​เรียน​ที่ 20 ของ​โรง​เรียน​มิชชันนารี​กิเลียด​ใน​นิวยอร์ก. การ​เรียน​เริ่ม​เดือน​กันยายน 1952 และ​เรา​สำเร็จ​การ​ศึกษา​ใน​เดือน​กุมภาพันธ์​ถัด​มา. จาก​นั้น ผม​ได้​ทำ​งาน​ที่​สำนักงาน​กลาง​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​บรุกลิน นิวยอร์ก ขณะ​ที่​คุณ​พ่อ​ถูก​ส่ง​ออก​ไป​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ใน​รัฐ​อินเดียนา.

ชั้น​เรียน​ที่ 20 ทั้ง​ชั้น​ถูก​รั้ง​ไว้​ก่อน​ที่​จะ​ไป​ยัง​งาน​มอบหมาย​มิชชันนารี​ของ​เรา เพื่อ​จะ​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ใน​นคร​นิวยอร์ก​เดือน​กรกฎาคม. ผม​เกิด​ถูก​ใจ​เพื่อน​ร่วม​ชั้น​คน​หนึ่ง​มาก ชื่อ เค วิตสัน และ​เรา​ตก​ลง​ใจ​แต่งงาน​กัน. เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​งาน​เดิน​ทาง​เยี่ยม​ใน​รัฐ​มิชิแกน และ​สอง​ปี​ต่อ​มา เรา​ได้​รับ​งาน​มอบหมาย​มิชชันนารี​ใน​ไอร์แลนด์​เหนือ.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ขณะ​ถึง​กำหนด​จะ​ออก​เดิน​ทาง​โดย​เรือ เค​พบ​ว่า​เธอ​ตั้ง​ครรภ์. ดัง​นั้น เรา​จึง​เริ่ม​งาน​มอบหมาย​อีก​อย่าง​หนึ่ง นั่น​คือ การ​เลี้ยง​ดู​ลูก​ชาย​คน​หนึ่ง​และ​ลูก​สาว​สาม​คน ให้​กลาย​เป็น​ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​ที่​ประสบ​ผล​สำเร็จ อย่าง​ที่​คุณ​พ่อ​เคย​ฝึก​อบรม​ผม. ใน​เดือน​พฤศจิกายน 1953 คุณ​พ่อ​ออก​เดิน​ทาง​ไป​แอฟริกา และ​ใน​วัน​ที่ 4 มกราคม 1954 ก็​ไป​ถึง​งาน​มอบหมาย​มิชชันนารี​ของ​ท่าน​ใน​ประเทศ​โรดีเซีย​ใต้ (ปัจจุบัน​คือ​ซิมบับเว).

คุณ​พ่อ​มี​อะไร​มาก​มาย​ต้อง​เรียน​รู้—วิถี​ชีวิต​ใหม่, ธรรมเนียม​ใหม่ และ​การ​ทดลอง​แนว​ใหม่​ต่อ​ความ​เชื่อ. ย้อน​ไป​ใน​ปี 1954 โรดีเซีย​ใต้​ไม่​ได้​รับ​ผล​กระทบ​จาก​วิถี​ชีวิต​แบบ​ตะวัน​ตก​มาก​นัก. หลัง​จาก​ปี​หนึ่ง​ใน​สำนักงาน​สาขา คุณ​พ่อ​ถูก​ส่ง​ออก​ไป​ใน​งาน​ที่​ต้อง​เดิน​ทาง​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​ภาค. ท่าน​ถูก​เรียก​กลับ​มา​ที่​สำนักงาน​สาขา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ใน​ปี 1956. ท่าน​รับใช้​ที่​นั่น​จน​กระทั่ง​เสีย​ชีวิต​ใน​วัน​ที่ 5 กรกฎาคม 1991. ท่าน​เห็น​ผู้​ที่​ทำ​งาน​ใน​สาขา เพิ่ม​จำนวน​ขึ้น​จาก 5 คน​ใน​ปี 1954 จน​ถึง​กว่า 40 คน​และ​จำนวน​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร​จาก 9,000 คน​จน​ถึง​กว่า 18,000 คน.

ชีวิต​บั้น​ปลาย​ของ​คุณ​พ่อ​และ​คุณ​แม่

คุณ​พ่อ​และ​คุณ​แม่​ไม่​เคย​หย่า​กัน. หลัง​จาก​ที่​ออก​จาก​อังกฤษ คุณ​แม่​อยู่​ใน​แคนาดา​ระยะ​หนึ่ง แล้ว​ย้าย​ไป​ที่​สหรัฐ​กับ​จอห์น. ไม่​มี​พี่​น้อง​ของ​ผม​คน​ใด​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ. อย่าง​ไร​ก็​ตาม มี​พยาน​ฯ​มา​พบ​คุณ​แม่​กลาง​ทศวรรษ​ปี 1960. จาก​นั้น​ใน​ปี 1966 ท่าน​ย้าย​ไป​ยัง​เมือง​มอมบาซา ประเทศ​เคนยา ซึ่ง​ท่าน​เริ่ม​การ​ศึกษา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ที่​นั่น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ใน​ปี​ถัด​ไป ท่าน​ป่วย​เป็น​โรค​ประสาท.

พี่​ปีเตอร์​และ​น้อง​เดวิด จัด​การ​ให้​คุณ​แม่​ไป​อังกฤษ ซึ่ง​ท่าน​ได้​รับ​การ​รักษา​ที่​นั่น. คุณ​แม่​หาย​เป็น​ปกติ และ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง ท่าน​เริ่ม​ศึกษา​กับ​พวก​พยาน​ฯ. คุณ​ลอง​นึก​ถึง​ความ​ปีติ​ยินดี​ของ​คุณ​พ่อ​เมื่อ​คุณ​แม่​เขียน​ไป​บอก​ว่า ท่าน​กำลัง​จะ​รับ​บัพติสมา ณ การ​ประชุม​ภาค​ใน​กรุง​ลอนดอน​ปี 1972. ผม​กับ​ภรรยา​บิน​จาก​สหรัฐ​เพื่อ​อยู่​กับ​คุณ​แม่​ตอน​ที่​ท่าน​รับ​บัพติสมา.

ใน​ปี​ถัด​ไป คุณ​พ่อ​มี​สิทธิ​ลา​พักผ่อน​ได้ และ​เมื่อ​อยู่​ใน​อังกฤษ ท่าน​มี​ความ​สุข​ที่​ได้​ทำ​งาน​ร่วม​กับ​คุณ​แม่​ใน​งาน​เผยแพร่​ตาม​บ้าน. จาก​นั้น คุณ​พ่อ​มา​เยี่ยม​ครอบครัว​ของ​เรา​ใน​สหรัฐ. คุณ​พ่อ​และ​คุณ​แม่​หารือ​เรื่อง​การ​คืน​ดี​กัน แต่​คุณ​แม่​บอก​ว่า “เรา​แยก​กัน​อยู่​นาน​เกิน​ไป. จะ​เป็น​การ​ยาก. ให้​เรา​คอย​จน​กระทั่ง​โลก​ใหม่ เมื่อ​ทุก​สิ่ง​เรียบร้อย.” ดัง​นั้น คุณ​พ่อ​จึง​กลับ​ไป​ยัง​งาน​มอบหมาย​ของ​ท่าน. ความ​เจ็บ​ป่วย​ของ​คุณ​แม่​ตอน​ที่​อยู่​ใน​เคนยา​ทิ้ง​รอย​บอบช้ำ​ไว้ และ​ผล​สุด​ท้าย ท่าน​ต้อง​อยู่​ใน​โรง​พยาบาล และ​เสีย​ชีวิต​ที่​นั่น​ใน​ปี 1985.

ใน​ปี 1986 คุณ​พ่อ​เริ่ม​ป่วย​หนัก ดัง​นั้น พี่​ปีเตอร์​กับ​ผม​จึง​ไป​เยี่ยม​ท่าน​ที่​บ้าน​ใน​ประเทศ​ซิมบับเว. การ​ทำ​เช่น​นี้​หนุน​ใจ​ท่าน​มาก และ​ดู​เหมือน​ว่า​เป็น​การ​ชุบ​ชีวิต​ท่าน​ใหม่. พี่​น้อง​แอฟริกา​กรุณา​ผม​อย่าง​หา​ที่​เปรียบ​ไม่​ได้ เพราะ​ผม​เป็น​ลูก​ชาย​ของ​คุณ​พ่อ​เลสเตอร์! แท้​ที่​จริง แบบ​อย่าง​ของ​คุณ​พ่อ​มี​อิทธิพล​ใน​เชิง​ก่อ ต่อ​ทุก​ชีวิต​ที่​ท่าน​เข้า​ไป​เกี่ยว​ข้อง​ด้วย.

ตอน​นี้ ผม​เกิด​ล้ม​ป่วย​เสีย​เอง. แพทย์​บอก​ว่า ผม​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​ไม่​นาน. พวก​เขา​บอก​ว่า ผม​เป็น​แอมิลอยโดซิส โรค​ซึ่ง​น้อย​คน​จะ​เป็น​และ​ถึง​ตาย​ได้. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​มี​ความ​สุข​ที่​ลูก ๆ ติด​ตาม​แบบ​อย่าง​ของ​ผม อย่าง​ที่​ผม​ติด​ตาม​แบบ​อย่าง​ของ​คุณ​พ่อ​ผู้​สัตย์​ซื่อ. ลูก​ทุก​คน​ยัง​คง​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​ความ​ซื่อ​สัตย์​ภักดี​ด้วย​กัน​กับ​เรา. ช่าง​เป็น​การ​ปลอบ​ประโลม​ที่​ทราบ​ว่า ไม่​ว่า​เรา​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​หรือ​ตาย​ไป เรา​มี​ความ​หวัง​แน่นอน​ที่​จะ​ได้​รับ​พระ​พร​อัน​ล้ำ​ค่า​ตลอด​ไป​จาก​พระ​บิดา​ฝ่าย​สวรรค์​ที่​สำแดง​ความ​รัก เพราะ​เรา​ทำ​ตาม​พระทัย​ประสงค์​ของ​พระองค์​ด้วย​ความ​สัตย์​ซื่อ! (เฮ็บราย 6:10)—เล่า​โดย​ไมเคิล เดวี. *

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 39 วัน​ที่ 22 มิถุนายน 1993 ขณะ​ที่​บทความ​นี้​กำลัง​จะ​เสร็จ ไมเคิล เดวี​ได้​นอน​หลับ​ไป​ใน​ความ​ตาย.

[รูป​ภาพ​หน้า 25]

ซ้าย: คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​กับ​พี่​ชาย​และ​ผม

[รูป​ภาพ​หน้า 26]

ผม​สามารถ​พูด​กับ​วินสตัน เชอร์ชิลล์ ค่อนข้าง​ละเอียด​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

USAF photo

[รูป​ภาพ​หน้า 27]

คุณ​พ่อ​เลสเตอร์ ไม่​นาน​ก่อน​ท่าน​เสีย​ชีวิต

[รูป​ภาพ​หน้า 28]

กับ​เค ภรรยา​ของ​ผม