ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ผมพบความมั่งคั่งที่แท้จริงในออสเตรเลีย

ผมพบความมั่งคั่งที่แท้จริงในออสเตรเลีย

ผม​พบ​ความ​มั่งคั่ง​ที่​แท้​จริง​ใน​ออสเตรเลีย

ตอน​นั้น​เป็น​เดือน​เมษายน 1971. ผม​เพิ่ง​จะ​กลับ​มา​ประเทศ​กรีซ​ได้​ไม่​นาน​เพื่อ​เยี่ยม​ครอบครัว​ของ​ผม. มัน​เป็น​เวลา​เย็น และ​ผม​กำลัง​นั่ง​เงียบ ๆ อยู่​ที่​โต๊ะ​กาแฟ​ใน​จัตุรัส​ของ​หมู่​บ้าน​คา​รี​เอส เมื่อ​บาทหลวง​ประจำ​ท้องถิ่น​และ​นายก​เทศมนตรี​มา​นั่ง​ประจัน​ผม. เห็น​ได้​ชัด​ว่า​พวก​เขา​ต้องการ​มา​หา​เรื่อง.

โดย​ไม่​มี​แม้​คำ​ทักทาย​ใด ๆ บาทหลวง​คน​นั้น​กล่าวหา​ว่า ผม​อพยพ​ไป​ออสเตรเลีย​เพียง​เพื่อ​จะ​หา​เงิน. หาก​จะ​บอก​ว่า​ผม​ตะลึงงัน ก็​คง​จะ​น้อย​ไป. ผม​ตอบ​ด้วย​อาการ​สงบ​เท่า​ที่​เป็น​ได้​ว่า ขณะ​ที่​อยู่​ใน​ออสเตรเลีย​ผม​ได้​ความ​มั่งคั่ง​ที่​มี​ค่า​ยิ่ง​กว่า​เงิน​เสีย​อีก.

คำ​ตอบ​ของ​ผม​ทำ​ให้​เขา​ประหลาด​ใจ แต่​แล้ว​เขา​ก็​ต้องการ​ทราบ​ว่า​ผม​หมาย​ถึง​อะไร. ผม​ตอบ​ว่า นอก​เหนือ​จาก​สิ่ง​อื่น ๆ แล้ว ผม​ได้​เรียน​รู้​ว่า​พระเจ้า​มี​พระ​นาม. “และ​นี่​คือ​สิ่ง​หนึ่ง​ที่​คุณ​ไม่​ได้​สอน​ผม” ผม​บอก​พร้อม​กับ​จ้อง​ตา​เขา​เขม็ง. ก่อน​ที่​เขา​จะ​ทัน​โต้​กลับ ผม​ก็​ถาม​ว่า “คุณ​จะ​กรุณา​บอก​ผม​ถึง​พระ​นาม​ของ​พระเจ้า​ได้​ไหม พระ​นาม​ที่​พระ​เยซู​ทรง​อ้าง​ถึง​เมื่อ​พระองค์​สอน​เรา​ให้​อธิษฐาน​ใน​คำ​อธิษฐาน​อัน​เป็น​แบบ​ฉบับ​ที่​ว่า ‘ขอ​ให้​พระ​นาม​ของ​พระองค์ เป็น​ที่​นับถือ​อัน​บริสุทธิ์’?”—มัดธาย 6:9.

เรื่อง​เกี่ยว​กับ​การ​โต้​เถียง​แพร่​ไป​ใน​จัตุรัส​ของ​หมู่​บ้าน​อย่าง​รวด​เร็ว และ​ภาย​ใน​สิบ​นาที​ผู้​คน​ประมาณ 200 ก็​มา​มุง​ดู. บาทหลวง​คน​นั้น​เริ่ม​รู้สึก​อึดอัด. เขา​ไม่​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​ผม​เกี่ยว​กับ​พระ​นาม​ของ​พระเจ้า และ​เขา​ยัง​ให้​คำ​ตอบ​ที่​ไม่​มี​น้ำหนัก​สำหรับ​คำ​ถาม​อื่น ๆ เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล. ความ​อับอาย​ของ​เขา​แสดง​ออก​มา​ด้วย​การ​เรียก​หา​บริกร​อยู่​บ่อย ๆ เพื่อ​เติม​อู​โซ เครื่อง​ดื่ม​แอลกอฮอล์​ของ​กรีก ให้​เขา​อีก.

สอง​ชั่วโมง​ที่​น่า​สนใจ​ได้​ผ่าน​ไป. คุณ​พ่อ​มา​ตาม​หา​ผม แต่​เมื่อ​ท่าน​เห็น​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น ท่าน​จึง​นั่ง​เงียบ ๆ อยู่​ที่​มุม​หนึ่ง​และ​คอย​สังเกต​ฉาก​เหตุ​การณ์. การ​ถก​กัน​อย่าง​ถึง​พริก​ถึง​ขิง​ยัง​คง​ดำเนิน​ต่อ​ไป​จน​กระทั่ง 23:30 น. เมื่อ​คน​เมา​คน​หนึ่ง​เริ่ม​ตะโกน​อย่าง​หัวเสีย. ใน​ตอน​นั้น​เอง ผม​แนะ​ฝูง​ชน​ว่า​ดึก​แล้ว เรา​ทุก​คน​ควร​กลับ​บ้าน.

อะไร​เป็น​สาเหตุ​ของ​การ​ประจัน​หน้า​ครั้ง​นี้? เหตุ​ใด​บาทหลวง​กับ​นายก​เทศมนตรี​จึง​พยายาม​หา​เรื่อง​ผม? การ​รู้​พื้นเพ​เล็ก​น้อย​เกี่ยว​กับ​การ​เติบโต​ของ​ผม​ใน​แถบ​นี้​ของ​กรีซ​จะ​ช่วย​ให้​คุณ​เข้าใจ.

ความ​ยาก​ลำบาก​ใน​วัย​เด็ก

ผม​เกิด​ที่​หมู่​บ้าน​คา​รี​เอส​ใน​เปโลปอนนิซอส เมื่อ​เดือนธันวาคม 1940. เรา​ยาก​จน​ข้นแค้น​สุด​ขีด และ​ถ้า​ผม​ไม่​ได้​ไป​โรง​เรียน ผม​จะ​ทำ​งาน​เคียง​ข้าง​คุณ​แม่​ตั้ง​แต่​ตะวัน​ขึ้น​จน​ถึง​ตะวัน​ตก​ใน​นา​ข้าว ยืน​อยู่​ใน​น้ำ​ที่​ท่วม​สูง​ถึง​หัวเข่า. พอ​ผม​เรียน​จบ​ชั้น​ประถม​ศึกษา​เมื่อ​อายุ 13 ปี คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​จัดแจง​ให้​ผม​ไป​ทำ​งาน​เป็น​เด็ก​ฝึก​งาน. เพื่อ​ให้​ผม​ได้​รับ​การ​ฝึก​อบรม​เป็น​ช่าง​ประปา​และ​ติด​ตั้ง​หน้าต่าง คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​จึง​ให้​ข้าว​สาลี 500 กิโลกรัม​และ​น้ำมัน​พืช 20 กิโลกรัม​แก่​นาย​จ้าง​ของ​ผม ซึ่ง​เกือบ​เท่า​กับ​ราย​ได้​ทั้ง​ปี​ของ​ท่าน​เลย​ที​เดียว.

ชีวิต​เด็ก​ฝึก​งาน—ซึ่ง​อยู่​ไกล​บ้าน​และ​มัก​ทำ​งาน​ตั้ง​แต่​รุ่ง​สาง​ถึง​เที่ยง​คืน—ไม่​ง่าย​เลย. บาง​ครั้ง​ผม​คิด​จะ​กลับ​บ้าน แต่​ก็​ไม่​อาจ​ทำ​เช่น​นั้น​กับ​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ได้. ท่าน​ยอม​เสีย​สละ​อย่าง​ไม่​เห็น​แก่​ตัว​ถึง​ขนาด​นั้น​เพื่อ​ผม. ดัง​นั้น ผม​จึง​ไม่​เคย​บอก​ให้​ท่าน​ทราบ​เกี่ยว​กับ​ปัญหา​ของ​ผม. ผม​บอก​กับ​ตน​เอง​ว่า ‘เจ้า​ต้อง​อด​ทน ไม่​ว่า​จะ​ยาก​ลำบาก​เพียง​ใด.’

ระหว่าง​ช่วง​ฝึก​งาน​หลาย​ปี ผม​สามารถ​ไป​เยี่ยม​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​เป็น​ครั้ง​คราว และ​ใน​ที่​สุด​ผม​ก็​ฝึก​งาน​จน​สำเร็จ​เมื่อ​อายุ​ได้ 18 ปี. จาก​นั้น ผม​ก็​ตัดสิน​ใจ​ไป​กรุง​เอเธนส์​เมือง​หลวง ที่​ซึ่ง​โอกาส​จะ​ได้​งาน​ทำ​มี​มาก​กว่า. ที่​นั่น ผม​ได้​งาน​และ​เช่า​ห้อง​อยู่. แต่​ละ​วัน​หลัง​เลิก​งาน ผม​กลับ​บ้าน, ทำ​อาหาร​รับประทาน​เอง, ทำ​ความ​สะอาด​ห้อง, และ​ต่อ​จาก​นั้น​ก็​ใช้​เวลา​ว่าง​ที่​มี​อยู่​เล็ก​น้อย​เรียน​ภาษา​อังกฤษ, เยอรมัน, และ​อิตาลี.

การ​พูด​คุย​และ​พฤติกรรม​ใน​ทาง​ผิด​ศีลธรรม​ของ​เด็ก​หนุ่ม​อื่น ๆ ทำ​ให้​ผม​ไม่​สบาย​ใจ ผม​จึง​หลีก​เลี่ยง​การ​คบหา​สมาคม​กับ​พวก​เขา. แต่​การ​ทำ​เช่น​นี้​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​อ้างว้าง. เมื่อ​ผม​อายุ​ครบ 21 ปี ผม​ถูก​เกณฑ์​ทหาร ใน​ระหว่าง​นั้น​ผม​ยัง​คง​เรียน​ภาษา​ต่อ​ไป. และ​แล้ว​ใน​เดือน​มีนาคม 1964 หลัง​จาก​ปลด​ประจำการ ผม​ได้​ย้าย​ถิ่น​ไป​อยู่​ออสเตรเลีย โดย​ตั้ง​รกราก​ใน​กรุง​เมลเบิร์น.

การ​สืบ​ค้น​ศาสนา​ใน​ดินแดน​ใหม่

ไม่​ช้า ผม​ก็​ได้​งาน แล้ว​ได้​พบ​สาว​กรีก​คน​หนึ่ง ชื่อ​อะเล็กซานดรา ซึ่ง​ย้าย​ถิ่น​มา​อยู่​เหมือน​กัน และ​ภาย​ใน​หก​เดือน​หลัง​จาก​ที่​ผม​มา​ถึง เรา​ก็​แต่งงาน​กัน. หลาย​ปี​ต่อ​มา คือ​ใน​ปี 1969 สตรี​สูง​อายุ​คน​หนึ่ง ซึ่ง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา มา​เยี่ยม​ที่​บ้าน​ของ​เรา และ​ได้​จำหน่าย​วารสาร​หอสังเกตการณ์ และ​ตื่นเถิด! ไว้. ผม​เห็น​ว่า​วารสาร​ดัง​กล่าว​น่า​สนใจ ผม​จึง​เก็บ​ไว้​ใน​ที่​ที่​ปลอด​ภัย โดย​สั่ง​ภรรยา​ของ​ผม​ว่า​อย่า​โยน​ทิ้ง. หนึ่ง​ปี​ต่อ​มา พยาน​ฯ​อีก​สอง​คน​ได้​มา​เยี่ยม​และ​เสนอ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​บ้าน​โดย​ไม่​คิด​มูลค่า. ผม​ตอบรับ และ​สิ่ง​ที่​ผม​เรียน​รู้​จาก​พระ​คัมภีร์​เป็น​สิ่ง​ที่​ผม​แสวง​หา​อยู่​ที​เดียว เพื่อ​เติม​ความ​รู้สึก​ว่าง​เปล่า​ที่​เคย​มี​อยู่​ใน​ชีวิต​ของ​ผม​ให้​เต็ม.

ทันที​ที่​เพื่อน​บ้าน​ของ​ผม​ทราบ​ว่า​ผม​กำลัง​ศึกษา​กับ​พวก​พยาน​ฯ​ เธอ​แนะ​ให้​ไป​หา​นิกาย​อิแวนเจลิสต์ โดย​อ้าง​ว่า​เป็น​ศาสนา​ที่​ดี​กว่า. ผล​ก็​คือ ผม​ได้​เริ่ม​ศึกษา​กับ​ผู้​อาวุโส​คน​หนึ่ง​จาก​คริสตจักร​อิแวนเจลิสต์​ด้วย. ไม่​ช้า ผม​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​ทั้ง​พวก​อิแวนเจลิสต์​และ​พวก​พยาน​ฯ​เพราะ​ผม​ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​หา​ศาสนา​แท้​ให้​พบ.

ใน​เวลา​เดียว​กัน เพื่อ​ความ​เป็น​ธรรม​ที่​ได้​รับ​การ​อบรม​เลี้ยง​ดู​แบบ​กรีก ผม​จึง​เริ่ม​ฝักใฝ่​ศาสนา​ออร์โทด็อกซ์​ลึกซึ้ง​ยิ่ง​ขึ้น. วัน​หนึ่ง ผม​ไป​ที่​โบสถ์​ของ​กรีก​ออร์โทด็อกซ์​สาม​แห่ง​ด้วย​กัน. เมื่อ​ผม​อธิบาย​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​การ​เยี่ยม​ที่​โบสถ์​แห่ง​แรก บาทหลวง​ค่อย ๆ พา​ไป​ที่​ประตู. ขณะ​เดียว​กัน​ก็​อธิบาย​ว่า เรา​เป็น​ชาว​กรีก และ​ด้วย​เหตุ​นี้​จึง​เป็น​การ​ผิด​ที่​จะ​คบหา​ไม่​ว่า​กับ​พวก​พยาน​ฯ​หรือ​กับ​อิแวนเจลิสต์.

เจตคติ​ของ​เขา​ทำ​ให้​ผม​ประหลาด​ใจ แต่​ผม​คิด​ว่า ‘บาทหลวง​คน​นี้​อาจ​จะ​ไม่​ใช่​ตัว​แทน​ที่​ดี​ของ​คริสตจักร​ก็​ได้.’ ที่​ผม​คาด​ไม่​ถึง​ก็​คือ บาทหลวง​ใน​โบสถ์​แห่ง​ที่​สอง​มี​ปฏิกิริยา​คล้ายคลึง​กัน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เขา​บอก​ผม​ว่า มี​ชั่วโมง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ซึ่ง​นำ​โดย​นัก​เทววิทยา​ที่​โบสถ์​ของ​เขา​ทุก​เย็น​วัน​เสาร์. เมื่อ​ผม​ลอง​ไป​โบสถ์​แห่ง​ที่​สาม ผม​ก็​ยิ่ง​ผิด​หวัง​เข้า​ไป​อีก.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​ตัดสิน​ใจ​เข้า​ร่วม​ใน​ชั่วโมง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล ณ โบสถ์​แห่ง​ที่​สอง โดย​ไป​ที่​นั่น​ใน​วัน​เสาร์​ถัด​มา. ผม​เพลิดเพลิน​ที่​ได้​ติด​ตาม​การ​อ่าน​พระ​ธรรม​กิจการ​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล. เมื่อ​อ่าน​ถึง​ตอน​ที่​โกระเนเลียว​หมอบ​แทบ​เท้า​กราบ​ไหว้​เปโตร นัก​เทววิทยา​คน​นั้นขัด​จังหวะ​การ​อ่าน​และ​ชี้​ให้​เห็น​ว่า​เปโตร​ทำ​ถูก​ต้อง​แล้ว​ที่​ปฏิเสธ​การ​นมัสการ​จาก​โกระเนเลียว. (กิจการ 10:24-26) ตอน​นี้​เอง ผม​ยก​มือ​และ​บอก​ว่า​ผม​มี​คำ​ถาม.

“ครับ คุณ​สงสัย​อะไร​หรือ?”

“เอา​ละ ถ้า​อัครสาวก​เปโตร​ไม่​ยอม​รับ​การ​นมัสการ​จาก​ใคร แล้ว​เหตุ​ใด​เรา​จึง​มี​รูป​ของ​ท่าน​และ​นมัสการ​รูป​นั้น​ล่ะ?”

ทุก​คน​นิ่ง​อึ้ง​ไป​ชั่ว​ขณะ. ครั้น​แล้ว​ราว​กับ​ถูก​ถล่ม​ด้วย​ลูก​ระเบิด. อารมณ์​ก็​ลุก​เป็น​ไฟ​ทันที และ​มี​เสียง​ร้อง​ถาม​ว่า “คุณ​มา​จาก​ไหน?” เป็น​เวลา​สอง​ชั่วโมง​ที่​มี​การ​โต้​เถียง​กัน​อย่าง​ดุเดือด​ด้วย​เสียง​ตะโกน​ดัง​ลั่น. ใน​ที่​สุด ขณะ​ที่​ผม​กำลัง​จะ​ไป เขา​ก็​ยื่น​หนังสือ​เล่ม​หนึ่ง​ให้​ผม​นำ​กลับ​บ้าน.

เมื่อ​ผม​เปิด​อ่าน ถ้อย​คำ​แรก​ที่​ผม​เห็น​ก็​คือ “เรา​เป็น​ชาว​กรีก และ​ศาสนา​ของ​เรา​ได้​หลั่ง​เลือด​เพื่อ​ปก​ปัก​รักษา​ขนบ​ประเพณี​เอา​ไว้.” ผม​ทราบ​ว่า พระเจ้า​ไม่​ได้​เป็น​ของ​ชาว​กรีก​เท่า​นั้น ด้วย​เหตุ​นี้ ผม​จึง​ตัด​ความ​สัมพันธ์​กับ​คริสตจักร​กรีก​ออร์โทด็อกซ์​ทันที. ตั้ง​แต่​นั้น​มา ผม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พวก​พยาน​ฯ​เท่า​นั้น. ใน​เดือน​เมษายน 1970 ผม​แสดง​สัญลักษณ์​ของ​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​น้ำ และ​หก​เดือน​ต่อ​มา​ภรรยา​ของ​ผม​ก็​รับ​บัพติสมา.

ติด​ต่อ​กับ​บาทหลวง​ประจำ​หมู่​บ้าน

เมื่อ​ใกล้​จะ​ถึง​ปลาย​ปี​นั้น บาทหลวง​จาก​หมู่​บ้าน​ที่​เป็น​บ้าน​เกิด​ของ​ผม​ใน​ประเทศ​กรีซ​ส่ง​จดหมาย​ขอ​ให้​ผม​ส่ง​เงิน​เพื่อ​ช่วย​ซ่อมแซม​โบสถ์​ประจำ​หมู่​บ้าน. แทน​ที่​จะ​ส่ง​เงิน​ไป ผม​กลับ​ส่ง​หนังสือ​ความ​จริง​ซึ่ง​นำ​ไป​สู่​ชีวิต​ถาวร​พร้อม​กับ​จดหมาย​ที่​อธิบาย​ว่า​ขณะ​นี้​ผม​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​เชื่อ​ว่า​ผม​พบ​ความ​จริง​แล้ว. เมื่อ​ได้​รับ​จดหมาย​ของ​ผม เขา​ประกาศ​ใน​โบสถ์​ว่า ผู้​ที่​ย้าย​ถิ่น​ไป​ทำ​งาน​ใน​ออสเตรเลีย​คน​หนึ่ง​ทรยศ​เสีย​แล้ว.

ภาย​หลัง บรรดา​คุณ​แม่​ซึ่ง​มี​ลูก​ชาย​อยู่​ใน​ออสเตรเลีย​คอย​เฝ้า​ถาม​บาทหลวง​คน​นั้น​ว่า​เป็น​ลูก​ชาย​ของ​ตน​หรือ​ไม่. คุณ​แม่​ของ​ผม​ถึง​กับ​ไป​ที่​บ้าน​ของ​เขา​และ​ขอร้อง​ให้​เขา​บอก​ท่าน. เขา​บอก​ว่า “น่า​เสียดาย เป็น​ลูก​ชาย​ของ​คุณ.” ต่อ​มา คุณ​แม่​บอก​ผม​ว่า ท่าน​อยาก​ให้​เขา​ฆ่า​ท่าน​เสีย​ยัง​ดี​กว่า​บอก​ท่าน​เรื่อง​อย่าง​นี้​เกี่ยว​กับ​ผม.

กลับ​ประเทศ​กรีซ

หลัง​จาก​ที่​เรา​รับ​บัพติสมา ภรรยา​และ​ผม​อยาก​กลับ​ประเทศ​กรีซ เพื่อ​บอก​ครอบครัว​และ​เพื่อน ๆ ของ​เรา​ถึง​สิ่ง​ดี ๆ ที่​เรา​ได้​เรียน​รู้​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล. ดัง​นั้น​ใน​เดือน​เมษายน 1971 พร้อม​ด้วย​ดิมิเทรีย ลูก​สาว​วัย​ห้า​ขวบ เรา​ได้​เดิน​ทาง​กลับ​เพื่อ​การ​พักผ่อน​ที่​ยืด​เวลา​ยาว โดย​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​คีพาริสเซีย อยู่​ห่าง​จาก​หมู่​บ้าน​คา​รี​เอส​บ้าน​เกิด​ของ​ผม​ประมาณ 30 กิโลเมตร. ตั๋ว​เครื่องบิน​ไป​กลับ​ของ​เรา​ใช้​ได้​สำหรับ​การ​พัก​อาศัย​หก​เดือน.

ใน​คืน​ที่​สอง​ที่​เรา​กลับ​บ้าน คุณ​แม่​เริ่ม​ร้องไห้​และ​บอก​ผม​พร้อม​ด้วย​น้ำตา​นอง​หน้า​ว่า ผม​เลือก​ทาง​ผิด​และ​ทำ​ให้​ชื่อเสียง​ของ​วงศ์​ตระกูล​เสื่อม​เสีย. ท่าน​ร้องไห้​สะอึกสะอื้น และ​อ้อน​วอน​ผม​ให้​หัน​จาก​ทาง “ผิด” ของ​ผม​เสีย. แล้ว​ท่าน​ก็​เป็น​ลม​ล้ม​ฟุบ​ใน​อ้อม​แขน​ของ​ผม. วัน​ถัด​มา ผม​พยายาม​หา​เหตุ​ผล​กับ​ท่าน โดย​อธิบาย​ว่า​ผม​เพียง​แต่​มี​ความ​รู้​มาก​ขึ้น​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า​ที่​ท่าน​ได้​สอน​พวก​เรา​ด้วย​ความ​รัก​ตั้ง​แต่​วัย​ทารก. ใน​เย็น​วัน​ถัด​มา ผม​ก็​เผชิญ​กับ​บาทหลวง​ประจำ​ท้องถิ่น​และ​นายก​เทศมนตรี ซึ่ง​เป็น​เหตุ​การณ์​นั้น​ที่​ต้อง​จด​จำ​ไป​นาน.

น้อง​ชาย​ของ​ผม​สอง​คน ซึ่ง​อยู่​ใน​กรุง​เอเธนส์ มา​อยู่​ที่​บ้าน​ใน​ช่วง​เทศกาล​อีสเตอร์. เขา​ทั้ง​สอง​พยายาม​หลบ​หน้า​ผม ราว​กับ​ผม​เป็น​โรค​เรื้อน​ยัง​ไง​ยัง​งั้น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม วัน​หนึ่ง​น้อง​คน​โต​เริ่ม​ฟัง. หลัง​จาก​การ​ถก​กัน​หลาย​ชั่วโมง เขา​บอก​ว่า​เห็น​ด้วย​กับ​ทุก​สิ่ง​ที่​ผม​แสดง​ให้​เห็น​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล. ตั้ง​แต่​วัน​นั้น​เป็น​ต้น​มา เขา​ปก​ป้อง​ผม​ต่อ​หน้า​สมาชิก​คน​อื่น ๆ ของ​ครอบครัว.

หลัง​จาก​นั้น ผม​มัก​จะ​ไป​ที่​เอเธนส์​เพื่อ​อยู่​กับ​น้อง​ชาย​คน​นี้. แต่​ละ​ครั้ง​ที่​ผม​ไป เขา​จะ​เชิญ​ครอบครัว​อื่น ๆ ให้​มา​ฟัง​ข่าว​ดี. ผม​ปีติ​ยินดี​มาก​ที่​เขา​และ​ภรรยา​พร้อม​ด้วย​อีก​สาม​ครอบครัว​ที่​เขา​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย ใน​เวลา​ต่อ​มา​ได้​แสดง​สัญลักษณ์​ของ​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า​ด้วย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​น้ำ!

วัน​เวลา​ผ่าน​ไป​อย่าง​รวด​เร็ว และ​ไม่​นาน​ก่อน​ที่​ระยะเวลา​หก​เดือน​จะ​สิ้น​สุด​ลง พยาน​ฯ​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​รับใช้​ใน​ประชาคม​ที่​อยู่​ห่าง​จาก​หมู่​บ้าน​ของ​เรา 70 กิโลเมตร​ได้​มา​เยี่ยม. เขา​ชี้​ว่า​งาน​ประกาศ​ใน​บริเวณ​นั้น​ต้องการ​ความ​ช่วยเหลือ และ​ถาม​ว่า​ผม​เคย​คิด​ที่​จะ​อยู่​ถาวร​ไหม. คืน​นั้น ผม​พิจารณา​ความ​เป็น​ไป​ได้​กับ​ภรรยา.

เรา​ทั้ง​สอง​เห็น​พ้อง​กัน​ว่า​คง​เป็น​การ​ยาก​ที่​จะ​อยู่. แต่​เห็น​ชัด​ว่า​มี​ความ​จำเป็น​มาก​ที่​ประชาชน​จะ​ได้​ยิน​ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล. ใน​ที่​สุด เรา​ตัดสิน​ใจ​ที่​จะ​อยู่​อย่าง​น้อย​ปี​หรือ​สอง​ปี. ภรรยา​ของ​ผม​จะ​กลับ​ไป​ออสเตรเลีย​เพื่อ​ขาย​บ้าน​และ​รถยนต์ และ​นำ​ข้าวของ​กลับ​มา​เท่า​ที่​เธอ​จะ​ทำ​ได้. เมื่อ​ตัดสิน​ใจ​แล้ว เรา​จึง​เข้า​เมือง​ใน​เช้า​วัน​รุ่ง​ขึ้น​และ​เช่า​บ้าน​หลัง​หนึ่ง. เรา​ได้​พา​ลูก​สาว​ไป​สมัคร​เข้า​เรียน​ใน​โรง​เรียน​ประถม​ศึกษา​ประจำ​ท้องถิ่น​ด้วย.

การ​ต่อ​ต้าน​ระเบิด​ขึ้น

ไม่​ช้า เกือบ​จะ​ถือ​ได้​ว่า​มี​การ​ประกาศ​สงคราม​กับ​เรา. การ​ต่อ​ต้าน​มา​จาก​ตำรวจ, ครู​ใหญ่, และ​ครู. ที่​โรง​เรียน ดิมิเทรีย​จะ​ไม่​ทำ​สัญลักษณ์​ไม้กางเขน. เจ้าหน้าที่​โรง​เรียน​เรียก​ตำรวจ​มา​คน​หนึ่ง​เพื่อ​พยายาม​ทำ​ให้​เธอ​กลัว​จะ​ได้​ทำ​ตาม แต่​เธอ​ยืนหยัด​มั่นคง. ผม​ถูก​เรียก​ไป​พบ​ครู​ใหญ่ และ​เขา​เอา​จดหมาย​จาก​อาร์ชบิชอป​ให้​ผม​ดู ซึ่ง​สั่ง​ให้​ผม​พา​ดิมิเทรีย​ออก​ไป. อย่าง​ไร​ก็​ตาม หลัง​จาก​ที่​ผม​ถก​กับ​ครู​ใหญ่​เสีย​ยืด​ยาว เธอ​ก็​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​อยู่​ต่อ​ไป​ใน​โรง​เรียน.

ต่อ​มา ผม​ทราบ​ว่า​มี​สามี​ภรรยา​คู่​หนึ่ง​ใน​คีพาริสเซีย ซึ่ง​เคย​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​เรา​สามารถ​ทำ​ให้​เขา​ทั้ง​สอง​กลับ​สนใจ​ขึ้น​มา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง. ภรรยา​และ​ผม​ยัง​เชิญ​พวก​พยาน​ฯ​จาก​หมู่​บ้าน​ใกล้​เคียง​แห่ง​หนึ่ง​ให้​มา​ที่​บ้าน​ของ​เรา​เพื่อ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ไม่​นาน​ตำรวจ​ก็​มา​จับ​เรา​ไป​โรง​พัก​หมด​ทุก​คน​เพื่อ​สอบ​ปากคำ. ผม​ถูก​ข้อ​หา​ว่า​ใช้​บ้าน​เป็น​สถาน​ที่​นมัสการ​โดย​ไม่​ได้​รับ​อนุญาต. แต่​เรา​ยัง​คง​ประชุม​ต่อ​ไป​เพราะ​เรา​ไม่​ถูก​คุม​ขัง.

แม้​ผม​จะ​ได้​รับ​การ​เสนอ​งาน​ให้​ทำ แต่​ทันที​ที่​บิชอป​ทราบ​เรื่อง​นี้ เขา​ก็​ข่มขู่​ว่า​จะ​ให้​คน​มา​ปิด​ร้าน​นาย​จ้าง​ของ​ผม​ถ้า​ไม่​ไล่​ผม​ออก. มี​การ​ประกาศ​ขาย​ร้าน​รับ​ติด​ตั้ง​ท่อ​ประปา​และ​ราง​น้ำ และ​เรา​สามารถ​ซื้อ​ได้. แทบ​จะ​ทันที​ทันใด บาทหลวง​สอง​คน​ก็​มา​พร้อม​กับ​ข่มขู่​ว่า​จะ​ปิดกิจการ​ของ​เรา และ​ไม่​กี่​สัปดาห์​ต่อ​มา อาร์ชบิชอป​มี​คำ​สั่ง​ออก​มา​ว่า​ครอบครัว​ของ​เรา​ถูก​บัพพาชนียกรรม (ตัด​ออก​จาก​ศาสนา). ใน​เวลา​นั้น ใคร​ก็​ตาม​ที่​ถูก​บัพพาชนียกรรม​จาก​คริสตจักร​กรีก​ออร์โทด็อกซ์​จะ​ไม่​มี​ใคร​คบหา​เลย. เจ้าหน้าที่​ตำรวจ​คน​หนึ่ง​ถูก​จัด​ให้​อยู่​หน้า​ร้าน​ของ​เรา เพื่อ​กัน​ไม่​ให้​ใคร ๆ เข้า​มา. แม้​ไม่​มี​ลูก​ค้า เรา​ก็​ยัง​ดันทุรัง​เปิด​ร้าน​ทุก​วัน. ไม่​ช้า สภาพ​ที่​เรา​ถูก​บีบ​กลาย​เป็น​เรื่อง​โจษ​ขาน​กัน​ไป​ทั่ว​เมือง.

ถูก​จับ​และ​ถูก​พิจารณา​คดี

เสาร์​วัน​หนึ่ง ผม​กับ​อีก​คน​หนึ่ง​ออก​เดิน​ทาง​ด้วย​รถ​จักรยานยนต์​เพื่อ​ให้​คำ​พยาน​ใน​เมือง​ใกล้​เคียง. ที่​นั่น ตำรวจ​สกัด​เรา​ไว้​และ​พา​ไป​ยัง​โรง​พัก ที่​ซึ่ง​เรา​ถูก​กัก​ขัง​ตลอด​สุด​สัปดาห์. เช้า​วัน​จันทร์ เรา​ถูก​นำ​ตัว​กลับ​ไป​ที่​คีพาริสเซีย​โดย​ทาง​รถไฟ. ข่าว​ที่​ว่า​เรา​ถูก​จับ​แพร่​ออก​ไป และ​ฝูง​ชน​มา​ออ​กัน​ที่​สถานี​รถไฟ​เพื่อ​รอ​ดู​เรา​มา​ถึง​พร้อม​ตำรวจ​ควบคุม​ตัว.

หลัง​จาก​มี​การ​พิมพ์​ลาย​นิ้ว​มือ เรา​ก็​ถูก​พา​ตัว​ไป​หา​อัยการ. เขา​เริ่ม​พิจารณา​คดี​ด้วย​การ​บอก​ว่า เขา​จะ​อ่าน​ออก​เสียง​ข้อ​กล่าวหา ซึ่ง​มี​การ​รวบ​รวม​จาก​ชาว​บ้าน​ที่​ถูก​ตำรวจ​สอบ​ปากคำ. ข้อ​กล่าวหา​ประการ​แรก​คือ “พวก​เขา​บอก​เรา​ว่า พระ​เยซู​คริสต์​ได้​เป็น​กษัตริย์​แล้ว​ใน​ปี 1914.”

“คุณ​ไป​ได้​ความ​คิด​ประหลาด​นี้​มา​จาก​ไหน?” อัยการ​ถาม​อย่าง​ชวน​หา​เรื่อง.

ผม​ก้าว​ไป​ข้าง​หน้า​และ​หยิบ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เขา​มี​บน​โต๊ะ และ​เปิด​ไป​ที่​พระ​ธรรม​มัดธาย​บท 24 และ​เสนอ​แนะ​ให้​เขา​อ่าน. เขา​ลังเล​อยู่​ครู่​หนึ่ง แต่​แล้ว​ก็​หยิบ​คัมภีร์​ไบเบิล​ขึ้น​มา​อ่าน. หลัง​จาก​อ่าน​ไป​ได้​สอง​สาม​นาที เขา​ได้​พูด​อย่าง​ตื่นเต้น​ว่า “เฮ้ ถ้า​นี่​เป็น​ความ​จริง ผม​ก็​ควร​สละ​ทุก​สิ่ง​และ​บวช​เสีย!”

“ไม่​ใช่” ผม​บอก​ด้วย​น้ำ​เสียง​ราบ​เรียบ. “คุณ​ควร​เรียน​รู้​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​แล้ว​ช่วย​ผู้​อื่น​ให้​พบ​ความ​จริง​เช่น​กัน.”

ทนาย​ความ​สอง​สาม​คน​มา​ถึง และ​เรา​สามารถ​ให้​คำ​พยาน​แก่​พวก​เขา​บาง​คน​ใน​ช่วง​วัน​นั้น​ด้วย. แต่​น่า​ขัน สิ่ง​นี้​ยัง​ผล​ด้วย​ข้อ​หา​อีก​กระทง​หนึ่ง—พยายาม​โน้ม​น้าว​ผู้​อื่น​ให้​เปลี่ยน​ศาสนา!

ใน​ปี​นั้น เรา​มี​คดี​ที่​ศาล​สาม​คดี แต่​ใน​ที่​สุด​เรา​พ้น​ผิด​ทุก​ข้อ​หา. ชัย​ชนะ​ดู​เหมือน​จะ​ทำลาย​ความ​เย็นชา​ตราบ​เท่า​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เจตคติ​ของ​ผู้​คน​ที่​มี​ต่อ​เรา. ตั้ง​แต่​นั้น พวก​เขา​เริ่ม​เข้า​หา​เรา​อย่าง​สะดวก​ใจ​ยิ่ง​ขึ้น​และ​ฟัง​สิ่ง​ที่​เรา​พูด​เกี่ยว​กับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า.

ใน​ที่​สุด กลุ่ม​การ​ศึกษา​เล็ก ๆ ใน​บ้าน​ของ​เรา​ที่​คีพาริสเซีย​ก็​ถูก​ก่อ​ตั้ง​เป็น​ประชาคม. คริสเตียน​ผู้​ปกครอง​คน​หนึ่ง​ถูก​ย้าย​มา​ที่​ประชาคม​ใหม่​ของ​เรา และ​ผม​ถูก​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​รับใช้​ใน​ประชาคม. ไม่​ช้า พยาน​ฯ​ขยัน​ขันแข็ง 15 คน​ก็​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใน​บ้าน​ของ​เรา​เป็น​ประจำ.

กลับ​ไป​ออสเตรเลีย

หลัง​จาก​เวลา​ผ่าน​ไป​สอง​ปี​กับ​สาม​เดือน เรา​ก็​ตัดสิน​ใจ​กลับ​ออสเตรเลีย. เวลา​ที่​นี่​ผ่าน​ไป​เร็ว​เหลือ​เกิน. ดิมิเทรีย​ลูก​สาว​ของ​ผม​ยัง​คง​รักษา​ความ​เชื่อ และ​แต่งงาน​กับ​ผู้​รับใช้​ที่​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ใน​ประชาคม​เมลเบิร์น. เวลา​นี้ ผม​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​ภาษา​กรีก​ที่​เมลเบิร์น ที่​ซึ่ง​ภรรยา​และ​มาร์ธา​ลูก​สาว​อายุ 15 ปี​ร่วม​สมทบ​ด้วย.

ประชาคม​เล็ก ๆ ใน​คีพาริสเซีย​ที่​เรา​จาก​มา บัด​นี้​เติบโต​ขึ้น​มาก และ​ผู้​ที่​ควร​แก่​การ​ช่วยเหลือ​เป็น​จำนวน​มาก​ที่​นั่น​ได้​เปิด​หัวใจ​ของ​ตน​ต่อ​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. ระหว่าง​ช่วง​ฤดู​ร้อน​ของ​ปี 1991 ผม​แวะ​เยี่ยม​ที่​ประเทศ​กรีซ​เป็น​เวลา​สอง​สาม​สัปดาห์ และ​ให้​คำ​บรรยาย​สาธารณะ​ใน​คีพาริสเซีย มี​ผู้​เข้า​ฟัง 70 คน. น่า​ดีใจ มาเรีย​น้อง​สาว​ของ​ผม​ได้​เข้า​เป็น​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​ยะโฮวา​ทั้ง ๆ ที่​ครอบครัว​ต่อ​ต้าน.

ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​ที่​ใน​ออสเตรเลีย​ผม​มี​โอกาส​ได้​รับ​ความ​มั่งคั่ง​แท้—ซึ่ง​เป็น​ความ​รู้​และ​ความ​เข้าใจ​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า​ยะโฮวา พระ​ผู้​สร้าง​ของ​เรา และ​การ​ปกครอง​แห่ง​ราชอาณาจักร​ของ​พระองค์. เวลา​นี้ ชีวิต​ของ​ผม​มี​จุด​มุ่ง​หมาย​แท้ อีก​ทั้ง​ครอบครัว​และ​ผม​รอ​คอย​อนาคต​อัน​ใกล้​ที่​จะ​ได้​เห็น​พระ​พร​ต่าง ๆ แห่ง​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า​ทาง​ภาค​สวรรค์​แผ่​ไป​ทั่ว​โลก.—เล่า​โดย​จอร์จ คัตซีคาโรนีส.

[รูป​ภาพ​หน้า 17]

คีพาริสเซีย​ที่​ที่​ผม​อาศัย​อยู่​ภาย​หลัง​กลับ​จาก​ออสเตรเลีย

[รูป​ภาพ​หน้า 17]

กับ​อะเล็กซานดรา ภรรยา​ของ​ผม