ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ความพยายามของผมที่จะเลือกทางที่สุขุม

ความพยายามของผมที่จะเลือกทางที่สุขุม

ความ​พยายาม​ของ​ผม​ที่​จะ​เลือก​ทาง​ที่​สุขุม

เล่า​โดย​กุสตาวู ซิสซอง

ตอน​ที่​อายุ 12 ปี ผม​ตั้งใจ​ไว้​ว่า​ผม​จะ​เป็น​หมอ แม้​ว่า​ตอน​นั้น​ผม​จะ​หมกมุ่น​กับ​การ​ว่าย​น้ำ​อย่าง​มาก. ทว่า​ใน​ช่วง​นั้น​เอง ผม​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล และ​ผล​คือ​ผม​อยาก​จะ​เป็น ผู้​สอน​ศาสนา. เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​ความ​มุ่ง​หมาย​และ​ความ​สนใจ​ต่าง ๆ ของ​ผม? ความ​มุ่ง​หมาย​เหล่า​นั้น​ไป​ด้วย​กัน​ได้​ไหม?

ใน​ปี 1961 ออลิฟ สปริงเกต มิชชันนารี​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​บราซิล เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​ผม​และ​คุณ​แม่. แต่​เรา​หยุด​ศึกษา​เนื่อง​จาก​การ​ต่อ​ต้าน​ของ​คุณ​พ่อ ซึ่ง​เป็น​แพทย์​ที่​มี​คน​นับ​หน้า​ถือ​ตา​ใน​เมือง​ปอร์โต อะเลเกร. กระนั้น ออลิฟ​ติด​ต่อ​กับ​เรา​เสมอ และ​ใน​ที่​สุด ผม​ก็​ตระหนัก​ว่า​สิ่ง​ที่​ผม​ได้​เรียน​รู้​เป็น​ความ​จริง. แต่​ตอน​นั้น ผม​หมกมุ่น​กับ​การ​ว่าย​น้ำ​และ​นั่น​ทำ​ให้​ผม​เขว​ไป​จาก​สิ่ง​ฝ่าย​วิญญาณ.

เมื่อ​ผม​อายุ 19 ปี ผม​พบ​สาว​สวย​คน​หนึ่ง​ชื่อ​วีรา ลูเซีย ที่​สโมสร​ว่าย​น้ำ​ที่​ผม​ไป​ประจำ และ​เรา​เริ่ม​นัด​พบ​กัน. คุณ​แม่​ผม​เล่า​เรื่อง​ความ​เชื่อ​ของ​เรา​ให้​เธอ​ฟัง และ​เธอ​ก็​สนใจ. ผม​จึง​ติด​ต่อ​กับ​ออลิฟ​ให้​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​เรา ทั้ง ๆ ที่​คุณ​พ่อ​ของ​วีรา ลูเซีย​ต่อ​ต้าน.

วีรา ลูเซีย​ศึกษา​ต่อ​ไป และ​เธอ​ก็​มี​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อย ๆ. เธอ​ถึง​กับ​เริ่ม​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​คน​งาน​ที่​สโมสร​ว่าย​น้ำ​ที่​ผม​เป็น​สมาชิก. ใน​ช่วง​นั้น ผม​มุ่ง​มั่น​อยู่​กับ​การ​ฝึก​ซ้อม​เพื่อ​เข้า​ร่วม​การ​แข่งขัน​ว่าย​น้ำ​ระดับ​ชาติ​ที่​กำลัง​จะ​มา​ถึง.

หลัง​จาก​เรา​ได้​ศึกษา​และ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน​เป็น​เวลา​กว่า​หนึ่ง​ปี คุณ​พ่อ​ของ​วีรา ลูเซีย​เริ่ม​สงสัย​ว่า​มี​อะไร​เกิด​ขึ้น. วัน​หนึ่ง​เมื่อ​เรา​กลับ​จาก​การ​ประชุม ท่าน​รอ​อยู่​และ​คาด​คั้น​ถาม​เรา​ว่า​ไป​ไหน​มา. ผม​ตอบ​ว่า​เรา​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน และ​แม้​ว่า​ศาสนา​อาจ​ไม่​ใช่​สิ่ง​สำคัญ​สำหรับ​ท่าน แต่​มัน​เป็น​เรื่อง​ความ​เป็น​ความ​ตาย​สำหรับ​เรา​ที​เดียว. ท่าน​ถอน​หายใจ​และ​ว่า “เอา​เถอะ ถ้า​มัน​เป็น​เรื่อง​ความ​เป็น​ความ​ตาย ฉัน​คง​จะ​ต้อง​ยอม.” ตั้ง​แต่​นั้น​มา ทัศนะ​ของ​ท่าน​เปลี่ยน​ไป และ​แม้​ว่า​ท่าน​ไม่​เคย​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา แต่​ท่าน​ก็​กลาย​เป็น​เพื่อน​สนิท​และ​มิตร​ใน​ยาม​ทุกข์​ยาก.

การ​ตัดสิน​ใจ

ผม​ตัดสิน​ใจ​จะ​เลิก​แข่งขัน​ว่าย​น้ำ​หลัง​จาก​การ​ชิง​แชมป์​ระดับ​ชาติ แต่​ผม​ชนะ​เลิศ​สอง​รายการ​และ​ทำลาย​สถิติ​ประเทศ​บราซิล​ใน​การ​ว่าย​น้ำ​ฟรีสไตล์ 400 และ 1,500 เมตร ซึ่ง​ทำ​ให้​ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ไป​ร่วม​การ​แข่งขัน​แพน​อเมริกัน​เกมส์​ที่​เมือง​คา​ลี ประเทศ​โคลัมเบีย ใน​ปี 1970. แม้​ว่า​วีรา ลูเซีย​ไม่​อยาก​ให้​ผม​ไป แต่​ผม​ก็​เริ่ม​ฝึก​ซ้อม​เพื่อ​ไป​แข่งขัน.

เมื่อ​ผม​ทำ​ได้​ดี​ใน​การ​แข่งขัน​ที่​เมือง​คา​ลี พวก​โค้ช​ก็​ถาม​ว่า​ผม​อยาก​ฝึก​ซ้อม​เพื่อ​ไป​แข่ง​โอลิมปิก​ไหม. ผม​คิด​ถึง​การ​ศึกษา​วิชา​แพทย์​ของ​ผม​ที่​ยัง​ไม่​ลุ​ล่วง​และ​ความ​จริง​อัน​ยอด​เยี่ยม​ที่​ผม​ได้​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​ประสงค์​ของ​พระ​ยะโฮวา ผม​จึง​ล้ม​เลิก​ความ​คิด​ใด ๆ ที่​จะ​ยึด​อาชีพ​นัก​ว่าย​น้ำ. ตั้ง​แต่​นั้น​มา ผม​ก็​ก้าว​หน้า​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ​อย่าง​รวด​เร็ว. ใน​ปี 1972 ซึ่ง​เป็น​ปี​เดียว​กับ​ที่​มี​การ​แข่งขัน​กีฬา​โอลิมปิก​ที่​นคร​มิวนิก ประเทศ​เยอรมนี ผม​กับ​วีรา ลูเซีย​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​ด้วย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​น้ำ. เรื่อง​นี้​กระตุ้น​ให้​คุณ​แม่​ของ​ผม​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​อีก​ครั้ง และ​ท่าน​ก็​รับ​บัพติสมา​เช่น​กัน​ใน​เวลา​ต่อ​มา.

หลัง​จาก​คุณ​แม่​รับ​บัพติสมา คุณ​พ่อ​ก็​ต่อ​ต้าน​หนัก​ขึ้น. ใน​ที่​สุด ครอบครัว​ของ​เรา​ก็​แตก​แยก​กัน และ​เนื่อง​จาก​ผม​ยัง​เรียน​อยู่​ใน​มหาวิทยาลัย เรา​จึง​ต้อง​อยู่​อย่าง​กระเบียดกระเสียร​ด้วย​เงิน​บำนาญ​เพียง​เล็ก​น้อย​ของ​คุณ​แม่ และ​เงิน​ก้อน​ที่​ได้​จาก​การ​ขาย​บ้าน. ดัง​นั้น ผม​กับ​วีรา​จึง​เลื่อน​การ​แต่งงาน​ของ​เรา​ออก​ไป. ที่​จริง บทเรียน​ที่​ดี​ที่​ผม​ได้​รับ​จาก​คุณ​พ่อ​ช่วย​ผม​ให้​ตัดสิน​ใจ​อย่าง​ที่​ผม​ทำ. ท่าน​มัก​จะ​กล่าว​ว่า “อย่า​กลัว​ที่​จะ​แตกต่าง​จาก​คน​อื่น” และ “คน​ส่วน​ใหญ่​ก็​ใช่​ว่า​จะ​ถูก​เสมอ​ไป.” ประโยค​ที่​ท่าน​ชอบ​พูด​ที่​สุด​ประโยค​หนึ่ง​คือ “ค่า​ของ​คน​วัด​กัน​ที่​สิ่ง​ซึ่ง​เขา​ให้​กับ​คน​อื่น.”

ใน​ฐานะ​พยาน​พระ​ยะโฮวา ผม​สามารถ​ใช้​คำ​แนะ​นำ​อัน​ยอด​เยี่ยม​ของ​คุณ​พ่อ​ได้. ผม​อยู่​ข้าง​เตียง​เมื่อ​ท่าน​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1986. เรา​กลับ​มา​เป็น​มิตร​ที่​ดี​ต่อ​กัน​อีก​ครั้ง​และ​ต่าง​ก็​นับถือ​กัน​และ​กัน. ผม​เชื่อ​ว่า​ท่าน​ภูมิ​ใจ​ใน​ตัว​ผม เนื่อง​จาก​ผม​ได้​เป็น​หมอ​เช่น​เดียว​กับ​ท่าน.

ใน​ช่วง​นั้น ผม​สำเร็จ​การ​ศึกษา​จาก​วิทยาลัย​แพทย์​ใน​ปี 1974. ผม​ตัดสิน​ใจ​จะ​เป็น​แพทย์​รักษา​โรค​ทั่ว​ไป แต่​ต่อ​มา หลัง​จาก​คิด​ใคร่ครวญ​เรื่อง​นี้​มาก​ขึ้น ผม​ก็​คิด​ว่า​ผม​จะ​ช่วยเหลือ​พี่​น้อง​คริสเตียน​ของ​ผม​ได้​ดี​กว่า​ถ้า​ผม​เป็น​ศัลยแพทย์. (กิจการ 15:28, 29) ผม​จึง​รับ​ข้อ​ท้าย​ทาย​และ​ใช้​เวลา​อีก​สาม​ปี​เพื่อ​ฝึก​อบรม​เป็น​ศัลยแพทย์.

การ​ต่อ​สู้​คดี​ที่​ท้าทาย

คดี​ที่​น่า​เศร้า​มาก ๆ ซึ่ง​ผม​มี​ส่วน​เกี่ยว​ข้อง​ด้วย​ก็​คือ​กรณี​ของ​เด็ก​สาว​พยาน​ฯ วัย 15 ปี ซึ่ง​มี​อาการ​เลือด​ออก​ภาย​ใน. เธอ​ซูบ​ซีด​และ​เป็น​ความ​ดัน​โลหิต​ต่ำ แต่​มี​ความ​คิด​แจ่ม​ชัด​และ​ตัด​สิน​ใจ​แน่วแน่​ว่า​จะ​ไม่​รับ​เลือด. หลัง​จาก​เพิ่ม​ปริมาตร​เลือด​ให้​เธอ​แล้ว ผม​ตรวจ​ดู​ภาย​ใน​ด้วย​กล้อง​เอนโดสโคป​และ​ล้าง​บริเวณ​แผล​ด้วย​น้ำ​เกลือ​แช่​เย็น​เพื่อ​ห้าม​เลือด. ตอน​แรก​เธอ​มี​อาการ​ดี​ขึ้น แต่ 36 ชั่วโมง​ต่อ​มา ขณะ​ที่​เธอ​อยู่​ใน​ห้อง​ไอ​ซี​ยู จู่ ๆ เลือด​ก็​เริ่ม​ไหล​อีก. แม้​ว่า​จะ​ใช้​ความ​พยายาม​อย่าง​เต็ม​ที่ แต่​แพทย์​เวร​ก็​ไม่​สามารถ​ห้าม​เลือด​และ​รักษา​ปริมาตร​เลือด​ของ​เธอ​ไว้​ได้ และ​เด็ก​สาว​คน​นั้น​เสีย​ชีวิต.

เมื่อ​เรื่อง​นี้​เกิด​ขึ้น คณะ​กรรมการ​จริยธรรม​สั่ง​ระงับ​ใบ​อนุญาต​แพทย์​ฝึก​หัด​ของ​ผม​ชั่ว​คราว​และ​รายงาน​เรื่อง​ของ​ผม​ไป​ยัง​คณะ​กรรมการ​แพทย์​ประจำ​ภูมิภาค. ผม​ถูก​กล่าวหา​ว่า​ละเมิด​ประมวล​หลัก​จริยธรรม​ทาง​การ​แพทย์​สาม​มาตรา ซึ่ง​อาจ​ทำ​ให้​ใบ​ประกอบ​โรค​ศิลป์​ของ​ผม​ถูก​ยก​เลิก​ซึ่ง​จะ​มี​ผล​กระทบ​ถึง​ความ​เป็น​อยู่​ของ​ผม​ด้วย.

คณะ​กรรมการ​กำหนด​เวลา​ไว้ 30 วัน​ซึ่ง​ผม​ต้อง​ส่ง​คำ​ต่อ​สู้​คดี​เป็น​ลายลักษณ์​อักษร. ทนาย​ของ​ผม​เตรียม​ข้อ​โต้​แย้ง​ด้าน​กฎหมาย​และ​ข้อ​โต้​แย้ง​ตาม​หลัก​รัฐธรรมนูญ และ​ผม​เตรียม​คำ​ให้​การ​ต่อ​สู้​คดี​ด้าน​การ​แพทย์​และ​ด้าน​เทคนิค​โดย​มี​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​คณะ​กรรมการ​ประสาน​งาน​กับ​โรง​พยาบาล (คปร.) ใน​ท้องถิ่น ซึ่ง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​พยายาม​ส่ง​เสริม​ความ​ร่วม​มือ​ระหว่าง​โรง​พยาบาล​และ​คนไข้. ใน​การ​พิจารณา​คดี คณะ​กรรมการ​สอบสวน​ได้​ถาม​เกี่ยว​กับ​ฐานะ​ของ​ผม​ที่​เป็น​แพทย์​และ​ที่​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ส่วน​ใหญ่. อย่าง​ไร​ก็​ตาม โดย​พื้น​ฐาน​แล้ว​คำ​ให้​การ​ต่อ​สู้​คดี​ของ​ผม​อาศัย​ข้อ​โต้​แย้ง​ทาง​การ​แพทย์​และ​วิทยาศาสตร์​รวม​ทั้ง​รายงาน​จาก​ศัลยแพทย์​ที่​น่า​เชื่อถือ.

หลักฐาน​ที่​เสนอ​ยืน​ยัน​ว่า​คนไข้​ไม่​ยอม​รับ​การ​ถ่าย​เลือด​และ​ผม​ไม่​ได้​ทำ​อะไร​เพื่อ​จูง​ใจ​เธอ​ให้​ตัดสิน​ใจ​อย่าง​นั้น. การ​พิจารณา​คดี​นั้น​ยัง​ได้​พิสูจน์​ว่า​ใน​บรรดา​แพทย์​สี่​คน​ที่​คนไข้​ไป​ปรึกษา ผม​เป็น​เพียง​คน​เดียว​ที่​เริ่ม​ให้​การ​รักษา​บาง​อย่าง​ตาม​ความ​ปรารถนา​ของ​คนไข้​และ​ตาม​อาการ​ของ​เธอ.

จาก​นั้น​คดี​ของ​ผม​ก็​ถูก​ส่ง​ไป​ยัง​คณะ​กรรมการ​เพื่อ​จะ​ลง​มติ​เมื่อ​คณะ​กรรมการ​ครบ​องค์. ผม​ให้​การ​ต่อ​สู้​คดี​เป็น​เวลา​สิบ​นาที ซึ่ง​ผม​เพ่งเล็ง​เฉพาะ​ด้าน​การ​แพทย์​เช่น​เดียว​กับ​คำ​ให้​การ​ต่อ​สู้​คดี​ที่​เป็น​ลายลักษณ์​อักษร​ของ​ผม​ก่อน​หน้า​นี้. หลัง​จาก​ได้​ฟัง​ผม​แล้ว สมาชิก​สอง​คน​ใน​คณะ​กรรมการ​นั้น​กล่าว​ว่า แม้​ว่า​ผม​ไม่​ได้​ใช้​การ​ถ่าย​เลือด แต่​วิธี​รักษา​ที่​ผม​สั่ง​ให้​ใช้​มี​พื้น​ฐาน​อย่าง​แน่น​หนา​ตาม​หลัก​วิทยาศาสตร์. แพทย์​อีก​คน​หนึ่ง​เน้น​ว่า​การ​รักษา​โดย​ไม่​ใช้​เลือด​นั้น​มี​ประสิทธิภาพ​และ​มี​อัตรา​การ​เสีย​ชีวิต​น้อย​กว่า. สมาชิก​คณะ​กรรมการ​คน​สุด​ท้าย​ชี้​ว่า ประเด็น​ไม่​ได้​อยู่​ที่ว่าการ​ถ่าย​เลือด​เป็น​วิธี​รักษา​ที่​ดี​หรือ​ไม่. แต่​ประเด็น​อยู่​ที่​ว่า​แพทย์​สามารถ​บังคับ​ให้​ใช้​วิธี​รักษา​แบบ​ที่​คนไข้​ไม่​ต้องการ​ได้​หรือ​ไม่ และ​เขา​คิด​ว่า​แพทย์​ไม่​มี​สิทธิ์​ทำ​เช่น​นั้น. ด้วย​เหตุ​นั้น ด้วย​คะแนน​เสียง​ข้าง​มาก 12 ต่อ 2 คณะ​กรรมการ​ยก​ฟ้อง​ทุก​ข้อ​หา และ​จึง​ทำ​ให้​ผม​พ้น​ความ​ผิด.

ต่อ​สู้​เพื่อ​สิทธิ​ของ​คนไข้

เจ้าหน้าที่​ทาง​การ​แพทย์​บาง​คน​ขอ​คำ​สั่ง​ศาล​เพื่อ​บังคับ​คนไข้​ที่​เป็น​พยาน​ฯ ให้​รับ​การ​ถ่าย​เลือด และ​เป็น​ครั้ง​คราว ผม​ได้​เสนอ​หลักฐาน ณ การ​พิจารณา​คดี​ซึ่ง​ทำ​ให้​คำ​สั่ง​เหล่า​นั้น​ถูก​ยก​เลิก​ไป. คดี​หนึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​พยาน​ฯ ซึ่ง​หลอด​เลือด​บริเวณ​หลอด​อาหาร​บวม เป็น​ปัญหา​ที่​ทำ​ให้​เลือด​ออก​ใน​กระเพาะ​อาหาร​อย่าง​รุนแรง. ตอน​ที่​เขา​เข้า​โรง​พยาบาล เขา​อยู่​ใน​ภาวะ​โลหิต​จาง​มาก—ระดับ​ฮีโมโกลบิน​ของ​เขา​อยู่​ที่ 4.7 กรัม​ต่อ​เด​ซิ​ลิตร. * ตอน​แรก เขา​ไม่​ถูก​กดดัน​ให้​รับ​เลือด และ​เขา​ได้​รับ​การ​รักษา​ประคับประคอง​เท่า​นั้น.

จาก​นั้น หลัง​จาก​อยู่​โรง​พยาบาล​หนึ่ง​สัปดาห์ คนไข้​ก็​แปลก​ใจ​ที่​มี​เจ้าหน้าที่​จาก​ศาล​มา​หา​พร้อม​กับ​คำ​สั่ง​ศาล​ที่​ให้​เติม​เลือด. เมื่อ​ถึง​ตอน​นั้น ระดับ​ฮีโมโกลบิน​ของ​เขา​ขึ้น​มา​ถึง 6.4 กรัม​ต่อ​เด​ซิ​ลิตร​แล้ว และ​อาการ​ของ​เขา​อยู่​ใน​ระดับ​คงที่. ดู​เหมือน​ว่า​ผู้​พิพากษา​ตัดสิน​ใจ​โดย​อาศัย​ระดับ​ฮีโมโกลบิน​ครั้ง​แรก​ไม่​ใช่​ตัว​เลข​ที่​สูง​กว่า​ใน​ครั้ง​ที่​สอง.

คณะ​กรรมการ​ประสาน​งาน​กับ​โรง​พยาบาล​เสนอ​จะ​ให้​ความ​ช่วยเหลือ. คนไข้​ขอ​ให้​ผม​ตรวจ​อาการ​เขา. ผม​ได้​ตรวจ และ​หลัง​จาก​นั้น​ก็​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ใน​การ​ย้าย​เขา​ไป​ยัง​โรง​พยาบาล​ที่​จะ​ให้​การ​รักษา​โดย​ไม่​ใช้​เลือด. ใน​เวลา​เดียว​กัน ทนาย​ของ​เขา​ยื่น​คำ​คัดค้าน​คำ​สั่ง​ศาล​ที่​ให้​คนไข้​รับ​การ​ถ่าย​เลือด.

ผม​ถูก​เรียก​ไป​ยัง​การ​พิจารณา​คดี​ต่อ​หน้า​ผู้​พิพากษา ซึ่ง​ถาม​ผม​เรื่อง​อาการ​ของ​คนไข้. ระหว่าง​การ​พิจารณา​คดี ผู้​พิพากษา​มอบ​อำนาจ​ให้​ผม​รักษา​คนไข้​ต่อ​ไป​ขณะ​ที่​ยัง​มี​การ​โต้​เถียง​กัน​ว่า​คำ​สั่ง​ศาล​นั้น​เหมาะ​สม​หรือ​ไม่. เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​มี​การ​พิจารณา​คดี​ครั้ง​ใหม่ คนไข้​ก็​มี​อาการ​ดี​ขึ้น​จน​ออก​จาก​โรง​พยาบาล​แล้ว. เมื่อ​ผม​ถูก​เรียก​มา​ให้​การ​อีก​ครั้ง ทนาย​ของ​โรง​พยาบาล​ท้า​ผม​ให้​พิสูจน์​ว่า​วิธี​รักษา​ที่​ผม​แนะ​นำ​นั้น​มี​พื้น​ฐาน​ตาม​หลัก​วิทยาศาสตร์. เขา​ต้อง​ขายหน้า​เมื่อ​ผม​ให้​ดู​บทความ​จาก​วารสาร​ทาง​การ​แพทย์​ของ​โรง​พยาบาล​ที่​เขา​เอง​เป็น​ตัว​แทน และ​บทความ​นั้น​แนะ​นำ​ให้​ใช้​วิธี​รักษา​เช่น​นั้น!

เมื่อ​คำ​ตัดสิน​ออก​มา เรา​ต่าง​ก็​ยินดี​ที่​ได้​ยิน​ว่า​จุด​ยืน​ของ​เรา​ใน​การ​รักษา​โดย​วิธี​อื่น​ซึ่ง​ไม่​ใช้​การ​ถ่าย​เลือด​นั้น​ได้​รับ​การ​พิสูจน์​ว่า​ถูก​ต้อง. โรง​พยาบาล​ได้​รับ​คำ​สั่ง​ให้​ออก​ค่า​ใช้​จ่าย​ทั้ง​หมด รวม​ทั้ง​ค่า​ใช้​จ่าย​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ดำเนิน​คดี​ด้วย. แม้​ว่า​โรง​พยาบาล​ยื่น​อุทธรณ์ แต่​ก็​แพ้​อีก.

การ​ดู​แล​ครอบครัว​ของ​เรา

ตั้ง​แต่​ผม​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ ผม​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​วีรา ลูเซีย​ทั้ง​ใน​ฐานะ​เพื่อน​และ​ภรรยา​ที่​มี​ความ​สามารถ​และ​เป็น​แม่​ที่​เป็น​ตัว​อย่าง​สำหรับ​ลูก ๆ ของ​เรา. เธอ​สามารถ​รับมือ​กับ​ข้อ​ท้าทาย​ทุก​อย่าง รวม​ทั้ง​การ​ดู​แล​บ้าน​และ​ช่วย​ดู​แล​ลูก ๆ ซึ่ง​ตอน​นี้​กำลัง​อยู่​ใน​วัย​คะนอง​ได้​อย่าง​ไร? นี่​เป็น​ไป​ได้​เนื่อง​จาก​ความ​รัก​อัน​ลึกซึ้ง​ที่​เธอ​มี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​และ​งาน​รับใช้​ฝ่าย​คริสเตียน.

ใน​ฐานะ​พ่อ​แม่ เรา​สอน​หลักการ​และ​คำ​สอน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​กับ​ลูก ๆ ตั้ง​แต่​ยัง​เล็ก. แม้​เป็น​ชีวิต​ที่​มี​งาน​มาก เรา​ก็​พยายาม​ที่​จะ​รับใช้​เต็ม​เวลา​สอง​สาม​เดือน​ใน​แต่​ละ​ปี. และ​เรา​พยายาม​ทำ​ดี​ที่​สุด​เพื่อ​ยึด​มั่น​กับ​ตาราง​เวลา ซึ่ง​รวม​ทั้ง​การ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ประจำ, การ​พิจารณา​ข้อ​คัมภีร์​ทุก​วัน, และ​การ​แบ่ง​ปัน​ความ​เชื่อ​ของ​เรา​กับ​คน​อื่น​ใน​งาน​รับใช้​ของ​คริสเตียน. ใน​ช่วง​หลัง ๆ นี้ ครอบครัว​ของ​เรา​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ประจำ​สัปดาห์​กับ​คน​ที่​ไม่​ใช่​พยาน​ฯ ถึง 12 คน.

ผม​กับ​วีรา ลูเซีย​พยายาม​ให้​ลูก​ชาย​ทั้ง​สอง​ของ​เรา​มี​ส่วน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​กิจกรรม​ของ​เรา​ด้วย แต่​ใน​เวลา​เดียว​กัน​ก็​นับถือ​รสนิยม​ส่วน​ตัว​ของ​พวก​เขา. เรา​เชื่อ​ว่า​มี​อยู่​สาม​สิ่ง​ซึ่ง​เป็น​พื้น​ฐาน​ที่​จำเป็น​สำหรับ​บิดา​มารดา​ใน​การ​ดู​แล​ครอบครัว​ของ​ตน​ได้​อย่าง​เหมาะ​สม. ประการ​แรก การ​สั่ง​สอน​ที่​ถูก​ต้อง ซึ่ง​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล พระ​คำ​ของ​พระเจ้า. ประการ​ที่​สอง ตัว​อย่าง​ที่​ถูก​ต้อง ซึ่ง​ให้​ลูก ๆ เห็น​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​บิดา​มารดา​มี​ความ​เกรง​กลัว​อย่าง​เหมาะ​สม​ต่อ​พระเจ้า. และ​ประการ​ที่​สาม การ​คบหา​ที่​ถูก​ต้อง​กับ​คริสเตียน​ทุก​วัย​และ​ทุก​ฐานะ​สังคม ซึ่ง​คน​เหล่า​นั้น​สามารถ​ถ่ายทอด​ทักษะ​และ​ความ​สามารถ​หลาก​หลาย​ให้​กับ​สมาชิก​ครอบครัว. เรา​ทั้ง​สอง​คน​ตั้ง​เป้า​ที่​จะ​ให้​สาม​สิ่ง​นี้​แก่​ครอบครัว​ของ​เรา.

เมื่อ​มอง​ย้อน​ไป​เกือบ 30 ปี​แห่ง​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา ผม​กับ​ภรรยา​สามารถ​กล่าว​โดย​ไม่​ลังเล​ว่า พระองค์​ทรง​ประทาน​สิ่ง​ที่​ดี​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​ให้​แก่​เรา​รวม​ทั้ง​ความ​ยินดี​และ​พระ​พร​นานา​ประการ. แม้​ว่า​ผม​ไม่​ได้​ไป​โอลิมปิก ผม​ก็​ยัง​ชอบ​การ​ว่าย​น้ำ​หลาย​กิโลเมตร​ต่อ​สัปดาห์. จริง​อยู่ การ​ที่​ผม​เป็น​แพทย์​รวม​ทั้ง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​ทำ​ให้​ผม​มี​ชีวิต​ที่​มี​ธุระ​มาก​เป็น​พิเศษ แต่​ผม​พบ​ว่า​เป็น​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​อย่าง​มาก​ที่​ได้​ช่วย​พี่​น้อง​คริสเตียน​ของ​ผม​ให้​ยืนหยัด​มั่นคง​ใน​การ​รับใช้​พระเจ้า​เมื่อ​เผชิญ​การ​ทดลอง.

มี​คน​ถาม​ผม​บ่อย ๆ ว่า​ผม​เป็น​ห่วง​ไหม​ที่​จะ​ตก​งาน​เมื่อ​ระบบ​ใหม่​ของ​พระเจ้า​มา​ถึง​และ​ไม่​มี​ความ​เจ็บ​ป่วย​อีก​ต่อ​ไป. ผม​ตอบ​ว่า​ผม​จะ​เป็น​คน​แรก​ที่​กระโดด​โลด​เต้น​ด้วย​ความ​ยินดี​เมื่อ “คน​ง่อย​จะ​เต้น​ได้​ดุจ​ดัง​อีเก้ง, และ​ลิ้น​ของ​คน​ใบ้​จะ​ร้อง​เพลง” และ “ไม่​มี​ใคร​ที่​อาศัย​อยู่​ที่​นั่น​พูด​ว่า, ‘ข้าพเจ้า​ป่วย​อยู่.’”—ยะซายา 33:24; 35:6.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 21 ผู้​ชาย​ที่​เป็น​ผู้​ใหญ่​ซึ่ง​มี​สุขภาพ​ดี​จะ​มี​ระดับ​ฮีโมโกลบิน​ประมาณ 15 กรัม​ต่อ​เด​ซิ​ลิตร.

[ภาพ​หน้า 15]

กำลัง​ผ่าตัด​คนไข้​ราย​หนึ่ง

[ภาพ​หน้า 15]

กับ​วีรา ลูเซีย และ​การ​ศึกษา​ประจำ​ครอบครัว​ของ​เรา